ความอดทนของแจ็คสันถึงขีดสูงสุด เขาจ้องเธออย่างโกรธเคือง “คุณต้องทำแบบนี้กับผมด้วยเหรอ? แล้วนี่เราเป็นบ้าอะไรกันแน่? คุณจะไม่…” คบผมจริง ๆ เหรอ?เขาเก็บประโยคสุดท้ายไว้เพราะเขาไม่สามารถควบคุมเสียงที่สั่นของตัวเองได้ทิฟฟานี่ก้มหัวลง “มันไม่ใช่อย่างนั้น… เราจะไปหาอะไรกินกันไม่ใช่เหรอ? ไปกันเถอะ ฉันหิวแล้ว"แจ็คสันไม่ตอบ เขาเพียงแต่รีบเดินไปที่รถด้วยความโมโห ทิฟฟานี่ถอนหายใจและเดินตามเขาไปอย่างรวดเร็ว เธอรอให้เขาพูดอะไรบ้าง แต่เขากลับไม่ยอมพูดอะไรเลยพวกเขาไปถึงที่ร้านสเต็ก เนื่องจากเขารู้ว่าเธอชอบอะไร แจ็คสันจึงสั่งสเต็กเนื้อมีเดียมแรร์ให้เธอโดยอัตโนมัติ ในอดีต เขามักจะสั่งอาหารให้เธอทุกครั้งที่พวกเขาออกไปทานอาหาร เธอต้องการบอกเขาว่าเธอไม่สามารถกินเนื้อที่กึ่งสุกได้อีกแล้ว แต่เธอกลับไม่ทำ ดังนั้นเธอจึงสั่งพาสต้าเพิ่มเมื่อสเต็กถูกเสิร์ฟ ทิฟฟานี่ก็ไม่แตะมันเลย เธอเพียงแต่ทานพาสต้าที่สั่งมาจนหมด ปริมาณอาหารในร้านนี้น้อยมาก เธอจึงรู้สึกเหมือนช้างที่กินอาหารนก ในเวลาเดียวกันเธอก็อายเกินกว่าจะสั่งอะไรเพิ่ม มันจะดูน่าอายหากผู้หญิงกินมากเกินไปแจ็คสันเห็นว่าเธอละเลยสเต็กที่เขาสั่งให้และยั
แจ็คสันลุกขึ้นทันที "โอเค ผมจะกลับบ้านเดี๋ยวนี้เลย แม่ได้รับบาดเจ็บตรงไหน? ร้ายแรงไหม?”แจ็คสันถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อได้ยินว่าซัมเมอร์แค่เจ็บขาของเธอเท่านั้น หลังจากที่วางสาย เขาก็หันไปหาทิฟฟานี่และพูดว่า “คุณทานให้อร่อยเลยนะ แม่ผมประสบอุบัติเหตุ ผมต้องรีบกลับบ้านก่อน แต่เดี๋ยวผมไปจ่ายค่าอาหารให้ก่อน ไว้เดี๋ยวผมโทรหาทีหลัง”เขาหายตัวไปก่อนที่ทิฟฟานี่จะทันได้ตอบ เธอรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยแต่ก็กังวลเรื่องซัมเมอร์ไปพร้อม ๆ กัน เมื่อเธอกลับถึงบ้าน เธอก็รอจนกระทั่งแจ็คสันเกือบถึงบ้านตัวเองก่อนที่จะโทรหาเขา “คุณเวสต์เป็นอย่างไรบ้าง?” เธอถามแจ็คสันอยู่ในโรงพยาบาล “ไม่มีอะไรร้ายแรงมาก ขาขวาของแม่หักและแม่ก็เอาแต่บ่นถึงปัญหาในวัยชราว่าแม่มักจะเจ็บโน้นเจ็บนี้อยู่เสมอและกังวลว่าสุดท้ายแม่จะพิการ แต่แม่อารมณ์ดีมากเลยทีเดียว ตอนนี้มันดึกแล้ว ทำไมคุณถึงยังไม่นอนอีกล่ะ? รีบเข้านอนเถอะ ผมต้องไปแล้ว"เธอไม่ยืนกรานที่จะสนทนาต่อและเพียงแต่พึมพำตอบก่อนที่จะวางสายฤดูร้อนนี้ช่างวุ่นวานเหลือเกิน ที่คฤหาสน์เทรมอนต์ แอเรียนกำลังอุ้มแอริสโตเติลไว้ด้วยความวิตกกังวล แอริสโตเติลมีอาการไข้ขึ้นกลางดึก เขาไ
