LOGIN“ข้อเสนอของฉัน… ง่าย ๆ แค่เธอแต่งงานกับฉันหนึ่งปี” ภูผาย้ำอีกครั้ง ราวกับต้องการตอกย้ำให้ฉันรู้ว่านี่ไม่ใช่ความฝัน “หนึ่งปีเท่านั้น หลังจากนั้นเราต่างคนต่างไป เงินห้าล้านบาทจะถูกโอนเข้าบัญชีโรงพยาบาลทันทีที่เธอเซ็นสัญญา”
ฉันกำมือแน่นจนเล็บจิกเนื้อ พ่อของฉัน… ชีวิตของพ่อกำลังแขวนอยู่บนเส้นด้าย ฉันไม่มีทางเลือกอื่นจริง ๆ แม้ใจจะปฏิเสธคนตรงหน้าอย่างสิ้นเชิง แต่สมองสั่งการให้ตอบตกลง
“ฉัน… ตกลงค่ะ” เสียงของฉันแหบพร่า ราวกับถูกบีบคั้นออกมาจากส่วนลึกของลำคอ
รอยยิ้มเย็นเยียบปรากฏขึ้นบนใบหน้าของภูผา “ดีมาก”
เขาหยิบปากกาและเอกสารสัญญาลับออกมาจากกระเป๋าเสื้อสูท มันเป็นเอกสารที่ดูเรียบง่าย แต่ทุกตัวอักษรกลับแฝงไว้ด้วยความหมายที่ลึกซึ้งและมัดตัวฉันเอาไว้อย่างแน่นหนา
“อ่านให้ดีก่อนเซ็น” ภูผายื่นเอกสารให้ ฉันรับมาด้วยมือที่สั่นเทา
เงื่อนไขในสัญญาชัดเจน: การแต่งงานเป็นเพียงในนาม ห้ามยุ่งเกี่ยวเรื่องส่วนตัวของกันและกัน และที่สำคัญที่สุด… ห้ามเปิดเผยความสัมพันธ์นี้กับบุคคลภายนอกโดยเด็ดขาด
ฉันกวาดสายตาอ่านเนื้อหา สติของฉันพร่าเลือนด้วยความกังวลเรื่องพ่อ แต่ก็พยายามทำความเข้าใจทุกข้อ ฉันเห็นช่องว่างที่ระบุจำนวนเงิน: ห้าล้านบาทถ้วน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดและรักษาพยาบาลของคุณธนา… พ่อของฉัน
ความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฉัน คือ ‘น้องไทม์’ ลูกชายวัยสี่ขวบของฉัน เด็กชายที่เกิดจากฉันและภูผา ซึ่งฉันปิดบังมาตลอด ฉันรู้ดีว่าหากภูผารู้เรื่องนี้ ทุกอย่างจะพังทลายลง ไม่มีทางที่เขาจะยอมรับได้ และฉันจะเสียทั้งพ่อและลูกชายไป
“เซ็นตรงนี้” ภูผาชี้ไปยังช่องลงชื่อผู้ทำสัญญา ฉันกัดริมฝีปากแน่นก่อนจะจรดปากกาลงไปในช่องว่างนั้น
วินาทีที่หมึกสีน้ำเงินจรดลงบนกระดาษขาวสะอาด หัวใจของฉันก็เหมือนถูกตรึงไว้กับโซ่ตรวนที่มองไม่เห็น มันคือพันธะที่ผูกมัดฉันไว้กับผู้ชายที่ฉันทั้งรักทั้งชัง และกับอดีตที่ฉันพยายามหลีกหนีมาตลอด
“ดีมาก” ภูผายิ้มอีกครั้ง เป็นรอยยิ้มที่ไม่ได้มีความสุข แต่แฝงไว้ด้วยความรู้สึกที่ฉันไม่สามารถอ่านออก “วันนี้เย็น… คนของฉันจะไปรับเธอที่บ้าน”
ฉันเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยความตกใจ “คะ? ไปไหนคะ?”
