แชร์

ตอนที่ 3 รสของอดีต

ผู้เขียน: เธียรนรา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-08-03 13:40:29

            นี่ก็ผ่านมาเป็นเดือนแล้วจากคืนนั้น ฉันกับพี่รามิลไม่ได้ติดต่ออะไรกันอีกและกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุขในช่วงวันปิดเทอมของตัวเอง ฉันไม่อยากกลับไปที่บ้านเพราะต้องกลับไปเจอพ่อกับเด็กเลี้ยงของตัวเอง แม่ใหม่ที่อายุไม่ต่างจากฉันเท่าไร

             มื้อเย็นของวันนี้ฉันตั้งใจที่จะลงมาหาข้าวกินที่ใต้ตึกคอนโดฯ ในขณะที่เอาแต่ยืนครุ่นคิดอยู่หน้าตู้แช่แข็งในร้านสะดวกซื้อกลับถูกมือของใครบางคนสะกิดเรียกจากด้านหลัง ฉันเลยหันไปมอง

             “พี่สาวครับ” ฉันขมวดคิ้วมองชายวัยรุ่นสวมใส่ชุดนักเรียนมัธยมปลายกางเกงน้ำเงิน ใบหน้าหล่อเหลาถูกบดบังด้วยกรอบแว่นหนาเตอะ

             “พี่ไม่ชอบเด็กอะ ขอโทษนะ” ฉันเตรียมจะสับเท้าหนีแต่กับถูกยื้อเอาไว้ด้วยคำพูดของเด็กชาย

             “แต่ผมเป็นน้องชายพี่นะ” หนุ่มน้อยคนนั้นพูดโพล่งขึ้นมาเสียจนฉันตัวชะงักกึก ฉันค่อย ๆ เคลื่อนสายตากลับมามองเด็กหนุ่มอีกครั้งแล้วมองต่ำลงมาที่ชื่อที่ปักอยู่บนเสื้อตรงหน้าอก

             กรชวัล เลิศพิสิฐ

             ความทรงจำของฉันเริ่มหวนคืนกลับมาเล็กน้อย หลังจากที่พ่อกับแม่ของฉันเลิกกันตั้งแต่ฉันเกิดฉันก็ไม่เคยเจอหน้าแม่ของฉันอีกเลย รู้จากพ่อแค่ว่าแม่ทิ้งไปมีครอบครัวใหม่ สามีใหม่แล้วก็ลูกใหม่

             มีอยู่ครั้งหนึ่งตอนที่ฉันกำลังนั่งร้องไห้ในงานวันแม่ที่โรงเรียนประถมเพราะพ่อไม่ว่าง มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามากอดฉันแล้วบอกว่าเธอคือแม่พร้อมแนะนำให้ฉันรู้จักเด็กผู้ชายอีกคนว่าเป็นน้องชายของฉัน ในตอนนั้นฉันเองก็เคลื่อนสายตาไปอ่านป้ายชื่อที่ปักอยู่บนเสื้อตรงหน้าอกแบบนี้เหมือนกัน

             “มิกซ์เหรอ” น้องชายต่างพ่อพยักหน้าหงึก ๆ ทำเอาฉันประหลาดใจที่ได้เจอกับเด็กหนุ่มอีกครั้งในรอบหลายปี

             หลังจากนั้นฉันก็พาน้องชายขึ้นมานั่งบนห้องพร้อมยื่นกล่องข้าวให้เด็กหนุ่ม

            “ขอบคุณครับ” มิกซ์รีบขอบคุณก่อนจะรับกล่องข้าวนั้นไปตักเข้าปากทั้งที่ข้าวยังไม่หายร้อนทำเอาฉันเผลอหลุดขำออกมา

            “รู้ได้ไงว่าพี่อยู่นี่” ฉันนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับน้องชาย เขาเงยหน้าขึ้นมาทั้งที่เคี้ยวข้าวตุ้ย ๆ อยู่เต็มปาก

            “ผมเจออินสตาแกรมพี่อะ รู้ปะแม่โคตรดีใจเลยที่หาพี่เจอ” น้องชายฉันพูดก่อนจะหยิบแก้วน้ำขึ้นมาจิบอย่างชื่นใจ “พี่เรียนอยู่มหาวิทยาลัยนี้ใช่ปะ”

             ฉันพยักหน้ารับก่อนจะยกแขนขึ้นมาเท้าบนโต๊ะอาหารตัวเล็ก แล้วทอดสายตาเพ่งพินิจใบหน้าของน้องชายด้วยความสงสัย ส่วนไหนที่มันเหมือนฉันบ้างเนี่ย