แอริสโตเติลดูมีพลังมากขึ้นเมื่อไข้ของเขาหายไป ความอยากอาหารของเขาก็กลับมาเช่นกัน แอเรียนรู้สึกโล่งใจมาก เธอยังบังคับให้มาร์คกลับไปทำงานอีก เธอไม่อาจปล่อยให้ความเจ็บป่วยของเด็กทารกฉุดลากทั้งครอบครัวลงได้ ไม่ใช่ว่าพวกเขาจะต้องอยู่ข้างสมอร์ทั้งวันเสียหน่อยในขณะเดียวกัน ที่โรงพยาบาลอื่น แจ็คสันนอนอยู่ข้างเตียงของซัมเมอร์ตลอดทั้งคืน เช้าวันรุ่งขึ้น เขาก็ไปซื้อลิ้นจี่และองุ่นตามคำขอของแม่ตัวเองและยังปอกผลไม้ให้เธอ เขาวางชามไว้ในมือของเธอ “ผมว่า นอกจากความไม่สะดวกจากขาที่หักของแม่แล้ว ก็ไม่มีอะไรหยุดแม่จากการกินได้จริง ๆ แม่ไม่มีคนขับรถเหรอ? เกิดอะไรขึ้น?"ซัมเมอร์บ่นขณะที่กิน “เอาจริง ๆ นะ คนขับรถของแม่จะขับมั่นคงเสมอ เขาขับให้แม่มาตั้งนานหลายปีแล้ว บาดแผลของเขารุนแรงกว่าแม่อีก ไปซื้ออาหารเสริมแล้วไปเยี่ยมเขาทีหลังด้วยนะ อาการบาดเจ็บของเขาถือว่าเกิดขึ้นในระหว่างการทำงาน ดังนั้นเราจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดให้เขาเอง ทุกอย่างเรียบร้อยดีเมื่อเราออกไปเมื่อวานนี้ แต่แล้วก็มีรถพุ่งเข้ามาหาเราทันทีหลังจากที่เราผ่านสี่แยก มันดูจงใจมาก หลังจากนั้นรถคันนั้นก็ขับออกไป ตำรวจจราจรได้สอบสวนแล้ว และพ
ทิฟฟานี่เพิ่งจะไปถึงที่ทำงานเมื่อเธอได้รับข้อความจากซัมเมอร์และตอบกลับทันที: ‘หนูได้ยินจากแจ็คสันมาว่าคุณประสบอุบัติเหตุ หนูตั้งใจว่าจะกลับบ้านไปเยี่ยมคุณสุดสัปดาห์นี้พอดี หนูจะขับรถกลับหลังเลิกงานวันศุกร์นี้ทันทีค่ะ'ลิ้นจี่ในปากของซัมเมอร์ดูเหมือนจะมีรสหวานเป็นพิเศษเมื่อเธอเห็นข้อความนั้น เนื่องจากแจ็คสันไปไม่ได้ การให้ทิฟฟานี่กลับมาบ้านก็คงจะไม่ต่างอะไร เธอตอบกลับอย่างมีความสุข: 'โอเค ตรงมาที่บ้านฉันหลังจากกลับที่เธอถึงบ้านในคืนวันศุกร์เลย ตอนนั้นฉันน่าจะได้ออกจากโรงพยาบาลแล้วล่ะ ฉันจะเตรียมของอร่อยรอเธอไว้ เราจะกินพร้อมกันเมื่อเธอมาถึง'ทิฟฟานี่คำนวณเวลาและตัดสินใจลาในช่วงบ่ายของวันศุกร์ จากนั้นเธอก็จะรีบขับรถกลับบ้านทันที ซัมเมอร์ยังคงเรียกหาเธอหลังจากที่ประสบอุบัติเหตุ เธอไม่ต้องการปล่อยให้ซัมเมอร์รอเธอนานเกินไปแจ็คสันขับรถไปที่บ้านของเอริกหลังจากที่ออกมาจากโรงพยาบาลทันที บ้านของเอริกสะอาดสะอ้านด้วยฝีมือของแม่บ้าน ทุกอย่างเรียบร้อยและเป็นระเบียบ เอริกนั่งอยู่ที่ริมหน้าต่างในห้องนั่งเล่นขณะที่กำลังร่างต้นฉบับการออกแบบของเขาราวกับว่าเขาต้องการที่จะทิ้งความหลงใหลไว้ก่อนที่จะสิ้น
