เจ้าของรถสปอร์ตเหยียบเบรกรถเมื่อเดินทางมาถึงหน้าบ้านของนิสารัตน์ ไฟในบ้านของเธอมืดสนิท ไม่มีแม้แต่แสงไฟตรงริมรั้วบ้าน มือใหญ่เปิดประตูรถก่อนจะก้าวลงไป ก่อนจะเดินไปกดกริ่งหวังจะเรียกคนในบ้านให้มาเปิดประตู ทว่าเขากดไปหลายครั้งแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าใครจะออกมาสักคน เขาคงไม่รู้ว่าปิ่นกับปักสองพี่น้องคนรับใช้ประจำบ้านของนิสารัตน์ ลากลับบ้านกว่าจะกลับมาก็วันมะรืนนี้ ดัตถพงศ์จึงเดินกลับมาที่รถ เดินไปยังประตูฝั่งด้านข้างคนขับ
“ฟ้า ฟ้า ตื่นสิ ฟ้า” เขาส่งเสียงเรียกดาราสาวที่ยังหลับสนิท กลิ่นแอลกอฮอล์หึ่งรถ
“หลับเป็นตายเลย” เขาบ่นอุบเมื่อเห็นร่างเล็กไม่มีทีท่าว่าจะตื่น “กุญแจบ้านอยู่ไหนฟ้า ตื่นสิตื่น”
ดัตถพงศ์ใช้ฝ่ามือตบใบหน้าของเธอเบาๆ เพื่อเรียกสติ แต่ดูเหมือนหว่านิสารัตน์จะไม่มีสติเอาเสียเลย เรียกเท่าไหร่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ เขาจึงถือวิสาสะคว้ากระเป๋าสะพายที่คล้องอยู่บนบ่าของเธอมารื้อค้นหากุญแจบ้าน ทว่าเขารื้อค้นจนทั่วก็ไม่เห็นกุญแจสักดอก
“หรือว่าจะทำตกที่ผับ” ชายหนุ่มคิดในใจ และคาดว่าเป็นตามที่ตนคิด “เอาไงดีวะเนี่ย เข้าบ้านก็ไม่ได้ จะปล่อยให้นอนตากยุงอยู่หน้าบ้านก็ไม่ได้ จะทำยังไงดีวะ”
ดัตถพงศ์พูดกับตัวเองพลางคิดหาวิธีแก้ปัญหา เขามีทางเลือกอยู่สองทางในใจ หนึ่งเปิดห้องในโรงแรมให้เธอนอน สองคือพาไปคอนโดส่วนตัวของตน
หากเขาเลือกวิธีที่หนึ่ง เธอก็ต้องนอนพักอยู่ในห้องเพียงคนเดียว แล้วยิ่งหลับเป็นตายเช่นนี้ใครคิดมิดีมิร้ายขึ้นมา จะต่อสู้หรือขัดขืนอะไรได้ ถึงแม้ว่าจะพานิสารัตน์ไปพักในโรงแรมชื่อดัง ดัตถพงศ์ก็ไม่ไว้ใจ ครั้นจะเฝ้าดูแลเธออยู่ในห้องด้วยก็ดูไม่งาม นิสารัตน์จะเสียชื่อเสียงเพราะคนภายนอกจะต้องสังเกตว่า เขาพาหญิงสาวคนไหนมาพักด้วย
ทว่าหากเขาเลือดวิธีที่สอง พาเธอไปยังคอนโดของตน บุคคลที่อยู่ในคอนโดต่างก็ชินกับการที่เขาควงสาวไปหลับนอนบนห้องด้วยบ่อยๆ จนไม่มีใครสังเกต ไม่มีใครใส่ใจว่าเขาจะพาใครขึ้นไปบนห้อง ดัตถพงศ์คิดว่าทางนี้น่าจะดีที่สุด อำพรางใบหน้าของเธอสักหน่อยด้วยการสวมใส่แว่นตาดำ สวมหมวกแก๊ปให้เธออีกสักใบแค่นี้ก็เรียบร้อย คิดได้ดังนั้นเขาจึงรีบจัดการทุกอย่างตามความตั้งใจของตน
