งานเลี้ยงช่วงค่ำ
ห้องแกรนบอลลูนของโรงแรมฟลุทาวน์ดูเล็กไปถนัดตา เมื่อจำนวนคนที่อยู่ในห้องเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แขกที่มาร่วมงานเลี้ยงฉลองมลคลสมรสในขณะนี้นับคร่าวๆ ทางสายตาก็ร่วมแปดร้อยคน และท่าว่าแขกจะไม่หยุดที่จำนวนนี้
นอกจากจะเป็นญาติสนิทจากทั้งสองฝ่าย แขกที่มาร่วมงานยังมีหลากหลายอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง บุคคลที่มีชื่อเสียงทางสังคม นักธุรกิจหลายแขนง รวมทั้งเพื่อนฝูงของเจ้าบ่าวและเจ้าสาวและที่ขาดไม่ได้เลยคือนักข่าวที่แชะบรรยากาศของงานแทบไม่ทัน
ดัตถพงศ์นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงด้านเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านคือหนึ่งเพื่อนสนิทของกรกวินทร์ที่มาร่วมงานเลี้ยงในครั้งนี้ ซึ่งเขาก็รู้ดีว่า เจ้าบ่าวไม่เต็มใจที่จะร่วมงานวิวาห์ แต่ที่ยอมเพราะขัดบิดาและคำขอร้องของมารดาไม่ได้ เขาเดินมาหาคู่บ่าวสาวที่ยืนอยู่ตรงซุ้มดอกไม้ที่จัดตกแต่งอย่างสวยงามในมือถือกล่องของขวัญที่ตั้งใจนำมาให้ทั้งคู่
“ดีใจด้วยนะทัช”ดัตถพงศ์แม้จะรู้ว่า เจ้าบ่าวไม่เต็มใจแต่งงาน ทว่าตามมารยาทเขาจำเป็นต้องพูดประโยคนี้
“ขอบใจเพื่อน” กรกวินทร์รับน้ำใจจากเพื่อนสนิท “แต่ฉันไม่เห็นจะดีใจเลยที่ได้แต่งงาน ตรงกันข้ามเสียใจมากกว่า มันเหมือนกับตัวเองตกอยู่ในขุมนรกยังไงบอกไม่ถูก” ผู้พูดปรายตาไปยังหน้าของเจ้าสาวที่ตวัดสายตามองคนตัวสูงกว่าพอดี
“คิดเหมือนกันเลยค่ะคุณทัช แพรวเองก็รู้สึกว่าตัวเองตกลงไปในขุมนรกที่ทั้งมืดและหาทางออกไม่เจอ จะต้องติดอยู่ในนั้นไปจนวันตาย คิดแล้วก็เศร้าใจเหลือเกินที่ต้องอยู่ร่วมกับคุณในขุมนรกนั้น”
นิสัยของแพรวพรรณรายอย่างหนึ่งที่กรกวินทร์ไม่รู้คือ เธอเป็นคนไม่ยอมคน ใครแรงมาเธอแรงกลับ คงจะมีเพียงพริ้งเพรากับเดือนดาราเท่านั้นที่เธอยอม แล้วยิ่งมาได้ยินคำพูดของเจ้าบ่าวที่ขัดหูเสียเหลือเกิน มีหรือที่เธอจะทนนิ่งเฉยไม่ตอบโต้กลับ และคำพูดนี้ก็ตรงกับความรู้สึกของเธอด้วย
“ถ้าฉันเลือกได้ ฉันไม่มีวันแต่งงานกับเธอเด็ดขาด ยิ่งอยู่ใกล้เธอ ตัวฉันร้อนไปหมดเหมือนอยู่ใกล้กองไฟไม่มีผิด จนฉันอยากจะเดินห่างเธอไปหลายๆ โยชน์หรือไม่ก็ไม่ต้องพบเจอกันได้ยิ่งดี”
ตลอดทั้งวันมานี้ ทั้งสองไม่ได้พูดกันเลยสักคำ แม้แต่มองหน้ากันยังน้อยนัก จะมองหน้าและยิ้มให้กันก็ต่อเมื่อแสดงละครต่อหน้าบุคคลอื่น พอแสดงเสร็จก็เหมือนคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักกัน แต่พอได้สนทนากันกลับกลายเป็นว่าทั้งคู่กำลังทะเลาะกันมากกว่า