“ใช่ มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ฉันยังเสียใจอยู่” เอริกตอบทันทีถูกต้อง ชีวิตมักจะเต็มไปด้วยความเสียใจ แต่ในท้ายที่สุดก็ไม่มีใครมีเวลามากพอที่จะแก้ไขมันทั้งหมดจู่ ๆ แจ็คสันก็ทำหน้าจริงจัง “อย่ากังวลเลย ฉันจะเอาเธอกลับมาให้ได้ ตั้งแต่ที่ฉันเจอเธอ ใจฉันก็จมอยู่แต่กับสายตาและรอยยิ้มของเธออยู่ดี ฉันไม่เคยรักใครแบบที่ฉันรักเธอเลย ฉันไม่เคยคิดที่จะแต่งงานจนกระทั่งฉันได้พบเธอด้วย นายกลับไปรูปวาดต่อเถอะ สุดสัปดาห์นี้ฉันจะพานายไปเดินเล่นในที่ ๆ มีความเขียวขจี เราจะไปที่ ๆ เย็นสบาย อย่าลืมทิ้งสเก็ตช์ของนายไว้ให้ฉันด้วยนะ ฉันต้องการ… บางสิ่งเอาไว้จดจำนาย”เอริกพยักหน้า "ได้สิ"…เวลามักเดินไปอย่างรวดเร็วโดยไม่รอใคร จะมีคน ๆ หนึ่งต้องการที่จะหยุดมันไว้เสมอ แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็ทำได้เพียงเฝ้ามองเวลาล่วงเลยไปเท่านั้นวันศุกร์มาถึงในพริบตา แอริสโตเติลได้ออกจากโรงพยาบาลและถูกส่งตัวกลับบ้านแล้ว เขาร่าเริงและมีความสุขเหมือนเคย โดยไม่รู้ถึงความหวาดกลัวครั้งใหญ่ที่เขาเพิ่งสร้างให้แอเรียนและมาร์คแอเรียนไม่ได้นอนมากในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา เธอมักจะสะดุ้งตื่นในเวลาไม่ถึงสองชั่วโมงเสมอ เธอให้นมแอริสโตเติ
ทันใดนั้นเดวี่ก็เต็มไปด้วยจิตวิญญาณของนักสู้เช่นกัน เขารู้สึกมีกำลังใจขึ้นอย่างมาก "โอเคครับ! การประมูลจะเริ่มเวลา 14.00 น. ผมจะเตรียมการทันที!”เมื่อพวกเขาไปถึงนอกสถานที่ประมูล แอริสโตเติลก็หลับสนิทไปแล้ว มาร์คจึงบอกให้แมรี่อุ้มเขาไว้และรอในรถ การที่จะนำเด็กทารกเข้าไปในงานที่แข็งทื่อเช่นนี้คงจะไม่สมควรนักการคาดเดาของมาร์คถูกเผง แน่นอนว่าอเลฮานโดรจะต้องมาร่วมงานนี้เช่นกัน เขาได้ให้เจตต์เข้ามาร่วมงานแทนโดยที่ตัวเขารออยู่ในรถข้างนอกการประมูลครั้งนี้เป็นสงครามระหว่างชนชั้งสูงสองคนโดยที่ไม่รวมผู้อื่นอย่างเห็นได้ชัด มาร์คเสนอราคาที่ไม่มีใครกล้าเอ่ยถึงตั้งแต่แรกเริ่ม และมีเพียงเจตต์ คนรับใช้ของอเลฮานโดร เท่านั้นที่กล้าพอที่จะสู้กับเขา มาร์คมองไปที่เจตต์และเพิ่มราคาต่อโดยไม่แสดงความรู้สึกใด ๆมาร์คไม่ใช่คนประเภทหุนหันพลันแล่น หากอเลฮานโดรต้องการที่จะดับความหงุดหงิดใจของตัวเองโดยการขึ้นราคาสูงเสียดฟ้า มาร์คก็จะยอมให้เขา มันจะพิสูจน์ได้อย่างชัดเจนว่าอเลฮานโดรถูกหลอก เพราะอย่างไรมาร์คก็จะยอมแพ้เมื่อราคามันสูงถึงจำนวนหนึ่งอยู่ดีไม่กี่รอบต่อมา ราคาก็เพิ่มขึ้นเป็นระดับที่คนอื่นมองว่า “สูงเส
