ไป๋เทียนหลงพยายามเรียกมู่หลินให้ได้สติ แต่ร่างของนางกลับแน่นิ่ง ดวงตาปิดสนิท ร่างกายเย็นเฉียบ เขาก้มลงมองแผลที่ถูกพิษจากปีศาจงู รอยแผลแดงก่ำและรอบๆ เริ่มเปลี่ยนเป็นสีคล้ำ สิ่งเดียวที่เขาทำได้ตอนนี้ คือการขับพิษออกไปแต่ที่แห่งนี้... กลับเป็นจุดที่เขาไม่สามารถใช้พลังภายในได้ และไม่มีสมุนไพรใดจะช่วยขับพิษได้เลย สิ่งเดียวที่พอจะเป็นไปได้คืออาศัยพลังหยินหยางเพื่อช่วยนาง"มู่หลิน! เจ้าฟังข้าไหม? ตอบข้าสิ!"ไป๋เทียนหลงเรียกอย่างร้อนรน จนในที่สุดเปลือกตาของนางก็ขยับเล็กน้อย นางฝืนลืมตาขึ้น มองหน้าเขาด้วยสายตาพร่ามัว"ข้ารู้สึกตัว... แต่ข้าเจ็บเหลือเกิน... ทรมานเหลือเกิน..."เสียงของนางแผ่วเบาราวสายลม นางหอบหายใจถี่ร่างกายสั่นสะท้านจากพิษที่กัดกินเข้าไปในกระแสเลือด"อดทนไว้! ข้าจะช่วยเจ้า อย่ากลัว ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าตาย!""ที่นี่ใช้พลังปราณไม่ได้... ไม่มียาถอนพิษ... แล้วเจ้าจะช่วยข้าได้อย่างไร?"มู่หลินเอ่ยด้วยความอ่อนแรง แววตาของนางสะท้อนความสิ้นหวัง"ข้าไม่รอดแล้ว ไป๋เทียนหลง... เจ้าทิ้งข้าไว้ที่นี่เถอะ ปล่อยข้าไป""หยุดพูด! ข้าจะไม่มีวันทอดทิ้งเจ้า!"ไป๋เทียนหลงตวาดเสียงเข้ม ดวงตาของเขาสั
หุบเขาอสรพิษเต็มไปด้วยแมกไม้นานาพันธุ์ ทั้งพืชมีพิษและไม่มีพิษ แต่ที่น่าหวาดหวั่นที่สุดคือเถาวัลย์กินคน หากมันพันร่างเหยื่อเมื่อใด มันจะค่อยๆ เลื้อยเข้าไปในปาก แล้วดูดกลืนพลังชีวิต สูบฉีดเอาหัวใจของเหยื่อเป็นอาหาร ทว่าโชคดี... คืนนี้พวกเขาทุกคนรอดพ้นมาได้รุ่งอรุณมาเยือน ทุกคนตื่นเตรียมพร้อมออกเดินทาง กว่าพวกเขาจะพ้นจากหุบเขานี้ได้ ต้องใช้เวลาอีกสองวัน เส้นทางข้างหน้าผ่านถ้ำคับแคบ เต็มไปด้วยอันตรายมู่หลินปรายตามองไป๋เทียนหลงก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน“ท่านเคยคิดไหม ว่าวันหนึ่งจอมมารเช่นท่านจะต้องมาใช้ชีวิตอย่างคนไร้พลังเวทเช่นนี้”ไป๋เทียนหลงหัวเราะเบาๆ ดวงตาคมลึกจับจ้อง มู่หลินอย่างมีนัย“ข้าไม่เคยนึกเลย ว่าวันหนึ่งจะต้องตกอยู่ในสภาพนี้… แต่ข้ากลับรู้สึกดีที่มีเจ้าร่วมเดินเคียงข้าง”คำพูดนั้นทำเอาหัวใจของมู่หลินสะดุดไปชั่วขณะ นางหลบตาก่อนจะเอ่ยเสียงขุ่นกลบเกลื่อนความรู้สึกที่ตีรวนในอก“นี่ท่านกำลังจะเกี้ยวข้าใช่หรือไม่?”ไป๋เทียนหลงเลิกคิ้วเล็กน้อย รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ระบายบนริมฝีปาก“ถ้าข้าบอกว่าใช่... เจ้าจะว่ายังไง?”มู่หลินเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะรีบเปลี่ยนเรื่อง “รีบเดินเถอะ ศิษ
