“เฮ้อ....” ชานนท์ถอนหายใจอีกครั้ง
“ถอนหายใจยาวเชียว อย่าบอกนะว่าปู่มึงพูดเรื่องเดิมอีกแล้ว” ปกป้องรู้ดีกว่าใครเพราะปู่ของชานนท์กับครอบครัวของเขาสนิทกันและปู่มนตรีก็มักจะพูดอยู่บ่อยๆ ว่าอยากให้ชานนท์กับน้องสาวของเขาแต่งงานกัน
“อือ คราวนี้ปู่กูเอาจริงว่ะ นี่ก็หาสาวให้กูใหญ่เลย แล้วกูก็ดันไปบอกเขาว่าไม่ต้องหาเพราะกูมีเมียอยู่แล้ว”
“แต่กูไม่เห็นว่ามึงจะคุยกับใครจริงจังเลยนี่ไอ้นนท์แล้วมึงจะเอาเมียมาจากไหน” นิธิกรที่มักจะออกมานั่งดื่มกับเพื่อนบ่อยกว่าคนอื่นพูดขึ้น
“อือ...ตอนนี้กูกำลังคิดหนัก ไม่น่าไปเผลอพูดแบบนั้นกับปู่เลยให้ตายสิ”
“ถ้าไม่มีมึงก็บอกเขาไปตรงๆ สิ หรือคนที่ปู่มึงแนะนำให้ไม่สวยว่ะ”
“คนที่ปู่กูชอบก็มียัยปิ่น กับหนูดี”
“ยัยปิ่นน้องไอ้ป้องน่ะเหรอ ดีนะมึง รู้จักกันมานานแล้วด้วย แล้วอีกคนใครวะ”
“กูกับน้องไอ้ป้องรู้ไส้รู้พุงกันหมดแล้ว แล้วกูก็เห็นปิ่นเป็นน้องสาวมาตลอด ปิ่นเองก็เห็นกูเป็นพี่ชาย เรื่องนี้กูสองคนคุยกันแล้วว่ายังไงก็ไม่มีทางยอมแน่ๆ”
“แล้วอีกคนใครวะ กูไม่เห็นรู้จัก”
“ลูกสาวคุณเรวดีเจ้าแม่นำเข้าสินค้าแบรนด์เนมไง”
“อ๋อ กูเคยเห็นเขาออกงานกับแม่บ่อยๆ” ปกป้องเคยเห็นนราวดีอยู่หลายครั้งแต่ เธอเป็นผู้หญิงที่สวยมากคนหนึ่งเลยทีเดียว
“สวยไหมวะป้อง” นิธิกรถาม
“สวยสิ หุ่นก็ดีนะ”
“แต่กูไม่ชอบไง กูชอบคนที่สวยแบบธรรมชาติ ไม่ต้องปรุงแต่งมาก”
“ผู้หญิงเดี๋ยวนี้ก็แต่งหน้ากันทุกคนแหละ เจอกลางคืนนี่สวยเชียวแต่พอตื่นเช้ามานึกว่าคนละคน” นิธิกรพูดเสริมเพราะตนเองเคยมีประสบการณ์หิ้วสาวสวยออกไปจากผับ แต่พอตอนเช้าเกือบจำไม่ได้ว่าเป็นคนคนเดียวกัน
“แล้วมึงจะเอาไงต่อ แต่กูว่าเดี๋ยวปู่มึงก็คงเลิกจับคู่มึงเองแหละ”
“กูว่าครั้งนี้ท่านเอาจริงว่ะ”
“อย่าบอกนะว่ามึงจะยอมให้เขาจับมึงแต่งงาน”
“ไม่มีทาง แต่กูยังนึกไม่ออกว่าจะทำยังไง”
“ก็จะไปยากอะไรวะ มึงก็หาใครสักคนไปเจอกับปู่แล้วก็บอกว่านี่แหละเมียมึง” นิธิกรเสนอ เหมือนว่าเป็นเรื่องง่าย แต่สำหรับชานนท์แล้วมันไม่ง่ายเลย เพราะปู่ของเขาต้องดูออกแน่ๆ
“มึงก็พูดง่าย ใครจะยอมทำแบบนั้น แล้วกูก็กลัวว่าพอเจอกับปู่แล้วปู่ไม่ถูกใจอาละวาดบ้านแตก หรือไม่ก็ถูกใจมากแล้วเร่งให้กูแต่งงานล่ะ”
“แต่งก็แต่งสิวะ” เมคินพูด
