ทูตสวรรค์ผิดพลาด... จับวิญญาณผิดตัว กำลังจะส่งหลินเยว่มาเกิดใหม่ในบทชีวิตรันทด เพื่อชดใช้เวรกรรมที่เจ้าตัวไม่เคยก่อ พวกเขาปิดปากนางด้วยการมอบมิติลับ พร้อมของสี่อย่างที่ใช้เอาตัวรอด หลินเยว่รู้ดี เธอไม่มีทางเอาชนะเจ้าหน้าที่ของสวรรค์ได้ การร้องเรียนไปอาจยิ่งทำให้แย่กว่าเดิม เอาเถอะ... ข้าไม่มีทางก้มหัวให้โชคชะตา ลำบากอีกกี่ชาติ ก็ไม่หวั่น เพราะข้าจะลิขิตทุกอย่างเอง!
ดูเพิ่มเติมหลินเยว่เดินตามหลังทูตผู้มาเก็บวิญญาณของเธอ เธอไม่อยากเชื่อเลยว่าตัวเองจะพลาดท่าเสียชีวิตอย่างน่าอัปยศถึงเพียงนี้
น่าขายหน้าชะมัด! ความรู้สึกขมขื่นเอ่อท้นอยู่ในอกขณะที่สายตาเธอกวาดมองรอบตัวในดินแดนที่พร่าเลือนและไร้ขอบเขต เสียงก้าวเท้าของทูตที่เดินนำหน้าแผ่วเบาราวกับกระซิบกับลมหนาว
ทันใดนั้น เสียงสนทนาของผู้เก็บวิญญาณสองคนดังขึ้น ลอยมากระทบโสตประสาทอย่างชัดเจน
“ผิดแล้ว… ไม่ใช่หลินเยว่คนนี้”
คิ้วเรียวของหลินเยว่ขมวดเข้าหากัน นัยน์ตาของเธอฉายแววสงสัยและหวาดหวั่น
นี่เธอไม่ใช่คนที่ควรตายงั้นหรือ?
ความหวังริบหรี่ทอประกายในหัวใจ แต่ทูตทั้งสองยังคงสนทนากันต่อไปด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น
“ส่งกลับไปก็ไม่ได้… ชะตากรรมของพวกเขาต่างกันอยู่ดี”
“ถ้าอย่างนั้นก็ให้ไปเกิดใหม่เถอะ”
หนึ่งในทูตเหลือบตามองเธอ สายตานั้นนิ่งสงบจนน่าขนลุก
ริมฝีปากเขาคลี่ยิ้มแผ่วราวกับทุกอย่างเป็นเพียงเรื่องชวนขนลุก
“เธอเงียบ ๆ ไว้ อย่าได้ปริปากถาม”
“เราจะส่งเธอไปเกิดใหม่… และจะให้มิติไปด้วย”
“ในมิตินั้นจะมีสิ่งของที่เธอเพียงนึกก็สามารถใช้ได้ แต่จำกัดเพียงสี่อย่างเท่านั้น...จำไว้เลือกได้แค่สี่อย่างเลือกให้ดี”
“เอาล่ะ… ไปได้แล้ว… และอย่าลืมปิดปากเงียบ!”
