ทิฟฟานี่ไปตามที่อยู่ของคุณสโลนในบ่ายวันนั้น แอเรียนกลับไปรอที่บ้าน ตอนแรกเธอตั้งใจจะไปกับเธอด้วย ทว่าเมื่อเธอนึกถึงปฏิกิริยาของมาร์คที่มีต่อจดหมาย เธอตัดสินใจล้มเลิก ก่อนทุกอย่างที่สงบอยู่จะปะทุเป็นปัญหาเพราะเหตุนี้ แม้ว่ามันจะดูเหมือนว่ามาร์คไม่ได้เข้มงวดกับการที่เธอจะไปไหนก็ตาม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่รู้ว่าเธอไปไหนเช้าวันรุ่งขึ้น ทิฟฟานี่ส่งข้อความมาบอกว่าเธอถึงบ้านแล้ว พวกเขาตกลงที่จะเจอกันหลังเลิกงานและพูดคุยกันเป็นการส่วนตัวทิฟฟานี่รีบกลับมาตั้งแต่เช้าเพื่อไปทำงานตามปกติ ก่อนที่แจ็คสันจะตัดสินใจยื่นซองขาวให้กับเธออย่างกะทันหัน เธอต้องไปทำงานตามปกติ เพื่อที่เธอจะได้รับค่าจ้างเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งวัน แม้ว่าเขาจะยื่นซองขาวให้เธอก็ตามเธอมาสายกว่าเวลาที่กำหนดหนึ่งชั่วโมงด้วยความล่าช้าของการเดินทางที่ใช้เวลานาน เมื่อเธอมาถึงก็วิ่งเข้าไปในออฟฟิศ เธอสังเกตเห็นว่าดูเหมือนในลิฟต์จะมีคนอยู่น้อย สิ่งนี้ทำให้เธอรู้สึกสะดวกสบาย อย่างน้อยเธอก็ไม่ต้องไม่ต้องเบียดเสียดกับใครและทำให้ช้าลงในเวลานั้นเองประตูลิฟต์ค่อย ๆ เปิดออก เธอตกใจ เธอคิดว่าไม่มีใครอยู่ภายในลิฟต์ แต่เธอคิดผิด อย่างไรก็ต
การ ‘บังคับ’ ที่แจ็คสันแสดงออกทำให้ทิฟฟานี่จนปัญญา เธอไม่เข้าใจว่าเขากำลังพยายามจะทำอะไร เขาทำราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นหลังจากเกิดสิ่งที่น่าอับอายนั้นได้อย่างไร? เขาไม่ควรจะตกเป็นเป้าสงสัยไม่ใช่หรือ?เมื่อพวกเขามาถึงที่ชั้นล่าง เธอถ่วงเวลาอยู่ในนั้นโดยไม่ยอมก้าวออกจากลิฟต์ “คุณเวสต์ คุณไม่คิดว่าเราควรหลีกเลี่ยงที่จะตกเป็นเป้าสงสัยเหรอ? เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมามีเรื่องอื้อฉาวเกิดขึ้น คุณยังไม่ได้แต่งงานและฉันก็ไม่ มันจะเป็นการทำลายชื่อเสียงของเราและการอยู่ร่วมกันของเราในอนาคต คุณน่าจะไปก่อน ฉันจะนั่งแท็กซี่ไป”แจ็คสันไม่ได้ใส่ใจที่จะฟังเธอพูดอีกต่อไป เขายื่นแขนออกไปโอบรอบคอของเธอเอาไว้ และลากเธอไปที่รถ “คุณเวสต์เหรอ? คุณไม่เคยเรียกผมแบบนั้น ผมเคยบอกคุณไปแล้วว่าไม่เป็นไร ผมไม่กลัว แล้วทำไมคุณต้องกลัว? ขึ้นรถ”จิตใจของเธอฟุ้งซ่านด้วยกลิ่นโคโรญจน์จาง ๆ ของเขา เขาไม่เพียงไขข้อสงสัยให้กระจ่าง ทว่าเขายังขจัดทุกความกังวลของเธอให้หายไปจนหมดสิ้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นไม่ส่งผลกระทบกับเขาจริงหรือ? เธอมองออกไปที่ข้างนอกหน้าต่างในรถยนต์ เธอเปิดหน้าต่างปล่อยให้อากาศเย็น ๆ เข้ามาภายในรถ ด้วยวิธ