“คนเราไม่ได้รักกันจะแต่งงานกันได้ยัง แล้วใครที่ไหนเขาจะแต่งงานกับกูง่ายๆ แบบนั้น”
“มันต้องมีสักคนแหละน่า”
“จะมีผู้หญิงดีๆ ที่ไหนที่จะยอมแต่งงานทั้งที่เพิ่งรู้จักกันบ้างล่ะ” ชานนท์ถอนหายใจอย่างหนักอีกครั้ง
“มึงก็หาจ้างผู้หญิงสักคนสิวะ” นิธิกรเสนอ
“เออ ใช้เงินแก้ปัญหาดีที่สุด กูว่าไม่มีวิธีที่มันดีกวานี้แล้วล่ะ” ปกป้องก็เห็นด้วยกับนิธิกร
“หรืออีกทางมึงก็บอกปู่ไปว่ามึงไม่อยากแต่งงาน เพราะยังไม่อยากตกนรกแคนี้ก็จบ” เมคินช่วยแก้ปัญหา
“ถ้าง่ายแบบนั้นกูคงไม่นั่งเครียดหรอก กูว่าครั้งนี้ปู่เอาจริงว่ะ”
“งั้นก็เอาแบบที่กูเสนอนั่นแหละ หาใครสักคนเอาที่เชื่อฟังคำสั่งหน่อยจะได้ไม่วุ่นวายมาก ทำสัญญาจ้าง ซ้อมบทให้เนียนแกล้งคบกัน พาเข้าไปอยู่ที่บ้านจากนั้นก็ค่อยบอกปู่ว่าทดลองอยู่ด้วยกันแล้วไม่มีความสุข แล้วก็เข็ดกับความรักขอเวลาทำใจสักสองสามปี” นิธิกรสรุป
“ดีเหมือนกันนะ แต่ใครจะยอมล่ะ”
“เดี๋ยวพวกกูช่วยหาเอง เอาเด็กในร้านไอ้คินก็ได้ หาสักคนที่ถูกใจ หรือจะเอาน้องคนเมื่อกี้ก็ได้นะ” นิธิกรเสนอ
“ไอ้คินมันก็เพิ่งบอกอยู่ว่าน้องเขาแค่ชงเหล้าอย่างเดียว” ปกป้องท้วง
ชานนท์คิดไม่ตกว่าจะจัดการเรื่องนี้ยังไงดี ก่อนจะออกมาดื่มกับเพื่อนเขาโทรไปปรึกษาบิดามารดาที่เชียงใหม่ ท่านก็เห็นดีเห็นงามกับปู่ของเขา แถมยังบอกอีกว่าถ้าสาวเมืองกรุงไม่ถูกใจจะหาสาวเชียงใหม่ไว้ให้ขอแค่เขาบอกท่านจะจัดการให้ทันที
แต่คนอย่างเขาไม่ยอมถูกจับคลุมถุงชนแน่นอน บางทีเขาอาจจะทำตามคำแนะนำของเพื่อน แต่จะต้องหาคนที่สามารถรับมือกับปู่ของเขาได้ ซึ่งเรื่องนี้นับเป็นอีกปัญหาที่เขาไม่ควรจะปล่อยผ่าน เพราะปู่ของเขาทั้งฉลาดและเจ้าเล่ห์
“เรื่องผู้หญิงที่จะจ้าง เดี๋ยวฉันขอคิดดูก่อนนะ ว่าจะเอายังไง ถ้ามันหาใครไม่ได้จริงๆ ก็หาเอาในร้านไอ้คินนี่แหละ”
“อือ งั้นคืนนี้ก็ดื่มให้เต็มที่ แล้วขากลับจะพาคนไหนกลับเลือกไว้หรือยังล่ะ”
“ไม่ดีกว่า” ชานนท์ไม่มีอารมณ์จะทำเรื่องอย่างว่า ขณะที่คุยกับเพื่อตาเขาก็บังเอิญเห็นเด็กสาวคนเมื่อครู่ที่กำลังต้อนรับแขกอีกคนด้วยท่าทางสนิทสนม เห็นเธอคุยกับคนอื่นไปทั่วเขากลับรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก เธอคนนั้นทั้งขาวทั้งสวย หุ่นก็น่าฟัดอย่างที่เพื่อนเขาพูด คิดแล้วก็อยากจะลากเธอกลับบ้านด้วย แต่ติดตรงที่เมคินบอกว่าเธอไม่รับงานแบบนั้น
