"อาบน้ำแล้วก็ลงมาทานข้าวนะลูก เดี๋ยวพ่อก็คงกลับแล้ว"
"ค่ะ"
"เป็นอะไรทำไมทำหน้าแบบนั้น"
"รถติดน่ะสิคะ อยากหาหอพักใกล้มหาวิทยาลัยจังเลยค่ะแม่"
"พ่อไม่ยอมหรอก"
"รู้ค่ะว่าพ่อคงไม่ยอมแม่ลองคุยให้หน่อยนะคะ" จะใช้เวลา 2-3 ชั่วโมงในการเดินทางกลับบ้านแบบนี้ทุกวันมันก็แย่ กว่าจะเรียนจบอีกตั้งหลายปี เหนื่อยกับการเรียนการเดินทางยังไม่พอเหนื่อยกับเพื่อนร่วมห้องด้วยสุดจะทนแล้ว
ออมสินขึ้นห้องไม่นานแม่บ้านก็ไปตามลงมาทานข้าวเพราะพ่อของเธอกลับมาถึงแล้ว
"การเรียนเป็นยังไงบ้าง วันนี้เรียนวันแรกใช่ไหม"
"ใช่ค่ะ"
และพ่อของเธอก็ถามอะไรอีกหลายอย่าง ออมสินตอบทุกอย่างเพราะเธอเตรียมคำตอบมาแล้ว ทุกอย่างที่เธอตอบพ่อมีแต่เรื่องดีๆ ซึ่งขัดกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ มาก
หลังทานข้าวเสร็จเธอก็กลับขึ้นมาบนห้อง พอทิ้งตัวนอนลงบนเตียงก็หลับยาวจนถึงเช้าเลย
ต้องไปเรียนอีกแล้วเหรอเนี่ย นี่แค่เข้าเรียนวันที่สองเองนะยังรู้สึกเซ็งขนาดนี้ ..สิ่งที่ทำให้เซ็งมากคือเมญ่าเปลี่ยนไป ตอนนี้เธอไปอยู่ฝั่งตรงข้าม ออมสินอดคิดไม่ได้ว่าที่เพื่อนแตกหักกัน คงเพราะเรื่องที่เธอชนะการพนัน แต่จะให้เธอยอมแพ้ตลอดเลยหรือไง เพราะเมญ่านิสัยแบบนี้แหละออมสินถึงได้ไม่อยากเอาชนะมากนัก แต่ครั้งนี้เธอฮึดสู้จนได้ชัยชนะมา
"ขอบคุณมากนะคะลุง" หญิงสาวลงก่อนจะถึงมหาวิทยาลัยแล้วเธอก็เดินผ่านร้านที่ขายไก่ย่าง แต่วันนี้เธอไม่ได้แวะซื้อ เพราะทานอะไรแบบนี้บ่อยๆ ไม่ได้ กลัวท้องจะไม่รับ
"ออมสิน" ไอเดียและการ์ตูนลงจากรถเมล์ก็เห็นออมสินเดินผ่านพอดี
"มาแล้วเหรอ" ออมสินยิ้มให้เพื่อนทั้งสอง เธอมีกำลังใจเรียนต่อก็เพราะเพื่อนสองคนนี่แหละ
ทั้งสามเลยเดินไปด้วยกันจนถึง ทางเข้ามหาวิทยาลัย และจังหวะนั้นก็เห็นรถของเมญ่าขับผ่านไป
"ดูมันขับนะถ้าชนเราจะทำยังไง" ตอนขับรถมาถึงทั้งสามเมญ่าไม่ได้แตะเบรกเลย
