เจนิซกระอักทันที ตอนแรกเธอคิดว่ามาร์คจะสงสารและเห็นใจเธอบ้าง อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เธอรู้สึกราวกับว่าใบหน้าที่เปื้อนเลือดของเธอนั้นทั้งเหลือทนและเป็นเรื่องตลกเมื่อเห็นว่าเธอยังคงยืนอยู่กับที่และไม่มีท่าทีว่าจะขยับมาร์คก็พูดต่อ “เธอบอกว่าเธออยู่ที่บริษัทนี้ต่อไม่ได้แล้วไม่ใช่เหรอ? ฉันไม่บังคับเธอหรอก ถ้าเธออยากจะไป เธอก็ไปจัดการเรื่องนี้ให้จบแล้วไปสิ”เจนิซไม่นึกว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้ “เมื่อกี้ดิฉันแค่พูดเพราะความโกรธ ดิฉันไม่ทันได้คิด” เธอรีบตอบ “บริษัทนี้เยี่ยมมากค่ะ ดิฉันไม่ได้อยากจะไปจริง ๆ… ดิฉันจะไปจัดการเรื่องนี้ค่ะ ขอตัวนะคะ”มาร์คสะบัดมือ “อืม ไปซะ บริษัทนี้ไม่ใช่ที่ที่เธอจะมาหรือไปตามใจชอบเธอได้ คราวหน้าช่วยมีวุฒิภาวะมากขึ้นหน่อย”เจนิซกลับไปที่โต๊ะทำงานของเธอด้วยใบหน้าที่ซีด ใครบางคนหยิบกล่องยามาช่วยเธอทำแผล เนื่องจากไม่เคยได้รับการปฏิเสธจากมาร์คตั้งแต่แรก เธอจึงคิดว่าเธอจะแตกต่างจากพนักงานคนอื่น ๆ ในสายตาของเขา แต่เธอกลับคิดไปไกลโดยไม่คาดคิดเมื่อเทียบกับคนอื่น ๆ เธอเป็นเพียงผู้เดียวที่ได้รับการช่วยเหลือด้านการเงินจากมาร์คทุกเดือน เธอจึงคิดว่าพวกเขาจะมีความเชื่อมโยงกันไม่ท
เจนิซรู้สึกราวกับว่าเธอถูกน้ำเย็นสาด เธอมึนงงและโกรธเล็กน้อย “คุณหมายความว่าอย่างไรคะ? ระยะเวลาการฝึกงานของดิฉันใกล้จะสิ้นสุดแล้วและดิฉันก็ทำงานได้ดีมาตลอด ทำไมคุณถึงยื่นเวลาออกไป? คุณต้องมีเหตุผลใช่ไหมคะ?”ผู้อำนวยการตอบอย่างใจเย็น “ใช่ มีสิ เธอทำหน้าที่ของเธอได้ดีกว่าทุกคนที่เข้ามาฝึกงานรอบนี้ แต่ทัศนคติของเธอรุนแรงมาก เธอทะเลาะกับหัวหน้าเธอก่อนที่เธอจะฝึกงานจบจนต้องได้รับบาดเจ็บ ในฐานะหัวหน้าของเธออีกคนฉันขอแนะนำเธอนะ โลกของการทำงานไม่ได้ง่ายอย่างที่เธอคิด อย่าอวดดีเกินไปไม่อย่างนั้นเธอจะมีปัญหา ลองทนปัญหาเล็กน้อยดูบ้าง ปัญหาใหญ่ ๆ ไม่ต้องทนอยู่แล้ว ผู้ที่อยู่ตำแหน่งสูง ๆ ในบริษัทนี้ไม่ได้ตาบอดอยู่แล้ว เธอน่าจะรู้ดี ฉันได้ยินมาว่าเธอสนิทกับคุณเทรมอนต์ ฉันก็เลยโทรไปหาเขาเพราะกังวลว่าเขาอาจจะไม่พอใจกับการตัดสินใจของฉัน แต่เขาเห็นว่าการตัดสินใจของฉันมีเหตุผลมาก”เจนิซจ้องผู้อำนวยการที่มีท่าทีสบาย ๆ ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกราวกับว่าเธอกำลังตกเป็นเป้าหมายจากทุกทิศทางและในที่สุดเธอก็เข้าใจว่าการถูกลงโทษเมื่อไม่ยอมจำนนรู้สึกอย่างไร เธอเชื่อมาเสมอว่าการผลักดันตัวเองไปข้างหน้าในทุก ๆ ด้านคือหน
