เข้าสู่ระบบหญิงห้าแสนเย้ายวน
นางเพียงชอบศึกษาเล่าเรียน แต่พวกเขากลับเอาแต่กลั่นแกล้งรังแกนาง มีทรวงใหญ่ล้นแล้วอย่างไร ลูกแตงใหญ่ของนางจะเอาแต่ขยำขยี้อยู่ทั้งวันได้หรือ
นางไม่รู้หรือว่าใบหน้าไร้เดียงสาและแตงกลมสองลูกนั่นเย้ายวนเพียงใด
แนะนำตัวละคร
เฉินเฟยเจิน หญิงห้าแสนเย้ายวน อายุ17ขวบปี ไม่ชอบยุ่งเกี่ยวกับกิจการ เป็นสาวงามผู้รักการเรียน ชอบเรียนหนังสือที่สุด
เฉินเป่าลี่ พี่หญิงใหญ่สายรุก อายุ21ขวบปี เป็นกำลังหลักของกิจการค้าทั้งหมดของตระกูลเฉินด้วยช่วยเหลือบิดามารดาดูแลแต่เยาว์วัย ด้วยอายุจะเลยวัยออกเรือนไปนานแล้วจึงจับชายอ่อนวัยซึ่งบิดาเลี้ยงดูเอาไว้แต่งงานเข้าสกุล
เฉินฟางหรง หญิงรองแสนเร่าร้อน อายุ20ขวบปี เป็นสาวงามเจ้าความคิดดุจเป็นมันสมองของตระกูล เป็นสาวงามซึ่งคิดมากทุกสิ่งที่ทำต้องได้เปรียบและไม่ยอมเสียเปรียบผู้ใด
เฉินฟางหนิง หญิงสามจอมหยอกเย้า อายุ19ขวบปี ชอบการต่อสู้และฝึกวิชายุทธ์มาหลายปี เป็นสาวงามที่คิดว่าตนเองต้องดูแลแ
ตอนที่ห้า พี่ชอบเจ้าจริงจริง เฉินเฟยเจินต้องแต่งงานอย่างไม่ทันได้เตรียมตัวจึงออกจะงงงันอยู่บ้าง แม้จะไม่ได้รังเกียจอาจารย์หนุ่มแต่จะให้อยู่ร่วมกันโดยไม่ได้รักใคร่ก็ออกจะคิดมากสักหน่อยเรื่องนี้เผยซ่างกวนย่อมจับความผิดแปลกของหญิงสาวได้ จึงนัดแนะไปพูดคุยเจรจากันในเช้าวันหยุดจากการเรียนการสอนชายหนุ่มมารับหญิงสาวขึ้นรถม้าออกไปนอกเมืองเพื่อสร้างความผ่อนคลายก่อนจะพาไปพูดคุยกันที่บ้านพักตากอากาศของเพื่อนอาจารย์“น้องเฟยเจินยังกังวลเรื่องใดหรือ”“พวกเราเพิ่งรู้จักกัน พี่ซ่างกวนแน่ใจหรือว่าจะแต่งงานกับข้า”“พี่เฝ้ามองเจ้ามานานแล้ว ความชื่นชอบที่เพิ่มพูนแม้ใช้วันเวลาไม่มากแต่นับว่าเต็มแน่นอยู่ล้นใจ”เผยซ่างกวนเอ่ยคำหวานสวยหรูจนหญิงสาวเก้อเขิน“หญิงสาวมากมายล้วนแสดงออกว่าชื่นชอบพี่ซ่างกวน ไยจึงเป็นข้าที่ท่านชอบ”“นั่นเพราะเจ้าไม่เคยเหลือบแลพี่ทั้งๆที่พี่มองหาแต่เจ้า น้องเฟยเจินคงไม่รู้ว่าใบหน้างามของเจ้าลวงหลอกให้ชายหนุ่มอยากรังแกเจ้ามากเพียงใด ริมฝีปากบางแดงข
ตอนที่สี่ สำรวจบาดแผล“อย่าทำอันใดข้านะ หากพี่ซ่างกวนรู้เข้า พวกเจ้าตายแน่” เฉินเฟยเจินรีบพูดขู่เมื่อปากเป็นอิสระ“กว่าเขาจะรู้ พวกเราก็หนีไปต่างเมืองแล้ว” ชายคนหนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยคิดวางแผนเอาไว้แล้ว“ถึงอย่างไรพวกเราก็ไม่อยากถูกฟ้องจนโดนไล่ออก สู้ลาออกไปเองย่อมสมศักดิ์ศรีกว่า”“ข้าไม่เคยฟ้องร้องเรื่องของพวกเจ้า ไยยังไม่ยอมเลิกรา” เฉินเฟยเจินต่อว่าออกมาแม้จะพยายามพูดอย่างไร ชายทั้งสามก็ไม่ยอมรับฟัง“ข้าไม่เชื่อ ช่างเถอะ วันนี้พวกเราจะรุมเจ้าจนต้องร้องครางแทบขาดใจไปเลย” ชายอีกคนประกาศก้องก่อนจะฉีกกระชากชุดเสื้อของหญิงสาวออกอย่างแรงชายที่เหลือถอดสายคาดเอวของหญิงสาวออกผูกมัดเข้ากับเรียวแขนบางเพื่อไม่ให้ต่อสู้ขัดขืน ส่วนอีกคนจับร่างบอบบางผลักนอนลงกับพื้นหญ้าแล้วพยายามกางขาขาวเนียนผ่องให้อ้าออกเฉินเฟยเจินน้ำตาไหลพรากทั้งดิ้นรนทั้งร้องตะโกนด้วยความหวาดกลัวจนพวกเขาเอาผ้ามาอุดปากไว้ มือหนาหลายคู่บีบขยำขยี้แตงลูกใหญ่ด้วยความกระสันจนเต้าท
ตอนที่สาม เป็นคนรักเมื่อได้ยินเหตุผลของอาจารย์หนุ่ม เฉินเฟยเจินจึงเริ่มคล้อยตาม หญิงสาวพยักหน้าบอกความเข้าใจ“แล้วพวกเขายังจะลอบทำร้ายข้าอีกหรือไม่”“พวกเขาคงไม่เลิกราง่ายๆ เจ้ายังคงต้องระวังตัว แต่ข้าจะช่วยดูแลอย่างใกล้ชิด” เผยซ่างกวนกล่อมจนศิษย์สาวเออออตามแล้วจึงคลายใจลงความจริงเขาไม่เคยคิดจะเป็นคนรักของศิษย์หญิงคนใดในสำนักศึกษามาก่อน แต่เขาลอบมองเฉินเฟยเจินตั้งแต่นางสมัครเข้ามาแล้ว หญิงสาวมีท่าทางอ่อนแอจนน่าสงสาร ยิ่งยามนางโดนลมพัดแทบปลิว เขาอยากเข้าไปโอบประคองร่างบางซึ่งต้องแบกลูกกลมใหญ่สองลูกเอาไว้ที่กลางอกอย่างยากลำบากจนมาวันนี้เขาจึงคิดแผนการขึ้นอย่างกะทันหัน การนี้ย่อมดีทั้งเพื่อตัวหญิงสาวและตัวเขาเอง“เอาล่ะ ขอข้าดูหน่อยว่าพวกเขาสร้างรอยแผลใดเอาไว้บ้าง จะได้ทายารักษา” อาจารย์หนุ่มหยิบยาทาแผลขึ้นมาแล้วขยับเข้าใกล้เพื่อสำรวจร่างกายบอบบางอย่างนุ่มนวลมือหนาจับแขนเรียวขึ้นมาทาก่อนด้วยรอยเขียวช้ำเห็นได้ชัดกว่าส่วนอื่น สองมือหนาสาละวนเปิดชุดเสื้อแหวกออกลูบไล้ไ
ตอนที่สอง กลั่นแกล้งรังแก เฉินเฟยเจินนั่งก้มหน้าก้มตาร้องไห้อย่างหนักโดยไม่ได้สนใจสิ่งอื่นไยพวกเขาหยาบคายจาบจ้วงกับนางถึงเพียงนี้ พวกเราเป็นศิษย์ร่วมสำนักศึกษากันมิใช่หรือเสื้อคลุมใหญ่ถูกโยนลงมาบนร่างบางซึ่งสะอึกสะอื้นจนตัวโยนก่อนจะมีแรงพยุงให้ยืนขึ้นแล้วประคองออกเดินเฉินเฟยเจินถูกประคองเดินไปที่ใดนางย่อมไม่รับรู้ด้วยยังคงก้มหน้าก้มตาร่ำไห้อย่างน่าสงสาร จนถูกประคองให้นั่งลงพร้อมถ้วยน้ำชาที่ยื่นมาส่งตรงหน้า“ดื่มสักหน่อย” เสียงทุ้มนุ่มนวลดังขึ้นหญิงสาวยื่นมือสั่นเทาไปรับถ้วยชาแล้วเงยหน้ามองชายผู้ช่วยเหลือก่อนจะเอ่ยเสียงเครือ“ขอบคุณอาจารย์เผย”เผยซ่างกวนมองร่างบอบบางซึ่งสวมเสื้อผ้าหลุดรุ่ยด้วยสายตาหลากหลายอารมณ์ลูกศิษย์สาวนางนี้แม้จะมีอายุมากกว่าคนอื่นแต่ใบหน้ากลับอ่อนเยาว์ ดวงตากลมใสไร้เดียงสาส่งสัญญาณน่ากลั่นแกล้งรังแกยิ่งนัก ยิ่งเต้าทรวงอวบใหญ่เมื่อประกอบกับเอวขอดเล็กจึงแลคล้ายมีลูกแตงกลมโตประดับอยู่บนร่างเล็กอย่างที่ลูกศิษย์หนุ่มตะโกนบอกแ
ตอนที่หนึ่ง พวกเจ้าทำอันใดกัน ถึงตอนนี้คุณหนูห้าสกุลเฉินยกมือปิดปากตัวเองด้วยกลัวจะเผลอร้องด้วยความตกใจจนพวกเขาได้ยินก่อนจะค่อยๆถอยออกมาอย่างช้าๆหญิงสาวนางนั้นยังไม่ปักปิ่นมิใช่หรือ ส่วนชายหนุ่มทั้งสองล้วนยังอ่อนวัยกว่านาง ไยพวกเขาทำราวกามกิจที่ร่วมกันเสพสมอยู่เป็นเรื่องคุ้นเคยซึ่งทำกันมาจนเชี่ยวชาญแล้วอีกทั้งพวกเขายังถึงกับร่วมรักพร้อมกันสามคนในสำนักศึกษา ขณะมัวครุ่นคิดและหาทางถอยอย่างแตกตื่น หญิงสาวกลับไม่ได้ระมัดระวังว่ามีชายอีกคนเดินเข้ามาด้านหลัง“เจ้ามาแอบดูเช่นนั้นหรือ”เสียงอันดังส่งให้ชายหญิงทั้งสามหยุดชะงักรีบลุกขึ้นจากกามกิจที่ทำอยู่ด้วยความตกใจเฉินเฟยเจินเงยหน้าซีดขาวขึ้นมองคุณชายด้านหลังซึ่งเคยเห็นในห้องเรียนไม่กี่คราก่อนที่จะรีบฉวยโอกาสที่เขาหันไปหาร่างอันเปลือยเปล่าทั้งสามแล้วโกยอ้าววิ่งออกไปโดยไม่ระวังว่าจะส่งเสียงดังอีกหญิงสาวเดินกลับเข้าห้องเรียนด้วยเหงื่อไหลโทรมกายและหน้าตาตื่นตระหนกพวกเขาเห็นแล้วว่านางลอบดูอีกท
หญิงห้าแสนเย้ายวนนางเพียงชอบศึกษาเล่าเรียน แต่พวกเขากลับเอาแต่กลั่นแกล้งรังแกนาง มีทรวงใหญ่ล้นแล้วอย่างไร ลูกแตงใหญ่ของนางจะเอาแต่ขยำขยี้อยู่ทั้งวันได้หรือนางไม่รู้หรือว่าใบหน้าไร้เดียงสาและแตงกลมสองลูกนั่นเย้ายวนเพียงใดแนะนำตัวละครเฉินเฟยเจิน หญิงห้าแสนเย้ายวน อายุ17ขวบปี ไม่ชอบยุ่งเกี่ยวกับกิจการ เป็นสาวงามผู้รักการเรียน ชอบเรียนหนังสือที่สุดเฉินเป่าลี่ พี่หญิงใหญ่สายรุก อายุ21ขวบปี เป็นกำลังหลักของกิจการค้าทั้งหมดของตระกูลเฉินด้วยช่วยเหลือบิดามารดาดูแลแต่เยาว์วัย ด้วยอายุจะเลยวัยออกเรือนไปนานแล้วจึงจับชายอ่อนวัยซึ่งบิดาเลี้ยงดูเอาไว้แต่งงานเข้าสกุลเฉินฟางหรง หญิงรองแสนเร่าร้อน อายุ20ขวบปี เป็นสาวงามเจ้าความคิดดุจเป็นมันสมองของตระกูล เป็นสาวงามซึ่งคิดมากทุกสิ่งที่ทำต้องได้เปรียบและไม่ยอมเสียเปรียบผู้ใดเฉินฟางหนิง หญิงสามจอมหยอกเย้า อายุ19ขวบปี ชอบการต่อสู้และฝึกวิชายุทธ์มาหลายปี เป็นสาวงามที่คิดว่าตนเองต้องดูแลแ