<><><><><><><><><><>
สี่สิบนาทีต่อมาดัตถพงศ์เดินทางมาถึงคอนโดสุดหรูขอบเขา พอจอดรถสนิทเขาก็เริ่มอำพรางตัวให้นิสารัตน์ด้วยการสวมใส่แว่นตาดำและหยิบหมวกแก๊ปที่เขามักใช้ระหว่างออกรอบตีกอล์ฟกับลูกค้าและเพื่อนฝูง จัดการทุกอย่างเสร็จสรรพเขาก็อุ้มร่างของคนเมาไม่ได้สติขึ้นไปบนห้องพักของตนโดยใช้ลิฟต์ตรงส่วนลานจอดรถเป็นพาหนะนำเขาและเธอขึ้นไปบนชั้นที่ 32
เป็นดังที่ดัตถพงศ์คาดการณ์ ไม่มีใครสนใจว่าเขาจะพาหญิงใดขึ้นไปบนห้อง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตรงประตูลานจอดรถเพียงแค่ยิ้มและทักทายตามปกติ เขาจึงไม่ต้องห่วงเรื่องที่นิสารัตน์ต้องเสียชื่อเสียงหากใครรู้ว่า คนที่หมดสภาพตอนนี้คือดารานักแสดงแถวหน้าของเมืองไทย
“อ้วก อ้วก” คนที่นอนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวเริ่มรู้สึกตัว แต่ทว่าการรู้สึกตัวของเธอไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ นิสารัตน์มีอาการอยากจะอาเจียน ร้องโอกอ้ากตลอดทางที่อยู่ในลิฟต์
“เฮ้ยๆ ฟ้าๆ อย่าเพิ่งอ้วกนะ รอให้ถึงห้องก่อน” เขาบอกสาวเจ้าที่ตนอุ้ม
“อ้วก อ้วก” เธอทำท่าจะขย่อนอาหารที่อยู่ในท้องออกมา
“ทนหน่อยฟ้า ทนอีกนิดจะถึงแล้ว”
เขาภาวนาอย่าให้เธออาเจียนออกมาตอนนี้ เหลืออีกไม่กี่ชั้นก็จะถึงจุดหมายแล้ว และทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดกว้างเขาก็รีบเร่งฝีเท้าเดินไปยังห้องชุดของตนเองทันที เขาวางร่างนุ่มนิ่มให้นั่งลงบนพื้นก่อนจะล้วงหยิบคีย์การ์ดออกมาจากกระเป๋าเพื่อเปิดประตูห้อง หลังจากจัดการประตูห้องให้เปิดออกแล้ว เขาก็ย่อตัวลงกำลังจะอุ้มร่างเล็ก
“อ้วก อ้วก อ้วก” นิสารัตน์อาเจียนออกมาโดยไม่รู้ตัว
“เฮ้ย! บอกว่าอย่าเพิ่งอ้วกยังไงล่ะ รอให้เข้าไปในห้องก่อนไม่ได้หรือไง ดูสิเลอะเทอะ หมดเลย”
เขาบ่นอุบเมื่อนิสารัตน์สำรอกอาหารออกมาจนเปรอะเปื้อนเสื้อผ้าทั้งของเขาและเธอ แล้วรีบช้อนอุ้มร่างงามเข้าไปในห้องของตน วางร่างสวยลงบนเตียงนอนของเขา
ดัตถพงศ์มองเห็นสภาพของนิสารัตน์ก็อดสงสารไม่ได้ เขารู้ดีว่าสาเหตุที่เธอกลายเป็นเมรีขี้เมาก็เพราะความรักที่ขาดสะบั้นไม่ทันตั้งตัว แถมสาเหตุของการเลิกราคือ คนรักไปแต่งงานกับหญิงอื่น ความเสียใจจึงเพิ่มพูนหลายเท่า เธอจึงใช้แอลกอฮอล์เป็นที่ระบายความทุกข์ ถึงได้มีสภาพเช่นนี้