”นายท่าน มันก็เป็นทางผ่านของเรา ทำไมนายท่านถึงไม่ไปส่งเธอล่ะคะ? นายท่านทำให้ผู้หญิงตัวน้อยต้องหน้าแตกนะคะ” แมรี่หยอกล้อเขาในรถ“เธอทำตัวเธอเอง” มาร์คตอบอย่างเฉยเมย “ใครก็ห้ามมาเรียกร้องสิทธิพิเศษจากผม เธอโตพอที่จะรู้จักเลี่ยงสถานการณ์น่าอึดอัดหรืออับอาย ผมเป็นเจ้านายของเธอ ไม่ใช่พ่อ มันไม่ใช่หน้าที่ของผมที่จะต้องปกป้องเธอจากน้ำฝน”จากนั้นท่าทางของเขาก็เปลี่ยนไปเมื่อเขากล่าวว่า “ไบรอัน แวะไปที่สำนักงานของแอริก่อน ฝันกำลังตกและเธอน่าจะไม่ได้เอาร่มไป ไปรับเธอกลับบ้านด้วยกัน”ไบรอันพึมพำตอบกลับและเลี้ยวรถไปอีกทางหนึ่ง แมรี่เงียบไป แต่จริง ๆ แล้วเธอแอบพึงพอใจมาก ไม่มีอะไรน่ากังวลไปกว่าการที่ผู้ชายคนหนึ่งโดนผู้หญิงรุมจีบเมื่ออยู่นอกบ้าน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเขาต้องสามารถควบคุมตนเองได้ มาร์คอาจจะดูเอาอกเอาใจผู้หญิงไม่เก่งแต่เขาซื่อสัตย์กับแอเรียนอย่างแน่นอนมาร์คโทรหาแอเรียนเมื่อพวกเขาไปถึงที่สำนักงานของเธอ แอเรียนยังอยู่ที่นั่นเพราะติดฝน ตอนแรกเธอตั้งใจว่าจะรอให้ฝนหยุดตกก่อนที่จะกลับบ้าน แต่เขามาได้ทันเวลาพอดีเมื่อเธอลงมาถึงรถ มาร์คก็ได้ย้ายไปนั่งข้างหน้าเพื่อให้เธอได้นั่งอย่างสบายที่เ
มาร์คไม่ได้ตอบความจริง “ปกติเราล้างบ่อยอยู่แล้ว ช่างมันเถอะ ฉันจะขึ้นไปอาบน้ำก่อน”แมรี่มองเขารีบเดินจากไปก่อนที่จะเริ่มนินทาเขาให้แอเรียนฟัง “หญิงสาวคนหนึ่งจากบริษัทมานั่งที่เบาะหน้าตอนที่เรากำลังจะออกมาพอดี ตอนนั้นฝนตกและเบาะก็เปียกไปหมด ไบรอันเช็ดแล้วแต่นายท่านก็ยังรับไม่ได้อยู่ดี เขาเป็นแบบนี้ตั้งแต่เด็กแล้ว เขาไม่ชอบอะไรที่มันเยิ้ม เหนียว หรือชื้น หล่อนขึ้นรถมาและขอให้เขาแวะส่งหล่อนเพราะมันเป็นทางผ่าน แต่สุดท้ายเขาก็ไล่หล่อนลงจากรถและไปรับเธอแทน นั้นแหละคือข้อดีของเขา เขาไม่เจ้าชู้”มุมปากของแอเรียนกระตุกเล็กน้อย “ไม่เลว… เขาไม่ใช่คนเจ้าชู้เลยจริง ๆ ผู้หญิงคนนั้นเธอชื่อ เจนิซ เบลล์หรือเปล่า? หนูรู้เรื่องเธออยู่”แมรี่พยักหน้า “น่าจะใช่นะคะ ฉันเห็นชื่อนั้นบนบัตรพนักงานของหล่อน วันนี้หล่อนทะเลาะกับหัวหน้าหล่อนและได้รับบาดเจ็บจนหน้าผากแตก หล่อนวิ่งเข้ามาฟ้องในห้องทำงานของนายท่าน แต่เขาบอกให้เธอไปคุยกับผู้อำนวยการแทน เพราะเรื่องเล็กน้อยแบบนั้นไม่ใช่หน้าที่การรับผิดชอบของเขา สาว ๆ สมัยนี้มีเจตนาไม่บริสุทธิ์เอาเสียเลย แต่เธอก็ยังอายุน้อยนะแอริ เธอไม่ต้องกลัวว่านายท่านจะออกนอกลู่นอกทา
ประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมา ในที่สุดสมอร์ก็ผล็อยหลับไป แอเรียนกลับไปที่ห้องนอนและพบมาร์คที่หน้ามุ่ยและนั่งบึ้งตึงอยู่บนเตียงเงียบ ๆ เขาเปล่งออร่าชนิดหนึ่งที่พบได้เฉพาะในแม่บ้านที่อารมณ์เสียเท่านั้นเธอหัวเราะคิกคัก “มีอะไรเหรอคะ?”“ก็เธอไง” เขาบ่น “เธอทำงานระหว่างวันและเมื่อเธอกลับมาบ้านเธอก็เอาแต่สนใจเจ้าตัวเล็กนั่น หลังจากนั้นเธอก็เข้านอน! แล้วฉันล่ะ? ฉันเป็นแค่ของประดับเหรอ?”แอเรียนขึ้นเตียงและห่มผ้า เธอถอนหายใจด้วยความพึงพอใจและผ่อนคลายก่อนจะตอบกลับไปว่า “นี่คุณกำลังจะบอกว่าฉันไม่ควรไปทำงานอย่างนั้นเหรอคะ? แต่คุณตกลงเรื่องนี้แล้วนะ ห้ามถอนคำพูด อีกอย่าง ฉันว่าชีวิตเราตอนนี้ก็ดีจะตาย ฉันนอนกับคุณทุกคืนแทนที่จะนอนกับสมอร์ เพราะฉะนั้นจริง ๆ แล้วฉันใช้เวลาอยู่กับคุณมากกว่าเขาอีก นี่คุณจะเคืองฉันเพราะความสนใจที่ฉันให้เด็กคนหนึ่งจริง ๆ เหรอ? นั่นลูกชายของคุณนะคะ”เขานอนลงข้างเธอและดึงเธอเข้ามากอด “ใช่ เธอนอนกับฉัน แต่เธอผล็อยหลับทันทีที่ออกมาจากห้องสมอร์ และเมื่อฟ้าเริ่มสว่างเธอก็ตื่นไปทำงาน ฉันแตกต่างกับหมอนตรงไหน? ฉันก็เหมือนแค่ของประดับบนเตียงเธอ”หลังจากที่ทำงานมาอย่างหนักทั้งวัน แ
แจ็คสันกดออดอยู่พักใหญ่แต่ก็ไม่มีใครมาเปิดประตู เขาเริ่มสงสัยว่าธัญญ่าแค่ทำเมินประตูทั้ง ๆ ที่อยู่บ้านเพราะรู้ว่าเป็นเขาเขากำลังคิดที่จะไปเดินเล่นและค่อยกลับมาอีกครั้งเมื่อเสียงของธัญญ่าดังขึ้นจากข้างหลัง “พี่มาทำอะไรที่นี่?”แจ็คสันหมุนตัว สายตาเขาเหลือบไปเห็นวัสดุการทำอาหารในกระเป๋าของเธอและตระหนักได้ว่าเธอเพียงแต่ออกไปซื้อของเข้าบ้าน “ฉันมีเรื่องอยากจะถามเธอ”ธัญญ่าก้มหน้าลงด้วยความตื่นตระหนกเล็กน้อย “อืม โอเคค่ะ… ถ้าอย่างนั้นเราเข้าไปคุยกันข้างในดีกว่า”สิ่งแรกที่แจ็คสันทำหลังจากที่เดินเข้าประตูคือการสำรวจดูภายในและกล่าวว่า “ไหนเธอบอกว่าเธอแต่งงานกับเจตต์ แล้วทำไมเขาถึงปล่อยให้เธออยู่ในห้องที่เธอเช่าเองล่ะ?”ธัญญ่าไม่รู้ว่าจะตอบเขาอย่างไร เธอไม่ได้รู้ว่าเจตต์มีบ้านเป็นของตัวเองหรือไม่ หรือว่าเขามีเงินในบัญชีเท่าไหร่ สิ่งเดียวที่เธอรู้เกี่ยวกับสามีของตนคือว่าอย่างน้อยเขามีรถเป็นของตัวเอง เธอรีบเบี่ยงประเด็นอย่างรวดเร็วด้วยการถามกลับ “พี่มีเรื่องอะไรจะถามเหรอคะ? เกี่ยวกับ… เรื่องก่อนหน้านี้หรือเปล่า?”แจ็คสันพยักหน้าเบา ๆ “บอกความจริงฉันมาธัญญ่า มีใครสั่งให้เธอทำเรื่องทั้งหมดน
