จ้าวอินหลัวนั่งห่อไหล่พิงขาโต๊ะไม้เนื้อดีอย่างหมดแรง สายรัดเอวที่ผูกจากมือของหลี่เจินหรงยังพันแน่นอยู่กับข้อมือนาง ทำให้นางขยับแทบไม่ได้ตรงข้ามนั้น…หลี่เจินหรงนั่งไขว่ห้างบนเก้าอี้ไม้สลักลายมังกรถือถ้วยชาอย่างสง่างาม ริมฝีปากแตะชาร้อนแล้วเป่าช้าๆข้างกายมีถาดขนมเซ่าหยวนเซียวหลงทองคำหอมกรุ่นวางเรียงอยู่เขาบรรจงกัดขนมเบาๆ ลิ้มรสหอมหวาน"จ๊อกกกกก..."เสียงท้องร้องที่ดังประหนึ่งมังกรคำรามก้องในห้องเงียบ ๆจ้าวอินหลัวก้มหน้าด้วยความอับอาย แต่ไม่นานนักก็เงยหน้าขึ้นจ้องถาดขนมตาเป็นประกาย "ข้าหิว..."เสียงบ่นคล้ายแมวเปียกฝนดังขึ้นตามมาหลี่เจินหรงเหลือบตาลงมองนาง ยกมุมปากขึ้นน้อย ๆ ทำเป็นไม่ได้ยินเสีย“ข้าหิวแล้วหิวมากด้วย ท้องข้าร้องแล้ว”หลี่เจินหรงส่ายหน้าไปมา หยิบขนมก้อนหนึ่งแล้วลุกขึ้นมา เดินอ้อมมาหยุดตรงหน้านาง แล้วยื่นขนมในมือให้"รับสิ" เขาเอ่ยสั้น ๆ"ท่านจะให้ข้ากินยังไง ไม่เห็นหรือไงว่าท่านยังไม่แก้มัดข้า"อินหลัวมองเชือกที่มัดมือไว้อย่างแค้นเคือง "หรือท่านคิดว่าข้าแค่ดมก็อิ่มแล้วงั้นหรือแก้มัดข้าเดี๋ยวนี้เลย"หลี่เจินหรงยิ้มเยาะ"แก้มัดเจ้า แล้วเจ้าก็จะหนี ข้าไม่โง่หรอก"จ้าว
ไป๋อี้เซิงที่เดินตามกลุ่มมาเงียบๆ มองเห็นบางอย่างผิดปกติทันทีที่สายตาเขาปะทะกับมือของจ้าวอินหลัว เขาขมวดคิ้วก่อนจะคว้าข้อมือนางอย่างสุภาพแต่แน่วแน่"นี่เจ้า…เลือด"ไป๋อี้เซิงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงกังวล เมื่อเห็นหยดเลือดซึมอยู่ตรงปลายนิ้วของอินหลัว คงโดนเสี้ยนไม้ไผ่บาดตอนตัดแน่ๆ อินหลัวเบิกตากว้างมองตาม ก่อนจะพยายามชักมือหนีอย่างเขินๆ"ข้าไม่เป็นไรหรอก มันก็แค่..."แต่ไป๋อี้เซิงไม่ฟัง มือข้างหนึ่งล้วงเข้าในอกเสื้อแล้วหยิบขวดยาผงขนาดเล็กออกมา โรยเบาๆ ลงบนรอยแผลนั้น กลิ่นสมุนไพรลอยจางๆ แตะปลายจมูก ส่วนมืออีกข้างก็จับนิ้วนางเบาๆ ประหนึ่งกลัวนางจะเจ็บไปมากกว่าเดิมหลี่เจินหรงยืนมองอยู่ไม่ไกล เบือนหน้าหนีทันควันราวกับเห็นภาพที่ไม่อยากเห็นสุดชีวิต ก่อนจะตะคอกเสียงแข็ง"แผลแค่นั้น ไม่ตายหรอก"คำพูดนั้นทำให้อินหลัวชะงัก ดวงตาที่เคยหวานราวแสงจันทร์พลันมืดมน เม้มปากแน่น กัดฟันสะกดอารมณ์ไม่ให้โต้กลับเพราะรู้ดีว่าพูดไปก็ไม่เปลี่ยนอะไรเสี่ยวหม่าที่ยืนอยู่ใกล้ๆ รีบพูดเสียงใสซื่อขึ้นอย่างรู้จังหวะทันที"ท่านอ๋องไม่เจ็บหรือขอรับ ปราณของนายหญิงกับท่านอ๋องเชื่อมกันมิใช่หรือ ไม่แน่นะขอรับ แผลแบบนี้อาจอักเ