"ช่างเขาเถอะ เราเข้าไปข้างในกัน"
"สงสัยเมญ่าจะแตกหักกับพวกเราแล้วใช่ไหม" การ์ตูนเป็นคนที่จิตใจอ่อนไหวกว่าเพื่อนในกลุ่ม พอคิดว่าเพื่อนอีกคนจะแยกกลุ่มไปก็รู้สึกใจหาย เพราะรู้จักกันมาหลายปีแล้วตั้งแต่เรียนมัธยมปีที่ 1 จนตัดสินใจมาเรียนต่อมหาวิทยาลัยด้วยกัน ไม่คิดว่าพอเข้ามหาวิทยาลัยทุกอย่างก็เป็นแบบนี้
"แต่เธอยังมีฉันสองคนนะ" ทั้งสามเลยจับมือกันเดินเข้ามา
"ไฮสาวๆ"
ออมสินและเพื่อนหันไปมองก็เห็นว่าเป็นเพื่อนของไทเป
"แล้วเพื่อนของนายล่ะ"
"ป่านนี้คงอยู่บนห้องแล้วมั้ง ไอ้นี่มันเด็กเรียน"
"ว่าแต่นายชื่ออะไร" ออมสินอยากรู้จักเพื่อนทุกคนที่ทำความรู้จักกับเธอ
"เราชื่ออาวุธ"
"ยินดีที่ได้รู้จัก เราขึ้นห้องกันเถอะ"
มาถึงหน้าห้องกำลังจะเดินเข้าไป แต่ถูกคนที่เดินมาด้านหลังเบียดเข้าก่อน
"เดินไม่ดูทางเลยหรือไง" โชคดีที่ไอเดียคว้าร่างของออมสินได้ทันถึงไม่ชนเข้ากับขอบประตู
"รู้ว่าตัวเองเกะกะทำไมไม่หลบล่ะ"
"พวกฉันมาถึงทางเข้าก่อน เธอนั่นแหละควรจะรอให้พวกฉันเดินเข้าไปในห้อง" ไอเดียตอบโต้กลับ
"เธอดูจะปกป้องเพื่อนจังเลยนะ อยากรู้นักเพื่อนเธอมีอะไรดีที่ต้องให้เธอปกป้อง"
"เพื่อนฉันดีกว่าเธอแล้วกัน"
"เธอเอาอะไรมาวัดว่าเพื่อนเธอดีกว่าเพื่อนฉัน" พริ้มเดินตามหลังมาก็มาเฉาะกับไอเดียอีกคน
"พอเถอะไอเดียอย่าเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือเลย"
"พวกเธอน่ะสิเกลือ!"
"อาจารย์มาแล้ว" การ์ตูนกลัวว่ามันจะไม่จบง่ายๆ เลยโกหกว่าอาจารย์มาและมันก็ได้ผล กลุ่มนั้นรีบเข้าไปในห้องอย่างเร็ว
"อาจารย์อยู่ไหน" ไอเดียมองหาว่าทำไมอาจารย์ถึงจะเข้ามาสอนเร็วจัง นักเรียนยังมาไม่ครบเลย
"ฉันโกหก เราเข้าไปข้างในกันเถอะ"
"เดี๋ยวนี้หัดโกหกนะเรา" ออมสินทำทีว่าให้เพื่อนแต่ก็ยิ้มไปด้วย
เที่ยงวันนั้น..