ยังไม่ทันได้เอ่ยถามอะไรสักคำเดียว
เสียงลมเย็นแผ่วพัดคล้ายจะกลืนทุกอย่าง เธอสัมผัสได้ถึงความว่างเปล่าที่กำลังโอบล้อมตัวเอง และแล้ว… สติของหลินเยว่ก็ดับวูบลงทันที
เรือนเล็กหลังบ้านสกุลหลิว เมืองชิงสุ่ย
หลินเยว่รู้สึกเหมือนจมอยู่ในความว่างเปล่านานนับชั่วกาล ก่อนที่สติจะค่อย ๆ กลับมา… เธอลืมตาขึ้นอย่างเชื่องช้า แสงสลัวจากหน้าต่างบานเล็กสาดเข้ามาในห้องไม้เก่า ๆ สภาพรอบตัวเต็มไปด้วยความเงียบงัน มีเพียงเสียงลมหายใจของเธอเองเป็นเพื่อน
ห้องเล็ก ๆ นี้มีเครื่องเรือนไม่กี่ชิ้น โต๊ะเตี้ยหนึ่งตัว ม้านั่งเล็ก และตู้ไม้เก่าที่บานประตูดูเหมือนจะพังอยู่รอมร่อ กลิ่นอับของฝุ่นเก่าโชยมากระทบจมูก หลินเยว่ค่อย ๆ ขยับตัว รู้สึกถึงความบอบบางของร่างใหม่ที่เธอสวมอยู่
“นี่เรา… กลายเป็นเด็กสาวอายุสิบห้าปีแล้วงั้นหรือ…”
เธอพึมพำเบา ๆ พลางสำรวจมือและร่างกายใหม่
ร่างนี้บอบบางและเต็มไปด้วยร่องรอยความลำบาก
หลินเยว่ถอนหายใจยาว นับว่าเกิดมาใช้กรรมจริง ๆ
สายตากวาดมองไปทั่วห้องพยายามจดจำและทำความเข้าใจกับสถานที่เกิดใหม่นี้อย่างรวดเร็ว
ขณะเดียวกัน เสียงท้องร้องดังขึ้นมาอย่างไม่เกรงใจใคร
หิว หิวเหลือเกิน
เธอระลึกขึ้นได้ถึงคำพูดของทูตเก็บวิญญาณก่อนตาย
“ในมิตินั้นจะมีสิ่งของที่เธอนึกได้ใช้ได้อย่างไม่จำกัด… แต่จะได้เพียงสี่อย่างเท่านั้น”
หลินเยว่หลับตาลงครู่หนึ่ง ครุ่นคิดอย่างหนัก จากสถานการณ์ของเธอในตอนนี้ไม่มีอะไรสำคัญไปยิ่งกว่า อาหาร
แล้วควรเป็นอะไรดี
อะไรกันที่ทานบ่อย ๆ แล้วไม่เบื่อ
คลายหิวอุ่นท้อง บะหมี่
แต่ว่าจะเอาบะหมี่ธรรมดาก็ย่อมไม่ดี
ต้องเป็นแบบพรีเมี่ยมราคาแพงหน่อยจึงจะมีพวกกุ้งเนื้อผักด้วย
และที่สำคัญต้องทานได้ง่าย
ภาพบะหมี่แผ่นร้อน ๆ แบบพรีเมี่ยมลอยมาในหัว เป็นรสชาติที่เธอคุ้นเคยและโปรดปรานที่สุด เธอตั้งใจแน่วแน่ นั่นแหละคือสิ่งแรก
ทันทีที่ตัดสินใจเลือกได้
ทันใดนั้น ภาพแผ่นสี่เหลี่ยมใสโปร่งคล้ายหน้าต่างในอากาศก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้า หลินเยว่เบิกตากว้างด้วยความตกใจแต่ก็รีบยื่นมือไปสัมผัสมัน
มือของเธอคว้ากล่องบะหมี่ออกมาได้จริง ๆ
เธอกวาดสายตาไปรอบห้อง อย่างน้อยก็ยังมีน้ำดื่ม
หลินเยว่รีบเทน้ำใส่กล่องบะหมี่ ปิดฝากล่องบะหมี่ด้วยความคุ้นเคย