"โอ๊ยยยย" อินหลัวหันมาทำหน้างงๆ"เกิดอะไรขึ้นกันแน่" ไป๋อี้เซิงรีบถาม แต่หลี่เจินหรงกลับตะคอกเสียงดังลั่น "เจ้าทำอะไรของเจ้า อยากตายนักหรือไง ข้าบอกแล้วว่ายังตายไม่ได้ ข้ายัง ไม่อนุญาตให้เจ้าตาย""จะบ้าเรอะ ไม่แหกตาดูละ ว่าข้ากำลังทำเรื่องสำคัญอยู่"อินหลัวเถียงกลับทันที เสี่ยวหม่าตาโตรีบย่องเข้าไปเก็บมีดกับไม้ไผ่ที่ตกพื้น"นี่นายหญิงกำลังตัดไผ่...อย่าบอกนะว่าจะตัดไผ่ไปแทงตัวเอง" เขาแล้วอุทานลั่นแล้วรีบหอบของทั้งหมดวิ่งหนีอินหลัวทันที"ข้าแค่จะตัดไม้ไผ่มาวัดหนึ่งจั้งต่างหาก เอามานี่"อินหลัวพยายามดึงแขนออกจากหลี่เจินหรงแต่ไม่สำเร็จ จึงเอื้อมมืออีกข้างสุดแขนไปคว้าไม้จากเสี่ยวหม่า แล้วเขี่ยๆ ตัวหลี่เจินหรงออกห่างไปจากรัศมีราวแปรงวาดภาพ"ออกไปห่างๆ ซิ นี่มันใกล้เกินแล้ว อย่าฉวยโอกาสสิ พูดเองนะว่าจะไม่เข้าใกล้ก็ต้องรักษาคำพูด"ใบหน้าหลี่เจินหรงกระตุกอย่างหงุดหงิด สายตาเคืองจัด แต่ก็ไม่กล้าขยับเข้าใกล้กว่าเดิมกลัวว่าไผ่อันนั้นจะแทงเขาจนมันหักเสียเองท่านหมอไป๋อี้เซิงที่ยืนมองอยู่ข้างๆ ถึงกับกลั้นขำแทบไม่อยู่ ใบหน้าชาๆ เหวอๆ ก่อนจะหลุดยิ้มจางๆ เสี่ยวหม่ารีบหันไปพูดเสียงดัง"นั่นไง ข้าก็ว่
ใต้แสงตะวันอ่อนของยามเช้า ภายในเรือนเงียบสงบใกล้ตำหนักของอ๋องหลี่ กลิ่นชาสมุนไพรจางๆ ลอยคลุ้งในอากาศ เสี่ยวหม่ายืนอยู่ข้างโต๊ะทรงงานด้วยสีหน้ากังวล ปรายตามองนายเหนือหัวที่นั่งกอดอกอยู่เบื้องหน้าอย่างครุ่นคิด"ท่านอ๋องขอรับ…" เขาเอ่ยเสียงเบา กวาดตามองซ้ายขวาราวกับกลัวว่าลมจะนำคำพูดของเขาไปเข้าหูใคร"ข้าเป็นห่วงว่า…เรื่องที่ท่านอ๋องนำตัวนายหญิงจ้าวอินหลัวมาไว้ใกล้ๆ เช่นนี้ หากคุณหนูม่อเฉวียนรู้เข้า…"หลี่เจินหรงนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะถอนหายใจยาว ดวงตาคมกริบทอดมองออกไปนอกหน้าต่างที่มีม่านบางปลิวไหว"ม่อเฉวียน…นางมีเหตุผลพอ นางไม่ใช่สตรีที่ตีโพยตีพายกับเรื่องพรรค์นี้หรอก" เขาตอบเสียงเรียบ ไม่รีบร้อน แต่หนักแน่น "แต่ข้าน้อยได้ยินว่า…เอ่อ สตรีทั้งเรือนล้วนจับตาดูท่านอ๋องกับนายหญิงจ้าวอินหลัวอยู่นะขอรับ""ก็ให้พวกเขาดูไปสิ ข้าไม่ได้กลัวสายตาใครและไม่ได้ทำผิดเสียหน่อย" หลี่เจินหรงว่า พลางยกถ้วยชาขึ้นจิบ ดวงตายังคงทอดมองไกล "ไม่ผิด…แต่ดูเหมือนจะ…เอ่อ ออกนอกลู่นอกทางนิดๆ""เสี่ยวหม่า" หลี่เจินหรงวางถ้วยชาลงเสียงดังเบาๆ แววตาวาบขึ้นชั่วแวบ "ถ้าเจ้าคิดจะพูดให้ข้ากลับใจล่ะก็ ไปต้มยาให้อินหลัวดีกว