"อะไร?" ออมสินมองอาหารที่อยู่ในมือของเธอ เพราะเมื่อครู่ไทเปซื้อมาแล้วก็ยื่นมันมาใส่มือของเธอเลย
"ฉันซื้อให้"
"แล้วนายไม่กินข้าวเหรอ"
"ของฉันอยู่โต๊ะนั้น" ว่าแล้วไทเปก็เดินเข้าไปนั่งกับกลุ่มเพื่อนผู้ชาย
"อ้าวเธอซื้ออาหารมาแล้วเหรอ" ไอเดียและการ์ตูนที่แวะเข้าห้องน้ำก่อนเห็นว่ามีถ้วยอาหารอยู่ในมือออมสิน
"ผู้ชายให้มา"
"ผู้ชายที่ไหน"
"โน่น" ทั้งสองมองตามไปก็เห็นว่าเป็นกลุ่มของไทเป
หลังเลิกเรียนวันนั้น ออมสินก็เดินออกมาพร้อมกับเพื่อน
"ให้ไปส่งไหม" ได้ยินเสียงนี้ทั้งสามที่กำลังเดินออกมาหันไปมองพร้อมกัน
"อ้าวไทเป"
"บ้านอยู่ที่ไหนเดี๋ยวจะไปส่ง"
"นี่รถนายเหรอ" ออมสินมองดูรถที่ไทเปขับ
"ใช่ขึ้นรถสิเดี๋ยวจะไปส่ง"
"นายพักอยู่ที่ไหน"
"ซอยเจริญ 3"
"ทางเดียวกันเลย นายช่วยแวะส่งซอยเจริญ 2 ได้ไหม"
"ได้สิขึ้นรถมา"
"ขึ้นเร็วไอเดีย การ์ตูน" ออมสินผลักไอเดียขึ้นไปนั่งหน้าคู่กับคนขับ ส่วนการ์ตูนก็ขึ้นไปนั่งด้านหลัง "ฝากนายไปส่งเพื่อนฉันด้วยนะ"
"แล้วเธอไม่ไปเหรอ"
"ฉันไม่ได้พักอยู่แถวนั้นหรอก"
ไทเปมองมาดูเพื่อนของออมสินแบบเซ็งๆ ทีแรกคิดว่าซอย 2 จะเป็นบ้านของออมสินสะอีก
"ถ้านายไม่อยากไปส่งเราสองคนก็ไม่เป็นไรนะ" ไอเดียมองออกแต่แรกแล้วว่าไทเปอยากไปส่งออมสินมากกว่า
"ไม่เป็นไรไหนๆ ก็กลับทางเดียวกัน"
กลับมาถึงบ้านออมสินก็เห็นว่าพ่อมาถึงแล้ว ..ทำไมวันนี้มาถึงก่อน
"เย็นวันเสาร์นี้เตรียมตัวออกไปทานข้าวกับพ่อนะ"
"ทานข้าวที่ไหนคะ"
"ไม่ต้องถามหรอกว่าทานที่ไหนแค่เตรียมตัวให้พร้อมก็พอ"
"ถ้างั้นออมสินขอขึ้นข้างบนก่อนนะคะ"
"แม่ให้คนเตรียมอาหารเย็นแล้วนะ เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จลงมาทานข้าวด้วย"
"ค่ะแม่"
วันต่อมาที่มหาวิทยาลัย..
"วันเสาร์นี้เรานัดดูหนังกันไหม"
"ฉันฟังผิดไปหรือเปล่ายัยการ์ตูนชวนเราดูหนัง" ไอเดียหันไปพูดกับออมสิน
"ไม่แน่ใจว่าจะไปได้ไหม เย็นวันนั้นพ่อให้ไปทานข้าวด้วย"
"พ่อเธอชวนไปงานเลี้ยงเหรอ"
"ไม่ใช่งานเลี้ยงหรอก แค่ไปทานข้าวเป็นเพื่อน"
"คงจะพาเธอไปรู้จักกับนักธุรกิจอีกน่ะสิ"
"อย่าพูดเสียงดังสิ" ออมสินสะกิดเพื่อนไว้กลัวเพื่อนคนอื่นได้ยิน ปล่อยให้พวกเขาคิดว่าเธอเป็นแบบที่พวกเขาคิดนั่นแหละดีแล้ว
เที่ยงวันนั้น..