กลิ่นหอมคละคลุ้งขึ้นมา ไอร้อนลอยเป็นสาย
บะหมี่พรีเมี่ยมรสทะเล ที่หลินเยว่เลือกจากมิติ เป็นบะหมี่แผ่นหนานุ่ม กลิ่นหอมเฉพาะตัวของน้ำซุปทะเลลอยฟุ้งออกมาเมื่อเธอเปิดฝา ภายในกล่องเล็ก ๆ นี้นอกจากเส้นบะหมี่ที่ร้อนฉ่า ยังมีกุ้งแห้งสีส้มสดนอนแอบอยู่ในมุมหนึ่ง ปลาหมึกแผ่นบาง ๆ ที่ถูกอบจนกรอบก็แทรกอยู่ระหว่างเส้น
กลิ่นหอมทะเลคละคลุ้งขึ้นพร้อมไอร้อน รสชาติซุปทะเลเข้มข้นคล้ายดึงดูดทุกสัญชาตญาณความหิวของเธอ กุ้งแห้งเคี้ยวหนุบหนับ ปลาหมึกกรอบกรุบกรับ ทุกอย่างผสานกันจนกลายเป็นบะหมี่ชามเดียว
หลินเยว่ยิ้มบาง ๆ อย่างพอใจ
แม้จะอยู่ในร่างใหม่และสถานที่แปลกประหลาด
แต่อย่างน้อย… มื้อแรกก็เป็นรสชาติที่คุ้นเคย
หลินเยว่กินบะหมี่จนหมดคำสุดท้าย รสชาติอุ่นร้อนค่อย ๆ ละลายความหิวโหยในท้องลงไปได้บ้าง เธอวางกล่องบะหมี่ลงบนโต๊ะเตี้ย รู้สึกถึงความสบายใจเพียงชั่วครู่ หลังจากนั้น… เธอเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างเล็ก ๆ แสงอาทิตย์ยามเช้าส่องลอดเข้ามา ทำให้ฝุ่นที่ลอยค้างกลางอากาศดูเหมือนเกล็ดหิมะสีทอง
“ในที่สุดก็ได้กินอิ่ม… แต่… แล้วต่อจากนี้ล่ะ?”
ความคิดฟุ้งกระจายอยู่ในหัว ร่างกายเด็กสาวอายุสิบห้าปีนี้ยังดูอ่อนแอ แต่ในดวงตาหลินเยว่กลับฉายแววแน่วแน่
เธอสูดลมหายใจลึก ตั้งใจจะลุกขึ้นสำรวจห้องให้ถี่ถ้วน แต่พอหันกลับไปมองที่โต๊ะ… กล่องบะหมี่ที่เธอวางไว้กลับหายไปเสียแล้ว
“เอ๊ะ…? หายไป…?”
หลินเยว่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก้มลงมองพื้นที่ว่างเปล่าบนโต๊ะ
“นี่หมายความว่า… สิ่งที่ได้จากมิติ… จะไม่เหลือร่องรอยใด ๆ ในโลกนี้หรือ...”
คงแปลกประหลาดไม่น้อยถ้าบะหมี่แผ่นร้อนจะเกิดขึ้นในยุดนี้นับว่ามิติรอบคอบไม่น้อย
หลินเยว่เงยหน้าขึ้นช้า ๆ ดวงตาฉายแววครุ่นคิด
เหลืออีกสามอย่างเธอจะต้องเลือกอย่างรอบคอบ
ตระกูลลู่ เช้าตรู่ แสงแรกของวันยังไม่ทันเล็ดลอดพ้นยอดไม้ เสียงล้อที่บดผ่านลานหินกรวดในยามเงียบสงบ รถม้าหรูคันหนึ่งก็มาหยุดอยู่หน้าประตูใหญ่ของจวนสกุลลู่ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์อื้อฉาวในร้านอาหารหลงฮวา จวนสกุลลู่ก็ตกอยู่ในความเงียบเหงาไร้แขกเหรื่อมาเยือน ครานี้รถม้าคันงามมาหยุดอยู่หน้าบ้านพ่อค้าตกอับ ยิ่งดึงดูดสายตาของผู้คนฮูหยินลู่ก็เก็บตัวเงียบอยู่แต่ในเรือน ไม่ออกไปพบปะใคร สีหน้าหม่นหมอง เมื่อสาวใช้เข้ามาแจ้งว่า“คนจากจวนแม่ทัพไป๋เจ้าค่ะ” สีหน้าของนางก็เปลี่ยนไปทันทีมึนงง สับสน ไม่แน่ใจว่าฝันร้ายกำลังจะจบ หรือเพิ่งเริ่มต้นกันแน่“เจ้าว่าอะไรนะ?”