Masukหนึ่งไฟร้อน รุนแรงด้วยเพลิงแค้น หนึ่งไฟร้ายเสน่หา มารยาหญิง เมื่อไฟต้องล่าไฟ ฝ่ายไหนจะพ่ายเพลิงอารมณ์ เมื่อต้องใช้เธอเป็นหมากในการจัดการจอมวายร้ายเลี้ยงไม่เชื่องอย่างวรปรัชญ์ เพื่อทวงทุกอย่างคืนให้แต่สหัสวรรษ สาวไซน์ไลน์นัมเบอร์วันจอมแสบอย่างเธอ จะต้องโดนโทษทัณฑ์ข้อหาเป็นต้นเหตุของการทำร้ายครอบครัวเขา ทว่าจะเป็นทัณฑ์ทรมาณ หรือทัณฑ์เสน่หา ที่เขาจะใช้จัดการกับแม่ตัวร้ายกันดีนะ
Lihat lebih banyak“งานนี้เงินดีมากๆ เลยนะเตย รับรองว่าคุ้มค่ามาก”
มือเรียวเคลือบปลายเล็บด้วยสีแดงกำมะหยี่ วางซองเอกสารลงตรงหน้าหญิงสาวใบหน้าสวยหวาน เย้ายวนตา นัยน์ตาคมเฉี่ยวฉายประกายหวานระยับขณะช้อนตามองหน้าคนพูด แม้ว่าเธอจะแต่งกายง่ายๆ ด้วยเสื้อไหล่ล้ำโชว์ไหล่ขาวนวลสีดำสนิท และกางเกงยีนสีเข้มขาเดฟ เน้นรูปร่างอรชรอวบอิ่ม เรือนผมยาวดัดถูกม้วนเป็นมวยง่ายๆ ปล่อยลูกผมบางส่วนลงมาเคลียไหล่มนอย่างไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งมันก็ดูเซ็กซี่เย้ายวนสายตาชายหนุ่ม ที่นั่งอยู่ในบริเวณเดียวกันกับเธอ ให้มองจ้องเแทบจะเป็นตาเดียว
“งานอะไรล่ะรอบนี้ ไอซ์”
เตยหรือ กวิสราเปิดผนึก ก่อนจะล้วงเอาเอกสารด้านในออกมา รายละเอียดของ ‘งาน’ ทำให้เจ้าตัวย่นคิ้ว พลางส่ายหน้าช้าๆ
“งานแบบนี้อีกแล้วเหรอกไอซ์ ความจริงแล้วไม่อยากรับเลยจริงๆ นะ ถ้าค่าจ้างมัน...”
กวิสราทำมือประกอบคำพูดไปด้วย แล้วหลิ่วตา ทำเอาผลิดาที่นั่งมองหน้าหญิงสาวอยู่อมยิ้ม จึงพูดเสียงสูงอย่างหมั่นไส้
“แหม...งานนี้ไม่ใช่ไก่กาหรอกนะ เตย ระดับเราหามาให้ ไม่มีทางทำงานเปลืองตัว ค่าแรงถูกแน่ๆ จ้ะ”
“ก็ต้องกันไว้ก่อนแหละ ไม่ได้งกอะไรหรอกนะไอซ์ เพียงแต่ถ้าให้เราไปทำอะไรที่เสี่ยง และผิดศีลธรรมแบบนี้ มันก็ต้องสมน้ำสมเนื้อกันหน่อย กับความรู้สึกผิดในใจของเรา”
หญิงสาวทำเสียงแผ่ว เหมือนคนกำลังรู้สึกผิดนักหนา อีกฝ่ายสุดจะทนกับท่าทางมีจริตของเพื่อนสนิทที่รู้ใจกันเป็นอย่างดี มือบางเลยขยับเอื้อมไปใกล้ลำแขนเรียวพลางหยิกเอาหมับ เล่นเอากวิสราร้องโอ๊ย! แล้วโอดเสียงอ้อนๆ
“เจ็บนะไอซ์ มาหยิกกันทำไม”
“หมั่นไส้น่ะสิ อย่ามาทำท่าแบบนี้กับเราเลยนะยะ แม่มดร้ายอย่างหล่อนน่ะ รู้ไส้รู้พุงหมดแล้วย่ะ มารยาของหล่อนกี่ขดๆ ทำไมเราจะไม่รู้”
ขณะที่พูดไป ผลิดาก็ทำหน้าตาทำตาค้อนเพื่อนไปด้วย แถมทำเสียงเล็กเสียงน้อยใส่ จนกวิสราต้องหัวเราะกิ๊กออกมาอย่างอดไม่อยู่