ก๊อกๆ
"ไม่ไปกินข้าวเหรอเรา" คนที่นั่งทำงานอยู่เงยหน้าขึ้นมองก็เห็นว่าเป็นน้องสาวข้างบ้าน
"ไม่เห็นหน้าพี่หลายวัน เลยอยากมาพบ"
"หลายวันอะไร เมื่อวานยังเห็นโบกไม้โบกมือทักทายอยู่เลย" บ้านของทั้งสองไม่ได้แค่อยู่ใกล้กัน ห้องนอนยังเปิดหน้าต่างออกมาแล้วก็เห็นกันอีก
"ก็เชอรี่มีอะไรอยากจะคุยกับพี่นี่คะ"
"อยากจะคุยอะไรกับพี่ก็ว่ามาสิ"
"พี่ช่วยวางงานก่อนได้ไหมตอนนี้มันเที่ยงแล้วนะ ออกไปทานข้าวข้างนอกกันไหมคะ"
"งานพี่เยอะ"
"เยอะแค่ไหนก็ต้องกินข้าวค่ะ" เชอรี่ถือวิสาสะคว้าแขนของเจ้าเวหาลุกขึ้นจากเก้าอี้
"ไปก็ได้ แต่ทานแถวนี้พอนะ"
"ได้เลยค่ะ"
"เธอดูนั่นสิแม่สตอเบอรี่ควงใครอยู่" ไอเดียมองไปก็เห็นว่าเชอรี่ควงแขนผู้ชายเดินไปทางลานจอดรถ "พวกเธอว่าคุ้นๆ ไหม"
"หึ!" ตอนที่ทั้งสามกำลังจับจ้องมองไปที่เชอรี่และชายปริศนาคนนั้น ด้านหลังของพวกเธอก็มีเสียงนี้ดังขึ้น "อยากรู้ไหมว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร"
ทั้งสามหันกลับไปมองก็เห็นว่าเป็นเพื่อนเก่าของพวกเธอ
"ทำไมพวกเราต้องอยากรู้ด้วยล่ะ ว่าแต่คุยกับพวกฉันได้แล้วเหรอ"
"ฉันก็ไม่อยากจะคุยหรอกนะ"
"ฉันก็ไม่อยากจะคุยเหมือนกัน"
"ใจเย็นก่อนสิออมสิน" การ์ตูนเลือกห้ามออมสินไว้เพราะออมสินดูจะมีวุฒิภาวะมากกว่า
"ดีงั้นต่อไปนี้เราไม่ต้องมาคุยกัน"
"ก่อนที่จะเลิกคุยกันช่วยทำตามสัญญาด้วยนะ"
"หึ!! ฉันยังไม่เห็นเลยว่าเธอชนะ"
"ขนาดนี้เธอยังไม่เห็นอีกเหรอเมญ่า" ไอเดียทนฟังไม่ไหวแล้ว แค่คืนนั้นก็รู้แล้วว่าใครแพ้ใครชนะ
"ผ่านวันนี้ไปก่อน เราค่อยมาตัดสินกันอีกทีว่าใครจะแพ้ใครจะชนะ" มุมปากเมญ่ายกยิ้มเยาะเย้ยเพื่อนเก่าก่อนจะเดินไป
"ทำไมต้องรอให้ผ่านวันนี้ไปก่อนด้วย อย่าบอกนะว่านางจะทำอะไรอีก"
"แล้วตอนนี้เธออยู่ที่ไหน""อยู่บ้านของผมครับ""แสดงว่า?" นรสิงห์หันมองไปดูเพื่อน เพราะทั้งสองอยู่บ้านหลังเดียวกัน"ใช่อยู่บ้านเดียวกันกับกูนี่แหละ"อะไรมันจะบังเอิญขนาดนี้ น้องสาวของเขาอยู่ใกล้จมูกเขานี่เองเหรอ "ฉันอยากจะขอพบเธอหน่อยได้ไหม""ได้สิ.. แต่ว่าเธอจะเครียดมากไม่ได้นะ""ทำไม"เจ้าวายุเลยเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับเธอ เพราะเรื่องนี้เขายังไม่ทันได้เล่า"ทำไมเรื่องแบบนี้ถึงเกิดขึ้นในพื้นที่ของมึงได้" พอรับรู้ว่าน้องสาวได้รับอันตรายจากการมาเที่ยวที่นี่นรสิงห์เลยหันไปต่อว่าให้เจ้าของสถานที่"เรื่องนั้นมันเหตุสุดวิสัยจริงๆ แต่กูก็จัดการเรียบร้อยแล้ว""เอาเป็นว่าพรุ่งนี้เรานัดกันอีกที" เจ้าวายุรีบพูดตัดบท เพราะยังไม่รู้จักนิสัยของนรสิงห์ดี"ไม่เป็นไรหรอกพรุ่งนี้วันหยุดไม่ได้ไปเรียนไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวฉันจะไปหาเธอที่นั่น" นรสิงห์หมายถึงจะไปหาไอเดียที่บ้านของเจ้าวายุหลังจากที่พูดคุยกันรู้เรื่องแล้ว เจ้าวายุเลยกลับมาหาไอเดียที่บ้าน พอกลับมาเห็นว่าเธอนอนหลับเขาเลยไม่ได้ปลุก คิดว่าพรุ่งนี้ค่อยเล่าให้ฟังแล้วกันวันต่อมาที่คฤหาสน์ศักดินา.."เราเป็นเพื่อนของตาเวย์เหรอ" เห็นรถหรูวิ่งเข้ามาจอดเลย
"มึงถามทำไม""มึงช่วยนัดเพื่อนคนนี้ของมึงให้กูหน่อยได้ไหม""ได้สิ ว่าแต่มึงบอกกูมาก่อนว่ามันเรื่องอะไร""เรื่องของไอเดีย""ทำไม? มันเกี่ยวอะไรกับไอเดียด้วย""กูไม่รู้จะเริ่มเล่ายังไง""มึงก็เริ่มจากเรื่องที่มึงถามกูนี่ไงมึงถามเพื่ออะไร""กูกำลังสืบหาครอบครัวของไอเดียอยู่""ไอเดียก็มีแม่อยู่ไม่ใช่เหรอ?" เรื่องนี้เจ้าเวหารู้มาจากออมสินอีกที ออมสินพูดให้ฟังอยู่บ่อยๆ ว่าครอบครัวของไอเดียเป็นยังไง"ไม่ใช่แม่แท้ๆ ของเธอหรอก""อะไรนะ? กูงงไปหมดแล้ว เธออยู่กับแม่แต่มีพ่อเลี้ยงไม่ใช่เหรอ""ทั้งสองคนไม่ใช่พ่อแม่แท้ๆ ของไอเดีย""มึงรู้ได้ยังไง""กูตรวจดีเอ็นเอมาแล้ว""แล้วมึงก็คิดว่าไอเดียเป็นญาติของไอ้สิงห์เหรอ?""เพราะเรื่องนี้แหละกูถึงอยากจะคุยกับเพื่อนมึงหน่อย""ได้สิ มึงจะให้กูนัดวันไหน""เอาที่ทางนั้นสะดวก" เจ้าวายุรู้ว่าทางนั้นมีกิจการมากมายอาจจะไม่ค่อยมีเวลาว่าง"อืม ถ้างั้นกูไปดูคลับก่อนนะ""คุณยังไม่ออกไปหรือคะ" ออมสินว่าจะลงมาเล่นกับไอเดียข้างล่าง พอลงมาก็เห็นว่าสามียังไม่ออกจากบ้าน เพราะเขาบอกไว้ว่าจะเข้าไปดูคลับหน่อย"กำลังจะไปแล้วคุณลงมาทำไม""ผัวไม่อยู่บ้านลงมาทำไมก็เรื่องของฉันสิ