“แหม คุณนี่พูดตรงกับความรู้สึกของฉันเหลือเกิน ฉันเองก็ไม่อยากอยู่ใกล้คุณเท่าไหร่นักหรอก อยู่ใกล้คุณ ฉันรู้สึกว่า ตัวเองอยู่ใกล้อุจจาระที่ส่งกลิ่นเหม็น น่ารังเกียจและขยะแขยง อยากจะแหวะใส่มากกว่า”
แพรวพรรณรายไม่ได้พูดให้กรกวินทร์หน้าชาเท่านั้น สีหน้าของเธอยังแสดงทีท่าว่ารังเกียจเขาอีกด้วย คนที่ถูกเปรียบเทียบเป็นของเน่าของเสียถึงกับหน้าดำหน้าแดงจากแรงโทสะ กำมือแน่น ขบฟันจนเกิดเสียงกรอดๆ ฝ่ายเจ้าสาวก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ยืนฉีกยิ้มให้แขกผู้มาร่วมงานต่อไป
ดัตถพงศ์เห็นคู่บ่าวสาวที่แรงพอๆ กันแล้วถึงกับส่ายหน้า งานวิวาห์ที่ไม่ได้มาจากความรักของทั้งคู่สร้างความข่มขื่นมากพอแล้ว แต่นี่ยังสร้างความเกลียดชังเพิ่มเข้าไปอีก ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าชีวิตสมรสของกรกวินทร์กับแพรวพรรณรายจะออกมาในรูปแบบไหน คงไม่พ้นหย่าร้างเข้าสักวัน
ในทางกลับกันหากเจ้าสาวไม่ใช่แพรวพรรณราย แต่เป็นอีกคนหนึ่งที่เจ้าบ่าวผูกใจรัก งานในวันนี้คงสมบูรณ์มากขึ้น จะมีกลิ่นอายของความสุขอบอวล ไม่ใช่มลภาวะเป็นพิษเช่นนี้แล้วชีวิตคู่ของกรกวินทร์ก็จะยืนยาวจนแก่เฒ่า
หญิงสาวอีกคนที่ว่านี้คือนิสารัตน์ หรือฟ้า ดารานักแสดงหญิงชื่อดังของเมืองไทย เธอเป็นนางเอกระดับแถวหน้าของวงการบันเทิง มีหนัง ละคร งานถ่ายแบบและงานพรีเซ็นเตอร์ไม่ขาดสาย เธอเป็นคนรักของกรกวินทร์ที่คบหาดูใจกันมาร่วมหนึ่งปี ทุกคนในแวดวงต่างรับรู้ความหวานของทั้งคู่และคาดคิดว่าน่าจะมีข่าวดีในไม่ช้า แต่อยู่ๆ กรกวินทร์ก็มาวิวาห์ฟ้าแลบกับหญิงสาวอีกคนหนึ่งส่งผลให้นิสารัตน์ตกเป็นหัวข้อข่าวใหญ่อยู่หลายวัน
งานวิวาห์ดำเนินต่อไปด้วยดี แม้ว่ากรกวินทร์กับแพรวพรรณรายจะมีความชิงชังต่อกัน แต่ทว่าทั้งคู่ก็ไม่ได้ทำให้บุพการีผิดหวัง แสดงให้ทุกคนเห็นว่างานวันชื่นคืนสุขในวันนี้ ทั้งคู่ยินดีปรีดาเป็นอย่างยิ่ง แม้ว่าหลายคนจะสงสัยว่า เหตุใดเจ้าสาวของงานไม่ใช่นิสารัตน์ นักแสดงลือชื่อที่คบหากันมานาน มีคนสงสัยแต่ไม่มีใครคิดจะถาม
หลังจากที่ส่งแขกคนสุดท้ายกลับ เจ้าบ่าวเจ้าสาวและครอบครัวก็เดินทางกลับไปยังบ้านเดชาพิพัฒน์ เพื่อส่งตัวคู่บ่าวสาวเข้าห้องหอพิธีสุดท้ายของงาน