“ผีเห็นผีใช่ไหมล่ะ อิๆ ไอซ์ก็แม่มดร้ายเหมือนๆ เราน่ะแหละ ว่าแต่ว่า งานนี้กี่หลัก จะได้คิดทบทวนว่ามันคุ้มไหมกับความรู้สึกผิดของเราที่ต้องแลกกับงานแบบนี้”
“พูดยังกับว่างานก่อนๆ หน้านี้มันเป็นงานดีๆ ยังงั้นแหละ ยายเตย ฟังพูดเข้าน่าตีจริงๆ ผิดอะไรกันย่ะ ฉันเห็นหล่อนนะออกจะมีความสุขเวลาทำงาน เสร็จแล้วก็เอาแบ็งค์ไปนอนกอด”
“พูดนิดหนึ่ง จะได้ดูดีไง” กวิสราอมยิ้ม พลางเลิกคิ้ว ถามย้ำในเรื่องที่อยากรู้ที่สุดอีกรอบ
“ว่าแต่เท่าไหร่ โยกโย้จริงๆ เลย คนยิ่งอยากรู้อยู่ด้วยสิ”
“หกหลัก” ผลิดาตอบ คนฟังถึงกับทำตาโตแล้วเริ่มนับนิ้วทันที ผลิดาเห็นอาการนั้นของหญิงสาวก็ตอกย้ำคำตอบอีกรอบ
“หกหลัก แล้วก็เลขที่เยอะที่สุด เลขเก้า”
“หา! หกหลัก ก็แสน เก้า...โอ้...เก้าแสน!”
“ชูว์ อย่าเสียงดังสิเตย”
ผลิดาจุ๊ปากห้ามเพื่อนสนิท ตอนนี้กวิสราหน้าแดงไปหมดด้วยความตื่นเต้น เธอคาดไม่ถึงเลยว่างานครั้งนี้จะมีคนใจป้ำยอมจ้างมากขนาดนี้
“ก็มันตกใจนี่นาไอซ์หัวใจเราจะวายอยู่แล้ว ใครจะไปนึกว่ามีคนจ้างเราให้ไปทำทีเป็นชู้กับสามีตัวเองแล้วแบล็คเมล์ให้เงินตั้งเก้าแสน”
“ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันล่ะ สามีของยายคนนี้คงจะสุดทนจริงๆ หรือไม่ก็คงจะอยากได้สินสมรส ตามแบบคนรวยน่ะแหละ พวกคนมีเงินนี่ชอบทำอะไรกันแปลกๆ แต่ก็ดีนะเตย เพราะความเห็นแก่ตัวของพวกคนรวยนี่แหละ มันทำให้เรามีเงินใช้แบบนี้”
“นั่นสิ”
กวิสรายักไหล่ จำนวนเงินมหาศาลที่ได้รับรู้ว่างานของเธอจะได้ค่าตอบแทนเท่าไหร่ มันทำให้หัวใจของเธอพองคับอก เก้าแสน...เงินจำนวนมากขนาดนี้ มันเพียงพอกับการที่เธอไม่ต้องทำงานแบบนี้ไปอีกตลอดกาล เธอจะบอกลางานนี้เสียที
“จบงานนี้แล้วเราก็คงจะเลิกแล้วนะไอซ์ เงินขนาดนี้เราเอาไปทำร้านขายของเล็กๆ ได้สบายเลย จะได้ไม่ต้องเอาตัวเข้าแลกอีกแล้ว”
“อะไรกันน่ะ เตย” ฟังเพื่อนสนิทพูดแล้วผลิดาก็ขมวดคิ้ว ก่อนจะโบกมือ
“โอ๊ย! ลงเลิกอะไรกัน บริษัทสร้างความร้าวฉาน จำกัด ของเราน่ะ ต้องคงอยู่ต่อไปนะเพื่อน ถือเสียว่าเราทำบุญกับผู้หญิงที่ต้องการเลิกกับสามีแต่หาชู้ให้สามีไม่ได้ไง คิดอะไรมาก งานง่ายๆ เงินดีๆ หาได้ที่ไหนอีก จะไปหลังขดหลังแข็ง หางานทำให้เหนื่อยไปทำไมกัน”
“ไม่แล้วล่ะ เราไม่อยากให้น้องสาวรู้ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่”
