“ฉันเองก็ไม่รู้อะไรมากหรอก รู้แค่ว่าผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายจัดการ”
แท้จริงแล้วดัตถพงศ์รู้ดีทุกอย่าง เนื่องจากกรกวินทร์มานั่งปรับทุกข์ในเรื่องนี้กับตน แต่เขาก็เลือกตอบประหนึ่งว่าไม่รู้เรื่องรู้ราว
“สมัยนี้ยังมีคลุมถุงชนอีกเหรอเนี่ย ไม่น่าเชื่อ” พิเชษฐ์เปรย
“มันก็เหมือนกับเรือล่มในหนองทองจะไปไหนรึเปล่า การแต่งงานเพื่อธุรกิจมีเยอะแยะไป”
ศราวุฒิไม่คิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องแปลก เพราะหลายคนที่เขารู้จักก็แต่งงานเพื่อธุรกิจอยู่หลายคู่ ต่อยอดความร่ำรวย เงินทองไม่รั่วไหล
“เฮ้ยๆ ฟ้าลุกขึ้นแล้ววะ สงสัยจะกลับแล้ว แต่ว่าจะกลับยังไงเนี่ยเมาเป๋ซะขนาดนี้”
พิเชษฐ์พูดขึ้นเมื่อเห็นว่า นิสารัตน์กำลังลุกขึ้นยืน แล้วกำลังเดินห่างโต๊ะ แต่ทว่าด้วยสภาพเมาจนประคองตัวเองไม่อยู่ ทำให้ร่างระหงเซไปเซมา จนต้องใช้มือจับโต๊ะเอาไว้กันล้ม จากสภาพที่เห็นเธอไม่น่าจะกลับเองได้
“ฉันขอตัวก่อนก็แล้วกันนะ”
ดัตถพงศ์เห็นสภาพของนิสารัตน์แล้วเกิดเป็นห่วงขึ้นมา หากปล่อยเธอ กลับบ้านเองมีหวังไม่ถึงที่แน่ อาจจะเกิดอุบัติเหตุระหว่างทาง หรือไม่ก็โดนฉุดไปทำมิดีไม่ร้ายกับคนที่ไม่หวังดี
“อะไรวะ มาไม่ถึงชั่วโมงก็จะกลับแล้วเหรอ” ศราวุฒิท้วงเพื่อน
“ฉันจะพาฟ้ากลับบ้าน ฉันรู้ว่าบ้านฟ้าอยู่ที่ไหน ปล่อยให้กลับบ้านคนเดียวมีหวังไม่ถึงบ้านแน่ๆ” เขาให้เหตุผลของการขอตัวกลับก่อน
“เออๆ ถ้าอย่างนั้นก็ไปเถอะ โอกาสหน้าค่อยนัดเจอกันใหม่ก็ได้” เหตุผลของดัตถพงศ์เป็นที่ยอมรับ
ได้ของเพื่อนๆ เพราะพวกเขาก็เห็นด้วยกับความคิดนี้
“ฉันไปก่อนนะ” ดัตถพงศ์ไม่รอช้า รีบเดินไปยังร่างของนิสารัตน์ที่เดินไม่ตรง เซไปซ้ายสองสาวก้าวแล้วเซไปทางขวาอีกหลายก้าว สลับกันไปมาจนน่าเวียนหัว
ความที่นิสารัตน์เดินไม่ตรงทาง ทำให้ชายจอมเจ้าชู้หลายคนคิดจะเข้ามาประคองตัวร่างเล็ก โดยไม่รู้จุดประสงค์ที่แท้จริงว่า หวังดีหรือร้าย
“ขอโทษนะครับ นี่น้องสาวผม ปล่อยให้ผมจัดการดีกว่านะครับ”
ดัตถพงศ์เอ่ยบอกชายร่างอ้วนที่กำลังนำมือมาประคองร่างสวย ก่อนจะฉวยโอกาสที่ชายคนนั้นผงะ โอบประคองร่างของดาราสาวออกไปจากผับ
“ปล่อยนะ ปล่อยสิ มาจับตัวฉันทำไม ปล่อยนะ”