"คุณรีบพูดมาเถอะค่ะ" ตั้งแต่เขาบอกว่ากำลังให้คนสืบเรื่องครอบครัวเธอ ไอเดียก็รอแบบใจจดใจจ่อ ถึงแม้เธอจะไม่ได้ถามความคืบหน้า แต่เธอก็รออยู่ว่าเมื่อไรเขาจะแจ้งเรื่องนี้"แม่ของคุณเกี่ยวข้องกับครอบครัวผู้มีอิทธิพลครอบครัวหนึ่ง""ครอบครัวผู้มีอิทธิพล? ยังไงคะ""ผมไม่แน่ใจว่าทำไมแม่คุณถึงระหกระเหินออกมาจากบ้าน" เป็นเรื่องที่สืบไม่ได้ เพราะมันเป็นเรื่องในครอบครัว แค่เขารู้ที่มาที่ไปของแม่เธอ ส่วนพ่อของเธอยังไม่รู้ที่มาที่ไปแน่ชัด"คุณจะบอกว่า แม่แท้ๆ ของฉันถูกไล่ออกจากบ้านเหรอ?" ถ้ามันเป็นแบบนั้นเธอก็ไม่อยากจะรู้เรื่องแล้ว พวกเขาถึงขนาดไล่แม่เธอออกจากบ้าน คงไม่ต้องการเด็กที่เกิดจากแม่ของเธอหรอก"เรื่องนี้ผมยังไม่แน่ชัดเพราะมันเป็นเรื่องในครอบครัว คงสืบลำบาก""พวกเขาเป็นครอบครัวไหนคะ""ดำรงฤทธิ์""ดำรงฤทธิ์ ทำไมนามสกุลนี้มันคุ้นๆ""บริษัทในเครือของดำรงฤทธิ์มีทั่วประเทศ""คุณอย่าบอกนะคะ ว่าแม่ฉันเป็นญาติกับคนพวกนั้น?""เรื่องนี้ผมก็ให้คำตอบคุณยังไม่ได้ เพียงแค่ชื่อของแม่คุณ เคยปรากฏอยู่ในใบทะเบียนบ้าน""เคยปรากฏ?" หมายความว่าแม่ของเธอถูกคัดชื่อออกงั้นเหรอ? แม่เธอทำผิดอะไรนักหนาทำไมพวกเขาถึงทำก
"ฉันว่าจะมาถามเรื่องพ่อค่ะ""ท่านมาแล้วเหรอ""คุณให้พ่อมาทำงานที่นี่เหรอคะ""ใช่ ท่านจะได้อยู่ใกล้ลูกสาวไง""ขอบคุณมากนะคะ""ขอบคุณทำไมล่ะนั่นก็พ่อตาผมนะ""ฉันรักคุณนะคะ""หือ.. เดี๋ยวนะ" เขายังไม่ได้ตั้งตัวเลย"คุณไม่อยากให้ฉันบอกรักเหรอ""ไม่ใช่แบบนั้นคุณจะไม่ให้ผมได้ตั้งตัวหน่อยหรือ""นึกว่าอะไรเสียอีก" เขากำลังจะลุกขึ้นแต่ไอเดียเดินเข้าไปแล้วดันร่างของเขาให้นั่งลงก่อนที่เธอจะวางสะโพกลงกับตัก มือเรียวโอบรัดต้นคอแกร่งไว้ก่อนที่จะแนบริมฝีปากลง "อืม" ทีแรกคิดว่าจะจุ๊บแก้มแต่อีกฝ่ายดันหันหน้ามารับริมฝีปากของเธอก่อน"น่ารักจัง" ชายหนุ่มขยับริมฝีปากออกมาเลยชมก่อนที่จะเปลี่ยนจากจุ๊บเป็นจูบ..ไอเดียปล่อยให้เขาจูบจนพอใจ ใครจะเข้ามาเห็นก็ช่างปะไรนี่ห้องสามีของเธอ"พอแล้วเหรอคะ" เห็นอีกฝ่ายถอนจูบออก"เดี๋ยวคุณก็เข้าห้องเรียนสายหรอก""ถ้างั้นไอเดียกลับห้องก่อนนะคะ""เดี๋ยวก่อนสิผมจะไปส่ง" ชายหนุ่มหยิบเอาโทรศัพท์แล้วเดินตามเธอออกมา จนมาถึงอาคารเรียนไอเดียก็เห็นว่าตอนนี้อาคารเรียนกำลังก่อสร้างอะไรไม่รู้"เขาทำอะไรกันคะ""อาทิตย์หน้าก็คงใช้งานได้แล้ว""แล้วมันคืออะไรล่ะคะ?" หญิงสาวหันไปมองดูสิ่งก
