ผู้ชายอย่างแจ็คสันที่ปกติก็มีอารมณ์อยู่แล้วหรือจะสามารถปฏิเสธการยั่วยวนได้เมื่อแม้แต่เธอเองยังไม่สามารถเลย? ทิฟฟานี่ไม่เชื่อว่าบนโลกใบนี้จะมีผู้ชายที่สามารถหักห้ามอารมณ์ตนเองได้เมื่อกำลังถูกผู้หญิงยั่วยวน เธอขอตายดีกว่าให้แจ็คสันไปกับผู้หญิงคนอื่นทั้ง ๆ ที่พวกเขาเพิ่งจะแต่งงานกัน! ปกติแล้วแจ็คสันจะเมินเฉยต่อความพยายามของเธอ แต่ไม่ใช่วันนี้ วันนี้เป็นวันที่เธอสามารถขอเขาได้ตรง ๆ และเธอจะไม่พลาดโอกาสนั้นแน่นอนแจ็คสันวางเธอลงบนเตียงและลุกขึ้นพร้อมที่จะจากไป ทิฟฟานี่รีบคว้าแขนเสื้อของเขาและถามว่า “คุณจะไปไหน? เมื่อตอนบ่ายเราตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอ? ไม่เอาน่า นี่มันวันแต่งงานของเรานะ! คุณช่วยตามใจฉันสักวันไม่ได้เหรอ? การใช้ชีวิตแบบอยู่เฉย ๆ และต้องระวังตลอดมันยากนะ…”แจ็คสันหัวเราะและกล่าวว่า “ก็ได้ ๆ! ผมแค่จะไปอาบน้ำ คุณคิดอะไรของคุณเนี่ย? เดี๋ยวผมมาครับ เพราะฉะนั้น คุณก็เป็นเด็กดีและรอผมหน่อยนะ”เธอจึงปล่อยมือจากแขนเสื้อของเขาและพึมพำว่า “นี่คุณรอบคอบขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”เมื่อคำพึมพำของทิฟฟานี่เข้าหูของแจ็คสัน เขาก็หันกลับมาและจ้องเธอ “คุณว่าไงนะ?”ทิฟฟานี่หัวเราะคิกคัก “เปล่า
เมื่อเสร็จกิจทิฟฟานี่ก็ชูมือของแจ็คสันขึ้นในอากาศและพูดว่า “ตอนนี้คุณถูกผูกมัดกับฉันด้วยแหวนวงนี้ ดังนั้นคุณจึงถูกห้ามไม่ให้มองผู้หญิงคนอื่นแม้แต่แวบเดียว”เขาสวมกอดเธอจากด้านหลังและกำมือเธอไว้แน่น “ผมมีคุณแล้วผมยังจะต้องมองคนอื่นอีกเหรอ? ผมเลิกมองไปตั้งนานแล้ว นอนเถอะ พรุ่งนี้ผมจะพาไปตรวจร่างกาย”ทิฟฟานี่หันหน้าและจุ๊บหน้าผากเขา “ฉันรู้สึกได้ว่าลูกดิ้นด้วย”เขาตกใจเล็กน้อยเนื่องจากนี่เป็นครั้งแรกที่เธอบอกว่าเธอรู้สึกได้ว่าลูกดิ้น “เมื่อไหร่?”เธอกล่าวอย่างเขินอาย “ตอนที่เรา… เมื่อกี้”เขาหัวเราะคิกคักและวางมือลงบนท้องเธอ “ไม่เกี่ยวอะไรกับพ่อนะ แม่ของลูกต่างหากที่ ‘ต้องการ’”วันรุ่งขึ้นที่คฤหาสน์เทรมอนต์อุณหภูมิที่เริ่มลดลงเมื่ออากาศเปลี่ยนแปลงทำให้สมอร์มีน้ำมูกและไอไม่หยุดจนแอเรียนกำลังพิจารณาว่าจะหยุดงานหนึ่งวันและพาสมอร์ไปโรงพยาบาล แต่เธอก็กังวลว่ามันจะทำให้หัวหน้ามองเธอไม่ดีเนื่องจากเธอเองเพิ่งจะเริ่มทำงานมาร์คเดาว่าเธอกำลังคิดอะไรจากสีหน้าที่หมดหนทางของเธอและพูดว่า “เธอไปทำงานเลย เดี๋ยวฉันพาสมอร์ไปโรงพยาบาลเอง เช้านี้ฉันไม่ได้มีอะไรสำคัญอยู่แล้ว”แอเรียนเขินเล็กน้อย “สำ