แอเรียนผ่อนคลายลงหลังจากที่ได้ฟังคำตอบของเธอ พวกเธอสั่งอาหารของพวกเธอก่อนที่ทิฟฟานี่จะเริ่มรายงานสิ่งที่เธอพบเมื่อเธอไปตามที่อยู่ทางไปรษณีย์ “อย่างไรก็ตามฉันไปถามเพื่อนบ้านหลายคนที่อาศัยอยู่รอบ ๆ ที่นั่น ความสอดคล้องที่พวกเขาอธิบายตามความจริง กับผู้ชายที่อาศัยอยู่ที่นั่นมาโดยตลอดคือ จอร์จ ลีไวน์ อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่รู้จักชื่อเต็ม ๆ ของเขาเพราะพวกเขาไม่ได้พูดมาก พวกเขาเคยได้ยินเด็กหนุ่มคนหนึ่งเรียกเขาว่า ‘คุณลุงสโลน’ ก่อนหน้านี้ แต่พวกเขาไม่มั่นใจ บางทีเขาก็เรียกเขาว่า ‘คุณลุงลีไวน์’ ด้วยเหมือนกัน”“มีบางคนพาจอร์จ ลีไวน์ คนนี้ไปเมื่อสามปีก่อน และเขาไม่เคยกลับมาอีกเลย ฉันสงสัยว่าเขาอาจจะเปลี่ยนชื่อ เขาโกหกพวกเรา เขาคือคุณสโลน! ถ้าเราถอยออกมาและพูดว่าเขาไม่ใช่คุณสโลน แบบนั้นคุณสโลนในจดหมายฉบับนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เกี่ยวข้องกับเขา ใครเป็นคนใช้ที่อยู่ของจอร์จ ลีไวน์ เพื่อส่งจดหมายโดยไม่มีเหตุผลชัดเจน ถ้าจอร์จ ลีไวน์ไม่ใช่คุณสโลน เขาก็คือคนที่รู้จักกับคุณสโลน ฉันจะขอให้นักสืบเอกชนสืบเรื่องนี้ มาลบล้างความเป็นไปได้ว่าจอร์จ ลีไวน์เปลี่ยนชื่อของเขาหรือไม่”แอเรียนรู้สึกสงบขึ้
แอเรียนสังเกตเห็นผลไม้และอาหารเสริมบนหัวเตียง ซึ่งดูคล้ายกับที่เอธานนำมาเมื่อวาน อย่างไรก็ตามเธอไม่ได้ให้ความสนใจกับเรื่องนี้มากนัก สิ่งเหล่านี้สามารถหาซื้อได้ทั่วไปในบริเวณบ้านฟักฟื้น ซึ่งหมายความว่าตราบใดที่ใครบางคนซื้อของเหล่านี้จากบริเวณใกล้เคียง มันก็คงจะเหมือนกัน เธอไม่ค่อยเชื่อเรื่องของจอร์จนัก “คุณลีไวน์ นั่นไม่ใช่สิ่งที่คุณพูดเมื่อเรามาที่นี่เมื่อวานนี้ คุณมีเหตุผลสำคัญซ่อนอยู่เพื่อป้องกันคุณจากการพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้เหรอคะ?”จอร์จหลับตาที่สับสนของเขา การหายใจของเขาถี่ขึ้นเล็กน้อย “ไม่ได้มีเหตุผลสำคัญอะไร ฉันแค่ไม่ต้องการสร้างปัญหาให้กับตัวเอง กรุณาอย่ามาหาฉันอีกเลย เรื่องของคุณสโลนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับฉัน ทั้งหมดนี้ฉันเพียงต้องการรอคอยความตายของฉันอย่างสงบ”ตามความคิดของเธอที่เดินทางไปตามที่อยู่ในจดหมายที่น่าเบื่อนี้ทำให้ทิฟฟานี่ยอมรับได้ยาก อย่างไรก็ตามจอร์จได้ยุติการสนทนากับเธอ จอร์จยอมรับว่ารู้จักกับคุณสโลนในทันที ซึ่งกำจัดความเป็นไปได้ว่าเขาจะเป็นคุณสโลนออกไป นอกจากนี้ เขายังบอกอย่างชัดเจนในทันทีว่าคุณสโลนตายแล้ว นี่เป็นการขัดขวางแผนสำรองของแอเรียนหลังจากความพ่ายแพ