ห้องหอที่ว่านี้คือห้องของกรกวินทร์ที่ถูกตกแต่งใหม่เกือบทั้งหมด โดยที่เจ้าของห้องไม่ได้เต็มใจให้ปรับเปลี่ยนแม้แต่นิดเดียว แต่เป็นเพราะภวินทร์ จอมบงการและเสียงที่ใหญ่ที่สุดของบ้านเป็นคนจัดการ
บนเตียงนอนหนานุ่มราคาเหยียดแสนร่างของภวินทร์ธาริณีและพริ้งเพรานั่งอยู่ริมเตียง เจ้าบ่าวเจ้าสาวนั่งพับเพียบอยู่บนพื้น
“พ่อรู้ดีว่า งานแต่งงานในครั้งนี้ทัชกับแพรวต่างก็ไม่เต็มใจ แต่พ่อกับแม่ของแพรวเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกทั้งสอง อย่าให้ความตั้งใจของพ่อผิดหวัง ทัชต้องดูแลเอาใจใส่แพรวให้ดีที่สุด อย่าคิดนอกใจแพรวเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นพ่อจะไม่ให้อภัยทัชไปตลอดชีวิตและพ่อจะบอกไว้อย่างหนึ่งว่า ชีวิตคู่ของทัชกับแพรวจะไม่มีคำว่าหย่าร้าง รักษาชีวิตคู่ไปจนแก่เฒ่า พ่อขอให้ลูกทั้งสองจงมีความสุขในชีวิตคู่”
ภวินทร์ให้คำอวยพรเป็นคนแรก แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่คำอวยพรเสียทีเดียว มีการขู่กลายๆ เชิงเป็นคำสั่งรวมอยู่ด้วย
“ขอบคุณครับคุณพ่อ” กรกวินทร์กล่าวคำของคุณคำอวยพรของบิดา แม้ว่าจนเองจะไม่ปรารถนาจะรับมันก็ตาม
“ทัช แม่ขอให้ทัชมีความสุขนะลูก หนักนิดเบาหน่อยก็อภัยซึ่งกันและกันนะ”
ธาริณีให้คำอวยพรเป็นคนที่สอง ซึ่งนางเองก็ไม่ได้กล่าวอะไรไปมากกว่านี้ เพราะรู้ดีว่านับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คำว่าความสุขจะถอยห่างลูกชายคนโตของนางไปทุกที ใครเล่าจะมีความสุขกับชีวิตคู่ที่ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะคำว่ารัก
“ขอบคุณครับคุณแม่” เขากล่าวคำขอบคุณมารดา
“น้าฝากแพรวด้วยนะคะคุณทัช”
พริ้งเพราฝากฝังลูกสาวคนโตกับกรกวินทร์ ที่เวลานี้คือลูกเขยของนางและเป็นทายาทโดยชอบธรรมของตระกูลเดชาพิพัฒน์
“ครับคุณน้า” ตามมารยาทกรกวินทร์จำเป็นต้องเอ่ยคำนี้
“งั้นเราออกไปกันดีกว่านะ ทัชกับแพรวจะได้พักผ่อน”ภวินทร์พูดจบก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปจากห้องโดยมีร่างของธาริณีกับพริ้งเพราเดินตามออกไป
ครั้นพออยู่กันตามลำพังความอึดอัดก็กระจายอยู่ทั่วห้อง กรกวินทร์ลุกขึ้นยืนจัดการถอดชุดสูท ตามด้วยเนคไท ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำโดยไม่พูดอะไรสักคำ ฝ่ายเจ้าสาวก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ลุกขึ้นยืนแล้วมานั่งถอนหายใจอีกครั้งริมเตียง
