ในสายตาเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก หลังจากที่เขาเงียบสักพักเขาก็พูดว่า “ฉันคิดว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีที่จะบอกทิฟฟานี่ เดี๋ยวฉันจะไปคุยกับอีธาน เดี๋ยวฉันจัดการเอง”เธอไม่เข้าใจการกระทำของเขา อย่างไรก็ตาม เธอเลือกที่จะเชื่อใจเขา “ก็ได้ ได้โปรดพยายามอย่างเต็มที่เพื่อแก้ไขสิ่งเหล่านี้ ฉันไม่อยากให้ทิฟฟ์ต้องเผชิญกับความยากลำบากอีกรอบ ได้โปรด?”เขาพยักหน้าอย่างแข็ง ๆ ก่อนที่จะคืนโทรศัพธ์ให้กับแอเรียน “จำไว้นะ อย่าบอกเรื่องนี้กับทิฟฟานี่ ปล่อยให้ฉันจัดการเรื่องนี้เถอะ”เธอตกลง “เข้าใจแล้ว ถ้าอย่างงั้นคุณก็ไปจัดการมันสะ ฉันกลับบ้านละ”มาร์คทำเสียงยอมรับขณะที่เขายืนอยู่ที่เดิม ในตอนนี้เขาไม่มีตั้งใจที่จะส่งเธอออกไปแอเรียนไม่ได้คิดมากและออกจากห้องทำงานอย่างเชื่อฟัง เธอไม่ได้โง่ขนาดนั้น เธอสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในมาร์คหลังจากที่เขารับสายนั้นแล้ว...ระหว่างพักเที่ยง มาร์คขับรถไปที่โรงพยาบาลที่อีธานรักษาตัวอยู่ ด้วยความแปลกใจ อีธานไม่ได้หลีกหนีแต่รอเขาอยู่อย่างใจเย็นอีธานดูไม่เหมือนคนที่เพิ่งประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เลย นอกจากผ้าพันแผลบนหัวแล้วเขาก็ดูเหมือนคนแข็งแรงดีระหว่างที่
จู่ ๆ อีธานก็กระวนกระวาย “ทำไมผมต้องรู้สึกผิดด้วย? ตอนแรกผมก็รู้สึกผิดนะ แต่ตอนนี้ไม่แล้ว ไม่เลย เพราะท้ายที่สุดแล้ว เขาไม่ได้เป็นเพียงสุนัขเฝ้าบ้านที่ไม่อาจละความจงรักภักดีให้ครอบครัวคุณ แต่เขายังทำให้ผมเป็นแพะรับบาปของคุณมานานหลายปี! ถ้าผมไม่ได้เจอจดหมายสำหรับคุณที่ยังไม่ถูกส่งผมคงจะเชื่อจริง ๆ ว่าแผนเราสำเร็จ“เหตุผลที่เขาตัดสินใจที่จะซ่อนมันจากผมคงเป็นเพราะเขาต้องการที่จะปกป้องคุณสินะ? เห็นได้ชัดว่าพระคุณของครอบครัวเทรมอนต์นั้นยิ่งใหญ่มากถึงขนาดที่เขาเต็มใจที่จะเป็นผู้รับใช้ที่ภักดี ผมอยากรู้จริง ๆ ว่าอะไรทำให้คุณฆ่าสมาชิกในครอบครัวของคุณ”มาร์คนิ่งเงียบ แต่พยายามอย่างเต็มที่เพื่อระงับความต้องการที่จะฆ่าใครสักคน มือของเขาสั่นอย่างแรงเมื่อพูดถึงความลับสุดยอดของเขาที่เขาไม่อยากจดจำพ่อของมาร์คเรียกให้เขาไปหาที่ห้องทำงานในคืนก่อนที่เครื่องบินจะตกเขาเข้าไปด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง ในขณะที่เด็กชายที่ร่ำรวยอายุ 18 ปีควรจะใช้ชีวิตที่ผ่อนคลายและสนุกไปกับความสนุกสนานของพวกเขา แต่มาร์คแตกต่างจากนั้นโดยสิ้นเชิงเนื่องจากระดับวุฒิภาวะของเขานั้นสูงกว่าคนรุ่นเดียวกัน“มาร์ค พ่อมีเรื่องที่จะบอกลู