มองดูนิสารัตน์ก็นึกย้อนนึกถึงตัวเอง เขาก็เคยมีสภาพเหมือนกับเธอไม่มีผิดเพี้ยน วันที่กรกวินทร์บอกเขาว่า สนใจในตัวดาราสาวและจะเริ่มจีบอย่างไม่รีรอเวลา ตอนนั้นเขานึกว่าตัวเองยังมีความหวัง ใครดีใครได้ นิสารัตน์รับขนมจีบจากใครผู้นั้นก็ถือว่าได้ชัยชนะ แต่ทว่าความหวังที่ตนคิดว่ามีกลับมลายหายไปเมื่อเห็นสายตาของเธอที่มองไปยังกรกวินทร์ มันมีความหมายลึกซึ้ง เขารู้ได้ในตอนนั้นเลยว่าหมดหวัง สุราจึงเป็นที่พึ่งพิงสำหรับคนอกหักรักคุดเช่นเขา
“เลอะหมดเลย จะทำยังไงดีวะ ปล่อยให้นอนเลอะๆ แบบนี้ไม่ดีแน่ๆ” เขาพูดกับตัวเอง เมื่อเห็นคราบอาเจียนที่เปรอะเปื้อนติดเสื้อผ้า รวมทั้งบริเวณปากและคางของเธอ “เอาไงดีวะเนี่ย”
ดัตถพงศ์ยืนมองหญิงสาวอย่างใช้ความคิด หากจะให้เขาผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าของเธอ เขาคิดว่าคงไม่ดีแน่นอน ครั้นจะปล่อยให้เธอนอนอย่างนี้ก็ไม่ดีเช่นกัน
“เช็ดคราบอาเจียนก็คงพอไหว”
เขาคิดว่าไม่มีวิธีใดดีเท่าวิธีนี้แล้ว ในเมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าของเธอไม่ได้ ในขณะเดียวกันก็ปล่อยให้เธอนอนทั้งๆ ที่เสื้อผ้าเต็มไปด้วยคราบเอาเจียนก็ไม่ได้ ความคิดนี้จึงแวบเข้ามาในสมอง ดัตถพงศ์จึงหมุนตัวเดินเข้าไปในห้องน้ำ
Chapter 8แต่พอเขาเดินเข้ามาในห้องน้ำ ดัตถพงศ์ได้กลิ่นอาเจียนที่ติดเสื้อของตน เขาจึงถอดเสื้อออกรวมทั้งเสื้อกล้าม ก่อนจะเดินไปหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กที่อยู่ตรงชั้นมาชุบน้ำพอหมาด จากนั้นก็เดินกลับออกไป“เฮ้ย! ฟ้า ทำอะไร” เขาอุทานเสียงดังลั่นเมื่อเห็นนิสารัตน์ที่เวลานี้ลุกขึ้นนั่ง และเธอก็กำลังจะถอดเสื้อของตัวเองออก ดัตถพงศ์รีบถลาไปยังร่างสาวทันที“อย่าถอดฟ้า อย่าถอด” เขาร้องห้าม จับมือทั้งสองข้างของเธอไว้แน่น“ปล่อยฟ้านะ ปล่อย ฟ้าจะถอดเสื้อ ฟ้าเหม็น ใครมาอ้วกใส่เสื้อฟ้าเนี่ย” คนที่ร้องโวยวายยังไม่รู้ตัวว่า คนที่อาเจียนนั้นก็คือตัวเธอ“เดี๋ยวฉันเช็ดให้ อยู่เฉยๆ”เขาดุใส่ เธอมีอาการสงบลงเมื่อได้เยินเสียงเข้มๆ ของใครคนหนึ่งที่น้ำเสียงคุ้นๆ หู แต่เนื่องจากความเมาทำให้เธอไม่มีสติพอที่จะนึกว่าเป็นเสียงของใคร