ปุณณิศามาทำงานที่ผับได้หนึ่งสัปดาห์แล้ว ในแต่ละคืนเธอได้เงินพิเศษสามพันกว่าบาท บางคืนก็ได้เกือบห้าพัน ถ้าได้เงินดีแบบนี้อีกไม่นานก็คงจะมีเงินไปคืนเจ๊น้ำได้อย่างแน่นอน
“ปุณ แขกที่ชั้นวีไอพีแรกขึ้นไปน่ะ” เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งเดินมาตามเธอที่เพิ่งได้นั่งพักหลังจากชงเครื่องดื่มให้แขกตั้งแต่ร้านเปิดจนถึงตอนนี้ก็ตีหนึ่งกว่าเข้าไปแล้ว
“ขอบใจนะหวาน” ปุณณิศายิ้มให้เพื่อนร่วมงานก่อนจะเดินขึ้นไปยังชั้นสองของผับ
หญิงสาวเดินขึ้นชั้นสองซึ่งตอนนี้เหลือแขกเพียงแค่สองโต๊ะเท่านั้น โต๊ะหนึ่งเป็นเพื่อนของคุณเมคินเจ้าของร้าน ส่วนอีกโต๊ะเป็นชายวัยกลางร่างท้วมที่นั่งดื่มอยู่คนเดียว
“สวัสดีค่ะ” ปุณณิศายกมือไหว้ก่อนจะนั่งลงข้าง
“มาทำงานใหม่เหรอ เสี่ยไม่เคยเห็นหน้าเลย”
“ค่ะ หนูเพิ่งมาทำได้อาทิตย์เดียวเองค่ะ เสี่ยชอบดื่มแบบไหนคะเดี๋ยวหนูจัดการให้”
“หนูก็ลองเดาใจเสี่ยดูสิ”
“ได้ค่ะ” ปุณณิศาชงเหล้าให้แขกเข้มกว่าปกติอย่างที่ได้รับการฝึกมา
“มันเข้มไปหน่อยเหรอหนู” เสี่ยบรรจงมองแก้วเครื่องดื่มที่สีเข้มสลับกับใบหน้าหวานของคนชง
“แบบนี้ไม่เข้มไปหรอกค่ะ หนูรู้ว่าคนอย่างเสี่ยต้องชอบอะไรที่มันเข้มๆ ไม่เหมือนกับพวกวัยรุ่นอ่อนหัดที่เพิ่งจะเคยกินเหล้าเป็นครั้งแรกที่ใส่เหล้าแค่นิดไม่ต่างอะไรกับกินน้ำเปล่า”
เสียงหวานออดอ้อนอย่างประจบ ทำให้เสี่ยยิ้มแล้วรับแก้วไปดื่ม ปุณณิศาชงเหล้าให้เสี่ยบรรจงอีกไม่กี่แก้ว เสี่ยก็เริ่มจะเมาได้ที่
“เดี๋ยวร้านจะปิดแล้วหนูออกไปต่อกับเสี่ยเลยดีไหม เสี่ยคุยกับหนูแล้วชักติดใจอยากจะไปคุยกันต่อข้างนอก”
“ไม่ดีกว่าค่ะ เสี่ยเมามากแล้วหนูว่าเสี่ยกลับไปพักดีกว่าไหมคะ” ปุณณิศาพยายามทำใจดีสู้เสือ นี่เป็นครั้งแรกที่เจอกับแขกเมาแล้วพูดไม่รู้เรื่องแบบนี้
“เมาที่ไหน เสี่ยน่ะคอแข็งจะตาย” เสี่ยเมาจนแทบประคองตัวไม่อยู่แต่ก็ยังอยากจะชวนเธอออกไปข้างนอก
“แต่วันนี้หนูไม่สะดวกค่ะเสีย”
“ไม่สะดวกหรือเล่นตัวกันแน่จ้ะ อยากได้เท่าไหร่ บอกมาเลยเสี่ยจ่ายไม่อั้น” เสี่ยบรรจงมองหญิงสาวด้วยสายตาหื่นกระหาย และคิดว่าคืนนี้จะต้องพาเธอกลับไปด้วยให้ได้เพราะรูปร่างหน้าตาแบบนี้มันถูกใจเขามากกว่าทุกคนที่เคยเจอ