นางถามซ้ำอีกครั้ง สีหน้าเคร่งเครียดบ่าวหญิงค้อมศีรษะต่ำ “เป็นคนจากจวนแม่ทัพไป๋มาเยือนเจ้าค่ะ ตอนนี้คุณชายใหญ่กำลังต้อนรับอยู่ห้องโถงรับแขกเจ้าค่ะ” “พวกเขามาด้วยเรื่องอะไร” น้ำเสียงของนางหวาดหวั่น“บ่าวก็ไม่ทราบ”ฮูหยินลู่รีบบอกสาวใช้ “รีบมาช่วยข้าแต่งตัวไปรับแขก” ที่เรือนรับแขกลู่เผยฟังคำพูดของอีกฝ่าย ก็เข้าใจนัยแฝงทันที ไป๋ฮูหยินต้องการให้สกุลลู่ส่งแม่สื่อไปสู่ขอหลินเยว่สตรีผู้นั้นคนที่เขาช่วยเหลือ โดยมีข้อแลกเปลี่ยนจะช
หลินเยว่ก้าวขึ้นมานั่งด้วยท่าทีประหม่า สายตาเธอไม่กล้าสบชายหนุ่มตรงหน้าโดยตรงนัก ภายในรถม้าอบอุ่นด้วยกลิ่นชาจาง ๆ และเสียงล้อที่กลิ้งไปบนเส้นทางดินกรัง ลู่เผยยื่นถ้วยชาหอมกรุ่นมาตรงหน้า เอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม “คุณหนูหลินคงตกใจไม่น้อย ดื่มชาสักหน่อยเถิด จะช่วยให้จิตใจสงบขึ้น”หลินเยว่รับถ้วยมาด้วยสองมือ เอ่ยเบา ๆ“ขอบคุณเจ้าค่ะ” ตอนนี้เหมือนจะผิดแผนนางค่อนข้างตกใจอยู่บ้างจริงๆ ชาที่อุ่นกรุ่นปล่อยกลิ่นหอมจาง ๆ แตะจมูก รสขมนิด ๆ ปลายลิ้นช่วยให้นางสงบใจได้บ้าง พอเริ่มได้ไตร่ตรอง“บุรุษผู้นี้ดูไม่ใช่คนธรรมดา ทั้งกิริยาและวาจาล้วนสำรวมสุภาพ… แต่นั่นแหละยิ่งอันตราย...เขาช่วยข้าเพราะอะไรกัน ต้องเกี่ยวกับทหารเมื่อสักครู่แน่ ๆ และคนเหล่านั้นก็น่าจะเกี่ยวข้องกับบิดา”หญิงสาวก้มหน้าดื่มชาอีกคำแสดงท่าทีไม่อยากเอ่ยอะไรลู่เผยเองก็เข้าใจไม่เอ่ยวาจาอีก เพียงแค่ขมวดคิ้วเพราะกลิ่นจากหญิงสาวเป็นกลิ่นที่เขาไม่แน่ใจว่าคือสิ่งใดรถม้าเคลื่อนตัวอย่างมั่นคงบนเส้นทางสายเล็ก มุ่งหน้าสู่โรงเตี้ยมเซิ่งฟง ขณะฟ้ายามย่ำเย็นเริ่มคลี่เงาเทาทับลงมาทีละน้อยโรงเตี้ยมเซิ่งฟง ลู่เผยพา