แมรี่อึ้งไปชั่วขณะก่อนจะตอบกลับว่า “จอร์จ สโลน”แอเรียนตกใจ “จอร์จ สโลน? คุณแน่ใจรึ?” จอร์จ สโลน, จอร์จ ลีไวน์ อะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้น?แมรี่ตบต้นขาของเธอ “ฉันจำได้แล้ว ฉันแน่ใจว่าใช่ชื่อนี้ ถึงจะผ่านมา 10 ปี แต่ฉันก็ไม่ได้ขี้ลืมขนาดนั้น เขาชื่อจอร์จ สโลน เขาไม่ได้หน้าตาดีมากนัก แต่เขาเป็นคนที่ซื่อสัตย์ เขาเป็นคนขยันขันแข็งและมีสติสัมปชัญญะในหน้าที่การงาน เขาเป็นคนค่อนข้างจะเงียบด้วย พอเธอพูดฉันเพิ่งนึกได้ว่าจริง ๆ เขาเป็นคนที่โชคดีมากเลยนะ เขาควรจะอยู่บนเครื่องบินด้วย แต่ท้องเขามาปวดก่อนขึ้นเครื่องบินพอดี เขาอาเจียนตั้งแต่เช้าจนสาย จนนายท่านให้เขาพักหนึ่งวัน”เพื่อหาการยืนยันเพิ่มเติมแอเรียนได้ขอให้นักสืบไปขอข้อมูลของ จอร์จ ลีไวน์ จากบ้านพักพักฟื้น เธอยังได้รับภาพถ่ายขนาดเล็กอีกด้วย เธอนำมันให้แมรี่ที่หรี่ตาดูมันอยู่พักนึงดู “เขาแก่ขึ้นหลายปี แต่ดูจากลักษณะของใบหน้าแล้วเขาคือจอร์จแน่ ๆ ฉันเองก็แก่แล้วเลยจำเขาไม่ได้ในตอนแรก”มือของแอเรียนสั่นด้วยความตื่นเต้น “แมรี่ ดูดี ๆ ได้โปรด! ยืนยันให้หนูทีว่าใช่เขาไหม”แมรี่กลัวว่าเธออาจจะจำผิดไปจึงนำรูปไปถามเฮนรี่เพื่อความแน่นอน เฮนรี่จำได
แอเรียนไม่เคยเล่าความสัมพันธ์ระหว่างมาร์คและแอรี่ให้ทิฟฟานี่ฟัง แต่จะให้เก็บมันเป็นความลับต่อไปก็คงไม่มีประโยชน์อะไร “ทิฟฟ์ ฉันรู้เรื่องนี้มาสักพักแล้ว แอรี่สนิทกับมาร์คได้อย่างไรไม่รู้ แต่มาร์คให้สัญญาว่าจะไม่ติดต่อเธออีก อย่าเพิ่งทำอะไรวู่วาม เรื่องนี้ฉันจัดการเองได้ สัญญากับฉันได้ไหมว่าเธอจะไม่ก่อเรื่อง”ทิฟฟ์ถึงกับตะลึง “นี่เธอเล่นอะไรกัน? ฉันก็สงสัยมาตลอดว่าทำไมเธอกับแอรี่ถึงไม่เคยลงรอยกัน ฉันเข้าใจว่าเป็นเพราะปัญหาภายในครอบครัว ที่ไหนได้ เป็นเพราะนางเล็งสามีเธอไว้นี้เอง มาร์คก็ช่างน่านับถือจริง ๆ แต่งงานกับพี่สาวแล้วยังอยากได้น้องสาวอีก ฉันเคยคิดว่าเขาแค่เป็นคนใจร้ายคนนึง โดยเฉพาะกับเธอ ฉันไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะกลายเป็นคนแบบนี้ ช่างน่าเสียดายที่คนทั้งโลกต่างชื่นชมและให้เกียรติเขา แต่จริง ๆ แล้วมันก็แค่ภาพลวงตา! สุดท้ายพวกผู้ชายก็ล้วนเป็นหมูสกปรกกันทั้งนั้น!”แอเรียนเริ่มปวดหัวและรู้สึกกระวนกระวายเพราะความกดดัน เธอจึงต้องรีบเปลี่ยนเรื่องคุย “มีอีกเรื่อง… อยู่ ๆ ฉันสงสัยว่าบางทีคุณสโลนที่ส่งจดหมายมาอาจจะรู้จักกับพ่อฉันก็ได้ ชื่อจริงของเขาคือ จอร์จ สโลน เขาเคยเป็นคนขับรถของพ่อมาร์ค