“เสี่ยขาหนูไม่ได้เล่นตัวนะคะ แต่หนูแค่มาชงเหล้าค่ะ ถ้าเสี่ยอยากหาคนออกไปข้างนอกด้วย ด้านล่างก็มีน้องคอยให้บริการอยู่นะคะ” ปุณณิศาปฏิเสธอย่างสุภาพ ก่อนจะรีบลุกขึ้นเพราะตอนนี้มือของเสี่ยเริ่มจะอยู่ไม่นิ่ง
“จะชงเหล้าหรือจะขายตัวมันก็เหมือนก็นั่นแหละ ทำเป็นเล่นตัวไปได้” เสียบรรจงเริ่มโวยวายจนคนหันมามอง
“คนอื่นจะเป็นแบบไหนหนูไม่รู้ แต่หนูแค่มาชงเหล้าหนูไม่ได้ขาย” ปุณณิศาพูดจบก็รีบวิ่งลงไปยังชั้นล่างทันที
“ปุณทำไม่วิ่งลงมาอย่างนี้ล่ะ ทำไมไม่อยู่ดูแลแขก” เมคินเห็นเด็กสาววิ่งลงมาก็ถามอย่างสงสัยเพราะเขารู้ว่าเสี่ยบรรจงชอบเพิ่งเรียกปุณณิศาขึ้นไปได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง
“เสี่ยเขาจะชวนปุณออกไปต่อ แต่พอปุณไม่ยอมเขาก็โวยวายหาว่าหาปุณเล่นตัว ปุณบอกเขาแล้วว่าไม่ได้รับงานแบบนั้น ถ้าอยากหาคนออกไปข้างนอกด้วยก็ให้ลงมาเลือกข้างล่าง แต่เขาก็ไม่ยอม” ปุณณิศารีบบอกเจ้านาย เพราะเธอตกลงกับเขาตั้งแต่วันแรกที่มาทำงานแล้วว่าจะไม่ออกไปกับแขก ถึงแม้จะรู้ว่าออกไปแบบนั้นจะได้เงินมาก็ตาม
“อือ เดี๋ยวฉันจัดการต่อเอง”
“คุณเมคินจะไม่ไล่ปุณออกใช่ไหมคะ” ถ้าถูกเขาไล่ออกตอนนี้เธอคงลำบากแน่ๆ
“เห็นฉันเป็นคนใจร้ายขนาดนั้นเลยเหรอ”
“เปล่าค่ะ ปุณก็แค่กลัว”
“ไม่ได้ทำผิดอะไรนี่จะกลัวไปทำไง นี่ก็ใกล้เลิกงานแล้วเตรียมกลับบ้านเถอะ เดี๋ยวเรื่องแขกฉันจัดการเอง” เมคินบอกปุณณิศา ก่อนที่ตัวเองจะขึ้นไปจัดการกับเสี่ยบรรจงซึ่งเรื่องแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ครั้งแรก เขาถึงไม่โกรธที่ปุณณิศาปฏิเสธแขกและวิ่งหนีลงมา
เมคินขึ้นมาชั้นสองยังไม่ทันได้คุยกับเสี่ยบรรจงเขาก็เมาจนคอพับไปแล้ว
“อ้าว หลับไปแล้ว สันติ พี่ฝากจัดการต่อหน่อยนะ คนขับรถของเสี่ยน่าจะรออยู่ข้างนอก” เขาสั่งพนักงานเสิร์ฟผู้ชายช่วยจัดการ
“ครับคุณเมคิน”
ชายหนุ่มเจ้าของผับส่ายหัวก่อนจะเดินมายังอีกมุมของชั้นสองที่ตอนนี้เพื่อนของเขานั่งดื่มอยู่สามคน
“เด็กร้านนายชงเหล้าเก่งเป็นบ้าเลยว่ะ” คนที่นั่งสังเกตอยู่นานบอกกับเจ้าของผับ
“แน่ล่ะ สิ ถ้าชงไม่เก่งจะรอดมือเสี่ยบรรจงไหมล่ะ เสี่ยนั้นเจ้าชู้จะตาย” เมคินตอบ