ตอนที่ 6 ยุ่งยากอีกขั้นเสียงฝีเท้าม้าหยุดลงตรงจุดที่กลิ่นคาวเลือดลอยคละคลุ้งในอากาศ จ้าวเทียนควบม้าเข้ามาอย่างรวดเร็ว เบื้องหน้าคือร่างไร้ลมหายใจห้าร่างกระจัดกระจายอยู่ในพงหญ้า ท่ามกลางร่องรอยการต่อสู้ที่ยังใหม่สดเขากระโดดลงจากหลังม้า ก่อนกวาดตามองโดยรอบอย่างชำนาญ“ตรวจสอบให้ละเอียด” เสียงสั่งเด็ดขาดดังขึ้น ทหารติดตามแยกย้ายกันตรวจสอบ จ้าวเทียนเข้ามาดูศพอย่างละเอียด ทหารที่กำลังตรวจบาดแผลกล่าวขึ้น“ใต้เท้า...ร่องรอยอาวุธลับเช่นนี้ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนขอรับ...ผู้ใช้ต้องเป็นคนที่กำลังภายในสูงผู้หนึ่ง...จึงจะสามารถดันมันเข้ามาในร่างกายแบบนี้ได้”กระสุนปืนเป็นเหล็ก ย่อมเป็นของผิดแปลกสถานที่มันเลยหายไปเรียบร้อยแล้วพวกเขาเห็นเพียงร่องรอยที่ร่างกายถูกเจาะเป็นรู“ใต้เท้าจ้าว...มีร่องรอยคนหนีไปทางนั้นขอรับ”จ้าวเทียนพยักหน้าก่อนออกคำสั่ง “เก็บรายละเอียดให้หมด”แล้วเขาก็ควบม้าตามรอยอย่างรวดเร็วส่วนหลินเยว่วิ่งออกไปยังถนน ร่างกายเต็มไปด้วยรอยเปื้อนและเลือด ทว่าใบหน้างดงามยังคงแฝงความเด็ดเดี่ยวทว่าพอคนรถม้าคันหนึ่งกำลังเคลื่อนมา สีหน้านางก็ปรับเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกคนขับรถม้า เห็นร่างของหญิงสาว
ตอนที่ 5 เรียกความสนใจชายแดนตะวันออก ค่ายทหารแคว้นเยี่ยวโจว แม่ทัพใหญ่ ไป๋เจี้ยน ฟื้นคืนสติจากอาการบาดเจ็บกลางสมรภูมิ ความเจ็บปวดในกายยังแล่นอยู่ แต่สิ่งแรกที่เขานึกถึงคือผู้ใต้บังคับบัญชาที่รับดาบและปกป้องเขา เขาเอ่ยเสียงแหบแผ่ว “หลิวอัน…ตอนนี้เป็นเช่นไรบ้าง…”ทหารรับใช้ขานตอบเสียงเรียบ “นายกองหลิวอัน… ได้ทำหน้าที่ของตนสมบูรณ์แล้วขอรับ…”ไป๋เจี้ยนหลับตาลงชั่วครู่ ก่อนเอ่ยเสียงขรึม “เขาได้ฝากข้า…ให้ช่วยดูแลครอบครัว…ขอให้ข้ารับบุตรสาวของเขาเข้าจวน…”ตอบแทนบุญช่วยชีวิตนี่ไม่นับว่าหนักเกินไป “อายุข้ามากแล้ว… หากรับนางเป็นอนุ คงเป็นเวรกรรมเสียมากกว่า…ทว่าข้ารับปากไปแล้ว”ไป๋เจี้ยนหันไปมองบุตรชายของตน“ไป๋จิ้งหาน... เจ้าก็รับนางเป็นอนุเถิด”ไป๋จิ้งหานรองแม่ทัพหนุ่ม หน้าตาคมคาย เขาพยักหน้ารับคำอย่างไม่เห็นเป็นเรื่องใหญ่ ชายหนุ่มยกมือประสานรับคำสั่ง“ขอรับ…ข้าจะรีบให้คนไปจัดการ” ชายหนุ่มหันไปพยักหน้าให้ทหารคนสนิท จากนั้นพวกเขาก็จัดคนเตรียมไปรับคนไปไว้ที่จวนในเมืองหลวงเจียงหนิงในยามดึกสงัด หลังจากทุกคนหลับสนิท หลินเยว่ค่อยก้าวเท้าเบาออกจากเรือนขึ้นไปนั่งบนหลังค