กวิสราพูด นัยน์ตาคมเฉี่ยวเป็นประกายอ่อนละไมเมื่อคิดถึงหญิงสาวหน้าหวาน ท่าทางบอบบาง กณิกา น้องสาวสุดที่รัก ครอบครัวเพียงคนเดียวของเธอ ซึ่งถ้าเกิดรู้ว่าพี่สาวมีอาชีพลับๆ ทำงานแบล็คเมล์คนอื่นแบบนี้ กณิกาคงจะรับไม่ได้ และสูญสิ้นความศรัทธาในตัวเธอ ซึ่งมันทำให้กวิสรายอมรับไม่ได้ ถ้าต้องถูกน้องสาวมองด้วยสายตารังเกียจ
“อะไรๆ ก็น้องสาว น้องสาว เคยห่วงตัวเองบ้างไหมน่ะ เตย เฮ้อ...ตามใจ เราว่าอย่าพึ่งเป็นงานสุดท้ายเลย รับอีกสักงานสองงานเถอะ ตอนนี้น่ะ รู้ไหมว่าพวกเราสองคนเริ่มจะมีชื่อเสียงในหมู่ภรรยาหลวงที่ต้องการเลิกสามีแล้วนะยะ โกยเงินกันไว้ก่อนเถอะ น้องตองผู้ใสซื่อและตั้งหน้าตั้งตาเรียนของเตยน่ะ จะมารู้อะไรได้เล่า แล้วอีกอย่างงานของเราสองคนก็เป็นความลับกันสุดๆ อยู่แล้ว ถ้าไม่มีใครปูด ก็ไม่มีทางจะรู้ การเก็บรักษาสถานะภาพตัวตนของตัวเองให้เป็นความลับน่ะ สำคัญสำหรับเราสองคนอยู่แล้วนี่นา”
ผลิดาว่า คำพูดของเพื่อนสนิททำให้กวิสรานิ่งคิด จริงสินะ... เก็บเงินไปอีกสักหน่อยก็จะเป็นไรไปเล่า งานของพวกเธอที่ทำอยู่ มันก็ต้องเป็นเรื่องลับสุดๆ กันอยู่แล้วนี่นา
จะเรียกว่าอาชีพนี้กลายเป็น ‘งาน’ ที่สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้กับกวิสราและผลิดาก็ไม่ผิดนัก แม้คนหลังจะเหมือนเป็นนายหน้ากลายๆ มากกว่าคนลงมือทำก็ตามที เพราะผลิดาควบตำแหน่งภรรยาน้อยของผู้ชายถึงสองคน คนหนึ่งเป็นผู้กำกับหนุ่มสุดหล่อและติสมาก จนภรรยาเบื่อความติสนั้น เขาจึงต้องมาหาเศษหาเลยข้างนอก และถูกใจที่ผลิดา สาวแสนเซ็กซี่ที่เหมือนลูกแมวขี้อ้อน ร้อนแรงบนเตียง และเป็นคนที่รับฟังเขาได้ดี อีกคนหนึ่งเป็นผู้จัดการธนาคารหนุ่มใหญ่ ที่ส่งเสียเธอจนเรียนจบ จนปัจจุบันนี้เธอก็ยังไปให้ความสุขกับชายวัยกลางคนอีกเป็นระยะ แม้จะไม่ได้มีเรื่องบนเตียงกันเหมือนเดิม หากแต่เขาจะชอบพูดคุยกับเธอมากกว่า เพราะผลิดาเป็นผู้ฟังที่ดีและเข้าอกเข้าใจผู้อื่น จนทำให้คนที่อยู่ใกล้อบอุ่นและมีความสุข
ส่วนกวิสรา งานแรกของเธอได้มาแบบไม่ตั้งใจ หลังจากที่เธอลาออกจากงานเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็แทบจะจำไม่ได้ ด้วยปัญหาเดิมๆ เจ้านายหัวงูอยากจะได้เธอไปทำงานอย่างอื่นมากกว่าทำงานบัญชี ด้วยรูปร่างหน้าตาแสนเซ็กซี่เย้ายวนของเจ้าตัว จุดเด่นของกวิสราที่ธรรมชาติให้มา กลายเป็นสิ่งดึงดูดปัญหาเข้ามาหาเธอได้อย่างมากมาย เธอต้องส่งเสียน้องสาวคนเดียวอย่างกณิกา ครอบครัวคนเดียวซึ่งเหลืออยู่ บิดามารดาของเธอด่วนจากไปในอุบัติเหตุ ทำให้กวิสราต้องรับบทหนักในการดูแลน้องสาวคนเดียว หาเงินมาส่งเสียค่าเล่าเรียนในมหาวิทยาลัย และรับภาระหนี้สินที่บิดามารดาทิ้งไว้ให้ บ้านของเธอติดจำนองและเกือบจะถูกยึด กวิสราเครียดมากจนเข้าไปดื่มเหล้ายังผับแห่งหนึ่งและเธอก็พบกับผลิดาเพื่อนเก่าสมัยเป็นนิสิตในรูปลักษณ์ใหม่ เธอแทบจะไม่อยากเชื่อว่านี่คือผลิดา เพื่อนสาวแสนเชยผู้เรียบร้อยในอดีต
‘เราเปลี่ยนไปมากล่ะสิ เตย แต่นี่ก็คือเรา เราเป็นเด็กเสี่ยมาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว’ คนพูดหัวเราะราวกับจะหยันตัวเอง
‘แต่เราต้องทำเพราะว่าเราไม่มีใคร ใครจะว่าอะไรเราก็ไม่สนใจหรอก ตอนนี้เรามีสามีตั้งสองคนนะ แถมเป็นสามีชาวบ้านอีกด้วย หึๆ แต่จะแคร์อะไรล่ะ มันทำให้เราสบาย และไม่ต้องดิ้นรน กลับไปลำบากอีกแล้ว’
‘จริงสินะ’
หญิงสาวผู้กำลังผิดหวังและท้อแท้กับทุกสิ่งหัวเราะขึ้นบ้าง นัยน์ตาคมเฉี่ยวมีน้ำตาคลอขึ้นมาทันที
‘บางทีการที่ทำอะไรถูกต้องไปทุกอย่าง มันก็ทำให้เราลำบากมากๆ เราลำบากไม่ว่าแต่น้องสาวเรานี่สิ เราไม่อยากให้เขาต้องเลิกเรียน ออกจากมหาวิทยาลัยกลางครัน เราไม่มีอนาคตไม่เป็นไร แต่น้องสาวเราต้องมีอนาคต และเราก็พร้อมจะทำทุกอย่างด้วย เพื่อน้องสาวของเรา’
เรื่องราวพรั่งพรูออกมาจากปากของกวิสราในคืนนั้น ทำให้ผลิดาเห็นใจและอยากจะช่วยเหลือ ในอดีตตอนสมัยเรียนกวิสรานับได้ว่าเป็นเพื่อนที่ดีของเธอคนหนึ่งเลยทีเดียว ตอนนี้เพื่อนกำลังลำบาก มันก็ทำให้หญิงสาวอยากจะช่วยเหลือ หากแต่ในแบบของตัวเอง ซึ่งเมื่อเธอเสนอบอกกับกวิสราไปอีกฝ่ายก็แทบสะอึก หากแต่ก็ยอมก้มหน้ารับชะตากรรมแต่โดยดี
‘ทำได้แน่ๆ นะเตย เราอยากจะช่วยจริงๆ ถึงแม้ใครจะว่าสิ้นคิดที่เอาเรือนร่างมาเป็นสินค้าแบบนี้ แต่มันก็ตัวเรา ของๆ เรา จะไปสนใจปากใครทำไมกัน ลองมาจนตรอกเหมือนกันดูบ้างสิ จะรู้สึก’
กวิสรากลืนน้ำลาย หากแล้วเจ้าตัวก็พยักหน้าอย่างลังเล ท่าทีของเพื่อนทำให้ผลิดาสงสารยิ่งนัก เธอจึงคิดวางแผนที่จะช่วยให้กวิสราทั้งได้เงินและไม่ต้องสูญเสียในสิ่งที่แหนหวงไปพร้อมๆ กัน
และแล้วกวิสราก็กลายเป็นสาวฮอทในบรรดาสาวไซน์ไลน์ มีค่าตัวสูงที่สุดจนต้องแทบประมูลกันเลยทีเดียว โดยนายหน้าอย่างผลิดา ที่ช่วยดำเนินการให้ทุกอย่างสวยหรูและจบลงด้วยดี กวิสราได้เงินและไม่ต้องยอมสละตัวเองถึงขั้นนั้น หากแต่ยอมเปลืองตัวนิดหน่อยเพื่อแลกกับเงินจากผู้ชายที่ไม่เคยพอทั้งหลาย พวกเขาลุ่มหลงกับสายตาอันแสนเซ็กซี่ เรือนร่างยั่วใจของเธอ พวกเขาทำให้เธอและผลิดาหัวเราะลับหลังว่าช่างโง่เง่าจริงๆ ที่มาเป็นเหยื่อให้กับพวกเธอหลอก งานนี้ทำรายได้ให้กับเธอและผลิดาอย่างเป็นกอบเป็นกำกันเลยทีเดียว