เมื่อไปถึงที่แผนกสูตินรีเวชทิฟฟานี่ก็หิวมากจนเธอไม่สบายตัว “ฉันหิวมาก แต่คุณหมอห้ามไว้ว่าไม่ให้ทานอาหารเช้าก่อนมาตรวจร่างกายอีก”แจ็คสันตอบเธออย่างนุ่มนวลว่า “ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวพอตรวจร่างกายเสร็จผมจะพาไปหาอะไรทาน”ตอนนั้นทิฟฟานี่ยังไม่รู้ตัวว่าเธอถูกห้ามไม่ให้ทานอาหารมาเพราะว่าเธอต้องถูกเก็บเลือด ทำได้ดีมากแจ็คสัน ทิฟฟานี่หน้าซีดและเริ่มตื่นตระหนกเมื่อเธอเห็นพยาบาลเก็บเลือดของเธอทีละหลอดแจ็คสันใช้สำลีกดทับจุดที่เธอถูกเข็มทิ่มด้วยความระมัดระวังขณะที่พูดว่า “เดี๋ยวก็เสร้จแล้ว แค่อีกนิดเดียว คุณดูไม่เหมือนคนที่เลือดน้อยเลย เพราะฉะนั้นเลิกทำให้ผมกลัวได้แล้ว”เธอจ้องเขาด้วยสายตาที่โกรธเคือง “ฉันไม่ได้เลือดจางหรือเวียนหัว ฉันตื่นตระหนก!”ทันใดนั้นแจ็คสันก็มองเห็นรูปร่างของคนสองคนที่ทางเดินจากหางตาของเขา หนึ่งในนั้นคือธัญญ่า เห็นได้ชัดว่าอีกคนเป็นผู้ชาย แต่เขาหันหลัง แจ็คสันจึงไม่สามารถมองเห็นหน้าเขาทิฟฟานี่เห็นพวกเขาทันที “นั่นธัญญ่ากับเจตต์เหรอ? นี่มันอะไรกัน? ทำไมพวกเขาสองคนถึงมาที่นี่ด้วยกัน? ธัญญ่ามาที่สูตินรีเวชเหรอ?”แจ็คสันที่ไม่สนใจพวกเขาแต่อย่างใดตอบว่า “ไปกันเถอะ”ทิฟฟานี
ธัญญ่าดูเหมือนจะไม่ได้โกหก แต่แจ็คสันปฏิเสธที่จะเชื่อว่าอเลฮานโดรไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องสีหน้าของธัญญ่าซีดจากความตื่นตระหนก ร่างกายของเธอสั่นเครือเบา ๆ เธอรู้ว่าเธอไม่สามารถเปิดเผยความจริงได้เด็ดขาด แต่เธอไม่คิดว่าเธอจะเจอกับทิฟฟานี่และแจ็คสันที่นี่ หากเธอไม่สามารถโน้มน้าวพวกเขาให้เชื่อเธอได้เธอและเจตต์จะต้องไม่จบดีแน่ ทิฟฟานี่มองเข้าไปในตาของธัญญ่าและพูดด้วยความจริงจัง “มองฉันสิ ฉันจะถามเธอเป็นครั้งสุดท้าย เธอกำลังพูดความจริงใช่ไหม? ไม่มีใครเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เลยเหรอ? มีใครสั่งให้เธอทำแบบนี้หรือเปล่า? เธอทำเองทั้งหมดเลยเหรอ? ระหว่างเธอกับเจตต์นี้เรื่องจริงหรือเปล่า?”“ฉันพูดความจริงค่ะ” ธัญญ่าตอบอย่างหนักแน่น “เรื่องเจตต์กับฉันเป็นเรื่องจริง เราจดทะเบียนกันแล้วด้วย”ทิฟฟานี่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ดี ถ้าอย่างนั้นปล่อยเรื่องของอดีตไว้ในอดีตเถอะ ฉันจะไม่เซ้าซี้เธอแล้ว อย่างไรก็ตาม ฉันจะไม่ให้อภัยเธออยู่ดี” จากนั้นเธอก็หมุนตัวและนำแจ็คสันออกไปอย่างไรก็ตาม ธัญญ่าไม่ได้สบายใจขึ้นเลย เธอหันไปหาเจตต์และถามอย่างตื่นตระหนก “พวกเราจะทำยังไงกันดี? ถ้าพวกเขาสงสัยและสืบเรื่องจริงจนได้ล่ะ