“เด็กใหม่เหรอ เพิ่งเคยเห็น” ชานนท์ถามเจ้าของผับ
“อือ เพิ่งมาทำงานได้อาทิตย์เดียวเอง แขกติดกันเยอะเลย น้องเขาช่างเอาใจ”
“เหรอ แต่ที่เห็นเมื่อกี้เขาวิ่งหนีลงไปนะ” ชานนท์สะดุดตาเธอตั้งแต่เดินขึ้นมาชั้นสองเขาเลยสังเกตอยู่ตลอด
“ก็เสี่ยจะพาออกไปต่อ แต่น้องมันไม่ไป”
“ทำไมท่าทางเสี่ยกระเป๋าหนักน่าดูเลย” ปกป้องถามเพราะเรื่องแบบนี้มันเกินขึ้นได้เสมอ ยิ่งกระเป๋าหนักเท่าไหร่โอกาสที่จะพาใครสักคนกลับออกไปด้วยกันหรือจะพากันขึ้นไปยังชั้นสามของผับมันก็เป็นไปได้ทั้งนั้น
“เด็กมันขอแค่ชงเหล้ากับดูแลแขกในร้านอย่างเดียว”
“แน่เหรอ ก็เห็นหลายคนก็พูดแบบนี้นะ” ชานนท์แทบไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เมคินบอก
“คนนี้ยังไม่เคย”
“เขาจะอัพค่าตัวหรือเปล่า”
“ไม่รู้สิ ทำไมถามเยอะจังวะนนท์หรือสนใจ”
“กูว่ามันสนใจแหละ นั่งมองน้องตาไม่กะพริบเลยคนอะไรทั้งขาวทั้งสวย หุ่นน่าฟัดมาก”
“มึงก็จ้องน้องเขาเหมือนกันใช่ไหมล่ะไอ้หมอก” ชานนท์ถามอย่างรู้ทันเพราะเขาเห็นว่าเพื่อนของตนจ้องอยู่เหมือนกัน
“ถ้ามึงสนใจกูจะลองถามดูนะ หล่อๆ อย่างมึงน้องอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้”
“อย่าหาเรื่องให้กูเลย แค่เรื่องที่กูเจออยู่ตอนนี้ก็ปวดหัวจะแย่อยู่แล้ว”
“เรื่องอะไรวะกูเห็นมึงทำหน้าบอกบุญไมรับตั้งแต่เดินเข้าร้านมาละ” ปกป้องถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง
“เฮอ...” ชานนท์ถอนหายใจ
“สงสัยจะเรื่องใหญ่ว่ะ” นิธิกรมองหน้าเพื่อนที่วันนี้ดูจะเครียดกว่าทุกวัน
“อือ ก็ใหญ่พอตัวแหละ พวกมึงอย่ารู้เลย เดี๋ยวจะเครียดตามกูไปอีกคน”
“เล่ามาเหอะน่า พวกเรามีกันหลายคนจะได้ช่วยกันคิด” เมคินก็รู้สึกห่วงเพื่อนไม่น้อยเพราะปกติแล้วชานนท์จะดูร่าเริงกว่านี้โดยเฉพาะเวลาที่ได้ออกมาดื่มเหล้ากับเพื่อน