อีกทั้งไม่ได้นึกเอะใจเลยสักนิดว่า ตัวเองอยู่ในที่ใด แล้วเหตุใดจึงมีเสียงผู้ชายอยู่ดังใกล้ตัวดัตถพงศ์ใช้โอกาสนี้เช็ดหน้าเช็ดตาให้นิสารัตน์ ลดมือต่ำลงมาเช็ดคราบอาเจียนตามเสื้อผ้าของเธออย่างไม่รังเกียจ เขาจะรังเกียจคนที่ตนเองรักได้อย่างไร ไม่ว่าเธอจะอยู่ในสภาพแบบไหนเขาก็ไม่มีวันรังเกียจดัตถพงศ
Chapter 7เจ้าของรถสปอร์ตเหยียบเบรกรถเมื่อเดินทางมาถึงหน้าบ้านของนิสารัตน์ ไฟในบ้านของเธอมืดสนิท ไม่มีแม้แต่แสงไฟตรงริมรั้วบ้าน มือใหญ่เปิดประตูรถก่อนจะก้าวลงไป ก่อนจะเดินไปกดกริ่งหวังจะเรียกคนในบ้านให้มาเปิดประตู ทว่าเขากดไปหลายครั้งแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าใครจะออกมาสักคน เขาคงไม่รู้ว่าปิ่นกับปักสองพี่น้องคนรับใช้ประจำบ้านของนิสารัตน์ ลากลับบ้านกว่าจะกลับมาก็วันมะรืนนี้ ดัตถพงศ์จึงเดินกลับมาที่รถ เดินไปยังประตูฝั่งด้านข้างคนขับ“ฟ้า ฟ้า ตื่นสิ ฟ้า” เขาส่งเสียงเรียกดาราสาวที่ยังหลับสนิท กลิ่นแอลกอฮอล์หึ่งรถ“หลับเป็นตายเลย” เขาบ่นอุบเมื่อเห็นร่างเล็กไม่มีทีท่าว่าจะตื่น “กุญแจบ้านอยู่ไหนฟ้า ตื่นสิตื่น”ดัตถพงศ์ใช้ฝ่ามือตบใบหน้าของเธอเบาๆ เพื่อเรียกสติ แต่ดูเหมือนหว่านิสารัตน์จะไม่มีสติเอาเสียเลย เรียกเท่าไหร่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ เขาจึงถือวิสาสะคว้ากระเป๋าสะพายที่คล้องอยู่บนบ่าของเธอมารื้อค้นหากุญแจบ้าน ทว่าเขารื้อค้นจนทั่วก็ไม่เห็นกุญแจสักดอก“หรือว่าจะทำตกที่ผับ” ชายหนุ่มคิดในใจ และคาดว่าเป็นตามที่ตนคิด “เอาไงดีวะเนี่ย เข้าบ้านก็ไม่ได้ จะปล่อยให้นอนตากยุงอยู่หน้าบ้านก็ไม่ได้ จะทำยังไงดีวะ”ด
Chapter 6 “ฉันเองก็ไม่รู้อะไรมากหรอก รู้แค่ว่าผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายจัดการ”แท้จริงแล้วดัตถพงศ์รู้ดีทุกอย่าง เนื่องจากกรกวินทร์มานั่งปรับทุกข์ในเรื่องนี้กับตน แต่เขาก็เลือกตอบประหนึ่งว่าไม่รู้เรื่องรู้ราว“สมัยนี้ยังมีคลุมถุงชนอีกเหรอเนี่ย ไม่น่าเชื่อ” พิเชษฐ์เปรย“มันก็เหมือนกับเรือล่มในหนองทองจะไปไหนรึเปล่า การแต่งงานเพื่อธุรกิจมีเยอะแยะไป”ศราวุฒิไม่คิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องแปลก