ตอนที่ 4 ไม่ยินยอมรุ่งเช้าวันต่อมา หลินเยว่รู้สึกว่าร่างกายฟื้นตัวเต็มที่แล้ว นางตั้งใจจะออกไปช่วยงานตามปกติจะได้รู้สึกสถานการณ์เบื้องต้นของตัวเองด้วย ขณะที่ก้าวเท้าออกจากเรือนเล็ก เสียงของป้าสะใภ้ใหญ่ ซือซินก็ดังขึ้นแผ่วแต่ฟังแล้วเจือความเย็นชา“เยว่เอ๋อร์… พึ่งหายป่วยได้ไม่นาน อย่าเพิ่งออกไปตากแดดตากลมเลย… ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวป่วยขึ้นมาอีก จะต้องเสียเงินเสียทองไปหาหมออีกนะ” ถ้อยคำที่ฟังเหมือนความห่วงใย แต่หลินเยว่รู้ดีว่ามันไม่ใช่ นางเม้มริมฝีปากก่อนตอบเสียงเรียบ“ข้าหายดีแล้ว… ขอบคุณท่านป้าที่เป็นห่วง”พูดจบ นางก็ไม่รอให้ใครพูดอะไรต่อ ก้าวเดินต่อไปซือซินเห็นท่าทางดื้อดึงของอีกฝ่าย ก็เผยแววไม่พอใจทันตา เอ่ยน้ำเสียงเริ่มแฝงความตำหนิ “นี่ข้าพูดสิ่งใด… เจ้าก็ไม่เชื่อฟังเลยหรือ...น้องสะใภ้… เจ้าอบรมบุตรสาวอย่างไร”คำพูดนั้นทำให้ดวงตาของหลินเยว่ลุกวาวขึ้นทันที นางสูดหายใจลึกเพื่อระงับอารมณ์ ขณะที่มารดาชุนเสวี่ยรีบพูดแทรกเสียงอ่อนแรง“ขออภัยพี่สะใภ้…เยว่เอ๋อร์เพียงแต่ห่วงจะไปช่วยงาน หาได้ตั้งใจขัดคำสั่งท่าน…เยว่เอ๋อร์…ในเมื่อป้าสะใภ้เป็นห่วงเจ้าก็อยู่แต่ในเรือนเถิดนะ”น้ำเสียงนั้นอ่อ
ตอนที่ 3 ฝันร้าย หลิวเยว่ลืมตามองเพดานในความมืด นางรู้ดีว่าอนาคตคงไม่ราบเรียบนักแต่ยังไม่คาดคิดว่าตัวเองจะถูกขายให้เป็นอนุผู้อื่น นางไตร่ตรองครู่หนึ่งก่อนจะหลับตาลงแล้วก็แสร้างร้องเสียงสะอื้น “ท่านพ่อ… ท่านพ่อ… ทำไมท่านถึงทิ้งข้าไป…”เสียงสะอึกสะอื้นนั้นปลุกชุนเสวี่ยให้สะดุ้งตื่น นางลุกขึ้นอย่างตื่นตระหนก “เยว่เอ๋อร์.. เจ้าฝันร้ายหรือ…”หลินเยว่ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น แสร้งให้ดวงตาฉ่ำน้ำตา ก่อนจะเอ่ยเสียงสั่นเครือ “ท่านแม่… ข้าฝันเห็นท่านพ่อ… ท่านมาในฝัน บอกว่าเป็นห่วงพวกเรา กลัวว่าพวกเราจะลำบาก… ท่านเลยมอบของบางอย่างให้”ชุนเสวี่ยขมวดคิ้วอย่างสงสัย แต่หลินเยว่ไม่รอช้า เธอหลับตาครู่หนึ่งแล้วเอื้อมมือไปคว้ากล่องเล็ก ๆ จากอากาศบะหมี่พรีเมี่ยมรสทะเล ปรากฏขึ้นในมือของเธอราวกับปาฏิหาริย์หลินอวี่ที่พึ่งตื่นขึ้นมาเบิกตากว้าง ตะลึงพรึงเพริด“พี่สาว… มันคืออะไรน่ะ…”หลินเยว่แสร้งทำเป็นแปลกใจพอกัน ก่อนบอกด้วยเสียงแผ่ว ๆ“ท่านพ่อบอกว่า… ขอเพียงใส่น้ำ ก็จะกลายเป็นอาหารที่ทำให้เราอิ่มท้อง…” จากนั้นนางก็ลุกขึ้นเทน้ำใส่ไม่นานไอร้อนหอมกรุ่นลอยขึ้นมา กลิ่นทะเลสดใหม่ปะทะจมูก สองแม่
ความคิดเห็น