หญิงสาวใสซื่อมองโลกในแง่ดี และทำทุกอย่างถูกทำนองคลองธรรม อย่างกวิสราเปลี่ยนไป เป็นอีกคนหนึ่งที่ร้ายกาจแพรวพราวไปด้วยเหลี่ยมเล่ห์ และยอมทำทุกอย่างได้เพื่อเงิน นั่นเพราะสังคมของความเห็นแก่ตัวของเพศชายได้หล่อหลอมเธอขึ้นมา จนกลายเป็นกวิสราคนใหม่ ที่ร้ายกาจและเหลี่ยมคมจัดจ้าน พร้อมจะทำทุกสิ่งเพื่อผลประโยชน์
งานของเธอเปลี่ยนไป ตั้งแต่มีลูกค้าผู้หญิงโทรศัพท์มาหาเธอ ผลิดาและหญิงสาวแปลกใจมาก แต่เมื่อฟังว่าสตรีผู้นั้นต้องการอะไร กวิสราก็ถึงกับทำตาโต พลางหันมาปรึกษากับเพื่อนสนิทว่าจะรับงานนี้ดีไหม
‘ทำดีไหมไอซ์ เขาให้เราไปตีสนิทกับสามีเค้า แล้วก็เอ่อ...ทำทุกวิถีทางให้สามีเค้าพาเราเข้าโรงแรม แล้วเขาจะทำทีเป็นไปจับชู้ จะได้มีข้ออ้างในการหย่า มันแบล็คเมล์ชัดๆ นี่นา ไม่อยากทำเลยแหะ’
‘เอาน่า แบบนี้สิดี ตื่นเต้นดีออก ไม่ต้องหาวิธีสารพัดมาเอาตัวรอดจากผู้ชายที่มาหาเธอด้วย แถมเค้าให้ตั้งสามหมื่นแน่ะ สามหมื่นนะเตย’
‘เราว่าจะต่อรองสักห้าหมื่น’ กวิสราหลิ่วตา นางแม่มดร้ายกวิสราเริ่มแผลงฤทธิ์เดชของตัวเองทันที
‘สินสมรสของคนระดับนั้นเป็นหลายร้อยล้าน ห้าหมื่นขนหน้าแข้งคุณนายไฮโซนั่นคงไม่ร่วงหรอก’
‘เยี่ยมมาก เพื่อนรัก’
และเมื่อแผนนั้นสำเร็จไปได้ด้วยดี ก็ดูเหมือนว่าจะมีงานแบล็คเมล์เข้ามาบ่อยขึ้น จากปากต่อปากของคุณหญิงคุณนายผู้เอือมสามีทั้งหลาย บางคนก็เพื่อสินสมรสที่อยากได้จนต้องสร้างเหตุการณ์แบบนี้ รายได้จากงานนี้ดีมาก จนกวิสราเลิกสวมบทสาวไซไลน์ผู้เปี่ยมเสน่ห์ไปเลย
“จริงสินะ จะรีบเลิกไปทำไมกัน เรารับอีกสักงานสองงานค่อยเลิกก็แล้วกันเนอะ”
“เยี่ยมมาก เพื่อนรัก”
ผลิดากล่าวชมเชย พร้อมกับจดเบอร์โทรศัพท์ลงในกระดาษโน้ต ที่หยิบออกมาจากกระเป๋าถือส่งให้เพื่อนสนิท
“นี่เป็นเบอร์โทรศัพท์ของคนที่ว่าจ้างเรา ชื่อคุณวรปรัชญ์ เค้าให้เตยโทรศัพท์ไปคุยกับเขา และตกลงทำความเข้าใจกันก่อนจะรับงาน”
“วรปรัชญ์ ชื่อเหมือนผู้ชายเลย”
กวิสราบ่นพึมพำ ขณะที่ผลิดายักไหล่ ผู้ชายที่ไหนจะมาจ้างพวกเธอ ทำงานแบบนี้กันเล่า
“อย่าไปสนใจเรื่องชื่อเลยน่า เรื่องงานเรียบร้อยแล้ว เรามาต่อเรื่องอื่นกันดีกว่า นี่สั่งอาหารอย่างดีชุดใหญ่มาเลย วันนี้เงินเดือนออกน่ะ”