นิสารัตน์โวยวายไปตลอดทางเมื่อรู้ได้ว่า มีลำแขนของใครบางคนโอบประคองเธอไม่ห่าง เธอทั้งดิ้นและร้องจนพนักงานรักษาความปลอดภัยของร้านต้องวิ่งมาดู
“มีอะไรครับคุณฟ้า” สมพลที่จำลูกค้าทุกคนที่มาใช้บริการผับหรูแห่งนี้ได้ดีเอ่ยถามโดยที่ไม่หันมองหน้าชายหนุ่มอีกคน
“ไม่มีอะไร ฉันแค่จะพาคุณฟ้าไปส่งที่บ้าน” ดัตถพงศ์ตอบแทนคนที่ไม่ค่อยมีสติ
“คุณอิฐนี่เอง ผมนึกว่าใคร เชิญครับเชิญ”
พอสมพลรู้ว่าผู้พูดคือใคร เขาจึงหลีกทางให้แต่โดยดี เนื่องจากดัตถพงศ์เป็นแขกระดับโกล์ดคลาสของที่นี่ อีกทั้งยังรู้ด้วยว่าดัตถพงศ์เป็นเพื่อนสนิทของกรกวินทร์ คนรักของนิสารัตน์ที่มาใช้บริการที่นี่ด้วยกันจนนับไม่ถ้วน
“ไปเปิดประตูรถฉันให้ที ฉันจะอุ้มคุณฟ้าไปที่รถ”
ดัตถพงศ์ล้วงหยิบกุญแจรถในกระเป๋า ยื่นให้สมพลที่กุลีกุจอไปยังรถของอีกฝ่าย ที่เขาจำได้แม่นยำว่าคันไหน ฝ่ายคนสั่งช้อนอุ้มร่างของคนเมาไม่ได้สติขึ้นสูง ก้าวเดินไปยังรถยนต์ของตน
“ปล่อยนะ ปล่อยสิ ปล่อยนะ” นิสารัตน์ยังโวยวายต่อไป
“อยู่เฉยๆ จะพากลับบ้าน” ดัตถพงศ์ส่งเสียงดุสาวร่างเล็ก รีบสาวเท้าเดินไปยังรถยนต์ของตน
“ปล่อยนะ ปะ...ปล่อย”
เสียงร้องโวยวายของเธอดังอยู่ไม่กี่ครั้ง ก่อนที่เสียงนั้นจะเงียบลง เขาจึงหันมามองต้นเสียงที่สร้างความรำคาญให้กับส่วนรับฟังก็พบว่า เธอหลับไปเสียแล้ว
ดัตถพงศ์ขับรถยนต์สปอร์ตของตนไปตามท้องถนนยามราตรี ระหว่างที่ขับเขาก็หันมามองเสี้ยวใบหน้าของนิสารัตน์ที่นอนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราว ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองอยู่ในรถของใครและจะพาไปที่ใด เขาไม่อยากจะคิดเลยว่า หากเป็นชายอื่นพาเธอไปส่งที่บ้าน ระหว่างทางจะแวะที่ไหนก่อนหรือเปล่า แค่คิดหัวใจของเขาก็รู้สึกเหมือนมีเข็มเล่มเล็กๆ ทิ่มแทง
ไม่มีใครรู้หัวใจของดัตถพงศ์เลยว่า แท้จริงแล้วเขาแอบหลงรักแฟนของเพื่อนมานานแล้ว รักมาก่อนที่กรกวินทร์จะรู้จักกับนิสารัตน์เสียอีก
เท้าความไปเมื่อสองปีก่อน นิสารัตน์มาถ่ายทำโฆษณาเฟอร์นิเจอร์คอลเลคชั่นใหม่ของเขา วันนั้นเขาว่างจึงเดินทางไปดูการถ่ายทำโฆษณาชุดนี้ และได้พบเจอกับเธอตัวจริงเสียงจริง เพราะก่อนหน้าเขาเห็นเธอในละคร ในนิตยสารและสื่อสิ่งพิมพ์หลายแขนง