อีกสิบห้านาทีต่อมาร่างสูงใหญ่ก็เดินออกมาจากห้องน้ำ ทั้งร่างกายมีเพียงผ้าขนหนูสีขาวพันรอบเอวเพียงผืนเดียว อวดความบึกบึนของแผงอกกว้าง กล้ามเนื้อแขนขึ้นดูสมบูรณ์แข็งแรงสมกับชายชาตรี ใบหน้าของแพรวพรรณรายร้อนผ่าว หัวใจเต้นแรงประหนึ่งว่ากำลังตื่นเต้นกับสิ่งที่พบเห็น ก่อนที่เธอจะเบือนหน้าหนี หลบเลี่ยงความเขินอายที่เขาอาจจะมองเห็น
แต่กรกวินทร์ก็ไม่ได้สนใจแพรพรรณราย แม้แต่ชายตามองเขาก็ไม่คิดจะทำ ชายหนุ่มเดินไปยังตู้เสื้อผ้า หยิบชุดนอนมาสวมใส่ เสร็จสรรพก็เดินมายังเตียงนอน เดินไปอีกด้านหนึ่งหยิบหมอนหนุนศีรษะมาไว้ในมือ จากนั้นก็เดินไปยังโซฟาตัวยาวแบบปรับนอนได้ที่ต่อไปนี้เขาจะยึดเป็นที่นอน ร่างสูงใหญ่วางหมอนบนโซฟาแล้วล้มตัวลงนอน ไม่สนใจเจ้าสาวของตนเลย
ไม่ใช่ว่าแพรวพรรณรายจะแคร์ที่สามีของตนไม่สนใจ มันเป็นการดีด้วยซ้ำที่ไม่ต้องตกลงหรือพูดอะไรกันมาก เขาทำให้เธอรู้ว่า ต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างนอน เธอลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปยังตู้เสื้อผ้า หยิบชุดนอนแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำก่อนจะกลับมาที่เตียงอีกครั้งหลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จสิ้น
ไฟในห้องหอดับลง มีเพียงความเงียบและความมืดทีเข้าปกคลุม แต่ทว่าร่างของข้าวใหม่ปลามันก็ไม่ได้หลับเหมือนกับที่อีกฝ่ายคิด ทั้งสองลืมตาโพลงอยู่ในห้วงความคิดของตน
แพรวพรรณรายกำลังคิดถึงอนาคตของตัวเอง การแต่งงานในครั้งนี้แลกมาซึ่งความฝันของเธอ หญิงสาวฝันว่าจะมีร้านอาหารเล็กๆ เป็นของตัวเอง แต่ทว่าพริ้งเพราไม่ยอมท่าเดียว และเมื่อมารดาบังคับให้ตนแต่งงานกับกรกวินทร์ เธอจึงยื่นข้อเสนอกับผู้เป็นแม่ว่า หากตนเองยอมแต่งงานเธอขอทำร้านอาหารตามที่ฝัน ซึ่งพริ้งเพราก็ยินยอมอย่างไม่น่าเชื่อ วันพรุ่งนี้แพรวพรรณรายจะเริ่มทำความฝันของตนเองเสียที
ฝ่ายกรกวินทร์ไม่ได้นึกถึงความในหรืออนาคตของตนเอง เขากำลังนึกถึงนิสารัตน์ อดีตคนรักของตนและเป็นหญิงสาวที่เขารักปานดวงใจ วาดหวังว่าจะได้อยู่ร่วมเรียงเคียงหมอนไปจาแก่เฒ่า สุดท้ายความฝันก็ต้องพังทลาย เขาไม่ได้แต่งงานกับคนที่ตัวเองรัก กลับมาต้องวิวาห์กับคนที่ไม่ได้รักแทน กรกวินทร์คิดสะระตะถึงนิสารัตน์ ป่านนี้เธอจะเป็นเช่นไร จะจมอยู่กับความเสียใจหรือไม่ กรกวินทร์รู้คำตอบนั้นดี