เพราะหลายคนที่เขารู้จักก็แต่งงานเพื่อธุรกิจอยู่หลายคู่ ต่อยอดความร่ำรวย เงินทองไม่รั่วไหล“เฮ้ยๆ ฟ้าลุกขึ้นแล้ววะ สงสัยจะกลับแล้ว แต่ว่าจะกลับยังไงเนี่ยเมาเป๋ซะขนาดนี้”พิเชษฐ์พูดขึ้นเมื่อเห็นว่า นิสารัตน์กำลังลุกขึ้นยืน แล้วกำลังเดินห่างโต๊ะ แต่ทว่าด้วยสภาพเมาจนประคองตัวเองไม่อยู่ ทำให้ร่างระหงเซไปเซมา จนต้องใช้มือจับโต๊ะเอาไว้กันล้ม จากสภาพที่เห็นเธอไม่น่าจะกลับเองได้“ฉันขอตัวก่อนก็แล้วกันนะ”ดัตถพงศ์เห็นสภาพของนิสารัตน์แล้วเกิดเป็นห่วงขึ้นมา หากปล่อยเธอ กลับบ้านเองมีหวังไม่ถึงที่แน่ อาจจะเกิดอุบัติเหตุระหว่างทาง หรือไม่ก็โดนฉุดไปทำมิดีไม่ร้ายกับคนที่ไม่หวังดี“อะไรวะ มาไม่ถึงชั่วโมงก็จะกลับแล
Chapter 5ณ ผับเทอมินอล ผับเทอมินอลเป็นผับหรูระดับเฟิร์สคลาส ลูกค้าที่มาใช้บริการส่วนใหญ่จะเป็นสมาชิกที่ต้องเสียรายปีๆ สามหมื่นห้าพันบาทสำหรับสามชิกระดับโกล์ดคลาส ส่วนสมาชิกทั่วไปเสียรายปีๆ ละหนึ่งหมื่นบาทผับแห่งนี้แบ่งเป็นหลายส่วน จำแนกตามระดับของสมาชิก หากเป็นสมาชิกทั่วไปจะใช้บริการได้เพียงส่วนของผับ จะให้ความบันเทิงเสมือนผับทั่วๆ ไป สมาชิกระดับโกล์ดคลาสจะใช้บริการได้ทุกส่วน ส่วนที่สองจะเป็นห้องรับรองส่วนตัวขนาดห้องก็แตกต่างกันไป ห้องละห้าคนบ้าง สิบคนบ้าง ยี่สิบคนบ้างตามแต่สมาชิกคนนั้นๆ ส่วนที่สามคือวีไอพีที่มีความพรั่งพร้อมครบครัน ไม่ว่าจะเป็นห้องประชุมเล็กๆ ห้องปาร์ตี้ขนาดบรรจุคนได้ราวสามสิบคนและห้องนอนไว้พักผ่อน ในส่วนของผับค่ำคืนนี้คนค่อนข้างหนาตา อาจเป็นเพราะเป็นช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ เจ้าของธุรกิจรวมทั้งสมาชิกทั่วไปต่างมาผ่อนคลายความตึงเครียดจากงานที่โหมหนักมาทั้งสัปดาห์ หรือจากชีวิตส่วนตัวที่รุมเร้า ต้องการพักให้หายเครียดหนึ่งในจำนวนคนเป็นร้อยที่มาใช้บริการคือดารานักแสดงชื่อดังของเมืองไทย เธอเลือกที่จะนั่งโต๊ะริมในสุดของผับ ใช้แอลกอฮอล์ดับความเสียใจ