ดัตถพงศ์เหมือนได้พบรักครั้งแรก ความสวยและรอยยิ้มของนิสารัตน์สะกดเขาได้อย่างชะงักงัน เธอสวยมากกว่าในสื่อเหล่านั้น ร่างกายเธอบอบบางแต่ไม่ผอมแห้ง แลดูมีน้ำมีนวลจนเขาอยากจะนำมือไปสัมผัสผิวกายของเธอ ประกอบกับนิสารัตน์เป็นคนไม่ถือตัว แม้ว่าตนเองจะโด่งดังเป็นพลุแตก แต่ก็ยังนอน้อมถ่อมตนกับทุกคน เธอจึงเป็นที่รักของคนรอบข้างและที่ได้พบเจอ
เขาตั้งใจจะจีบนิสารัตน์โดยเลือกวันเปิดตัวผลิตภัณฑ์อย่างเป็นทางการ แต่ทว่าวันนั้นกรกวินทร์ได้เดินทางมาร่วมงานด้วยและนั่นทำให้ความตั้งใจของเขาเป็นหมัน เมื่อกรกวินทร์เกิดถูกตาต้องใจดาราสาวพราวเสน่ห์ขึ้นมา จนเอ่ยปากกับตนว่า จะรุกหน้าจีบนิสารัตน์ ดัตถพงศ์จึงหลบฉากให้เพื่อนสนิทนับตั้งแต่วันนั้น เพราะรู้ตัวเองดีว่าคงไม่มีวันได้ครอบครองหัวใจของเธอ เหตุใดเขาถึงรู้สึกเช่นนั้นก็เพราะสายตาของนิสารัตน์ยามมองไปยังกรกวินทร์ มันมีความรู้สึกบางอย่างแฝงอยู่
กรกวินทร์ใช้เวลาร่วมหนึ่งปีพิสูจน์รักแท้ เทียวไร้เทียวขื่อจีบเธอไม่เว้นวัน จนกระทั่งเธอยอมรับรักและคบหากรกวินทร์เป็นคู่รัก ชายหนุ่มอกหักตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มจึงเก็บความรักที่มีต่อนิสารัตน์ไว้ในใจเรื่อยมาจนถึงวันนี้...วันที่เธอเป็นอิสระจากกรกวินทร์
Chapter 8แต่พอเขาเดินเข้ามาในห้องน้ำ ดัตถพงศ์ได้กลิ่นอาเจียนที่ติดเสื้อของตน เขาจึงถอดเสื้อออกรวมทั้งเสื้อกล้าม ก่อนจะเดินไปหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กที่อยู่ตรงชั้นมาชุบน้ำพอหมาด จากนั้นก็เดินกลับออกไป“เฮ้ย! ฟ้า ทำอะไร” เขาอุทานเสียงดังลั่นเมื่อเห็นนิสารัตน์ที่เวลานี้ลุกขึ้นนั่ง และเธอก็กำลังจะถอดเสื้อของตัวเองออก ดัตถพงศ์รีบถลาไปยังร่างสาวทันที“อย่าถอดฟ้า อย่าถอด” เขาร้องห้าม จับมือทั้งสองข้างของเธอไว้แน่น“ปล่อยฟ้านะ ปล่อย ฟ้าจะถอดเสื้อ ฟ้าเหม็น ใครมาอ้วกใส่เสื้อฟ้าเนี่ย” คนที่ร้องโวยวายยังไม่รู้ตัวว่า คนที่อาเจียนนั้นก็คือตัวเธอ“เดี๋ยวฉันเช็ดให้ อยู่เฉยๆ”เขาดุใส่ เธอมีอาการสงบลงเมื่อได้เยินเสียงเข้มๆ ของใครคนหนึ่งที่น้ำเสียงคุ้นๆ หู แต่เนื่องจากความเมาทำให้เธอไม่มีสติพอที่จะนึกว่าเป็นเสียงของใคร อีกทั้งไม่ได้นึกเอะใจเลยสักนิดว่า ตัวเองอยู่ในที่ใด แล้วเหตุใดจึงมีเสียงผู้ชายอยู่ดังใกล้ตัวดัตถพงศ์ใช้โอกาสนี้เช็ดหน้าเช็ดตาให้นิสารัตน์ ลดมือต่ำลงมาเช็ดคราบอาเจียนตามเสื้อผ้าของเธออย่างไม่รังเกียจ เขาจะรังเกียจคนที่ตนเองรักได้อย่างไร ไม่ว่าเธอจะอยู่ในสภาพแบบไหนเขาก็ไม่มีวันรังเกียจดัตถพงศ
