ทิฟฟานี่ไม่ได้เอ่ยถึงสิ่งใดที่เธอคิดว่าอเลฮานโดรไม่ได้บอกเมลานีเพราะเธอรู้สึกว่าการสงวนของเขาน่าจะเกิดจากเหตุผลส่วนตัว ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถเปิดเผยความลับของเขาโดยไม่ได้รับความยินยอมจากเขาได้ “เอ่อ ใช่ น่าเสียดายจริง ๆ ฉันว่าเขาก็เป็นคนดีและมีรูปร่างหน้าตาค่อนข้างหล่อเหลาเลยนะ เพียงแต่ว่าเขามีข้อบกพร่องอยู่ข้อหนึ่ง นั่นก็คือความพิการของเขา แต่ฉันว่ามันคงไม่เป็นปัญหาอะไรหรอกเนื่องจากคุณก็ตกลงแต่งงานกับเขาแล้วหนิ ดังนั้นฉันจึงรู้ได้ว่าคุณไม่ได้รังเกียจเขาแต่อย่างใด”เมลานีรู้สึกมั่นใจขึ้นเล็กน้อย “โอ้ ไม่แน่นอน ฉันรักเขา” เธอตอบ “อย่างไรก็ตาม ฉันไม่ควรรบกวนคุณทั้งสองอีกต่อไป ฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ”ตอนนั้นเองที่แจ็คสันเดินออกมาจากห้องครัวพร้อมกับแก้วน้ำส้มคั้นสดในมือ เมลานีมองน้ำผลไม้และเสริมโดยปริยายว่า “โอ้ ฉันว่าฉันคงจะดื่มน้ำผลไม้ไม่ได้แล้วล่ะ คุณดื่มแทนฉันทีนะคะคุณเลน มันเป็นเครื่องดื่มโปรดของคุณไม่ใช่เหรอ?”ก่อนที่ทิฟฟานี่จะทันได้ถามเมลานีว่าเธอรู้ได้อย่างไร ผู้หญิงคนนั้นก็จากไปแล้ว ดังนั้นทิฟฟานี่จึงรับน้ำผลไม้จากมือของแจ็คสันและดื่มไปครึ่งแก้วในรวดเดียว“แปลกจัง เธอรู้ได้ยัง
เมลานีใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงในการหาทางกลับไปที่คฤหาสน์สมิธการเดินทางครั้งนี้ก่อให้เกิดการพูดจาโผงผางเกี่ยวกับสถานที่ที่เข้าถึงได้ยากโดยไม่จำเป็นของคฤหาสน์ซี่งทำให้กิจกรรมง่าย ๆ อย่างการไปเยี่ยมทิฟฟานี่กินเวลาไปหลายชั่วโมงเมลานียังบ่นกับตัวเองไม่เสร็จด้วยซ้ำเมื่อจู่ ๆ เจตต์ก็เดินเข้ามาหาเธอและพูดด้วยน้ำเสียงที่ไร้อารมณ์ของเขาว่า “นายหญิงครับ นายท่านอยากคุยกับคุณ เขากำลังรอคุณอยู่ในห้องนอน”หัวใจของเมลานีเต้นระรัว ความสงสัยในความต้องการเบื้องหลังคำเชิญของอเลฮานโดรเริ่มก่อตัวขึ้นในตัวเธอ สามีเธอมักจะทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อหลีกเลี่ยงเธอ นี่จึงเป็นครั้งแรกที่เขาเรียกหาเธอก่อน เธอส่งเสียงตอบรับให้เจตต์เพื่อแสดงว่าเธอเข้าใจก่อนที่จะเดินขึ้นบันไดไปเจตต์ก้าวไปข้างหน้าอย่างกะทันหันอีกครั้งและแนะนำเธอว่า “นายหญิง ได้โปรดอย่าทำอะไรที่อาจทำให้เขาผิดใจต่อคุณนะครับ ระวังคำพูดด้วย”เมลานีเกือบจะโต้กลับไปว่า 'ถามจริง?' ทว่าเธอกลับไม่ได้ทำ เจตต์พูดราวกับว่าอเลฮานโดรเป็นยักษ์กินคน! นอกจากนี้ เธอก็ไม่มีเหตุผลที่จะทำราวกับว่าสถานะของเธอต่ำกว่าเขา แต่ในขณะเดียวกัน สีหน้าที่เคร่งขรึมและไร้อารมณ์ของเจ