ห้องพักด้านข้างของท่านอ๋องหลี่ แม้จะเป็นเพียงเรือนรอง แต่กลับถูกจัดแต่งไว้อย่างวิจิตรตระการตาราวกับตำหนักชั้นสูง กลิ่นหอมบางเบาของบุปผานานาพันธุ์ลอยอวล ดอกไม้สดช่อใหญ่ประดับตามมุมห้อง ผ้าม่านสีอ่อนที่ปลิวไหวด้วยลมอ่อนพลิ้วสร้างบรรยากาศราวภาพฝันแท่นนอนหลังใหญ่ปูด้วยผ้าห่มไหมเนื้อนุ่ม พรมทอมือจากต่างแดนปูพื้นเรียบเนียน เฟอร์นิเจอร์ไม้หอมแกะสลักอย่างประณีต แม้แต่โคมไฟก็เป็นโคมลวดลายอ่อนช้อย ทุกอย่างงดงามจนเกินกว่าจะเป็นเพียงเรือนรับรองของหญิงคนหนึ่งที่ว่ากันว่าถูกกักขังอวิ๋นเอ่อร์เดินนำเข้ามา พลางวางห่อผ้าเบาๆ แล้วหันไปยิ้มบางให้จ้าวอินหลัวที่เพิ่งตื่นและนอนบิดขี้เกียจมองไปรอบห้องด้วยความรู้สึกถึงความหรูหรารวกับองค์หญิงของแคว้นใดสักแคว้น“ทุกอย่างในห้องนี้…ท่านอ๋องเป็นคนสั่งเองทั้งหมดนะเจ้าคะ” เอ่ยเสียงเบา “ตั้งแต่ผ้าม่าน หมอน ผ้าห่ม ไปจนถึงตู้เก็บของ…แม้แต่กล่องยาไม้หอมนั่นก็ด้วยเจ้าค่ะ”อินหลัวที่เพิ่งหายจากอาการพิษกำเริบมองไปรอบห้อง สีหน้าที่ยังอิดโรยจากอาการป่วยฉายแววอึ้งงันเล็กน้อย“เขา…เป็นคนเลือกทั้งหมด” น้ำเสียงอินหลัวมีทั้งแปลกใจและไม่อยากจะเชื่อ“เจ้าค่ะ นายหญิง ขนาดลวดลายผ้
ณ เวลาใกล้ยามอิ๋น ฟ้ายังเรื่อแสงเงิน เสียงสายลมครางเบาใต้ชายคาจวนใหญ่ เสี่ยวหม่าและอวิ๋นเอ่อร์เดินวนวุ่นอยู่ภายในห้องพักของจ้าวอินหลัว ข้าวของจำเป็นทั้งตะเกียงหอม หม้อใส่น้ำร้อน ยาลูก ยาผง ผ้าเช็ดหน้า ผ้าห่มบางและกล่องเข็มเย็บปักถูกจัดลงในห่อผ้าทีละชิ้นๆ อย่างเร่งรีบแต่ระมัดระวัง"เจ้าช่วยข้าหยิบขวดน้ำมันอบเชยนั่นที แม้ข้าจะไม่ชอบกลิ่นมันเท่าไรแต่ข้าว่านายหญิงนางอาจต้องใช้เวลาเจ็บหลังเจ็บเอว" เสี่ยวหม่าเอ่ยพลางหิ้วหม้อใบน้อยออกจากห้อง อวิ๋นเอ่อร์ที่ถือตะเกียงอยู่ถึงกับหัวเราะคิก "เจ้าคงลืมว่านายหญิงเจ็บเพราะถูกท่านอ๋องผลักนะ ไม่ใช่เพราะปีนต้นไม้ตกลงมา"“เจ้าไม่รู้อะไรซะแล้ว ถูกท่านอ๋องพลักยิ่งกว่าตกต้นไม้อีก ข้าว่าเปรียบกับตกเหวได้เลย”ประตูห้องเปิดแง้มท่านหมอไป๋อี้เซิงก้าวเข้ามาอย่างเงียบงัน ภายใต้ท่าทางสุขุม นัยน์ตาเขากลับเต็มไปด้วยความกังวล เขาเดินตรงไปยังแท่นนอนที่จ้าวอินหลัวนอนพักร่างอยู่ในอาการซูบซีด มือเย็นเฉียบราวกับใยน้ำค้างที่คลี่คลุม"ข้าจะยกนางไปห้องใหม่ที่ใกล้ตำหนักของท่านอ๋อง...เพื่อตรวจอาการได้สะดวกขึ้น" เสียงของหมอหนุ่มเอ่ยเบาแต่เด็ดขาดเสี่ยวหม่ากับอวิ๋นเอ่อร์รีบพยั