Chapter 7เจ้าของรถสปอร์ตเหยียบเบรกรถเมื่อเดินทางมาถึงหน้าบ้านของนิสารัตน์ ไฟในบ้านของเธอมืดสนิท ไม่มีแม้แต่แสงไฟตรงริมรั้วบ้าน มือใหญ่เปิดประตูรถก่อนจะก้าวลงไป ก่อนจะเดินไปกดกริ่งหวังจะเรียกคนในบ้านให้มาเปิดประตู ทว่าเขากดไปหลายครั้งแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าใครจะออกมาสักคน เขาคงไม่รู้ว่าปิ่นกับปักสองพี่น้องคนรับใช้ประจำบ้านของนิสารัตน์ ลากลับบ้านกว่าจะกลับมาก็วันมะรืนนี้ ดัตถพงศ์จึงเดินกลับมาที่รถ เดินไปยังประตูฝั่งด้านข้างคนขับ“ฟ้า ฟ้า ตื่นสิ ฟ้า” เขาส่งเสียงเรียกดาราสาวที่ยังหลับสนิท กลิ่นแอลกอฮอล์หึ่งรถ“หลับเป็นตายเลย” เขาบ่นอุบเมื่อเห็นร่างเล็กไม่มีทีท่าว่าจะตื่น “กุญแจบ้านอยู่ไหนฟ้า ตื่นสิตื่น”ดัตถพงศ์ใช้ฝ่ามือตบใบหน้าของเธอเบาๆ เพื่อเรียกสติ แต่ดูเหมือนหว่านิสารัตน์จะไม่มีสติเอาเสียเลย เรียกเท่าไหร่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ เขาจึงถือวิสาสะคว้ากระเป๋าสะพายที่คล้องอยู่บนบ่าของเธอมารื้อค้นหากุญแจบ้าน ทว่าเขารื้อค้นจนทั่วก็ไม่เห็นกุญแจสักดอก“หรือว่าจะทำตกที่ผับ” ชายหนุ่มคิดในใจ และคาดว่าเป็นตามที่ตนคิด “เอาไงดีวะเนี่ย เข้าบ้านก็ไม่ได้ จะปล่อยให้นอนตากยุงอยู่หน้าบ้านก็ไม่ได้ จะทำยังไงดีวะ”ด
Chapter 6 “ฉันเองก็ไม่รู้อะไรมากหรอก รู้แค่ว่าผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายจัดการ”แท้จริงแล้วดัตถพงศ์รู้ดีทุกอย่าง เนื่องจากกรกวินทร์มานั่งปรับทุกข์ในเรื่องนี้กับตน แต่เขาก็เลือกตอบประหนึ่งว่าไม่รู้เรื่องรู้ราว“สมัยนี้ยังมีคลุมถุงชนอีกเหรอเนี่ย ไม่น่าเชื่อ” พิเชษฐ์เปรย“มันก็เหมือนกับเรือล่มในหนองทองจะไปไหนรึเปล่า การแต่งงานเพื่อธุรกิจมีเยอะแยะไป”ศราวุฒิไม่คิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องแปลก เพราะหลายคนที่เขารู้จักก็แต่งงานเพื่อธุรกิจอยู่หลายคู่ ต่อยอดความร่ำรวย เงินทองไม่รั่วไหล“เฮ้ยๆ ฟ้าลุกขึ้นแล้ววะ สงสัยจะกลับแล้ว แต่ว่าจะกลับยังไงเนี่ยเมาเป๋ซะขนาดนี้”พิเชษฐ์พูดขึ้นเมื่อเห็นว่า นิสารัตน์กำลังลุกขึ้นยืน แล้วกำลังเดินห่างโต๊ะ แต่ทว่าด้วยสภาพเมาจนประคองตัวเองไม่อยู่ ทำให้ร่างระหงเซไปเซมา จนต้องใช้มือจับโต๊ะเอาไว้กันล้ม จากสภาพที่เห็นเธอไม่น่าจะกลับเองได้“ฉันขอตัวก่อนก็แล้วกันนะ”ดัตถพงศ์เห็นสภาพของนิสารัตน์แล้วเกิดเป็นห่วงขึ้นมา หากปล่อยเธอ กลับบ้านเองมีหวังไม่ถึงที่แน่ อาจจะเกิดอุบัติเหตุระหว่างทาง หรือไม่ก็โดนฉุดไปทำมิดีไม่ร้ายกับคนที่ไม่หวังดี“อะไรวะ มาไม่ถึงชั่วโมงก็จะกลับแล
Chapter 5ณ ผับเทอมินอล ผับเทอมินอลเป็นผับหรูระดับเฟิร์สคลาส ลูกค้าที่มาใช้บริการส่วนใหญ่จะเป็นสมาชิกที่ต้องเสียรายปีๆ สามหมื่นห้าพันบาทสำหรับสามชิกระดับโกล์ดคลาส ส่วนสมาชิกทั่วไปเสียรายปีๆ ละหนึ่งหมื่นบาทผับแห่งนี้แบ่งเป็นหลายส่วน จำแนกตามระดับของสมาชิก หากเป็นสมาชิกทั่วไปจะใช้บริการได้เพียงส่วนของผับ จะให้ความบันเทิงเสมือนผับทั่วๆ ไป สมาชิกระดับโกล์ดคลาสจะใช้บริการได้ทุกส่วน ส่วนที่สองจะเป็นห้องรับรองส่วนตัวขนาดห้องก็แตกต่างกันไป ห้องละห้าคนบ้าง สิบคนบ้าง ยี่สิบคนบ้างตามแต่สมาชิกคนนั้นๆ ส่วนที่สามคือวีไอพีที่มีความพรั่งพร้อมครบครัน ไม่ว่าจะเป็นห้องประชุมเล็กๆ ห้องปาร์ตี้ขนาดบรรจุคนได้ราวสามสิบคนและห้องนอนไว้พักผ่อน ในส่วนของผับค่ำคืนนี้คนค่อนข้างหนาตา อาจเป็นเพราะเป็นช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ เจ้าของธุรกิจรวมทั้งสมาชิกทั่วไปต่างมาผ่อนคลายความตึงเครียดจากงานที่โหมหนักมาทั้งสัปดาห์ หรือจากชีวิตส่วนตัวที่รุมเร้า ต้องการพักให้หายเครียดหนึ่งในจำนวนคนเป็นร้อยที่มาใช้บริการคือดารานักแสดงชื่อดังของเมืองไทย เธอเลือกที่จะนั่งโต๊ะริมในสุดของผับ ใช้แอลกอฮอล์ดับความเสียใจ