ความกำหนัดผ่านมาแล้วก็ผ่านไป เมลานีนอนซบอยู่บนหน้าอกของอเลฮานโดร“นี่ ทำไมคุณไม่ปล่อยให้เจตต์หยุดพักผ่อนสักสองสามวันล่ะ? คุณก็รู้ว่าเขามีภรรยาและลูกที่ต้องดูแลเช่นกัน ให้โอกาสเขาได้อยู่กับครอบครัวตัวเองบ้าง…. และให้ฉันทำหน้าที่แทนเขาระหว่างนั้น ฉันอยากรู้จักคุณมากกว่านี้” เธอถอนหายใจอย่างแผ่วเบา “คุณรู้ไหม ฉันคิดทบทวนถึงว่าเรื่องต่าง ๆ ออกมาอย่างไรและมันก็ยังทำให้ฉันทึ่งอยู่เสมอ ฉันเพิ่งได้เจอคุณก่อนวันแต่งงานไม่กี่วันแต่ฉันก็ยังตกหลุมรักคุณอย่างสุดซึ้งอยู่ดี! แบบนี้เรียกว่ารักแรกพบหรือเปล่า? แต่น่าเสียดายที่ฉันยังไม่รู้จักคุณมากพอ ฉันถึงต้องการรู้จักคุณมากขึ้น ฉันอยากเป็นคนที่รู้จักคุณมากที่สุด”อเลฮานโดรยังคงเฉยเมย “'รักแรกพบเหรอ?' ฮึ่ม ผมว่ามันคงเป็นเพียงความต้องการทางเพศมากกว่า หรือบางทีคุณแค่อาจชอบวิธีที่เรามีอะไรกัน”ยิ่งเขาพูดจาหยาบคายเท่าไหร่ เมลานีก็ยิ่งหลงใหลมากขึ้นเท่านั้น “งู้ยยย อย่าโหดร้ายนักสิ! ฉันไม่สนใจหรอกว่ามันจะเป็นเพียงความต้องการทางเพศหรืออะไร แต่ฉันรักคุณ ฉันชอบมีเพศสัมพันธ์กับคุณนะอเล คุณหนีฉันไม่พ้นหรอก ฉันอยากอยู่กับคุณตลอดไปจนตายเลยแหละ”อเลฮานโดรมองถัง
สิ่งแรกที่แวบเข้ามาในสายตาของทิฟฟานี่ก็คือใบหน้าที่หล่อเหลาที่ตามหลอกหลอนในความฝันของเธอ และทันใดนั้นรอยยิ้มอันกว้างขวางก็ผุดขึ้นบนใบหน้าของเธอ “อ่า! แสดงว่าคุณยังไม่ได้นอนใช่ไหม? ดูคุณนอนอยู่บนเตียงด้วยท่าทางที่เศร้าสิ นี่คุณเหนื่อยหรือเพิ่งจะรู้ว่าชีวิตช่างไร้ความหมายเมื่อฉันไม่อยู่เคียงข้างคุณสองวันนี้ หือ?”แจ็คสันพิจารณาเธอผ่านโทรศัพท์และตอบว่า “อืม อาจทั้งสองอย่างเลย คุณลางานเพื่อเตรียมตัวสำหรับงานแต่งของเรา แต่ผมไม่ได้ทำอย่างนั้นหนิ ผมก็เลยต้องทำงานจนถึงวันนั้น... แต่ช่างมันเถอะ พรุ่งนี้เราต้องไปจดทะเบียนแล้วนะ ตื่นเต้นไหม?”“อืม ไม่ค่อยนะ” ทิฟฟานี่พึมพำโดยซ้อนความรู้สึกที่แท้จริงของเธอ “ฉันคิดว่าฉันตื่นเต้นที่จะได้เจอคุณมากกว่า อย่างที่เขาว่ากันว่า ความห่างกันจะทำให้หัวใจโหยหากันมากขึ้น”แจ็คสันหลับตาลงเพราะความเหน็ดเหนื่อยอย่างแท้จริง “จริงแฮะ ผมก็อยากเจอคุณเร็ว ๆ เหมือนกัน โอ้ พรุ่งนี้ผมยังต้องไปตรวจดูสถานที่จัดงานแต่งของเราหลังจากที่เราไปรับทะเบียนสมรสแล้วและ- พระเจ้า มีหลายอย่างให้ต้องทำเลยล่ะ แต่มันก็… ทำให้ผมตื่นเต้นมาก”ทิฟฟานี่สงสารเขา เธอกังวลว่าภาระงานที่เขาต้องแบ