Chapter 8แต่พอเขาเดินเข้ามาในห้องน้ำ ดัตถพงศ์ได้กลิ่นอาเจียนที่ติดเสื้อของตน เขาจึงถอดเสื้อออกรวมทั้งเสื้อกล้าม ก่อนจะเดินไปหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กที่อยู่ตรงชั้นมาชุบน้ำพอหมาด จากนั้นก็เดินกลับออกไป“เฮ้ย! ฟ้า ทำอะไร” เขาอุทานเสียงดังลั่นเมื่อเห็นนิสารัตน์ที่เวลานี้ลุกขึ้นนั่ง และเธอก็กำลังจะถอดเสื้อของตัวเองออก ดัตถพงศ์รีบถลาไปยังร่างสาวทันที“อย่าถอดฟ้า อย่าถอด” เขาร้องห้าม จับมือทั้งสองข้างของเธอไว้แน่น“ปล่อยฟ้านะ ปล่อย ฟ้าจะถอดเสื้อ ฟ้าเหม็น ใครมาอ้วกใส่เสื้อฟ้าเนี่ย” คนที่ร้องโวยวายยังไม่รู้ตัวว่า คนที่อาเจียนนั้นก็คือตัวเธอ“เดี๋ยวฉันเช็ดให้ อยู่เฉยๆ”เขาดุใส่ เธอมีอาการสงบลงเมื่อได้เยินเสียงเข้มๆ ของใครคนหนึ่งที่น้ำเสียงคุ้นๆ หู แต่เนื่องจากความเมาทำให้เธอไม่มีสติพอที่จะนึกว่าเป็นเสียงของใคร อีกทั้งไม่ได้นึกเอะใจเลยสักนิดว่า ตัวเองอยู่ในที่ใด แล้วเหตุใดจึงมีเสียงผู้ชายอยู่ดังใกล้ตัวดัตถพงศ์ใช้โอกาสนี้เช็ดหน้าเช็ดตาให้นิสารัตน์ ลดมือต่ำลงมาเช็ดคราบอาเจียนตามเสื้อผ้าของเธออย่างไม่รังเกียจ เขาจะรังเกียจคนที่ตนเองรักได้อย่างไร ไม่ว่าเธอจะอยู่ในสภาพแบบไหนเขาก็ไม่มีวันรังเกียจดัตถพงศ
Chapter 7เจ้าของรถสปอร์ตเหยียบเบรกรถเมื่อเดินทางมาถึงหน้าบ้านของนิสารัตน์ ไฟในบ้านของเธอมืดสนิท ไม่มีแม้แต่แสงไฟตรงริมรั้วบ้าน มือใหญ่เปิดประตูรถก่อนจะก้าวลงไป ก่อนจะเดินไปกดกริ่งหวังจะเรียกคนในบ้านให้มาเปิดประตู ทว่าเขากดไปหลายครั้งแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าใครจะออกมาสักคน เขาคงไม่รู้ว่าปิ่นกับปักสองพี่น้องคนรับใช้ประจำบ้านของนิสารัตน์ ลากลับบ้านกว่าจะกลับมาก็วันมะรืนนี้ ดัตถพงศ์จึงเดินกลับมาที่รถ เดินไปยังประตูฝั่งด้านข้างคนขับ“ฟ้า ฟ้า ตื่นสิ ฟ้า” เขาส่งเสียงเรียกดาราสาวที่ยังหลับสนิท กลิ่นแอลกอฮอล์หึ่งรถ“หลับเป็นตายเลย” เขาบ่นอุบเมื่อเห็นร่างเล็กไม่มีทีท่าว่าจะตื่น “กุญแจบ้านอยู่ไหนฟ้า ตื่นสิตื่น”ดัตถพงศ์ใช้ฝ่ามือตบใบหน้าของเธอเบาๆ เพื่อเรียกสติ แต่ดูเหมือนหว่านิสารัตน์จะไม่มีสติเอาเสียเลย เรียกเท่าไหร่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ เขาจึงถือวิสาสะคว้ากระเป๋าสะพายที่คล้องอยู่บนบ่าของเธอมารื้อค้นหากุญแจบ้าน ทว่าเขารื้อค้นจนทั่วก็ไม่เห็นกุญแจสักดอก“หรือว่าจะทำตกที่ผับ” ชายหนุ่มคิดในใจ และคาดว่าเป็นตามที่ตนคิด “เอาไงดีวะเนี่ย เข้าบ้านก็ไม่ได้ จะปล่อยให้นอนตากยุงอยู่หน้าบ้านก็ไม่ได้ จะทำยังไงดีวะ”ด