ผลิดาขยิบตา กวิสราได้แต่ส่ายหน้าน้อยๆ เพราะบางทีก็อดนึกเห็นใจเพื่อนสนิทไม่ได้ กับการต้องเป็นภรรยาน้อยของผู้ชายถึงสองคนแบบนี้ เพื่อแลกกับความสะดวกสบายในชีวิต ผู้หญิงถ้าเลือกได้ คงไม่มีใครอยากจะทำแบบนี้ แต่ผลิดาแม้จะเลือกได้ เธอก็ยึดติดกับความสบาย จนไม่อยากจะเลือกอีกต่อไปแล้ว เมื่อคิดว่าเธอไม่ได้ทำความเดือดร้อนให้ใคร และตัวเธอเองก็สบายใจและรับได้กับสิ่งที่เป็น ชีวิตมีความสุข ผลิดาไม่อยากจะดิ้นรนบอกเลิกกับพวกเขา และไปหางานทำให้เหนื่อยยากลำบาก
“เงินเดือนของคนไหนล่ะ”
เธออดล้อเลียนไม่ได้ และอีกฝ่ายก็ไม่ได้ขัดเคืองอะไร นี่เป็นข้อดีของผลิดา ที่มองโลกสีเทานี้อย่างรื่นรมย์
“ของป๋าขาไงล่ะ” ผลิดาหัวเราะกิ๊ก
“วันนี้เต็มที่ไปเลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ ของป๋าเค้าให้พิเศษมาด้วย แต่ว่าถ้ารับเงินค่าจ้างมาเรียบร้อยแล้ว อย่าลืมมาเลี้ยงกันบ้างนะเตย”
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า เราจะเลี้ยงให้หนักๆ เลย แถมกระเป๋ากุดชี่ที่ไอซ์อยากได้ด้วยก็ยังไหวเลย ค่านายหน้าไงล่ะเพื่อน”
“พูดแล้วห้ามคืนคำนะ”
ผลิดาเอ่ยเย้าๆ ขณะที่กวิสราหัวเราะกิ๊ก แล้วเอ่ยตอบด้วยเสียงที่พยายามดังให้ฟังแล้วเคร่งขรึมว่า
“หรือจะไม่เอา ดีเลย ไม่เปลืองค่านายหน้ารอบนี้ ข้าวก็เลี้ยงก๋วยเตี๋ยวเรือชามละ สิบห้าบาทก็พอแล้ว”
“หยาบคาย ได้เงินมาเก้าแสน เลี้ยงก๋วยเตี๋ยวเรือเรานี่นะ โหดร้ายมากเตย”
ผลิดาแกล้งโวย สองสาวหัวเราะกันคิกคัก พร้อมกับชวนคุยถึงแผนการคร่าวๆ ในเรื่อง ‘งาน’ ของกวิสรา
งานที่ท้าทาย อันตรายและค่าตอบแทนมหาศาล โดยลงแรงนิดหน่อย ใช้เสน่ห์มารยาหญิงในการพิชิตหัวใจผู้ชายให้มาสยบได้ภายในเวลาอันสั้น มันก็น่าสมเพชอีกฝ่ายหนึ่งไม่ใช่หรือ ที่ห้ามหัวใจไม่อยู่ไปหลงใหลกับเสน่ห์มารยาของเธอ จนลืมคิดถึงศีลธรรมและความถูกต้อง เธอไม่ได้ทำผิดอะไรเลย แถมยังช่วยให้ผู้หญิงพวกนั้นได้พ้นมาเสียได้จากผู้ชายที่ใจง่ายอ่อนไหวกับสิ่งเร้าอันเย้ายวน จนทำให้ชีวิตครอบครัวอันสงบสุขต้องพังลง เพียงเพราะความไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจของตนเอง
มือใหญ่ที่กำลังจะเปิดประตูรถคันหรูชะงัก เมื่อมีเสียงโทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้น ชายหนุ่มล้วงเอาโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงยีนด้านหลังมากดรับ หลังจากดูว่าเป็นใครโทรศัพท์มา พร้อมกับกรอกเสียงลงไปอย่างเป็นการเป็นงาน“ว่าไง ชวัล”“เรื่องที่นายให้ไปสืบข่าว เกี่ยวกับเรื่องของคุณณัฐณิชา ฐานนันท์ เอ่อ...เธอใช้ชื่อปลอมครับ”เสียงรายงานจากปลายสาย ทำให้เปลวตะวันย่นคิ้ว“อะไรนะ?”“ชื่อจริงของเธอคือกวิสรา ปองทิวาครับ เป็นสาวไซน์ไลน์ แล้วก็รับจ้างในการแบล็กเมล์ ค่อนข้างจะแสบมากเลยครับ คุณเปลวตะวัน ผู้หญิงคนนี้”ชวัล นักสืบมือดีที่เขาจ้างด้วยค่าเหนื่อยแพงลิบ เอ่ยรายงานฉะฉาน“หืม? คุณได้ข้อมูลอะไรมาบ้าง ส่งมาให้ผมทั้งหมดเลย ชวัล ถ้าข้อมูลที่ได้มาผมดูแล้วคุ้มค่ากับรางวัลที่จะให้เพิ่ม พรุ่งนี้คุณจะมีเงินโอนเข้าธนาคารไม่ต่ำกว่าสามแสนบาท”“โอ้ว เป็นพระคุณอย่างสูงเลยครับ ผมมีอีกเรื่องที่คุณเปลวตะวันอาจจะต้องตกใจ เพราะบังเอิญได้ภาพเด็ดๆ มา น่าขอบใจลูกค้าของผมที่ให้สืบเกี่ยวกับเรื่องนอกใจ เด็กของผมที่ไปสอดแนมเลยได้ข่าวของคนที่คุณกำลังให้ตามสืบมาโดยบังเอิญ ผมว่าเรื่องนี้ก็น่าสนใจมากนะครับ คุณเปลวตะวัน”“เรื่องอะ
“ขอบคุณมาก เดวิด ฝากน้องชายของผมด้วย เจสสิก้าเป็นจิตแพทย์ชั้นเยี่ยม เธอคงจะช่วยน้องชายของผมได้”เปลวตะวันเอ่ยเป็นภาษาเยอรมันกับปลายสาย เขากำลังเจรจากับเพื่อนสนิทต่างรุ่น เพื่อจัดการส่งตัวป้องนทีให้กับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางจิตรักษาอาการให้กับน้องชาย นับวันป้องนทียิ่งน่าเป็นห่วง เขาซึมเศร้า และจมอยู่กับตัวเอง ตอนนี้ป้องนทีผ่ายผอมมากเพราะแทบจะไม่แตะต้องอาหาร เปลวตะวันต้องให้พวกคนทำงานบ้านผลัดเปลี่ยนกันมาคอยดูแลน้องชายไม่ยอมให้อยู่คนเดียว เขากลัวว่าป้องนทีจะคิดสั้น ตอนนี้เขานอนห้องเดียวกับป้องนทียามกลางคืน คอยชวนพูดคุย ทำกิจกรรมกันแบบพี่น้องบ้าง แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยให้ป้องนทีดีขึ้นเลย“ไม่มีปัญหา ทางเราจะเตรียมต้อนรับอย่างดี”“เรื่องเงินไม่ต้องห่วงนะเดวิด ผมจัดการให้ไม่อั้น ขอเพียงให้นายป้องเลิกเป็นแบบนี้เสียที”“อาการป่วยทางจิตไม่เหมือนกับป่วยทางกายหรอกนะเพื่อนรัก” ปลายสายเอ่ยเสียงทุ้ม“มันต้องใช้เวลา แล้วก็อยู่ที่ตัวของน้องชายของนายด้วย ว่าเขาจะเปิดใจรับการรักษามากแค่ไหน แต่รับรองไว้ว่าเจสสิก้าจะช่วยให้ป้องนทีผ่านพ้นและเปิดใจยอมรับความเป็นจริงได้”“ขอบคุณมากครับเดวิด”เปลวตะวันเอนหลังกับโซ