เขาไม่รู้ว่าที่เธอบอกกับเมคินเพราะเธออยากเพิ่มค่าตัวหรือเพราะเธอไม่ได้ทำงานแบบนั้นจริงๆ แต่ถ้าเธอเลือกที่จะทำงานแบบนั้นก็คงมีลูกค้าต่อแถวยาวเป็นพรวนอย่างแน่นอน
ชานนท์ดื่มต่อกับเพื่อนจนถึงเวลาปิดร้าน ก็แยกย้ายกันกลับ เขาเดินมาที่รถยังไม่ทันสตาร์ทเครื่องหญิงสาวที่เห็นในร้านก็เดินออกมากับเพื่อน แล้วบังเอิญว่ารถของเขาจอดอยู่ติดกับรถจักรยานยนต์ของเธอกับเพื่อนเสียด้วย
พอได้เห็นหน้าใกล้เขายอมรับอย่างไม่อายเลยว่าหญิงสาวคนนี้มีใบหน้าที่สวยงามราวกับภาพวาด ใบหน้าเรียวรูปไข่ คิ้วเรียงเป็นระเบียบขนตางอนงาม จมูกโด่งเล็กน้อยปากอิ่มที่แต่งแต้มด้วยลิปสตีกสีสวยนั้นดึงดูดสายตาของเข้าได้เป็นอย่างดี
หุ่นของเธอราวกับนางแบบเอวคอดสะโพกกมกลึวหน้าอกอวบดูแล้วน่าเอื้อมมือไปจับเพราะความหมั่นไส้
“ปุณเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นเหรอ เราเห็นวิ่งลงมาจากชั้นสอง”
“ก็เสี่ยบรรจงน่ะสิ เมาแล้วชวนออกไปข้างนอก”
“อ๋อ เราลืมเตือนปุณว่าถ้าคนนี้มาให้ห่างๆ ไว้ เขาทั้งมือไวปากไว แล้วเขาโกรธไหมที่ปุณไม่ออกไปกับเขา”
“ก็โวยวายอยู่เหมือนกัน แต่พอคุณเมคินขึ้นไปดูก็เห็นว่าเมาคอพับไปแล้ว เราว่าถ้าพอมีเงินใช้หนี้เจ๊น้ำให้แม่ เราจะเลิกทำงานนี้แล้วล่ะกัญญา”
“ทำไมล่ะ เงินมันดีมากเลยนะ”
“ใช่ เงินมันดี แต่เรากลัวว่าเราจะหนีแบบนี้ไม่ได้ทุกครั้ง มันเสี่ยงเกินไป”
“ถ้างั้นปุณก็อดทนอีกนิดนะ”
“อือ ทำยังไงได้ล่ะ ตอนนี้เงินที่มีมันไม่พอเดือนหน้าปั้นก็จะต้องไปเรียนแล้ว เราอยากให้น้องมีเงินติดตัวไปบ้าง เวลาไปเรียน” ปุณณิศาพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้น้องชายไปเรียนได้อย่างไม่ต้องกังวล
“น่าภูมิใจเหมือนกันนะ น้องชายปุณเรียนเก่งมาก ถ้าเรียนจบคงได้เงินเดือนเยอะน่าดูเลย”
“ก็คงอย่างนั้น ตอนนี้เรากับแม่เลยต้องทำงานกันมากหน่อย อยากให้น้องได้ไปเรียน ทุนที่เขาให้มันก็มีอยู่หรอก แต่เราก็อยากให้น้องมีเงินใช้จ่ายด้วย”
“ปั้นโชคดีมากที่มีพี่สาวน่ารักอย่างปุณ”
“เราก็โชคดีที่มีน้องขยันเรียนอย่างปั้นแล้วก็โชคดีด้วยที่มีเพื่อนอย่างกัญญา กลับกันเถอะ เดี๋ยวแวะกินก๋วยเตี๋ยวหน้าปากซอยนะ วันนี้เราเลี้ยงเอง”
“ได้เลย ลาภปากกัญญาอีกแล้ว”