หลังจากที่มาร์คฟังสิ่งที่อีธานพูดเขาก็ค้นพบว่าคุณสโลนยอมทำได้ถึงเพียงไหนเพื่อปกปิดการมีส่วนร่วมในเหตุเครื่องบินตกของอีธาน คุณสโลนยอมทำแม้กระทั่งการแบกรับความผิดคนเดียวตอนนั้นอีธานเพียงอายุแค่สิบขวบ แต่ถึงกระนั้นเขาก็เก็บงำความอาฆาตพยาบาทและความเกลียดชังที่รุนแรงเช่นนี้ไว้ ไม่แปลกใจเลย ที่เด็กชายคนนี้จะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งในวันนี้ได้โดยทิ้งร่องรอยของเลือดไว้ตามทางของเขาอย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าขันที่สุดก็คือ จอร์จคิดผิด เขารู้เรื่องการสนทนาของมาร์คกับพ่อของเขาในห้องทำงาน แต่เขาไม่รู้ว่าหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น เด็กหนุ่มคนนั้นไปที่ห้องของแม่เขาในเวลาต่อมาทันที คืนนั้นเป็นคืนที่โชคชะตากำหนดให้ มาร์ค เทรมอนต์ ต้องทิ้งความบริสุทธิ์ของตัวเอง เพราะในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าโลกในความเป็นจริงนั้นขมขื่นเพียงใดเขาไปที่ห้องนอนของแม่เขาทันทีที่ออกมาจากห้องทำงานของพ่อเนื่องจากว่าแม่เขาป่วยมากจนแทบจะเดินไม่ไหว เขาไม่ได้คาดคิดว่าแม่ของเขาจะรู้เรื่องของลูกนอกสมรสแล้ว สำหรับเธอเป็นตัวอย่างที่ดีของคนที่ใช้เหตุผลและมีความชอบธรรมมาโดยตลอด แต่ถึงกระนั่นเธอก็ยังถูกเหยียดหยามอย่างขมขื่น น้ำตาแห่งความโกรธที่ไหลอา
อีธานรู้สึกยินดีกับการแก้แค้นขณะที่เขาเฝ้าดูอารมณ์ที่ขัดแย้งกันบนใบหน้าของมาร์ค “ถ้าคุณไม่อยากให้จดหมายฉบับนี้ตกไปถึงมือของแอเรียนก็อย่ายุ่งกับเรื่องของผม ที่ดินนั้นเป็นของผมและไม่ใช่ของใครอื่น ถ้าคุณปล่อยให้ทิฟฟานี่รู้ว่าผมทำอะไรลงไปบ้างคุณก็พนันได้เลยว่าแอเรียนจะรู้เรื่องของคุณเช่นกัน”มาร์คหลับตาลงและสูดหายใจเข้าลึก ๆ พร้อมกับต่อสู้กับอารมณ์ที่พลุ่งพล่านอยู่ในอกเขา เขาจะไม่มีวันเปิดเผยความจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์เครื่องบินตกนั้น เขายอมแบกรับมันไว้คนเดียวแทนที่จะเปิดโปงแม่ของเขา ท้ายที่สุดแล้วความประทับใจอย่างแรงกล้าที่มีต่อแม่ของเขาที่เป็นผู้หญิงที่มีเหตุผลและใจดียังคงอยู่ในส่วนลึกของหัวใจของเขา เขาจะไม่ยอมทำความประทับใจสุดท้ายที่เขายังมีต่อเธอแปดเปื้อน“จะเกิดอะไรขึ้นถ้านายได้ที่นั้นและทิฟฟานี่? นายจะใช้เรื่องนี้ขู่ฉันอีกนานแค่ไหน?”อีธานหัวเราะเยาะ “คุณจะเชื่อผมไหมถ้าผมจะบอกว่าเราสองก็จะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเคียงข้างผู้หญิงที่มีค่าที่สุดสำหรับเราขณะที่เราฝังควาหลับสุดยอดของเราไว้?”ไม่มีทางที่มาร์คจะเชื่ออย่างนั้น ขณะนี้ทั้งคู่เก็บความลับสุดยอดของกันและกันไว้ แต่พวกเขาไม่ได้มีอ