Chapter 6 “ฉันเองก็ไม่รู้อะไรมากหรอก รู้แค่ว่าผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายจัดการ”แท้จริงแล้วดัตถพงศ์รู้ดีทุกอย่าง เนื่องจากกรกวินทร์มานั่งปรับทุกข์ในเรื่องนี้กับตน แต่เขาก็เลือกตอบประหนึ่งว่าไม่รู้เรื่องรู้ราว“สมัยนี้ยังมีคลุมถุงชนอีกเหรอเนี่ย ไม่น่าเชื่อ” พิเชษฐ์เปรย“มันก็เหมือนกับเรือล่มในหนองทองจะไปไหนรึเปล่า การแต่งงานเพื่อธุรกิจมีเยอะแยะไป”ศราวุฒิไม่คิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องแปลก เพราะหลายคนที่เขารู้จักก็แต่งงานเพื่อธุรกิจอยู่หลายคู่ ต่อยอดความร่ำรวย เงินทองไม่รั่วไหล“เฮ้ยๆ ฟ้าลุกขึ้นแล้ววะ สงสัยจะกลับแล้ว แต่ว่าจะกลับยังไงเนี่ยเมาเป๋ซะขนาดนี้”พิเชษฐ์พูดขึ้นเมื่อเห็นว่า นิสารัตน์กำลังลุกขึ้นยืน แล้วกำลังเดินห่างโต๊ะ แต่ทว่าด้วยสภาพเมาจนประคองตัวเองไม่อยู่ ทำให้ร่างระหงเซไปเซมา จนต้องใช้มือจับโต๊ะเอาไว้กันล้ม จากสภาพที่เห็นเธอไม่น่าจะกลับเองได้“ฉันขอตัวก่อนก็แล้วกันนะ”ดัตถพงศ์เห็นสภาพของนิสารัตน์แล้วเกิดเป็นห่วงขึ้นมา หากปล่อยเธอ กลับบ้านเองมีหวังไม่ถึงที่แน่ อาจจะเกิดอุบัติเหตุระหว่างทาง หรือไม่ก็โดนฉุดไปทำมิดีไม่ร้ายกับคนที่ไม่หวังดี“อะไรวะ มาไม่ถึงชั่วโมงก็จะกลับแล
Chapter 5ณ ผับเทอมินอล ผับเทอมินอลเป็นผับหรูระดับเฟิร์สคลาส ลูกค้าที่มาใช้บริการส่วนใหญ่จะเป็นสมาชิกที่ต้องเสียรายปีๆ สามหมื่นห้าพันบาทสำหรับสามชิกระดับโกล์ดคลาส ส่วนสมาชิกทั่วไปเสียรายปีๆ ละหนึ่งหมื่นบาทผับแห่งนี้แบ่งเป็นหลายส่วน จำแนกตามระดับของสมาชิก หากเป็นสมาชิกทั่วไปจะใช้บริการได้เพียงส่วนของผับ จะให้ความบันเทิงเสมือนผับทั่วๆ ไป สมาชิกระดับโกล์ดคลาสจะใช้บริการได้ทุกส่วน ส่วนที่สองจะเป็นห้องรับรองส่วนตัวขนาดห้องก็แตกต่างกันไป ห้องละห้าคนบ้าง สิบคนบ้าง ยี่สิบคนบ้างตามแต่สมาชิกคนนั้นๆ ส่วนที่สามคือวีไอพีที่มีความพรั่งพร้อมครบครัน ไม่ว่าจะเป็นห้องประชุมเล็กๆ ห้องปาร์ตี้ขนาดบรรจุคนได้ราวสามสิบคนและห้องนอนไว้พักผ่อน ในส่วนของผับค่ำคืนนี้คนค่อนข้างหนาตา อาจเป็นเพราะเป็นช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ เจ้าของธุรกิจรวมทั้งสมาชิกทั่วไปต่างมาผ่อนคลายความตึงเครียดจากงานที่โหมหนักมาทั้งสัปดาห์ หรือจากชีวิตส่วนตัวที่รุมเร้า ต้องการพักให้หายเครียดหนึ่งในจำนวนคนเป็นร้อยที่มาใช้บริการคือดารานักแสดงชื่อดังของเมืองไทย เธอเลือกที่จะนั่งโต๊ะริมในสุดของผับ ใช้แอลกอฮอล์ดับความเสียใจ