สองสาวคุยกันเสร็จนั่งซ้อนท้ายจักรยานยนต์ออกไปโดยที่ไม่รู้เลยว่าบทสนทนาเมื่อครู่นั้นมีใครบางคนฟังอยู่
หลังจากไปทานอาหารค่ำ ชานนท์ก็ไปส่งปนัดดาและกัญญาวีร์ที่บ้าน กว่าจะกลับมาถึงบ้านก็เป็นเวลาสี่ทุ่มกว่า “หนูคิดอะไรอยู่” ชานนท์ถามคนที่นั่งพิงหัวไหล่ของตนอยู่บนโซฟาตัวโตในห้องนอนหลังจากที่หญิงสาวอาบน้ำเสร็จ “กำลังคิดว่าหนูเป็นผู้หญิงที่โชคดีมากคนหนึ่ง ไม่น่าเชื่อนะคะว่าหนูจะรอดจากแผนการของคุณพลอยกมลมาได้” “นั่นสิ พี่ไม่คิดเลยว่าเขาจะร้ายกาจขนาดนั้น ถ้าพี่ยอมแต่งงานกับเขาตามที่แม่บอกก็ไม่รู้เหมือนกันว่าชีวิตพี่จะมีความสุขแบบนี้ไหม ขอบคุณนะปุณ ขอบคุณที่หนูเข้ามาในชีวิตพี่” “หนูต้องขอบคุณพี่นนท์ คุณปู่และก็ครอบครัวของพี่มากกว่าที่ไม่รังเกียจหนู” “หนูเป็นเด็กกตัญญูที่หนูทำก็เพื่อครอบครัว ใครจะรังเกียจหนูล่ะ พี่ยิ่งรักหนูมากขึ้นด้วยซ้ำ” “พี่บอกรักหนูอีกแล้ว” ปุณณิศาแหงนหน้ามองแล้วยิ้ม “หนูชอบไหมล่ะ พี่อยากบอกรับหนูทุกวันวันละหลายรอบเลยดีไหม” “ดีคะ หนูก็จะบอกรักพี่วันละหลายๆ รอบ หนูมีความสุขมากเลยค่ะ” “แต่หน้าหนูยังดูเป็นกังวลอยู่เลยนะ” “ก็เรื่องแม่ของพี่” “แม่เลิกจับคู่แล้วล
“ปุณ ไม่น้อยใจใช่ไหมที่ไม่มีงานแต่งงานใหญ่โต” ชานนท์ถามหญิงสาวที่อยู่ในเดรสสีขาวซึ่งดูไม่เหมือนชุดแต่งงานเท่าไหร่ ส่วนเขาก็แค่สวมเสื้อเชิ้ตสบายๆ เพราะวันนี้เป็นแค่การจดทะเบียนสมรสและการทานอาหารร่วมกันของครอบครัวเท่านั้น” “ไม่ค่ะ หนูว่าแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะคะไม่ต้องจัดงานให้วุ่นวาย” “พี่กลัวหนูเสียใจ” “ไม่เลยค่ะ แค่พี่นนท์อยู่ข้างๆ หนูแค่นั้นก็พอแล้วค่ะ” “ก็หนูน่ารักแบบนี้พี่ถึงรักหนูหมดใจ” “อะไรนะคะ” “พี่บอกว่ารักหนูหมดใจ” “พี่นนท์” หญิงสาวกอดเขาแน่น “หนูเป็นอะไร ไหนว่าไม่น้อยใจแล้วร้องไห้ทำไม” “ก็เมื่อกี้พี่บอกรักหนู หนูดีใจ” “พี่ขอโทษที่พูดช้าไป แต่พี่รักหนูมานานแล้ว รักมาก” “หนูก็รักพี่ค่ะ แล้วก็ดูออกว่าพี่รักหนู รักของพี่ไม่ต้องพูดหนูก็รู้” “ต่อไปพี่จะพูดบ่อยดีไหม” “แล้วแต่พี่เลย หนูไม่บังคับหรอกค่ะ” “หนูทำไมน่ารักขึ้นทุกวันเลยนะ” ชานนท์กอดเธอแล้วจุมพิตไปบนไรผมอย่างรักใครก่อนที่จะพากันไปยังบ้านของคุณปู่ ในห้องรับแขกตอนนี้มี