เหล่าบุรุษขะมักเขม้นกับการนำท่อนไม้มาผูกด้วยเถาวัลย์ เสียงเชือกเสียดสีกันดังเป็นจังหวะเมื่อพวกเขาโยงมันเข้าด้วยกันเพื่อสร้างแพข้ามแม่น้ำอันกว้างใหญ่ทุกคนต่างรู้ดีว่าเมื่อข้ามแม่น้ำไปยัง "หุบเขาอสรพิษ" แล้วจะไม่สามารถใช้พลังใด ๆ ได้ การอยู่รอดที่นั่นขึ้นอยู่กับความสามารถเพียงอย่างเดียว“ข้าคิดว่าแข็งแรงพอแล้ว เชิญทุกคนขึ้นแพได้”เซียวหานเอื้อมมือออกไปให้ทุกคนจับเพื่อขึ้นแพด้วยท่าทีสุภาพและอบอุ่น“ขอบคุณเจ้าค่ะศิษย์พี่” เหล่าสตรีๆ กล่าวขอบคุณพร้อมรอยยิ้มบาง ก่อนก้าวขึ้นไปอย่างระมัดระวังแต่เมื่อเซียวหานลืมตัว ยื่นมือให้ไป๋เทียนหลงตามมารยาท กลับถูกเมินราวกับอากาศ ไป๋เทียนหลงก้าวขึ้นแพโดยไม่แม้แต่จะหันมามองเขา สายตาของทั้งสองเย็นชาต่อกันเหล่าสตรี ที่เห็นเหตุการณ์ถึงกับกลั้นหัวเราะไม่อยู่“พร้อมเดินทาง ทุกคนระวังตัวด้วย”เซียวหานกล่าวเตือนก่อนโอบไหล่ซิวเหยาเบาๆ ราวกับให้กำลังใจทั้งสองสบตากันเพียงชั่วขณะ ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมา แต่ต่างฝ่ายต่างรู้ดีว่ามีใจให้กัน เพียงแค่ยังไม่มีใครกล้าสารภาพ“พี่ใหญ่ ข้างหน้าเราจะเจออะไรบ้าง ข้าไม่เคยออกเดินทางแบบนี้”ไป๋เยี่ยนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นปนหว
ท่ามกลางป่าใหญ่ในหุบเขาหมอกมายา หลังจากที่ทุกคนเพิ่งเผชิญหน้ากับความเป็นความตายมาแล้ว บัดนี้ทุกอย่างสงบลง แต่ละคนต่างเลือกที่พักเพื่อเตรียมออกเดินทางต่อในวันรุ่งขึ้น"เมื่อครู่เจ้ากลัวหรือไม่...มู่หลิน?"ไป๋เทียนหลงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเปี่ยมความห่วงใย สายตาคมลึกมองนางอย่างต้องการคำตอบจากใจจริง"ข้าไม่กลัวหรอก ข้ารู้ว่าท่านจัดการได้"นางตอบกลับอย่างมั่นใจ ดวงตาเปล่งประกายศรัทธาในตัวเขาไป๋เทียนหลงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความสงสัย"ทำไมเจ้าถึงอยากช่วยข้า?""