เจนิซยิ้มเคอะเขินเล็กน้อย “ไม่ได้สนิทขนาดนั้นหรอกค่ะ ฉันแค่เคยดูลูกชายให้เขา ฉันคงไม่มีวันนี้หากไม่ได้คุณเทรมอนต์เป็นผู้สนับสนุน เอาล่ะ กลับไปทำงานกันเถอะ ฉันยังต้องรอให้เขาอนุมัติฉันก่อน”ผู้คนรอบข้างพึมพำกันว่า “เธอจะกังวลทำไม? เธอเริ่มต้นได้ดีขนาดนี้ก็ต้องถูกอนุมัติอยู่แล้วสิ คนอื่นต่างหากที่ต้องกังวลน่ะ”ในขณะนั้นหัวหน้าก็มองมาทางพวกเขา “คุยอะไรกันในเวลาทำงาน? ถ้าพวกเธออยากคุยกันก็กลับบ้านไป!”นอกจากเจนิซคนอื่นต่างก็ไม่กล้าตอบโต้และจึงกลับไปทำงานของตน เจนิซมองหัวหน้าตนเองด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจ เธอและยายแก่คนนั้นไม่ลงรอยกันมาสักพักแล้ว!หัวหน้าเองก็ไม่ใช่คนที่จะยอมใครง่าย ๆ เช่นกัน “ทำหน้าแบบนั้นหมายความว่าอย่างไรเจนิซ? เธอมีปัญหากับฉันเหรอ? ที่นี่ไม่ใช่บริษัทของเธอนะ เพราะฉะนั้นเธอจะต้องฟังคำสั่งของหัวหน้า ถ้าเธออยากเป็นเจ้าหญิงก็กลับไปเป็นที่บ้านเลย!”เจนิซค่อย ๆ เปิดถ้วยโยเกิร์ตและยั่วยุหัวหน้า “ไม่มีบริษัทไหนมีกฎห้ามไม่ให้พนักงานคุยกัน เพราะฉะนั้นคำสั่งของคุณมันไม่มีเหตุผล คุณทำตัวเหมือนกับว่าเป็นเจ้าของบริษัทเอง นี่ไม่ใช่วิถีที่หัวหน้าควรจะปฏิบัติกับลูกน้อง ถูกไหมคะ?”ใบหน้
เจนิซกระอักทันที ตอนแรกเธอคิดว่ามาร์คจะสงสารและเห็นใจเธอบ้าง อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เธอรู้สึกราวกับว่าใบหน้าที่เปื้อนเลือดของเธอนั้นทั้งเหลือทนและเป็นเรื่องตลกเมื่อเห็นว่าเธอยังคงยืนอยู่กับที่และไม่มีท่าทีว่าจะขยับมาร์คก็พูดต่อ “เธอบอกว่าเธออยู่ที่บริษัทนี้ต่อไม่ได้แล้วไม่ใช่เหรอ? ฉันไม่บังคับเธอหรอก ถ้าเธออยากจะไป เธอก็ไปจัดการเรื่องนี้ให้จบแล้วไปสิ”เจนิซไม่นึกว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้ “เมื่อกี้ดิฉันแค่พูดเพราะความโกรธ ดิฉันไม่ทันได้คิด” เธอรีบตอบ “บริษัทนี้เยี่ยมมากค่ะ ดิฉันไม่ได้อยากจะไปจริง ๆ… ดิฉันจะไปจัดการเรื่องนี้ค่ะ ขอตัวนะคะ”มาร์คสะบัดมือ “อืม ไปซะ บริษัทนี้ไม่ใช่ที่ที่เธอจะมาหรือไปตามใจชอบเธอได้ คราวหน้าช่วยมีวุฒิภาวะมากขึ้นหน่อย”เจนิซกลับไปที่โต๊ะทำงานของเธอด้วยใบหน้าที่ซีด ใครบางคนหยิบกล่องยามาช่วยเธอทำแผล เนื่องจากไม่เคยได้รับการปฏิเสธจากมาร์คตั้งแต่แรก เธอจึงคิดว่าเธอจะแตกต่างจากพนักงานคนอื่น ๆ ในสายตาของเขา แต่เธอกลับคิดไปไกลโดยไม่คาดคิดเมื่อเทียบกับคนอื่น ๆ เธอเป็นเพียงผู้เดียวที่ได้รับการช่วยเหลือด้านการเงินจากมาร์คทุกเดือน เธอจึงคิดว่าพวกเขาจะมีความเชื่อมโยงกันไม่ท