สัญชัยโทรหาพลอยกมลเพื่อแจ้งว่าเขาจัดการงานที่สั่งเรียบร้อยแล้ว เลยอยากได้เงินส่วนที่เหลือเพิ่ม พลอยกมลนัดให้เขาไปที่ตึกร้างแห่งหนึ่งซึ่งอยู่นอกเมือง “ทำไมต้องออกไปไกลขนาดนั้นด้วยล่ะ” “ฉันไม่อยากให้ใครเห็นว่านายอยู่กับฉัน ถ้าได้เงินแล้วก็เก็บตัวสักพักนะ” “แน่นอนผมว่าจะข้ามฝั่งแก้มมือแถวปอยเปตสักหน่อย เงินที่พี่ให้มารับรองได้เลยว่าผมจะใช้ให้คุ้ม” เขานัดแนะกับตำรวจอีกครั้งว่าให้พูดยังไงบ้างเพื่อให้ผู้ว่าจ้างยอมสารภาพ จากนั้นก็ให้ถอยออกมาแล้วตำรวจจะเข้าไปจัดการต่อ ขณะที่ขับรถไปตามเส้นทางที่พลอยกมลบอก สองข้างทางก็เริ่มเปลี่ยวขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีบ้านคนและรถยนต์สัญจรผ่านไปมาเลยแม้แต่คันเดียวเพราะเป็นถนนเลี่ยงเมืองแต่แล้วจู่ๆ ก็มีรถจักรยานยนต์คันหนึ่งขับมาด้วยความเร็วสูง มันขับมาจนเกือบจะชิดกับรถที่เขาขับอยู่ จากนั้นชะลอให้ความเร็วเท่ากัน คนซ้อนท้ายเปิดกระจกหมวกกันน็อคขึ้น พอเขาลดกระจกลงมันก็รีบบิดหนีไป สัญชัยรู้สึกหงุดหงิดเขาอยากจะขับตามไปเอาเรื่องแต่ติดที่ว่าตัวเองกำลังทำตามแผนอยู่จึงได้แต่ปล่อยผ่าน แต่พอขับมาถึงบริเวณทางโค
สัญชัยเลือกโรงแรมม่านรูดที่ใกล้ที่สุดเพื่อจัดการกับเหยื่อแสนโอชะ จากแผนเดิมเขาจะจัดการเธอในรถ แต่เพราะอยากหาความสุขจากเรือนร่างที่หอมกรุ่นให้สมกับความเหนื่อยที่ต้องตามเธอมาถึงกรุงเทพ เตียงนอนกว้างๆ จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเขา เขานั่งมองเธออย่างใจเย็น รอเวลาให้เธอรู้สึกตัวเพราะอยากสนุกกับเธอตอนที่มีสติมากกว่า มือหยาบกร้านเลื่อนตามเรียวขาที่โผล่พ้นกระโปรงสีสวย ไต่ขึ้นสูงทีละนิด มือหนึ่งดึงบรรจงจับเส้นผมสวยมาดมอย่างเสน่หา กลิ่นกายสาวหอมเย้ายวนกว่าผู้หญิงทุกคนที่ผ่านมา ถึงแม้จะรู้ว่าเธอมีสามีแล้วแต่ก็ใช่ว่าจะโชกโชนเหมือนกับผู้หญิงคนอื่นที่เขาเคยเจอมาก่อนหน้านี้ เพราะเสียงฮึมฮัมในลำคอบวกกับมือที่ไต่ไปตามแขนและขาทำให้ปุณณิศาค่อยๆ รู้สึกตัวทีละนิด เธอได้กลิ่นเหงื่อไคลลอยมาปะทะจมูกแล้วก็นึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านั้นตนเองถูกใครบางคนพาออกมาจากสวนสาธารณะ พอเธอลืมตาขึ้นมาก็เจอกับผู้ชายคนเดิมที่ตอนนี้ใบหน้าของมันอยู่ห่างเธอเพียงคืบ “กรี๊ดดดดด ปล่อยฉันนะ นายจับฉันมาทำไม ใครก็ได้ช่วยด้วย ช่วยด้วยค่ะ”ปุณณิศาตะโกนสุดเสียงพร้อมกับขยับตัวหนีจนหลังชนกับหัวเตีย