ธัญญ่ากัดกรามตนเองราวกับว่ากำลังรวบรวมความกล้าก่อนที่จะทำการตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่ “ฉันรู้น้อยมาก ฉันรู้แค่ว่าอเลฮานโดรแค่แกล้งพิการและเขาเคยพูดว่าเขาต้องใช้เวลาถึงสามปีกว่าจะรักพี่ทิฟฟานี่ ทั้งหมดที่เขาทำไปก็เพื่อสิ่งเดียว คือการทำให้พี่สองคนเลิกกัน ฉันรู้แค่นี้ ฉันบอกทั้งหมดที่ฉันรู้แล้ว เพราะฉะนั้นได้โปรดเก็บเรื่องนี้ไว้จากพี่ทิฟฟานี่ด้วยนะคะ เพราะถ้าพี่ทิฟฟานี่รู้เรื่องนี้เข้าฉันตายแน่!”สามปีเหรอ?แจ็คสันนึกถึงคนคนหนึ่งทันที: อีธาน คอนเนอร์อีธานเป็นคนเดียวที่ทิฟฟานี่รักเป็นระยะเวลาสามปี เขาเป็นคนที่ทำให้แจ็คสันอิจฉาด้วยทันใดนั้นเขาก็รู้สึกราวกับว่ามีพุ่มไม้หนามงอกขึ้นทั่วหัวใจของเขาและทิ่มแทงเขาด้วยความไม่สบายใจ ถ้าอเลฮานโดรเป็นอีธานที่ปลอมตัวมาทุกอย่างที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ก็สมเหตุสมผลในที่สุดเป็นเรื่องน่าขันที่ในขณะที่ทิฟฟานี่รักอีธานมาสามปี แต่อีธานกลับใช้เวลาสามปีนั้นเพื่อตอบแทนความรู้สึกของเธอโดยการทำลายครอบครัวของเธอและทำให้เธอต้องสูญเสียคุณพ่อแจ็คสันกลับไปที่บริษัทของเขาหลังจากที่ออกจากอะพาร์ตเมนต์ของธัญญ่า เมื่อเขาพบทิฟฟานี่ระหว่างทางผ่านบริเวณที่ทำงานเขาก็ทำตัวปก
แจ็คสันพยักหน้าและดึงเธอกลับไปที่โต๊ะของพวกเขาก่อนที่จะปล่อยให้เธอทานอาหารจนเสร็จในขณะที่เขาปัดทิ้งปัญหาของตนเองไปก่อนเขาเสียใจที่เอ่ยชื่ออีธานและทำให้ทิฟฟานี่ขวัญเสียขนาดนั้น อันที่จริงเขาคิดไม่ถึงว่าเธอจะมีปฏิกิริยาตอบรับที่รุนแรงขนาดนี้ ตอนนี้เขาต้องการที่จะสามารถบอกเธอได้ด้วยความมั่นใจว่าอีธานได้เสียชีวิตในแอฟริกาใต้ แต่เรื่องราวมักจะไม่ราบรื่นอย่างที่คนเราหวังวันหยุดสุดสัปดาห์มาถึง แจ็คสันพาทิฟฟานี่ไปส่งที่บ้านของลิเลียนและสัญญาว่าจะกลับมารับเธอตอนเย็น จากนั้นเขาก็ตรงไปที่คฤหาสน์เทรมอนต์เขาเล่าทุกสิ่งที่เขารู้จนถึงตอนนี้ให้มาร์คฟัง มาร์คใช้เวลาในการวิเคราะห์ข้อมูลก่อนที่จะพูดว่า “การสืบว่าอเลฮานโดร สมิธใช่หรือไม่ใช่อีธาน คอนเนอร์ไม่ได้ยากขนาดนั้น เราเพียงแค่ต้องตรวจดีเอ็นเอ ตอนนี้เขาพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลใช่ไหม? อย่างนั้นเราก็สามารถเก็บตัวอย่างเลือดของเขาได้ง่าย ๆ”“แล้วถ้าเขาคืออีธานจริง ๆ ล่ะ?” แจ็คสันขมวดคิ้วมาร์คเม้มปาก “ปรัชญาของฉันคือการไม่ยุ่งกับคนที่ไม่มารบกวนฉันก่อน แต่พวกที่ทำผิดต่อฉันน่ะเหรอ? ฉันจะทำร้ายพวกมันโดยไม่ยั้งมือ มันเป็นหลักการชีวิตที่เรียบง่ายจร