ข้ารู้สึกว่าท่านเป็นเพียงมนุษย์ผู้หนึ่งที่ถูกจ้าวแห่งมารหลอกใช้เป็นเครื่องมือ เพื่อเป็นตัวแทนขึ้นครองบัลลังก์มาร "ไป๋เทียนหลงหัวเราะเบา ๆ แววตาฉายความซับซ้อนบางอย่าง"ข้าอาจจะอยากเป็นจอมมาร มีพลังอำนาจเหนือสิ่งใดก็ได้""ข้าว่าท่านคงไม่ทำเช่นนั้นหรอก ข้ารู้ดี"นางยืนยันด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แววตาเต็มไปด้วยความเชื่อมั่นในตัวเขาไป๋เทียนหลงพยักหน้าเบา ๆ แต่ในแววตาคล้ายมีบางสิ่งบางอย่างที่ยังไม่เปิดเผย เขาเหลือบไปเห็นบางสิ่งที่อยู่ข้างหลังนาง"เจ้าอย่าขยับ!" เขาสั่งเสียงเข้ม ก่อนพุ่งเข้ามาบังนางจากบางสิ่งที่เคลื่อนไหวอยู่ใกล
การเดินทางสู่หุบเขากระดูกขาวเริ่มต้นขึ้น ทันทีที่ทั้งสี่คนลงมาถึงตีนเขา มู่หลินมองไปยังเส้นทางข้างหน้าก่อนเอ่ยเตือนทุกคนด้วยน้ำเสียงจริงจัง“การเดินทางครั้งนี้เต็มไปด้วยอันตราย เราจะต้องผ่านด่านมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ด่านหุบหมอกมายา ด่านหุบเขาอสรพิษ ด่านหุบเขาเทพ และผ่านอีกหลายด่านกว่าจะถึง หุบเขากระดูกขาว ทุกเส้นทางล้วนท้าทายมีบททนสอบและเสี่ยงตาย ขอให้ทุกคนระวังตัวให้ดี”“เข้าใจแล้ว ข้าจะระวังตัว”เสียงตอบรับดังขึ้นอย่างมั่นใจ แต่นั่นกลับเป็นเสียงของบุรุษที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มพวกเขามู่หลินเบิกตากว้าง หันขวับไปมองต้นเสียง เช่นเดียวกับเซียวหานและซิวเหยาที่เตรียมชักกระบี่ออกมา“ไป๋เทียนหลง!?”ดวงตาของมู่หลินฉายแววประหลาดใจ ก่อนเปลี่ยนเป็นความยินดีอย่างเห็นได้ชัด“ท่านมาได้อย่างไร?”นางทักทายเขาพร้อมกับแนะนำเขาให้ศิษย์พี่ของนางได้รู้จัก“ศิษย์พี่ทั้งสอง นี่คือไป๋เทียนหลงที่ข้าเคยเล่าให้ฟัง”เซียวหานยังคงจ้องเขาด้วยสายตาไม่ไว้ใจ ส่วนซิวเหยานั้นแทบจะพุ่งเข้าหาด้วยความเข้าใจผิด หากมู่หลินไม่เอ่ยเตือนเสียก่อนไป๋เทียนหลงพยักหน้าทักทายพวกเขา ก่อนเอ่ยแนะนำชายร่างสูงในอาภรณ์สีดำที่ยืนอยู่ข้างหลัง“
ณ เขาไท่ซวน...ทุกคนร้อนใจถึงการหายตัวไปของมู่หลิน จึงกระจายกำลังกันค้นหาอย่างเร่งรีบ ทว่า..."อาจารย์ ข้ากลับมาแล้วเจ้าค่ะ!"เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น ทำให้ทุกคนชะงักหันไปมองนักพรตอี้เซียนหันขวับ สีหน้าเคร่งเครียดทันทีเมื่อสัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง"มู่หลิน! เจ้าไปที่ใดมา?! ทำไม...!"สีหน้าของนักพรตเปลี่ยนไปทันที ดวงตาเฉียบคมจับจ้องมู่หลินอย่างไม่ละสายตา พลังอันดำมืดบางอย่างแผ่ซ่านออกมาจากตัวศิษย์หญิงของเขามู่หลินชะงักไปเล็กน้อย มองอาจารย์ด้วยความสงสัย"อาจารย์ อะไรกันหรือเจ้าคะ?""