มาร์คยื่นมือของเขาออกไปทางเธอพลางบอกให้เธอมาหาเขา “มานี่สิ”แอเรียนทำตามเขาอย่างเชื่อฟัง พลางรู้สึกเหมือนว่ากำแพงระหว่างพวกเขาถูกทำลายไปหมด เขาดึงเธอเข้าหาเขาและดึงเธอให้นั่งลงบนตักก่อนที่เขาจะวางคางตัวเองไว้บนไหล่ของเธอเขาสูดดมกลิ่นของเธอเพื่อให้มันไปช่วยคลายความกังวลในใจของเขา “แอริ เธอปรารถนาที่จะทิ้งฉัน ๆ ใช่ไหม?”นี้เป็นครั้งแรกที่แอเรียนได้ยินเขาเรียกเธอว่าแอริทั้ง ๆ ที่เขาไม่ได้เมามันทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นอย่างไงไม่รู้ ฝ่ามือของเธอเริ่มเหงื่อออกและร่างกายของเธอก็แข็งทื่อ เธอพูดอย่างติดอ่าง “ทะ-ทะ-ทำไม คุณถึงถามฉันตอนนี้? คะ-คุณทำตัวแปลก ๆ นะ!”เขาตอบด้วยการโอบกอดเธอให้แน่นขึ้นอย่างกับว่าเขากลัวว่าเธอจะวิ่งหนีเขา “ฉันอยากรู้”แอเรียนทบทวนคำถามในหัวของเธอวนไปวนมา เธออยากทิ้งเขามาตลอด ถูกไหม? อย่างไรก็ตาม ทำไมตอนนี้เธอถึงตอบคำถามนั้นไม่ได้ด้วยความยากลำบาก?เหมือนว่าเขาจะรู้สึกได้ถึงภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกของแอเรียน เขาจึงไม่ยืนหยัดกับคำถามนี้และเปลี่ยนคำถามแทน “ฉันต้องทำอย่างไรเพื่อให้เธอเต็มใจอยู่กับฉัน? ฉันสงสัยมาตลอด… เราดีกันแบบคู่อื่นไม่ได้เหรอ?”คำพูดของมาร์คท
สิ่งที่เป็นแรงผลักดันให้แอเรียนไม่ใช่เพราะมันเป็นทางเลือกที่ยาก แต่เพราะการเปลี่ยนแปลงมุมมองอย่างกะทันหันของมาร์คในเรื่องนี้ มันเพียงพอที่จะทำให้เธอถามตัวเองใหม่ว่าเธอได้สรุปเกินเหตุไปหรือไม่ การคืนดีกันจะเป็นไปได้ไหม? มีเหตุผลที่ดีที่จะมองอีธานในแบบอื่นหรือไม่?ท้ายที่สุดแล้ว นี่เป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างทิฟฟานี่และอีธาน ; สิ่งสุดท้ายที่แอเรียนต้องการคือการต้องทำเลาะกับมาร์คเพราะเรื่องนี้“โอเค ฉันจะไปคิดดู” เธอยอมจำนนก่อนที่จะพูดต่ออีกว่า “คุณรู้ไหม ถ้าสุดท้ายเรื่องมันจะต้องลงเอยแบบนี้ คุณก็ไม่น่าจะบอกเรื่องนี้กับฉันตั้งแต่แรก คุณจะให้ฉันทำเหมือนฉันไม่รู้เรื่องอะไรเลยได้อย่างไร? ปัดโถ่เอ่ย! อย่างไรก็ตาม ตอนนี้มันเริ่มจะดึกแล้ว และฉันก็อยากกลับบ้าน คุณจะกลับด้วยกันไหม?”มาร์คไม่เคยเป็นคนประเภทที่จะค้างคืนที่ห้องทำงานของตนเอง และตอนนี้เธอก็ได้มาหาเขาด้วยตัวของเธอเอง มันทำให้เขาไม่มีเหตุผลที่จะทำเช่นนั้นอีกต่อไป "ไปกันเถอะ."ในเวลาเดียวกันที่ห้องพยาบาล ทิฟฟานี่ เลน ที่เหนื่อยล้ากำลังทรุดตัวลงบนที่เท้าแขนหลังจากที่ยืดตัวนอนยาวบนโซฟาการทำงานในระหว่างวันตามด้วยการดูแลอีธานในตอนกลางคืนใ