Chapter 4งานเลี้ยงช่วงค่ำ ห้องแกรนบอลลูนของโรงแรมฟลุทาวน์ดูเล็กไปถนัดตา เมื่อจำนวนคนที่อยู่ในห้องเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แขกที่มาร่วมงานเลี้ยงฉลองมลคลสมรสในขณะนี้นับคร่าวๆ ทางสายตาก็ร่วมแปดร้อยคน และท่าว่าแขกจะไม่หยุดที่จำนวนนี้ นอกจากจะเป็นญาติสนิทจากทั้งสองฝ่าย แขกที่มาร่วมงานยังมีหลากหลายอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง บุคคลที่มีชื่อเสียงทางสังคม นักธุรกิจหลายแขนง รวมทั้งเพื่อนฝูงของเจ้าบ่าวและเจ้าสาวและที่ขาดไม่ได้เลยคือนักข่าวที่แชะบรรยากาศของงานแทบไม่ทัน ดัตถพงศ์นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงด้านเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านคือหนึ่งเพื่อนสนิทของกรกวินทร์ที่มาร่วมงานเลี้ยงในครั้งนี้ ซึ่งเขาก็รู้ดีว่า เจ้าบ่าวไม่เต็มใจที่จะร่วมงานวิวาห์ แต่ที่ยอมเพราะขัดบิดาและคำขอร้องของมารดาไม่ได้ เขาเดินมาหาคู่บ่าวสาวที่ยืนอยู่ตรงซุ้มดอกไม้ที่จัดตกแต่งอย่างสวยงามในมือถือกล่องของขวัญที่ตั้งใจนำมาให้ทั้งคู่ “ดีใจด้วยนะทัช”ดัตถพงศ์แม้จะรู้ว่า เจ้าบ่าวไม่เต็มใจแต่งงาน ทว่าตามมารยาทเขาจำเป็นต้องพูดประโยคนี้“ขอบใจเพื่อน” กรกวินทร์รับน้ำใจจากเพื่อนสนิท “แต่ฉันไม่เห็นจะด
Chapter 3“พี่แพรวคะ แม่รักพี่แพรวนะคะ ไม่อย่างนั้นคงไม่ให้พี่แต่งงานกับพี่ทัชหรอกค่ะ แม่อยากให้พี่แพรวสบาย พี่แพรวเข้าใจแม่นะคะ”เดือนดาราที่ไม่รู้เหตุผลแท้จริงในงานวิวาห์ของพี่สาว จึงพูดปลุกปลอบให้แพรงพรรณรายไม่ต้องคิดมาก และคิดว่ามารดาไม่รัก แต่แท้จริงแล้ว แพรวพรรณรายรู้เหตุผลทุกอย่าง รู้ทุกเรื่องที่เดือนดาราไม่รู้ แม้กระทั่งเรื่องความลับของกรกวินทร์“ออกไปกันเถอะ พี่ไม่อยากถูกแม่ดุเรื่องที่ออกไปช้า”แพรวพรรณรายพูดตัดบท เธอไม่อาจเปิดเผยหรือแพร่งพรายความลับที่เธอรู้ให้ใครได้รับฟังได้ แท้แต่เดือนดารา สองพี่น้องจึงเดินออกจากห้องแต่งตัว เดินเข้าไปในงานสมรสที่จัดอย่างยิ่งใหญ่อลังการทุกคนที่อยู่ภายในห้องจัดเลี้ยงต่างมองมายังร่างของเจ้าสาวที่เดินเคียงคู่มากับหญิงสาวอีกคนหนึ่งที่มีความงามไม่แพ้กัน ทุกสายตาต่างชื่นชมกับความสวยของแพรวพรรณราย แต่จะมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มองข้ามความสวยของเธอไป แม้ว่าเขาอดจะตะลึงกับความงดงามของเธอไม่ได้ แต่มันแค่เพียงชั่ววินาทีความงามขอแพรวพรรณรายโดดเด่นมาก ดวงหน้าหวานถูกแต่งแต้มพองาม ไม่มากเกินและไม่น้อยเกินไป อาจเป็นเพราะเธอเป็นคนสวยอยู่แล้วจึงไม่ต้องพึ่ง