              “ดีเลย ผมตั้งใจว่าจะมาเข้าคณะสัตวแพทย์ที่นี่อะ ผมขอมาอยู่กับพี่ได้ไหม”

              “จะบ้าเหรอ มิกซ์เป็นผู้ชายพี่เป็นผู้หญิงจะอยู่ด้วยกันได้ยังไง” น้องชายฉันพ่นลมหายใจออกมาเมื่อไม่ได้ดั่งใจ

              “โธ่พี่มน แต่เราเป็นพี่น้องกันนะ เนี่ยปีหน้าผมก็อยู่มอหกแล้ว พี่เห็นใจน้องชายคนนี้หน่อยได้ไหมเล่า” เด็กหนุ่มส่งสายตาออดอ้อนมาให้ คงไม่ได้คิดว่าฉันจะอ้อนได้เหมือนแม่หรอกใช่ไหมเนี่ย

              “เหลือเวลาอีกตั้งเป็นปี หาหอเองเถอะ อีกอย่างพ่อพี่เขาไม่อยากให้ไปยุ่งกับแม่ มิกซ์เข้าใจพี่หน่อยนะ” มิกซ์พยักหน้าอย่างจำใจก่อนจะก้มหน้ากินข้าวต่อด้วยสีหน้าเหงาหงอยเหมือนลูกหมาหูตก

              ฉันก้มหน้าลงมองข้าวกล่องของตัวเองก่อนจะเปิดฝาออกเพื่อจะกินข้าวมื้อเย็น กลิ่นอาหารลอยขึ้นมาเตะจมูก แต่ทำไมวันนี้มันทะแม่ง ๆ ชอบกล

              “มิกซ์ว่าข้าวมันบูดหรือเปล่าอะ” คนน้องคิ้วกระตุกด้วยความสงสัยก่อนจะดึงกล่องข้าวของฉันเข้าไปดมก่อนจะส่ายหน้า

               “ไม่นะพี่มน กลิ่นก็ปกติดีนี่” เด็กหนุ่มยื่นกล่องข้าวกลับเข้ามาตรงหน้าฉันก่อนจะยกขึ้นมาใกล้เพื่อให้ฉันได้สูดดมอีกรอบ แต่พอกลิ่นมันเข้ามาใกล้ลมในท้องก็ตีขึ้นมาจนฉันต้องรีบเอามือปิดปากของตัวเองแล้ววิ่งตรงไปที่ห้องน้ำ

               “อึก”

               “เฮ้ยพี่” มิกซ์รีบวิ่งตามด้วยความตื่นตกใจ ฉันอาเจียนลงชักโครกออกมาจนหมดไส้หมดพุงน้ำตาเล็ดออกมาจากขอบดวงตาจนน้องชายต้องเข้ามาลูบหลังให้ “พี่มนเป็นอะไรอะ”

               เด็กหนุ่มหยิบกระดาษทิชชูส่งให้ฉันเช็ดปากก่อนที่จะประคองฉันที่อ่อนแรงขึ้นมายืนพิงกับอ่างล้างหน้า ฉันรีบบ้วนปากเอากลิ่นไม่พึงประสงค์ออกไปเพื่อให้ตัวเองโล่งขึ้นแล้วมองใบหน้าของน้องชายผ่านเงาสะท้อนของกระจก

               “ขอบใจมากนะ พี่ไม่เป็นอะไรแล้วอะ” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนเพลีย

               “พี่ไหวไหมให้ผมพาไปหาหมอหรือเปล่า” น้องชายเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงก่อนที่ฉันจะส่ายหน้าแล้วหันกลับมาหาน้อง

               “พี่ไม่เป็นอะไรแล้วจริง ๆ เย็นแล้วรีบกลับบ้านเถอะเดี๋ยวแม่จะเป็นห่วง” มิกซ์ขมวดคิ้วด้วยความเป็นกังวลก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าที่แขวนอยู่กับเก้าอี้ เขาเปิดกระเป๋าแล้วหยิบซองกระดาษบางอย่างออกมา

               “แม่ฝากมาให้ครับ” น้องชายยื่นซองกระดาษนั้นมาให้ฉันก่อนจะหยิบข้าวกล่องแล้วเดินไปที่ประตู “ขอบคุณสำหรับข้าวนะครับ”