กลิ่นอายมาร... ทำไมทั่วทั้งตัวเจ้าถึงมีพลังมารที่รุนแรงเช่นนี้?! เจ้าไปที่ใดมา?! ตอบข้าบัดเดี๋ยวนี้!!" นักพรตอี้เซียนเสียงเข้มกว่าปกติมู่หลินกัดริมฝีปากเล็กน้อยก่อนจะตอบ"ข้าถูกจอมมารจับตัวไป... ที่หุบเขาจอมมาร..."บรรยากาศเงียบงันลงทันที"เจ้าว่าอะไรนะ?!"แววตาของนักพรตฉายความตกใจปนระแวดระวัง เขาจ้องมองศิษย์ของตนราวกับกำลังมองหาความผิดปกติบางอย่าง"นี่เป็นเรื่องใหญ่! ทำไมพวกเขาถึงปล่อยเจ้ากลับมา?!"มู่หลินเม้มริมฝีปาก นึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ "ข้า... ข้าเองก็ไม่รู้เจ้าค่ะ"นักพรตอี้เซียนสูดหายใจลึก สี
หุบเขาจอมมาร…“พี่มู่หลิน!” เสียงใสของไป๋เยี่ยนดังขึ้นพร้อมรอยยิ้มดีใจ เมื่อเห็นสหายที่คุ้นเคย“ไป๋เยี่ยน เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง มาที่นี่นานแล้วหรือยัง?”มู่หลินถามพลางจับไหล่นางเบาๆไป๋เยี่ยนถอนหายใจแล้วเล่าเสียงแผ่ว“ข้ากำลังจะไปแจ้งข่าวกับอาจารย์ของท่าน แต่ระหว่างทางเจอโจรป่า ดีที่องครักษ์ของพี่ใหญ่ช่วยไว้ แต่ว่า...พวกเขากลับจับข้ามาที่นี่แทน”มู่หลินขมวดคิ้วแน่น ความโกรธเริ่มก่อตัวขึ้น“ป่านนี้อาจารย์และศิษย์พี่ทั้งหลายต้องเป็นห่วงข้าแล้ว”สายตาของนางตวัดไปมองไป๋เทียนหลงที่ยืนสงบนิ่งอยู่มุมห้อง ราวกับไร้ความรู้สึก“ท่านจอมมาร! ท่านจับน้องสาวตนเองมาทำไม? นี่หรือคือหัวใจของพี่ชาย ช่างอำมหิตนัก!”น้ำเสียงของนางแข็งกร้าว ขณะที่ไป๋เยี่ยนรีบสะกิดแขนมู่หลินเป็นเชิงปรามไป๋เทียนหลงมองนางนิ่ง ก่อนจะกล่าวเรียบ ๆ“ที่ข้าพาเจ้ามารักษาที่นี่ เจ้ากลับว่าข้าอำมหิตหรือ?”“ใช่! ต่อให้ท่านช่วย แต่ไม่ยอมให้คนติดต่ออาจารย์ข้า ป่านนี้อาจารย์ของข้าต้องตามหาข้าทั่วแล้ว”มู่หลินกล่าวไป๋เทียนหลงแค่นเสียงเย็นชา“ไม่ต้องห่วง ข้าให้คนไปส่งพวกเจ้าพรุ่งนี้”ไป๋เยี่ยนลังเลก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงเบา“พี่ใหญ่... ท่านพ่