หลังจากไปทานอาหารค่ำ ชานนท์ก็ไปส่งปนัดดาและกัญญาวีร์ที่บ้าน กว่าจะกลับมาถึงบ้านก็เป็นเวลาสี่ทุ่มกว่า “หนูคิดอะไรอยู่” ชานนท์ถามคนที่นั่งพิงหัวไหล่ของตนอยู่บนโซฟาตัวโตในห้องนอนหลังจากที่หญิงสาวอาบน้ำเสร็จ “กำลังคิดว่าหนูเป็นผู้หญิงที่โชคดีมากคนหนึ่ง ไม่น่าเชื่อนะคะว่าหนูจะรอดจากแผนการของคุณพลอยกมลมาได้” “นั่นสิ พี่ไม่คิดเลยว่าเขาจะร้ายกาจขนาดนั้น ถ้าพี่ยอมแต่งงานกับเขาตามที่แม่บอกก็ไม่รู้เหมือนกันว่าชีวิตพี่จะมีความสุขแบบนี้ไหม ขอบคุณนะปุณ ขอบคุณที่หนูเข้ามาในชีวิตพี่” “หนูต้องขอบคุณพี่นนท์ คุณปู่และก็ครอบครัวของพี่มากกว่าที่ไม่รังเกียจหนู” “หนูเป็นเด็กกตัญญูที่หนูทำก็เพื่อครอบครัว ใครจะรังเกียจหนูล่ะ พี่ยิ่งรักหนูมากขึ้นด้วยซ้ำ” “พี่บอกรักหนูอีกแล้ว” ปุณณิศาแหงนหน้ามองแล้วยิ้ม “หนูชอบไหมล่ะ พี่อยากบอกรับหนูทุกวันวันละหลายรอบเลยดีไหม” “ดีคะ หนูก็จะบอกรักพี่วันละหลายๆ รอบ หนูมีความสุขมากเลยค่ะ” “แต่หน้าหนูยังดูเป็นกังวลอยู่เลยนะ” “ก็เรื่องแม่ของพี่” “แม่เลิกจับคู่แล้วล
“ปุณ ไม่น้อยใจใช่ไหมที่ไม่มีงานแต่งงานใหญ่โต” ชานนท์ถามหญิงสาวที่อยู่ในเดรสสีขาวซึ่งดูไม่เหมือนชุดแต่งงานเท่าไหร่ ส่วนเขาก็แค่สวมเสื้อเชิ้ตสบายๆ เพราะวันนี้เป็นแค่การจดทะเบียนสมรสและการทานอาหารร่วมกันของครอบครัวเท่านั้น” “ไม่ค่ะ หนูว่าแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะคะไม่ต้องจัดงานให้วุ่นวาย” “พี่กลัวหนูเสียใจ” “ไม่เลยค่ะ แค่พี่นนท์อยู่ข้างๆ หนูแค่นั้นก็พอแล้วค่ะ” “ก็หนูน่ารักแบบนี้พี่ถึงรักหนูหมดใจ” “อะไรนะคะ” “พี่บอกว่ารักหนูหมดใจ” “พี่นนท์” หญิงสาวกอดเขาแน่น “หนูเป็นอะไร ไหนว่าไม่น้อยใจแล้วร้องไห้ทำไม” “ก็เมื่อกี้พี่บอกรักหนู หนูดีใจ” “พี่ขอโทษที่พูดช้าไป แต่พี่รักหนูมานานแล้ว รักมาก” “หนูก็รักพี่ค่ะ แล้วก็ดูออกว่าพี่รักหนู รักของพี่ไม่ต้องพูดหนูก็รู้” “ต่อไปพี่จะพูดบ่อยดีไหม” “แล้วแต่พี่เลย หนูไม่บังคับหรอกค่ะ” “หนูทำไมน่ารักขึ้นทุกวันเลยนะ” ชานนท์กอดเธอแล้วจุมพิตไปบนไรผมอย่างรักใครก่อนที่จะพากันไปยังบ้านของคุณปู่ ในห้องรับแขกตอนนี้มี
สัญชัยโทรหาพลอยกมลเพื่อแจ้งว่าเขาจัดการงานที่สั่งเรียบร้อยแล้ว เลยอยากได้เงินส่วนที่เหลือเพิ่ม พลอยกมลนัดให้เขาไปที่ตึกร้างแห่งหนึ่งซึ่งอยู่นอกเมือง “ทำไมต้องออกไปไกลขนาดนั้นด้วยล่ะ” “ฉันไม่อยากให้ใครเห็นว่านายอยู่กับฉัน ถ้าได้เงินแล้วก็เก็บตัวสักพักนะ” “แน่นอนผมว่าจะข้ามฝั่งแก้มมือแถวปอยเปตสักหน่อย