เจนิซรู้สึกราวกับว่าเธอถูกน้ำเย็นสาด เธอมึนงงและโกรธเล็กน้อย “คุณหมายความว่าอย่างไรคะ? ระยะเวลาการฝึกงานของดิฉันใกล้จะสิ้นสุดแล้วและดิฉันก็ทำงานได้ดีมาตลอด ทำไมคุณถึงยื่นเวลาออกไป? คุณต้องมีเหตุผลใช่ไหมคะ?”ผู้อำนวยการตอบอย่างใจเย็น “ใช่ มีสิ เธอทำหน้าที่ของเธอได้ดีกว่าทุกคนที่เข้ามาฝึกงานรอบนี้ แต่ทัศนคติของเธอรุนแรงมาก เธอทะเลาะกับหัวหน้าเธอก่อนที่เธอจะฝึกงานจบจนต้องได้รับบาดเจ็บ ในฐานะหัวหน้าของเธออีกคนฉันขอแนะนำเธอนะ โลกของการทำงานไม่ได้ง่ายอย่างที่เธอคิด อย่าอวดดีเกินไปไม่อย่างนั้นเธอจะมีปัญหา ลองทนปัญหาเล็กน้อยดูบ้าง ปัญหาใหญ่ ๆ ไม่ต้องทนอยู่แล้ว ผู้ที่อยู่ตำแหน่งสูง ๆ ในบริษัทนี้ไม่ได้ตาบอดอยู่แล้ว เธอน่าจะรู้ดี ฉันได้ยินมาว่าเธอสนิทกับคุณเทรมอนต์ ฉันก็เลยโทรไปหาเขาเพราะกังวลว่าเขาอาจจะไม่พอใจกับการตัดสินใจของฉัน แต่เขาเห็นว่าการตัดสินใจของฉันมีเหตุผลมาก”เจนิซจ้องผู้อำนวยการที่มีท่าทีสบาย ๆ ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกราวกับว่าเธอกำลังตกเป็นเป้าหมายจากทุกทิศทางและในที่สุดเธอก็เข้าใจว่าการถูกลงโทษเมื่อไม่ยอมจำนนรู้สึกอย่างไร เธอเชื่อมาเสมอว่าการผลักดันตัวเองไปข้างหน้าในทุก ๆ ด้านคือหน
”นายท่าน มันก็เป็นทางผ่านของเรา ทำไมนายท่านถึงไม่ไปส่งเธอล่ะคะ? นายท่านทำให้ผู้หญิงตัวน้อยต้องหน้าแตกนะคะ” แมรี่หยอกล้อเขาในรถ“เธอทำตัวเธอเอง” มาร์คตอบอย่างเฉยเมย “ใครก็ห้ามมาเรียกร้องสิทธิพิเศษจากผม เธอโตพอที่จะรู้จักเลี่ยงสถานการณ์น่าอึดอัดหรืออับอาย ผมเป็นเจ้านายของเธอ ไม่ใช่พ่อ มันไม่ใช่หน้าที่ของผมที่จะต้องปกป้องเธอจากน้ำฝน”จากนั้นท่าทางของเขาก็เปลี่ยนไปเมื่อเขากล่าวว่า “ไบรอัน แวะไปที่สำนักงานของแอริก่อน ฝันกำลังตกและเธอน่าจะไม่ได้เอาร่มไป ไปรับเธอกลับบ้านด้วยกัน”ไบรอันพึมพำตอบกลับและเลี้ยวรถไปอีกทางหนึ่ง แมรี่เงียบไป แต่จริง ๆ แล้วเธอแอบพึงพอใจมาก ไม่มีอะไรน่ากังวลไปกว่าการที่ผู้ชายคนหนึ่งโดนผู้หญิงรุมจีบเมื่ออยู่นอกบ้าน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเขาต้องสามารถควบคุมตนเองได้ มาร์คอาจจะดูเอาอกเอาใจผู้หญิงไม่เก่งแต่เขาซื่อสัตย์กับแอเรียนอย่างแน่นอนมาร์คโทรหาแอเรียนเมื่อพวกเขาไปถึงที่สำนักงานของเธอ แอเรียนยังอยู่ที่นั่นเพราะติดฝน ตอนแรกเธอตั้งใจว่าจะรอให้ฝนหยุดตกก่อนที่จะกลับบ้าน แต่เขามาได้ทันเวลาพอดีเมื่อเธอลงมาถึงรถ มาร์คก็ได้ย้ายไปนั่งข้างหน้าเพื่อให้เธอได้นั่งอย่างสบายที่เ