Chapter 4งานเลี้ยงช่วงค่ำ ห้องแกรนบอลลูนของโรงแรมฟลุทาวน์ดูเล็กไปถนัดตา เมื่อจำนวนคนที่อยู่ในห้องเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แขกที่มาร่วมงานเลี้ยงฉลองมลคลสมรสในขณะนี้นับคร่าวๆ ทางสายตาก็ร่วมแปดร้อยคน และท่าว่าแขกจะไม่หยุดที่จำนวนนี้ นอกจากจะเป็นญาติสนิทจากทั้งสองฝ่าย แขกที่มาร่วมงานยังมีหลากหลายอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง บุคคลที่มีชื่อเสียงทางสังคม นักธุรกิจหลายแขนง รวมทั้งเพื่อนฝูงของเจ้าบ่าวและเจ้าสาวและที่ขาดไม่ได้เลยคือนักข่าวที่แชะบรรยากาศของงานแทบไม่ทัน ดัตถพงศ์นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงด้านเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านคือหนึ่งเพื่อนสนิทของกรกวินทร์ที่มาร่วมงานเลี้ยงในครั้งนี้ ซึ่งเขาก็รู้ดีว่า เจ้าบ่าวไม่เต็มใจที่จะร่วมงานวิวาห์ แต่ที่ยอมเพราะขัดบิดาและคำขอร้องของมารดาไม่ได้ เขาเดินมาหาคู่บ่าวสาวที่ยืนอยู่ตรงซุ้มดอกไม้ที่จัดตกแต่งอย่างสวยงามในมือถือกล่องของขวัญที่ตั้งใจนำมาให้ทั้งคู่ “ดีใจด้วยนะทัช”ดัตถพงศ์แม้จะรู้ว่า เจ้าบ่าวไม่เต็มใจแต่งงาน ทว่าตามมารยาทเขาจำเป็นต้องพูดประโยคนี้“ขอบใจเพื่อน” กรกวินทร์รับน้ำใจจากเพื่อนสนิท “แต่ฉันไม่เห็นจะด
Chapter 3“พี่แพรวคะ แม่รักพี่แพรวนะคะ ไม่อย่างนั้นคงไม่ให้พี่แต่งงานกับพี่ทัชหรอกค่ะ แม่อยากให้พี่แพรวสบาย พี่แพรวเข้าใจแม่นะคะ”เดือนดาราที่ไม่รู้เหตุผลแท้จริงในงานวิวาห์ของพี่สาว จึงพูดปลุกปลอบให้แพรงพรรณรายไม่ต้องคิดมาก และคิดว่ามารดาไม่รัก แต่แท้จริงแล้ว แพรวพรรณรายรู้เหตุผลทุกอย่าง รู้ทุกเรื่องที่เดือนดาราไม่รู้ แม้กระทั่งเรื่องความลับของกรกวินทร์“ออกไปกันเถอะ พี่ไม่อยากถูกแม่ดุเรื่องที่ออกไปช้า”แพรวพรรณรายพูดตัดบท เธอไม่อาจเปิดเผยหรือแพร่งพรายความลับที่เธอรู้ให้ใครได้รับฟังได้ แท้แต่เดือนดารา สองพี่น้องจึงเดินออกจากห้องแต่งตัว เดินเข้าไปในงานสมรสที่จัดอย่างยิ่งใหญ่อลังการทุกคนที่อยู่ภายในห้องจัดเลี้ยงต่างมองมายังร่างของเจ้าสาวที่เดินเคียงคู่มากับหญิงสาวอีกคนหนึ่งที่มีความงามไม่แพ้กัน ทุกสายตาต่างชื่นชมกับความสวยของแพรวพรรณราย แต่จะมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มองข้ามความสวยของเธอไป แม้ว่าเขาอดจะตะลึงกับความงดงามของเธอไม่ได้ แต่มันแค่เพียงชั่ววินาทีความงามขอแพรวพรรณรายโดดเด่นมาก ดวงหน้าหวานถูกแต่งแต้มพองาม ไม่มากเกินและไม่น้อยเกินไป อาจเป็นเพราะเธอเป็นคนสวยอยู่แล้วจึงไม่ต้องพึ่ง