อเลฮานโดรที่กำลังมึนเมาดึงเสื้อของลินน์ออกและมองดูผิวที่ขาวราวกับหิมะที่ซ่อนอยู่ภายใต้ “ไม่มีผู้ชายคนไหนสามารถต้านทานร่างกายของผู้หญิงได้หรอก” เขากล่าว “แต่ถึงแม้เธอจะมีสิ่งเหล่านั้นเธอก็ยังขี้ขลาดอยู่ดี ตอนนี้ฉันเห็นแล้วล่ะว่าฉันให้โอกาสเธอมากกว่าที่เธอสมควรได้รับ”ลินน์ไม่กล้าที่จะขัดขืนเขาและจึงไม่ได้ปกปิดตัวเอง ดังนั้นเธอจึงยืนอยู่อย่างเปลือยเปล่า อ่อนแอ และตัวสั่นด้วยความกลัว เธอไม่สามารถบอกได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอภายใต้ความมึนเมาของอเลฮานโดรทันใดนั้นประตูห้องนอนก็เปิดออกและเมลานีก็เดินเข้ามาสีหน้าที่ไม่สามารถอ่านออกได้บดบังใบหน้าของเธอทันทีที่ดวงตาของเธอจับจ้องมาที่พวกเขา “อเล คะ… คุณกำลังจะทำอะไร?”อเลฮานโดรปล่อยมือลินน์แล้วลินน์ก็ถอยกลับทันทีในขณะที่จัดเสื้อผ้าตัวเองให้เรียบร้อย “ฉันขอตัวก่อนนะคะ”เมลานีจ้องเธอจากด้านข้างเมื่อเธอเดินผ่านไปก่อนที่ตัวเองจะเดินไปหาอเลฮานโดร เสียงของเมลานีดังขึ้นหลายระดับ “ฉันถามว่า คุณกำลังจะทำอะไร!?”อเลฮานโดรดื่มไวน์ในแก้วจนหมดก่อนที่จะเอนหลังพิงเก้าอี้แล้วหลับตาลง “คุณก็เห็นไม่ใช่เหรอ? แล้วจะถามซ้ำซากทำไม? และอย่าใช้น้ำเสียงนั้นเมื่อค
ทันทีที่เมลานีออกมาจากห้องเธอก็เผชิญหน้ากับพ่อบ้านของครอบครัวสมิธ เธอก้มศีรษะลงและซ่อนความรู้สึกของเธอพลางนำมือขวาไปปกปิดมือซ้ายเพื่อปกคลุมรอยฟกช้ำ "มีอะไรเหรอคะ?"“ดอน สมิธกำลังรอคุณอยู่” พ่อบ้านตอบอย่างมืออาชีพเธอพยักหน้าและตามเขาไปที่ลานกลางแจ้งในบ้าน ดอน สมิธดูเหมือนจะไม่มีแผนที่จะเข้านอน ตอนนี้ก็ดึกมากแล้วแต่เขาก็ยังดื่มชาอยู่ ชาที่เขาดื่มเป็นประเภทชาที่ดื่มเพื่อช่วยให้ตื่นตัว มันจึงจะไม่ช่วยให้นอนหลับได้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะกับคนสูงอายุในวัยของเขา“คุณปู่คะ” เธอทักทายตามมารยาทชายชราโบกมือเรียกให้เธอนั่งลง ลานกลางแจ้งในบ้านมีเพียงโคมไฟข้างถนนส่องแสงสว่าง มันจึงไม่ได้สว่างมากนัก ดังนั้นเมลานีจึงไม่จำเป็นต้องปกปิดมือซ้ายที่บาดเจ็บอีกต่อไปชายชรามองไกลออกไปในท้องฟ้ายามราตรีเป็นเวลานานมากก่อนที่เขาจะพูดขึ้นมาว่า “เธอมีอะไรจะถามฉันไหม? เธอเพิ่งจะเข้าร่วมครอบครัวเมื่อไม่นานมานี้ เธอต้องรู้สึกวิตกบ้างแน่ ๆ ตระกูลสมิธซับซ้อนกว่าครอบครัวลาร์คมาก”เมลานีลดสายตาลงและชะงักเพื่อครุ่นคิด จากนั้นเธอจึงถามว่า “คุณเคยได้ยินชื่อทิฟฟานี่ เลนไหมคะ?”ดอน สมิธหันมาด้านข้างและมองเธอ “ฉันคาว่าเธอ