"เมื่อกี้นี้ลูกเขยว่าอะไรนะ""ก็ตามที่ผมพูดนั่นแหละครับ ผมจะให้เงินเท่าที่คุณแม่ต้องการ และผมจะหาที่อยู่ใหม่ให้คุณแม่ด้วย""แน่ใจนะว่าให้เท่าที่แม่ต้องการ""คุณแม่บอกมาได้เลยครับว่าต้องการเท่าไร"" 10 ล้านบาท""แม่!""ตกลงครับ""คุณ..""ถือว่าเงินนี้ผมให้ท่านสำหรับที่ท่านเลี้ยงดูคุณมา""เลี้ยงดูหมายความว่ายังไง" นางได้ยินคำพูดนี้เลยถาม"ฉันรู้ความจริงแล้วว่าคุณไม่ใช่แม่แท้ๆ ของฉัน""ไอเดีย.." นางดูตกใจที่ลูกสาวรู้ความจริงแต่ก็ปรับสีหน้าได้ไวมาก "ไม่ใช่แม่แท้ๆ แต่ฉันก็เลี้ยงดูเธอมา""เพราะแบบนี้ไงครับผมถึงจะตอบแทนบุญคุณที่คุณเลี้ยงดูคนรักของผมมา""ดี! อย่าลืมล่ะเงินสด 10 ล้านและที่อยู่ใหม่""อะไรนะ!" ชัยนาทเดินกลับมาได้ยินคำพูดนี้ของภรรยาพอดี "มันจะมากไปแล้วนะ""มากยังไง กว่าฉันจะเลี้ยงมันมาโตได้ขนาดนี้""เธอแน่ใจนะว่าเธอเป็นคนเลี้ยง""แกเป็นผัวฉัน ก็เท่ากับฉันเลี้ยงเหมือนกันแหละ""มันไม่มากหรอกครับผมให้ได้ และคุณแม่สัญญาว่าจะเซ็นใบหย่าให้คุณพ่อ ถ้าพ่ออยากจะหย่าก็หย่าได้เลยนะครับ""ไปหย่ากันวันนี้เลย" ประโยคนี้แม่เป็นคนพูด เพราะไม่เคยพิศวาสผู้ชายคนนี้เลย มีสิ่งเดียวที่ยังอยู่ก็คือเงิน
"คุณเล่าเรื่องพวกนั้นให้ฉันฟังได้ไหมคะ" เธอขยับกายเข้าไปใกล้ แล้วก็แนบใบหน้าลงกับแผ่นอกของเขาที่นั่งพิงหมอนอยู่บนเตียงนอน"เรื่องนี้คุณตาขอจัดการเอง" ท่านอยากให้เจ้าวายุมีเวลาดูแลเมียกับลูกให้มาก และอีกอย่างที่ท่านจัดการเรื่องนี้เองเพราะไม่อยากให้พวกนั้นลอยนวล ถึงแม้ว่าจะรู้จักกันตั้งแต่สร้างบ้านหลังนี้มา แต่ท่านก็ไม่คิดจะปล่อยไป"แล้วอีกสองคนล่ะคะ" เป็นอีกเรื่องที่ไอเดียสงสัย เพราะไม่เห็นทั้งสามคนมาเรียน"เจอข้อหาไม่ต่างกัน เพราะถือว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด""หรือคะ..""คุณไม่ต้องคิดมากนะ ใครทำอะไรก็ได้แบบนั้น""ฉันก็ไม่รู้ว่าฉันกับออมสินไปทำอะไรให้พวกนั้นไม่ชอบนักหนา ตั้งแต่เข้าเรียนแล้ว""ต่อไปนี้ไม่มีใครมาทำอะไรคุณได้แล้วนะ""แล้วเรื่องเรียนล่ะคะ ฉันยังคงจะเรียนได้อีกไหม" เธอกลัวว่าถ้าท้องโตมากกว่านี้จะถูกสั่งห้าม เดี๋ยวก็เสียชื่อมหาวิทยาลัย"เรื่องนั้นมันแล้วแต่คุณ ถ้าคุณอยากจะเรียนก็เรียนไป""ฉันเรียนได้จริงเหรอคะ""เรียนได้สิ แต่เวลาเดินคุณต้องระวังๆ หน่อย""ฉันสัญญาว่าจะระวังค่ะ คุณตาไม่ว่าอะไรใช่ไหมคะ" คำถามนี้ออกจากปากของไอเดีย เจ้าวายุมองหน้าเธอจนอีกฝ่ายสงสัยว่าเขามองทำไม "