เงินที่พี่ให้มารับรองได้เลยว่าผมจะใช้ให้คุ้ม” เขานัดแนะกับตำรวจอีกครั้งว่าให้พูดยังไงบ้างเพื่อให้ผู้ว่าจ้างยอมสารภาพ จากนั้นก็ให้ถอยออกมาแล้วตำรวจจะเข้าไปจัดการต่อ ขณะที่ขับรถไปตามเส้นทางที่พลอยกมลบอก สองข้างทางก็เริ่มเปลี่ยวขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีบ้านคนและรถยนต์สัญจรผ่านไปมาเลยแม้แต่คันเดียวเพราะเป็นถนนเลี่ยงเมืองแต่แล้วจู่ๆ ก็มีรถจักรยานยนต์คันหนึ่งขับมาด้วยความเร็วสูง มันขับมาจนเกือบจะชิดกับรถที่เขาขับอยู่ จากนั้นชะลอให้ความเร็วเท่ากัน คนซ้อนท้ายเปิดกระจกหมวกกันน็อคขึ้น พอเขาลดกระจกลงมันก็รีบบิดหนีไป สัญชัยรู้สึกหงุดหงิดเขาอยากจะขับตามไปเอาเรื่องแต่ติดที่ว่าตัวเองกำลังทำตามแผนอยู่จึงได้แต่ปล่อยผ่าน แต่พอขับมาถึงบริเวณทางโค
สัญชัยเลือกโรงแรมม่านรูดที่ใกล้ที่สุดเพื่อจัดการกับเหยื่อแสนโอชะ จากแผนเดิมเขาจะจัดการเธอในรถ แต่เพราะอยากหาความสุขจากเรือนร่างที่หอมกรุ่นให้สมกับความเหนื่อยที่ต้องตามเธอมาถึงกรุงเทพ เตียงนอนกว้างๆ จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเขา เขานั่งมองเธออย่างใจเย็น รอเวลาให้เธอรู้สึกตัวเพราะอยากสนุกกับเธอตอนที่มีสติมากกว่า มือหยาบกร้านเลื่อนตามเรียวขาที่โผล่พ้นกระโปรงสีสวย ไต่ขึ้นสูงทีละนิด มือหนึ่งดึงบรรจงจับเส้นผมสวยมาดมอย่างเสน่หา กลิ่นกายสาวหอมเย้ายวนกว่าผู้หญิงทุกคนที่ผ่านมา ถึงแม้จะรู้ว่าเธอมีสามีแล้วแต่ก็ใช่ว่าจะโชกโชนเหมือนกับผู้หญิงคนอื่นที่เขาเคยเจอมาก่อนหน้านี้ เพราะเสียงฮึมฮัมในลำคอบวกกับมือที่ไต่ไปตามแขนและขาทำให้ปุณณิศาค่อยๆ รู้สึกตัวทีละนิด เธอได้กลิ่นเหงื่อไคลลอยมาปะทะจมูกแล้วก็นึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านั้นตนเองถูกใครบางคนพาออกมาจากสวนสาธารณะ พอเธอลืมตาขึ้นมาก็เจอกับผู้ชายคนเดิมที่ตอนนี้ใบหน้าของมันอยู่ห่างเธอเพียงคืบ “กรี๊ดดดดด ปล่อยฉันนะ นายจับฉันมาทำไม ใครก็ได้ช่วยด้วย ช่วยด้วยค่ะ”ปุณณิศาตะโกนสุดเสียงพร้อมกับขยับตัวหนีจนหลังชนกับหัวเตีย