หุบเขาจอมมาร…“นี่ท่านจับข้ามาขังไว้ที่นี่เป็นเวลาสามวันแล้วนะ! ถ้าพี่ใหญ่ข้ารู้เรื่องนี้ ท่านจะต้องถูกลงโทษอย่างหนักแน่!” ไป๋เยี่ยนจ้องเขม็งไปยังบุรุษชุดดำตรงหน้าเฮยเฟิง องครักษ์ผู้ภักดีแห่งจอมมาร กลับยิ้มมุมปากอย่างใจเย็น เขาชื่นชมหญิงสาวตรงหน้าที่โกรธจนแก้มแดงเรื่อ ทว่ายิ่งเธอขัดขืน ความน่าเอ็นดูก็ยิ่งเพิ่มขึ้น“นี่เจ้ายังไม่รู้หรือ ว่าข้าได้แจ้งเรื่องนี้กับท่านจอมมารแล้ว และท่านจอมมารเองก็สั่งให้ข้าจัดการกับเจ้าเช่นนี้” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ“อย่าให้ข้าออกไปได้เชียว! ข้าจะไปฟ้องพี่มู่หลินให้มาจัดการเจ้า!” ไป๋เยี่ยนกัดฟันกล่าวอย่างขุ่นเคือง ดวงตาเป็นประกายโกรธจัดเฮยเฟิงหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะก้มลงกระซิบข้างหูเธอ“พี่มู่หลินของเจ้า ป่านนี้... ท่านจอมมารของข้าคงกำลังทำให้เขามีความสุขไปแล้ว....คงไม่มีเวลามาสนใจเรื่องนี้แล้ว”ไป๋เยี่ยนชะงัก หัวใจเต้นแรงขึ้นมาทันที“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?! ข้าจะไปหาพี่มู่หลิน ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ องครักษ์บ้า!”เฮยเฟิงยืนกอดอก มองหญิงสาวที่ดิ้นรนอย่างขบขัน“ท่านจอมมารมอบหมายให้ข้าดูแลเจ้า หากขัดใจข้า ข้าสามารถ 'จัดการ' ได้ทันที” เขาเน้นคำสุดท้ายชัดถ้อย
หุบเขาจอมมาร…ม่านหมอกจางลอยเหนือหุบเขาจอมมาร ฟ้าถูกบดบังด้วยเงาเมฆครึ้ม แสงจันทร์ส่องประกายลงมายังกลางหุบเขา ท่ามกลางความเงียบสงัด มีเพียงสตรีร่างบางระหงนอนอยู่บนแท่นบรรทมของจอมมาร แก้มขาวซีดของนางดูอ่อนแรง แต่ยังคงความมีเสน่ห์เย้ายวนอย่างประหลาดไป๋เทียนหลงนั่งมองนางนิ่งนาน แววตาคมกริบของเขาฉายแววสับสน เหตุใดกัน…เหตุใดเขาจึงรู้สึกผูกพันกับนางลึกล้ำถึงเพียงนี้ เขาไม่อยากเห็นนางเจ็บปวดทันใดนั้น มู่หลินกระอักเลือดออกมา สีแดงเข้มไหลเปรอะริมฝีปาก“มู่หลิน เจ้าเป็นเยี่ยงไรบ้าง เจ็บตรงไหน บอกข้า” น้ำเสียงของเขาอ่อนลงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน“เจ้าช่วยข้าไว้ทำไม…” นางเอ่ยเสียงแผ่ว“…ใยไม่ฆ่าข้าให้ตายเสียตั้งแต่ที่จวนนั้นเลย พาข้ามาที่นี่ทำไม”ไป๋เทียนหลงนิ่ง ดวงตาฉายแววสำนึกผิด เขาเอื้อมมือไปหมายจะเช็ดคราบเลือดที่มุมปากของนาง แต่มู่หลินเบือนหน้าหนี“ข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายเจ้า ข้าขอโทษ”“จอมมารเช่นเจ้ามีคำขอโทษด้วยรึ ข้าขันนัก”นางแค่นหัวเราะแม้ร่างกายจะอ่อนแรงเขาถอนหายใจแผ่วเบา“ข้าไม่อยากทะเลาะกับเจ้า หายดีเมื่อไหร่ค่อยว่ากัน เจ้ากินยาก่อน”ไป๋เทียนหลงยื่นยาถ้วยหนึ่งให้นาง แต่มู่หลินสะบั