เจตต์ชะงัก “แต่… ผมเกรงว่านายท่านสมิธอาจลงมาเยี่ยมคุณที่นี่ ถ้าคุณยังคงทำแบบนี้ต่อไป…”ดวงตาของอเลฮานโดรเบิกกว้าง “นายกำลังจะบอกว่า… ชายชราคนนั้นอาจเดินทางมาที่นี่เพื่อมาพบฉันอย่างงั้นเหรอ? ดูเหมือนว่าอาการป่วยของเขาคงจะไม่เลวร้ายนัก ถ้าอย่างนั้นเขาอาจจะอยู่ได้ถึงสองสามปี น่ารำคาญชะมัด… นายกลัวว่าเขาอาจจะรู้ว่าฉันไม่ใช่อเลฮานโดรตัวจริงเหรอ? อันที่จริง… การค้นพบว่าทายาทคนสุดท้ายของตระกูลสมิธตายไปแล้วจะเป็นสิ่งที่โหดร้ายที่สุดไม่ใช่เหรอ?”เจตต์กลัวเกินกว่าจะสนทนาต่อในเรื่องนี้ เขารู้ว่าอเลฮานโดรตัวจริงน่าจะตายไปแล้วตั้งแต่ที่เขาเริ่มสงสัยอเลฮานโดรคนนี้ ตอนนี้เขาได้รับการยืนยันสำหรับข้อสงสัยนั้นแล้วเจตต์รู้สึกประหม่าเมื่ออเลฮานโดรพูดว่า “เขาอาจจะอยู่ได้อีกสักสองสามปี น่ารำคาญชะมัด” นั่นเป็นเพราะว่าเมื่อซัมเมอร์ได้ทุ่มเทอย่างมากเพื่อทำให้ทิฟฟานี่และแจ็คสันกลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง อเลฮานโดรจึงได้จัดการก่ออุบัติเหตุทางรถยนต์นั้น ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่มันก็ควรพอจะเป็นการตักเตือนได้ เจตต์จึงกังวลว่าอเลฮานโดรอาจจะลุกขึ้นมาจัดการกับนายท่านสมิธต่อไป...เรื่องนี้มีความละ
แอเรียนรู้สึกหมดหนทางเมื่อเห็นมาร์คเป็นแบบนี้ ตอนนี้มีเพียงสองสิ่งที่ทำให้เขากังวล การเจ็บป่วยของเอริกและเรื่องของอเลฮานโดร เธอช่วยในเรื่องความเจ็บป่วยของเอริกไม่ได้ แต่เธอยังพอมีโอกาสในส่วนของอเลฮานโดร เธอจำมิตรภาพระหว่างทิฟฟานี่กับอเลฮานโดรได้และสงสัยว่าเธอจะสามารถใช้มันได้หรือไม่ บางทีมาร์คอาจจะอารมณ์ดีขึ้นเมื่อปัญหาเรื่องที่ดินคลี่คลาย...จู่ ๆ มาร์คก็จับมือเธอ “แมรี่ดูแลสมอร์อยู่เหรอ? เขางอแงหรือเปล่า?”“อืม” เธอพยักหน้า “ตอนนี้เขาอารมณ์ดีอยู่ คุณไม่เหนื่อยเหรอ? ไปพักผ่อนเถอะ ฉันจะลงไปข้างล่างแล้ว ฉันจะได้ไม่กวนคุณ”มาร์คดึงแอเรียนเข้าไปในอ้อมแขนและดมกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของหน้าอกเธอ “ไม่ เธอมากวนฉันแล้ว ดังนั้นเธอจะต้องรับผิดชอบด้วย”แอเรียนนั่งลงบนตักของเขา แก้มของเธอแดงก่ำ เธอรู้ว่าเขาต้องการจะทำอะไร ความสงบเงียบและเวลาส่วนตัวเป็นสิ่งที่หาได้ยากสำหรับพวกเขา เธอจึงโอบแขนรอบคอเขาแล้วจูบเขาขณะที่พวกเขากำลังจูบกันอย่างดูดดื่ม แมรี่ก็เปิดประตูเข้ามาพร้อมกับแอริสโตเติลในอ้อมแขนของเธอ “แอริ ผ้าอ้อมอยู่ที่ไหน…” แมรี่เห็นฉากที่น่าละอายก่อนที่เธอจะทันได้พูดจบประโยคและถอยกลับ “เ