“ก็ไปคฤหาสน์ของฉันไงลินิน” ภูผาตอบเสียงเรียบ “เราจะเริ่มต้นชีวิตแต่งงานตามสัญญา ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป”
ชีวิตแต่งงาน… คำที่ควรจะมีความหมายถึงความสุข ความรัก และการเริ่มต้นใหม่ แต่สำหรับฉันในตอนนี้ มันกลับเป็นดั่งคำสาป ที่ต้องแลกมาด้วยอิสรภาพและหัวใจของฉันทั้งหมด
ฉันกลับมาที่ห้องเช่าของตัวเองอย่างเลื่อนลอย จัดการข้าวของเพียงเล็กน้อยใส่กระเป๋าเดินทางเพียงใบเดียว ใบหน้าของน้องไทม์ลอยเข้ามาในความคิด เขาคือเหตุผลเดียวที่ทำให้ฉันต้องเข้มแข็ง
แต่การจะพาเขาไปอยู่ด้วยกันในคฤหาสน์ของภูผา เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ความลับของน้องไทม์ต้องถูกเก็บไว้เป็นความลับต่อไป เธอจะต้องหาวิธีดูแลลูกชายให้ดีที่สุด โดยไม่ให้ภูผาล่วงรู้ถึงการมีอยู่ของเขา
เมื่อรถยนต์คันหรูสีดำสนิทจอดเทียบท่าหน้าห้องเช่าเก่า ๆ ฉันรู้ดีว่าชีวิตของฉันกำลังจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ฉันจะต้องก้าวเข้าไปในกรงทองที่ภูผาเนรมิตขึ้น เพื่อชดใช้หนี้ชีวิตที่ฉันไม่มีวันชดใช้หมด… และเพื่อรักษาความลับอันยิ่งใหญ่ของฉันเอาไว้ให้ดีที่สุด
ค่ำคืนนั้น หลังเสียงหัวเราะสดใสของน้องไทม์เลือนหายไปพร้อมกับนิทรา ความเงียบงันก็เข้าปกคลุมทั่วทั้งคฤหาสน์ เหลือเพียงลมหายใจของค่ำคืน และเสียงหัวใจของเราสองคนที่เต้นสอดประสานกันในจังหวะเร้าอารมณ์อย่างไม่อาจหักห้ามภายในห้องนอนใหญ่ แสงไฟจากโคมข้างเตียงทอดเงาอ่อน ๆ ทาบทับบนผ้าปูเตียงสีขาวนวล เงาร่างของเราพัวพันกันราวกับถูกชะตาฟ้าลิขิตให้หลอมรวมกันในค่ำคืนนี้ภูผาดึงฉันเข้ามาในอ้อมแขน ริมฝีปากของเขาเฉียดผ่านผิวแก้ม ไล้ลงมาจนถึงซอกคออย่างจงใจ เผาไหม้ผิวของฉันด้วยลมหายใจร้อนระอุของเขา เสียงกระซิบของเขาทำให้ลมหายใจของฉันสะดุดในทันที“คืนนี้... เธอเป็นของฉัน ทั้งหัวใจ... และทุกส่วนของร่างกายนี้”ดวงตาคมดุราวเปลวเพลิงของภูผาจ้องลึกเข้ามา มันไม่ใช่แค่สายตาของชายคนหนึ่ง แต่มันคือความปรารถนาที่แทบจะกลืนกินทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ฉันตอบรับเขาด้วยจูบ จูบที่ไม่มีคำว่าอ่อนโยนอีกต่อไป แต่เต็มไปด้วยความเร่าร้อน และแรงปรารถนาอย่างไม่มีข้อแม้ริมฝีปากของเขาไล้ไปทั่วทั้งใบหน้าฉัน คอ ไหล่ และทุกซอกมุมที่เขาเข้าถึงได้อย่างแนบแน่นและตั้งใจ มือหยาบกร้านของเขาโลมไล้แผ่นหลังฉันลงมาจนถึงแผ่นเอว เส้นทางของสัมผัสนั้
ค่ำคืนนั้น หลังการเฉลิมฉลองจบลง ความเงียบสงัดได้ปกคลุมทั่วทั้งคฤหาสน์ แสงจันทร์ลอดผ่านม่านโปร่งบาง สาดส่องเข้ามาในห้องนอนใหญ่จนเกิดเงาสะท้อนอ่อนจางบนพื้นเตียง ภูผาและฉันนอนแนบชิดกัน อ้อมแขนแข็งแรงของเขาโอบกระชับรอบเอวฉันไว้แน่น ราวกับไม่อยากปล่อยให้ฉันห่างกายแม้เพียงลมหายใจกลิ่นกายของเขาอวลอบไปทั่ว ความอบอุ่นจากผิวกายที่แนบชิดทำให้หัวใจฉันเต้นแรงขึ้นทุกที ฉันซบหน้าลงกับแผงอกอุ่นร้อน ฟังเสียงหัวใจที่ดังก้องอยู่ข้างใน