ปุณณิศาไม่ขัดข้องที่งานแต่งงานของตนเองจะถูกจัดขึ้นตามฤกษ์ที่คุณปู่หาให้ แต่มารดาของหญิงสาวดูจะตกใจที่ความสัมพันธ์แบบปลอมๆ ที่ทั้งสองมีในตอนแรกเปลี่ยนไปเร็วมาก แต่พอเธอได้คุยกับคุณปู่ของชายหนุ่มก็สบายใจขึ้น ปนัดดาไม่ได้เรียกร้องอะไรมากขอแค่ชานนท์จะไม่ทิ้งลูกสาวเธอแค่นั้นก็พอแล้ว แต่ปู่มนตรีไม่ยอมและบอกว่าเรื่องสินสอดทองหมั้นจะจัดให้อย่างเหมาะสม แม้ว่าการแต่งงานครั้งนี้จะเป็นเพียงการแต่งแบบเงียบๆ เชิญแค่ครอบครัวของทั้งสองฝ่ายมาเป็นพยานในการจดทะเบียนสมรสเท่านั้นก็ตาม แต่หลังจากหญิงสาวเรียนจบแล้วก็จะมีการจัดงานแต่งงานขึ้นอีกครั้งถึงตอนนั้นก็คงจะจัดอย่างยิ่งใหญ่ซึ่งชานนท์และปุณณิศาก็เห็นดีด้วย “แม่เราว่ายังไงบ้างล่ะตานนท์จะมาร่วมงานไหม” “ไม่รู้เหมือนกันครับ ผมบอกแค่พ่อกับยัยตา ส่วนคุณแม่ผมยกหน้าที่ให้คุณพ่อเป็นคนบอกครับ” “กลัวไหมว่าแม่เขาจะไม่มา” “ถึงเขาไม่มาเราก็แต่งกันได้นี่ครับปู่” ชานนท์ไม่ได้สนใจว่ามารดาจะมาร่วมงานหรือเปล่า คนที่เขาแคร์มากที่สุดเป็นคุณปู่กับปุณณิศามากกว่า “หลานปู่คนนี้มันแน่จริงๆ ไม่
หลังจากที่ตกลงคบกันอย่างจริงจังแล้ว ปุณณิศาก็รู้สึกว่าตัวเองมีความสุขมากขึ้นกว่าเดิม เพราะไม่ต้องกังวลถึงเรื่องสัญญาที่กำลังจะหมดลง แต่ทุกครั้งที่เธอมาทานอาหารหรือมานั่งคุยกับคุณปู่มันก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกผิด “ปู่คะ แค่นี้พอหรือยังคะ” ปุณณิศาถามคุณปู่มนตรีพร้อมกับชูดอกกล้วยในมือให้ท่านดู วันนี้เป็นวันเสาร์ซึ่งตามปกติแล้วปุณณิศาจะกลับไปช่วยมารดาทำขนมที่บ้าน แต่วันนี้เธอเห็นว่าลุงทศไม่ค่อยสบายก็เลยอยากจะอยู่เป็นเพื่อนคุณปู่ ท่านจึงชวนเธอมาที่เรือนกล้วยไม้เพื่อตัดกล้วยไม้บางส่วนไปถวายพระในวันพรุ่งนี้ “พอแล้วล่ะ ขอบใจหนูมากที่มาช่วยปู่ แล้วพรุ่งนี้จะไปวัดกับปู่ไหมล่ะ” “ค่ะ หนูว่าจะทำกล้วยบวชชีไปถวายพระด้วยดีไหมคะ กล้วยที่คุณปู่ปลุกไว้กำลังสุกได้ที่เลยค่ะ” “ได้สิ หนูทำเป็นเหรอ” “ค่ะ หนูเคยช่วยแม่อยู่บ่อยๆ” “จริงสิ ปู่จำได้หนูเคยบอกว่าแม่ทำขนมไทยขายด้วย” “ค่ะคุณปู่ แต่ตอนนี้ไม่ได้ทำไปขายแล้วค่ะ แม่ทำขนมส่งร้านกาแฟค่ะ แต่บางครั้งก็จะมีลูกค้าขาประจำมาสั่งเป็นหม้อใหญ่ เอาไปเลี้ยงแขกบ้างไปถวายพระบ้าง” “แล้ว