“เสียใจด้วยนะครับ คุณป้อง คุณเปลว”เปลวตะวันยกมือไหว้ลาคนทัก พร้อมกับยิ้มน้อยๆ ให้ นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความเศร้าหมองและฉาบทับด้วยประกายแห่งความแค้น ขณะที่ป้องนทีเหม่อลอยราวกับคนไม่มีชีวิตจิตใจ ทำทุกอย่างเหมือนกับหุ่นยนต์หลังจากที่ทราบเรื่องราวทั้งหมดจากปากของน้องชายแล้ว เปลวตะวันก็รู้สึกราวกับว่าโลกแทบจะพังทลายลงไปตรงหน้าเขา หากแล้วด้วยความที่เป็นคนที่ตั้งสติได้ดี ใช้สมองมากกว่าอารมณ์ ทำให้เปลวตะวันนิ่งเงียบ น้ำตาเขาไม่ไหลสักหยด มือกำแน่นด้วยความแค้น สมองเริ่มคิดหาทาง ทวงทุกอย่างคืน!งานศพของจิตรมณี จัดขึ้นอย่างเรียบง่าย หากแต่สมฐานะ แขกมีเกียรติมากันอย่างคับคั่ง ทำให้พวกเขาต้องวุ่นวายต้อนรับ ซึ่งมันก็เป็นการดีเหมือนกัน ที่ป้องนทีจะได้มีอะไรทำบ้าง น้องชายเขาสูญเสียมากเหลือเกินเปลวตะวันเป็นห่วงน้องชาย ครอบครัวเพียงคนเดียวที่เหลือของเขามาก ป้องนทีเหม่อลอย ราวกับว่าไม่มีวิญญาณ ทำทุกอย่างตามที่เขาบอกราวกับหุ่นยนต์ ความสูญเสียที่ถาโถมเข้ามา และการที่น้องชายเขาพร่ำขอโทษเรื่องของบริษัท ตอนนี้สหัสวรรษ กรุ๊ป ตกไปอยู่ในมือของคนอื่น มันทำให้เปลวตะวันนึกกลัวว่าป้องนทีจะคิดสั้นขึ้นมาอีกครั้ง
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป ที่หน้าคฤหาสน์ สหัสวรรษ“ไม่ต้องทอนครับ”คนขับแท็กซี่ที่กำลังควานหาเงินทอนอยู่อย่างจ้าละหวั่น เพราะลูกค้ารายแรกของวัน ที่เขาไปรับมาจากสนามบิน สุวรรณภูมิ จ่ายค่าโดยสารเป็นธนบัตรใบละหนึ่งพันบาท“ขอบคุณมากพ่อหนุ่ม”ลาภลอยแต่เช้าแบบนี้ ทำให้ชายขับแท็กซี่ยิ้มกว้าง ชายร่างสูง ในชุดเสื้อเจ็กเก็ตหนังสีดำ กางเกงยีนสีเข้ม รองเท้าผ้าใบง่ายๆ เดินลากกระเป๋าเดินทางที่คนขับกุลีกุจอ ช่วยเขาเอาลงมาจากรถพร้อมกับจะอาสาลากมาให้ถึงหน้าบ้านหลังใหญ่ ที่ล้อมรั้วด้วยรั้วอัลย์ลอยลายงดงาม เพราะได้ทิปจำนวนมากกว่าค่าแท็กซี่เสียอีก หากแต่เขาปฏิเสธ และเดินมาหยุดตรงหน้าบ้าน พร้อมกับยิ้มที่ริมฝีปากน้อยๆ มือหนากดกริ่งหน้าบ้าน“มาหาใครคะ”สาวใช้นางหนึ่งวิ่งออกมาต้อนรับ เครื่องแต่งกายที่เป็นชุดดำล้วนสะกิดตาของแขกผู้มาเยือนยามเช้าอย่างประหลาด เขาถอดแว่นกันแดดสีดำออก พลางยิ้มให้อย่างล้อเลียน และสาวใช้นางนั้นก็อุทานออกมาเสียงดังลั่น พลางลนลานรีบเปิดประตูรั้วบ้านให้เขาอย่างรวดเร็ว“คุณเปลว คุณเปลวกลับมาแล้ว โอย...คุณเปลวขา คุณท่าน ฮือๆ ๆ ๆ”“อะไรกันพี่แจ่ม ใจเย็นๆ ก่อนครับ คุณแม่เป็นอะไร”แจ่มใสร้องไห้พลา