ดอน สมิธชมเชยเมลานีด้วยความใจดี “ดูเหมือนว่าฉันเลือกถูกคนแล้ว เธอเพียงแค่ต้องเป็นภรรยาที่ดีและดูแลอเลให้ดี ที่เหลือให้ฉันจัดการเอง กลับไปดูแลเขาเถอะ เขาดื่มไปมาก เขาจะต้องการใครสักคนที่คอยดูแลเขาได้อย่างแน่นอน”เมลานีลุกขึ้น "โอเคค่ะ ถ้าอย่างนั้นหนูขอตัวก่อนนะคะ คุณควรจะเข้านอนเช่นกันนะคะคุณปู่”เมื่อเมลานีกลับไปถึงห้องเธอก็ตระหนักถึงบ้างอย่าง ดอน สมิธกำลังบอกอะไรเป็นนัยหรือเปล่า? เขาหมายความว่าอย่างไรเมื่อเขาบอกเธอว่าเธอไม่ต้องกังวลและปล่อยให้เขาจัดการเอง? เขาจะไม่ทำอะไรทิฟฟานี่ใช่ไหม?เมลานีไม่เคยต้องเจอกับเรื่องแบบนี้มาก่อน เธอจึงไม่กล้าที่จะคิดมากเกินไปเช่นกัน อย่างไรก็ตาม เธอยังคงรู้สึกไม่สบายใจอย่างมากอยู่ดีเช้าวันรุ่งขึ้น แจ็คสันขับรถไปที่สำนักงานกิจการพลเรือนโดยตรง เมื่อเขาเห็นว่ารถของทิฟฟานี่ยังไม่อยู่ที่นั่นเขาจึงต้องการที่จะโทรไปเร่งเธอ ทว่าเมื่อเขานึกถึงทักษะการขับรถที่ไม่ดีของเธอ เขาก็คิดว่าการโทรไปอาจทำให้เธอเสียสมาธิ ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องรอเธออย่างอดทนสิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือ เมื่อคืนนี้ทิฟฟานี่นอนดึกมากและจึงตื่นสาย เธอคงจะยังคงหลับใหลอยู่ถ้าลิเ
อาจเป็นเพราะอเลฮานโดรได้ยินเสียงของทิฟฟานี่ เขาจึงลืมตามองเธอ จากนั้นเขาก็หมดสติไปอีกครั้งทิฟฟานี่ขับรถตามรถพยาบาลไปส่งเขาที่โรงพยาบาล อเลฮานโดรและคนขับรถตู้ถูกส่งตัวเข้าไปในห้องฉุกเฉิน ตอนนั้นเองที่ทิฟฟานี่ฟื้นคืนสติได้และโทรหาแจ็คสัน “ตอนนี้คุณควรกลับบ้านไปก่อน ฉันยังไปไม่ได้ มีบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างทาง!”แจ็คสันไม่ได้คาดคิดว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น เขาฟังดูตกใจ "เกิดอะไรขึ้น? คุณอยู่ที่ไหน? คุณไม่ได้แค่จะมาสายสำหรับเรื่องสำคัญเช่นนี้ แต่คุณจะไม่มาเลยด้วยซ้ำ…”ทิฟฟานี่ไม่ได้ตั้งใจที่จะบอกเขาเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของอเลฮานโดรในอุบัติเหตุครั้งนี้ แต่เธอกลัวที่จะปลุกระดมความเป็นปรปักษ์หากเธอจะปกปิดความจริงจากแจ็คสัน ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจที่จะพูดความจริงทั้งหมดเกี่ยวกับอุบัติเหตุ“ผมจะไปรับคุณที่โรงพยาบาล หลังจากนั้นคุณจะต้องกลับบ้านกับผมทันที!” แจ็คสันสั่งหลังจากที่ได้ยินคำอธิบายของเธอพลางทำให้เธอตกใจทิฟฟานี่ลังเล “แต่สมาชิกครอบครัวอเลฮานโดรยังไม่มาเลย ฉันทิ้งเขาไว้แบบนี้ไม่ได้หรอก คุณกลับบ้านไปก่อนเถอะ ฉันอยู่ได้ ฉันกลับบ้านเองได้ เราค่อยไปจดทะเบียนสมรสในตอนบ่ายก็ได้”แจ็คสันปฏิเสธ