มันสั่นไหวคล้ายคลึงกับของฉัน“ยังไม่นอนอีกเหรอ” เสียงของเขาแผ่วเบา แต่น้ำเสียงแฝงความห่วงใยและความลุ่มลึกที่สั่นสะท้านลงมาถึงปลายประสาทฉันส่ายหน้าเบา ๆ แล้วเลื่อนมือแตะบนแผ่นอกเขา ไล้ไปตามผิวเนื้อที่ตึงแน่นใต้ปลายนิ้ว “แค่คิดถึง... ทุกอย่างระหว่างเรา”ภูผาโน้มตัวลงจูบหน้าผากฉันแผ่วเบา แต่ริมฝีปากของเขากลับไล้ลงมาเรื่อย ๆ อย่างเชื่องช้า ตามแนวแก้ม จนถึงมุมปาก สัมผัสของเขาร้อนรุ่มอย่างขัดแย้งกับลมเย็นยามค่ำคืน“ฉันเองก็คิดถึง...ทุกวินาทีที่มีเธออยู่ตรงนี้”ปลายนิ้วของเขาไล้เส้นผมฉันอย่างแผ่วเบา ก่อนจะลูบไล้ลงมาที่ต้นคอ และเลื่อนต่ำลงไปยังแผ่นหลัง สัมผัสนั้นอ่อนโยนแต่แฝงแรง
ปี พ.ศ. 2569 สองปีผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับความฝัน ชีวิตของฉันกับภูผาและน้องไทม์เปี่ยมล้นไปด้วยความสุข ความรัก และความอบอุ่นในทุก ๆ วัน คฤหาสน์ที่เคยเป็นเหมือนกรงทองสำหรับฉันในอดีต บัดนี้กลับกลายเป็นบ้านที่แท้จริง เป็นศูนย์รวมของความรัก ความเข้าใจ และเสียงหัวเราะของครอบครัวเราน้องไทม์เติบโตขึ้นมาก เขากลายเป็นเด็กชายที่ร่าเริง ฉลาด และเต็มไปด้วยพลังงาน ภูผาเป็นพ่อที่น่าทึ่ง เขาจะพาไทม์ไปทำกิจกรรมสนุก ๆ ด้วยกันเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นฟุตบอลในสวน การอ่านนิทานก่อนนอน หรือแม้กระทั่งการสอนการบ้านง่าย ๆ ฉันเห็นแววตาของภูผาเต็มไปด้วยความรักและความภาคภูมิใจทุกครั้งที่อยู่กับลูกชาย และนั่นก็ทำให้หัวใจของฉันพองโตหน้าที่การงานของฉันในฐานะที่ปรึกษาด้านการออกแบบภายในยังคงดำเนินไปอย่างราบรื่น โครงการโรงแรมของคุณธนวินท์ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม และฉันก็ได้รับโอกาสใหม่ ๆ ในการทำงานอย่างต่อเนื่อง การได้ทำในสิ่งที่รักควบคู่ไปกับการได้ดูแลครอบครัว ทำให้ฉันรู้สึกเติมเต็มในทุก ๆ ด้านของชีวิตในวันหนึ่ง ขณะที่ฉันกำลังจัดดอกไม้อยู่ในห้องนั่งเล่น ภูผาก็เดินเข้ามาหา ฉันหันไปยิ้มให้เขา ใบหน้าของเขาดูผ่อนคลายแล
ปี พ.ศ. 2568 ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ชีวิตของฉันกับภูผาและน้องไทม์เต็มไปด้วยความสุขและความอบอุ่น ความรักที่เรามีให้กันแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน และกำแพงแห่งอดีตก็ได้พังทลายลงอย่างสมบูรณ์โครงการโรงแรมที่คุณธนวินท์ให้ฉันเป็นที่ปรึกษาด้านการออกแบบภายในก็เสร็จสมบูรณ์และเปิดดำเนินการแล้ว โรงแรมได้รับคำชมมากมาย และเป็นที่รู้จักในวงกว้าง ความสำเร็จในหน้าที่การงานทำให้ฉันรู้สึกเติมเต็มและภาคภูมิใจภูผายังคงทุ่มเทให้กับธุรกิจของเขา แต่เขาก็ไม่เคยลืมที่จะแบ่งเวลามาให้ครอบครัว เขามักจะพาฉันและน้องไทม์ไปเที่ยวพักผ่อนในวันหยุด และใช้เวลาเล่นสนุกกับน้องไทม์อย่างเต็มที่ในวันหนึ่ง ขณะที่เราสามคนกำลังนั่งเล่นกันอยู่ในสวนของคฤหาสน์ ภูผาก็เอ่ยขึ้นมา“ลินิน” เขาเรียกชื่อฉันเบา ๆฉันหันไปมองเขา “คะ”ภูผายิ้มให้ฉันอย่างอ่อนโยน “เธอจำสัญญาของเราได้ไหม”หัวใจของฉันเต้นระรัว ‘สัญญา?’ ฉันจำได้ดีว่าเราเคยทำสัญญาแต่งงานกันเพียงหนึ่งปี และหนึ่งปีนั้นก็ผ่านพ้นไปแล้ว“จำได้ค่ะ” ฉันตอบเสียงแผ่วภูผาจับมือฉันเบา ๆ “สัญญาของเราสิ้นสุดลงแล้วนะ”คำพูดของเขาทำให้ฉันรู้สึกใจหายเล็กน้อย ฉันไม่รู้ว่าเขาหมายความว่าอย่างไรภูผาเห็นสีห