เฮนรี่ขวมดคิ้วเป็นการตอบรับก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพูดกับมาร์คไม่กี่คำก่อนที่จะวางสาย แอเรียนนั่งลงที่โต๊ะแล้วทานข้าวต้มด้วยอาการหัวร้อน “เขาพูดว่าอะไรคะ ลุงเฮนรี่?”“นายท่านพูดว่า ‘ติดไว้ก่อนนะ’...” เฮนรี่ตอบด้วยสีหน้าที่จริงจัง“ได้… หนูจะคอยดู เดี๋ยวก็รู้ ว่าใครกันแน่ที่ขี้ขลาด” แอเรียนพูดด้วยความรู้สึกผิดพร้อมกับการทานข้าวต้มต่อไปหลังจากที่เธอเลิกงานตอนเย็นเธอก็ได้ไปพบทิฟฟานี่และกำลังพากันไปที่บ้านพักพักฟื้นอีกครั้ง พวกเธอเพิ่งจะไปถึงหน้าห้องพักของจอร์จตอนที่พวกเธอเห็นผู้หญิงแก่คนหนึ่งกำลังทำความสะอาดอยู่ ประตูห้องถูกเปิดไว้ ข้างในไม่มีใครเลย“ขอโทษนะคะ คุณจอร์จ ลีไวน์ คนไข้ห้องนี้ไปไหนหรอคะ?” ทิฟฟานี่ถามอย่างรวดเร็วผู้หญิงคนนั้นหยุดการกระทำของเธอและจ้องมาที่พวกเขา “ไปแล้ว ญาติของเขามารับกลับไปตั้งแต่เช้าแล้ว”แอเรียนรู้สึกว่าราวกับโดนฟ้าผ่าทั้ง ๆ ที่ฟ้าสดใส “ไปแล้ว? ไปไหน?”ผู้หญิงคนนั้นส่ายหน้า “ฉันไม่แน่ใจ แต่ฉันได้ยินมาว่าเขาไม่ได้ย้ายไปโรงพยาบาลอื่นนะ เขาแค่เขียนใบออก จอร์จ ลีไวน์ อยู่ที่นี่มาสามปีแล้ว เขาเป็นมะเร็ง ตอนที่เขามาถึงหมอบอกว่าโอกาสที่เขาจะหายนั้นสูงถ้า
แน่นอนว่าพอสามารถเรียกราคาได้ไม่อั้นนักสืบก็ตื่นตัวทันทีทิฟฟานี่นำมือมาลูบแก้มแอเรียนหลังจากที่เธอวางสาย “อย่าหัวเสียไปเลยแอริ ทุกอย่างจะดีขึ้น นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราผิดหวัง อย่างไรเราก็ต้องหาจอร์จให้เจอตราบใดที่เขายังมีชีวิตอยู่ ถ้าเรารู้ตั้งแต่แรกว่าเค้าคือคุณสโลน เราคงจะสอบถามเขาและไม่ปล่อยให้เขาหลุดมือไปแน่ ๆ ไอ้ผู้ชายเฮงซวย ชีวิตเธอตอนแรกก็มีความสุขดีอยู่แล้ว แล้วอยู่ ๆ เขาก็ตัดสินใจมาบอกเธอว่าพ่อเธอถูกใส่ร้าย พอเธอจะมาหาเขาเขาก็ดันมาเล่นเกมส์ซ่อนแอบ เขาคงคิดว่าตัวเองไม่ต้องกังวลอะไรเพราะกำลังจะตาย ทำไมคนที่อยู่จึงต้องเป็นคนที่ทรมาน?”แอเรียนยิ้มท่ามกลางลมหนาว “ฉันจะหาเขาจนเจอ เขาทำงานให้กับครอบครัวเทรมอนต์มานานและฉันก็สามารถรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวกับเขามาจนได้ ตราบใดที่เขายังไม่ตายฉันจะหาเขาให้เจอ”อยู่ ๆ โทรศัพท์ของทิฟฟานี่ก็ดังขึ้น เธอบ่นก่อนที่จะดูด้วยซ้ำว่าใครโทรมา “พระเจ้าช่วย น่ารำคาญชะมัด ฉันบอกแม่แล้วว่าให้สั่งอาหารเอา ฉันให้เงินเธอแล้วด้วยซ้ำ แล้วยังจะโทรมาทำไม…” แต่พอเธอมองไปที่จอและเห็นว่าแม่เธอไม่ได้เป็นคนโทรมา เธอจึงตัดประโยคตัวเองก่อนจบและมีสีหน้าที่อึ้ง “นี่ไม