Chapter 4งานเลี้ยงช่วงค่ำ ห้องแกรนบอลลูนของโรงแรมฟลุทาวน์ดูเล็กไปถนัดตา เมื่อจำนวนคนที่อยู่ในห้องเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แขกที่มาร่วมงานเลี้ยงฉลองมลคลสมรสในขณะนี้นับคร่าวๆ ทางสายตาก็ร่วมแปดร้อยคน และท่าว่าแขกจะไม่หยุดที่จำนวนนี้ นอกจากจะเป็นญาติสนิทจากทั้งสองฝ่าย แขกที่มาร่วมงานยังมีหลากหลายอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง บุคคลที่มีชื่อเสียงทางสังคม นักธุรกิจหลายแขนง รวมทั้งเพื่อนฝูงของเจ้าบ่าวและเจ้าสาวและที่ขาดไม่ได้เลยคือนักข่าวที่แชะบรรยากาศของงานแทบไม่ทัน ดัตถพงศ์นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงด้านเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านคือหนึ่งเพื่อนสนิทของกรกวินทร์ที่มาร่วมงานเลี้ยงในครั้งนี้ ซึ่งเขาก็รู้ดีว่า เจ้าบ่าวไม่เต็มใจที่จะร่วมงานวิวาห์ แต่ที่ยอมเพราะขัดบิดาและคำขอร้องของมารดาไม่ได้ เขาเดินมาหาคู่บ่าวสาวที่ยืนอยู่ตรงซุ้มดอกไม้ที่จัดตกแต่งอย่างสวยงามในมือถือกล่องของขวัญที่ตั้งใจนำมาให้ทั้งคู่ “ดีใจด้วยนะทัช”ดัตถพงศ์แม้จะรู้ว่า เจ้าบ่าวไม่เต็มใจแต่งงาน ทว่าตามมารยาทเขาจำเป็นต้องพูดประโยคนี้“ขอบใจเพื่อน” กรกวินทร์รับน้ำใจจากเพื่อนสนิท “แต่ฉันไม่เห็นจะด
Chapter 3“พี่แพรวคะ แม่รักพี่แพรวนะคะ ไม่อย่างนั้นคงไม่ให้พี่แต่งงานกับพี่ทัชหรอกค่ะ แม่อยากให้พี่แพรวสบาย พี่แพรวเข้าใจแม่นะคะ”เดือนดาราที่ไม่รู้เหตุผลแท้จริงในงานวิวาห์ของพี่สาว จึงพูดปลุกปลอบให้แพรงพรรณรายไม่ต้องคิดมาก และคิดว่ามารดาไม่รัก แต่แท้จริงแล้ว แพรวพรรณรายรู้เหตุผลทุกอย่าง รู้ทุกเรื่องที่เดือนดาราไม่รู้ แม้กระทั่งเรื่องความลับของกรกวินทร์“ออกไปกันเถอะ พี่ไม่อยากถูกแม่ดุเรื่องที่ออกไปช้า”แพรวพรรณรายพูดตัดบท เธอไม่อาจเปิดเผยหรือแพร่งพรายความลับที่เธอรู้ให้ใครได้รับฟังได้ แท้แต่เดือนดารา สองพี่น้องจึงเดินออกจากห้องแต่งตัว เดินเข้าไปในงานสมรสที่จัดอย่างยิ่งใหญ่อลังการทุกคนที่อยู่ภายในห้องจัดเลี้ยงต่างมองมายังร่างของเจ้าสาวที่เดินเคียงคู่มากับหญิงสาวอีกคนหนึ่งที่มีความงามไม่แพ้กัน ทุกสายตาต่างชื่นชมกับความสวยของแพรวพรรณราย แต่จะมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มองข้ามความสวยของเธอไป แม้ว่าเขาอดจะตะลึงกับความงดงามของเธอไม่ได้ แต่มันแค่เพียงชั่ววินาทีความงามขอแพรวพรรณรายโดดเด่นมาก ดวงหน้าหวานถูกแต่งแต้มพองาม ไม่มากเกินและไม่น้อยเกินไป อาจเป็นเพราะเธอเป็นคนสวยอยู่แล้วจึงไม่ต้องพึ่ง