ปุณณิศาไม่ขัดข้องที่งานแต่งงานของตนเองจะถูกจัดขึ้นตามฤกษ์ที่คุณปู่หาให้ แต่มารดาของหญิงสาวดูจะตกใจที่ความสัมพันธ์แบบปลอมๆ ที่ทั้งสองมีในตอนแรกเปลี่ยนไปเร็วมาก แต่พอเธอได้คุยกับคุณปู่ของชายหนุ่มก็สบายใจขึ้น ปนัดดาไม่ได้เรียกร้องอะไรมากขอแค่ชานนท์จะไม่ทิ้งลูกสาวเธอแค่นั้นก็พอแล้ว แต่ปู่มนตรีไม่ยอมและบอกว่าเรื่องสินสอดทองหมั้นจะจัดให้อย่างเหมาะสม แม้ว่าการแต่งงานครั้งนี้จะเป็นเพียงการแต่งแบบเงียบๆ เชิญแค่ครอบครัวของทั้งสองฝ่ายมาเป็นพยานในการจดทะเบียนสมรสเท่านั้นก็ตาม แต่หลังจากหญิงสาวเรียนจบแล้วก็จะมีการจัดงานแต่งงานขึ้นอีกครั้งถึงตอนนั้นก็คงจะจัดอย่างยิ่งใหญ่ซึ่งชานนท์และปุณณิศาก็เห็นดีด้วย “แม่เราว่ายังไงบ้างล่ะตานนท์จะมาร่วมงานไหม” “ไม่รู้เหมือนกันครับ ผมบอกแค่พ่อกับยัยตา ส่วนคุณแม่ผมยกหน้าที่ให้คุณพ่อเป็นคนบอกครับ” “กลัวไหมว่าแม่เขาจะไม่มา” “ถึงเขาไม่มาเราก็แต่งกันได้นี่ครับปู่” ชานนท์ไม่ได้สนใจว่ามารดาจะมาร่วมงานหรือเปล่า คนที่เขาแคร์มากที่สุดเป็นคุณปู่กับปุณณิศามากกว่า “หลานปู่คนนี้มันแน่จริงๆ ไม่
หลังจากที่ตกลงคบกันอย่างจริงจังแล้ว ปุณณิศาก็รู้สึกว่าตัวเองมีความสุขมากขึ้นกว่าเดิม เพราะไม่ต้องกังวลถึงเรื่องสัญญาที่กำลังจะหมดลง แต่ทุกครั้งที่เธอมาทานอาหารหรือมานั่งคุยกับคุณปู่มันก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกผิด “ปู่คะ แค่นี้พอหรือยังคะ” ปุณณิศาถามคุณปู่มนตรีพร้อมกับชูดอกกล้วยในมือให้ท่านดู วันนี้เป็นวันเสาร์ซึ่งตามปกติแล้วปุณณิศาจะกลับไปช่วยมารดาทำขนมที่บ้าน แต่วันนี้เธอเห็นว่าลุงทศไม่ค่อยสบายก็เลยอยากจะอยู่เป็นเพื่อนคุณปู่ ท่านจึงชวนเธอมาที่เรือนกล้วยไม้เพื่อตัดกล้วยไม้บางส่วนไปถวายพระในวันพรุ่งนี้ “พอแล้วล่ะ ขอบใจหนูมากที่มาช่วยปู่ แล้วพรุ่งนี้จะไปวัดกับปู่ไหมล่ะ” “ค่ะ หนูว่าจะทำกล้วยบวชชีไปถวายพระด้วยดีไหมคะ กล้วยที่คุณปู่ปลุกไว้กำลังสุกได้ที่เลยค่ะ” “ได้สิ หนูทำเป็นเหรอ” “ค่ะ หนูเคยช่วยแม่อยู่บ่อยๆ” “จริงสิ ปู่จำได้หนูเคยบอกว่าแม่ทำขนมไทยขายด้วย” “ค่ะคุณปู่ แต่ตอนนี้ไม่ได้ทำไปขายแล้วค่ะ แม่ทำขนมส่งร้านกาแฟค่ะ แต่บางครั้งก็จะมีลูกค้าขาประจำมาสั่งเป็นหม้อใหญ่ เอาไปเลี้ยงแขกบ้างไปถวายพระบ้าง” “แล้ว