ลิเลียนยื่นโฉนดให้ลูกสาวดู “นี่ สิ่งนี้ เป็นที่ดินของปู่ ตอนนี้มันมีค่ามาก และเดาสิว่าใครต้องการมัน? ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก มาร์ค เทรมอนต์ และเขาจะมาเซ็นสัญญาในวันนี้! เธอจะไม่ให้อารมณ์ดีได้อย่างไร? ขอบคุณพระเจ้าที่เราลืมที่ดินผืนนี้ ซึ่งยังคงเป็นของคุณปู่ของลูกอย่างถูกต้องตามกฎหมายและเราไม่ได้ระบุว่าเป็นทรัพย์สินของเราเมื่อเราประกาศล้มละลาย ทีนี้ แม่ขอตัวก่อนนะ - แม่มีสถานที่หลายแห่งที่จะต้องไปดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป!”ทิฟฟานี่งุนงง ชั่วขณะหนึ่งเธอไม่สามารถรวบรวมสติตนเองได้เมื่อนึกถึงมาร์คที่จ้องอยากได้ที่ดินนั้น ซึ่งแน่นอนว่า นั่นสื่อถึงคุณค่าของมันโดยอัตโนมัติ และมูลค่านั้นเป็นของครอบครัวของเธอ มันเป็นเรื่องที่ราวกับความฝันที่เป็นจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันสามารถเป็นตั๋วที่พาพวกเขาออกจากความยากจนนี้ได้!หลังจากที่ทิฟฟานี่อาบน้ำด้วยความเร่งรีบ อีธานก็โทรหาเธอเพื่อบอกว่าเขากำลังกลับบ้านจากโรงพยาบาลบทสนทนานั้นทำให้เธอไปทำงานอย่างอืดอาด เมื่อเธอไปถึงที่ทำงานพร้อมกับเหงื่อที่ไหลรินตามผิวหนังเธอก็สายไปแล้วสิบห้านาที อย่างไรก็ตาม เธอสามารถไปที่ที่นั่งของเธอได้โดยไม่มีใครสังเกตเห็น เธอ
”แมรี่ หนูจะไปที่ทำงานนะ” แอเรียนกล่าวก่อนจะออกไป ถ้าเธออยู่ต่อไปเธอจะต้องเป้นบ้าแน่ ๆ เมื่อแมรี่ได้ยินว่าแอเรียนจะไปที่ทำงาน เธอเข้าใจว่าแอเรียนจะไปที่บริษัทของเอริก “ร้อนขนาดนี้แต่สิ่งเดียวที่เธอนึกถึงก็คือการไปหารายได้อย่างนั้นเหรอ? นายท่านขี้เหนียวกับเธอเหรอ? ไม่มีทาง!”แอเรียนพูดอย่างช่วยไม่ได้ “หนูจะไปหา มาร์ค เทรมอนต์ นายท่านของคุณไง! ไม่ใช่ไปทำงาน อีกอย่าง หนูคิดว่าหนูคงไม่กลับไปทำงานที่บริษัทของเอริกแล้ว” เธอคิดที่จะทำอย่างอื่น เธอรู้สึกเบื่อหลังจากทำงานในอุตสาหกรรมการออกแบบมานานเมื่อได้ยินดังนั้นในที่สุดแมรี่ก็ยอมจำนน “เอาสิ ให้เฮนรี่ไปส่งสิ อากาศร้อนมาก”…เฮนรี่ไปส่งแอเรียนที่ตึก เทรมอนต์ ทาวเวอร์ และแอเรียนก็ขึ้นไปถึงที่ชั้น 46 อย่างปลอดภัย เอลลี่รู้ว่าแอเรียนไม่ชอบทำตามกฏของมาร์คในการเปลี่ยนใส่รองเท้าแตะเธอจึงไม่ได้เสนอมันให้กับแอเรียนและเพียงทักทายเธอว่า “นายหญิง”แอเรียนพยักหน้าตอบรับและเปิดประตูหลังจากที่เคาะมัน ทันทีที่เธอรู้สึกได้ถึงความเย็นของเครื่องปรับอากาศ เธอก็เดือดปุด ๆ ด้วยความสุข “ไม่ต้องสนใจฉันนะ ฉันมาที่นี่เพื่อตากแอร์”มาร์คหยิบรีโมตแอร์มาเพื่อเพิ