หลังจากคืนนั้นที่เราได้เปิดใจคุยกันทุกเรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับภูผาก็แน่นแฟ้นขึ้นกว่าเดิมมาก ความรักและความเข้าใจเติมเต็มหัวใจของเราทั้งคู่ คฤหาสน์ที่เคยเงียบเหงา บัดนี้เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของน้องไทม์ และความอบอุ่นของครอบครัวที่สมบูรณ์ภูผายังคงเป็นผู้ชายที่ทำงานหนักและมีความรับผิดชอบสูง แต่เขาก็แบ่งเวลามาอยู่กับฉันและน้องไทม์มากขึ้น เขาเป็นทั้งสามีที่ดีและพ่อที่อบอุ่นสำหรับลูกชายของเราฉันเองก็มีความสุขกับชีวิตในทุก ๆ วัน การได้ทำงานที่รักในฐานะที่ปรึกษาด้านการออกแบบภายในให้กับโครงการโรงแรมของคุณธนวินท์ ทำให้ฉันรู้สึกเติมเต็มและมีคุณค่า และการได้กลับบ้านมาอยู่กับครอบครัวที่รัก ก็เป็นความสุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของฉันในวันหนึ่ง ขณะที่เราสามคนกำลังทานอาหารเย็นด้วยกันในห้องอาหาร บรรยากาศเต็มไปด้วยความอบอุ่นและเสียงหัวเราะของน้องไทม์“ปะป๊าครับ พรุ่งนี้น้องไทม์อยากไปเที่ยวสวนสนุกครับ” น้องไทม์พูดขึ้นอย่างออดอ้อนภูผายิ้มให้ลูกชาย “ได้สิคนเก่ง เดี๋ยวพรุ่งนี้ปะป๊าจะพาไป”น้องไทม์ปรบมือด้วยความดีใจ “เย้! ปะป๊าใจดีที่สุดเลย”ฉันมองดูภาพพ่อลูกที่กำลังหยอกล้อกันด้วยความรู้สึกอบอุ่
หลังจากวันที่ฉันนำเสนอแผนการออกแบบโรงแรมประสบความสำเร็จ และได้รับคำชมจากภูผาว่าเขาภูมิใจในตัวฉัน ความสัมพันธ์ของเราก็ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว ความอบอุ่นและความเข้าใจที่เรามีให้กัน ทำให้กำแพงที่เคยมีระหว่างเราสลายไปอย่างสมบูรณ์ภูผาไม่ได้ซ่อนความรู้สึกที่มีต่อฉันอีกต่อไป เขามักจะแสดงออกถึงความห่วงใยและความรักผ่านการกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น การที่เขาขับรถมารับฉันที่ทำงานทุกวัน การที่เขาเตรียมอาหารเช้าให้ฉันในบางครั้ง หรือแม้กระทั่งการที่เขาเข้ามาโอบกอดฉันจากด้านหลังเวลาที่ฉันกำลังจัดดอกไม้อยู่ฉันเองก็เริ่มเปิดใจและแสดงความรู้สึกที่มีต่อภูผามากขึ้นเช่นกัน ฉันไม่รู้สึกอึดอัดอีกต่อไปที่จะบอกเขาว่าฉันรักเขามากแค่ไหน หรือจะโผเข้ากอดเขาเวลาที่เขากลับจากทำงานในวันหนึ่ง ขณะที่ฉันกำลังนั่งทำงานออกแบบอยู่ในห้องสมุดของคฤหาสน์ ภูผาเดินเข้ามาในห้อง เขาไม่ได้มาทำงาน แต่กลับเดินตรงมาหาฉันที่โต๊ะ“กำลังทำอะไรอยู่” เขาถามเบา ๆฉันเงยหน้าขึ้นมองเขา “กำลังออกแบบล็อบบี้โรงแรมค่ะ”ภูผายิ้มจาง ๆ ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ฉันมากขึ้น เขาโอบแขนรอบเอวฉันจากด้านหลัง พิงคางลงบนไหล่ของฉัน“เหนื่อยไหม” เขาถามเสียงทุ้มฉันส