               ฉันมองน้องชายที่เดินออกไปก่อนจะปิดประตูลง หลังจากนั้นฉันก็เปิดซองกระดาษออกดู ข้างในมีเงินจำนวนหนึ่งพอที่จะใช้ได้ทั้งเดือน แถมยังมีนามบัตรของแม่ฉันพร้อมเบอร์โทร.ติดต่ออีกต่างหาก

               มือที่ถือนามบัตรของผู้เป็นแม่อยู่สั่นเครือ ยิ่งเห็นชื่อที่อยู่บนนามบัตรนั้นในใจของฉันมันก็บีบรัดขึ้นมาอย่างน่าประหลาด ฉันทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงนุ่มปล่อยให้น้ำตามันไหลออกมาอย่างเงียบเชียบ

               แม่จะกลับมาทำไมเอาป่านนี้ ถ้าแม่หายไปเลย ถ้าแม่ไม่คิดจะเหลียวแลฉันเลย ฉันก็คงจะเฉยชาต่อแม่ได้มากกว่านี้ ยิ่งแม่กลับมามันก็ยิ่งตอกย้ำในสิ่งที่ฉันอยากจะรู้ และอยากถามแม่มาตั้งแต่จำความได้

              ทำไมแม่ถึงทิ้งหนู

              ฉันยกมือขึ้นปาดน้ำตาก่อนจะเก็บซองกระดาษนั้นไว้ที่โต๊ะบนหัวเตียง ทั้งเงินสดและนามบัตรนั่น ฉันไม่อยากมีความรู้สึกติดค้างกับคนที่ทิ้งฉันไป แค่นี้บุญคุณที่ให้กำเนิดมันก็มากเพียงพอแล้ว

              วันนี้เป็นวันรับปริญญาของพวกรุ่นพี่ ฉันเลยกะว่าจะหลีกเลี่ยงให้ได้มากที่สุด ถึงแม้จะไม่อยากมาเลยก็ตาม

             “แกซื้อดอกไม้อะไรไปยินดีกับพวกพี่คิณดีอะ” วิเอ่ยถามขณะที่กำลังเลือกดอกไม้ทีละช่อ

             “ต้องให้ทุกคนเลยปะ” ฉันเอ่ยถามด้วยความร้อนรนจนเพื่อนสาวต้องเงยหน้าขึ้นมาด้วยความสงสัย

             “เรากับแกรวมกันให้พี่เขาคนละช่อก็ได้ อย่างน้อยพี่เขาก็เทกแคร์พวกเราดีนะ” เรื่องนั้นยอมรับไม่เกี่ยงแต่ยกเว้นคนหนึ่งในแก๊งนั้นได้ไหมอะ

             “เอาอย่างที่แกว่าเลย ฉันขอไปซื้อน้ำก่อนนะ” ฉันพยายามทำท่าทีไม่ให้เป็นพิรุธก่อนจะเดินออกไปจากร้านขายดอกไม้ทันทีเพื่อมายืนสงบใจอยู่ที่ร้านคาเฟแต่สายตาก็ยังเหลือบไปเห็นช่อดอกไม้พอดี

             “ซื้อเครื่องดื่มสามแก้ววันนี้รับฟรีช่อดอกไม้นะคะ” พนักงานสาวกล่าว แต่แค่นี้ไม่ทำฉันใจอ่อนหรอกนะ

             “โกโก้ปั่นสามแก้วค่ะ” ฉันแค่เห็นแก่ของฟรีเฉย ๆ หรอกนะ

             แล้วฉันก็มายืนจ๋องในงานอย่างงุนงงก่อนหน้านี้ฉันเพิ่งนั่งดื่มโกโก้ปั่นจนหมดแก้วไปหมาด ๆ ก็ถูกลากเข้ามาในงานเพราะพวกรุ่นพี่ออกมาจากหอประชุมกันแล้วโดยที่มือข้างหนึ่งถือช่อดอกไม้ไว้สายตากวาดมองหาร่างสูงของหนุ่มรุ่นพี่ ไม่ใช่อยากเจอหรอกนะ แค่กันไว้เผื่อหลบไม่ทันเท่านั้นเอง

             “มีอะไรหรือเปล่ามน” นิดาเอ่ยถามเรียกให้ฉันรีบหันกลับเข้ามาหากลุ่มเพื่อนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กับพี่คิณที่เลิกคิ้วเหมือนต้องการคำตอบอะไร

             “อ๋อ ค่ะ” ฉันตอบรับอย่างงุนงงแต่ก็แสร้งยกยิ้มไปก่อน

             “แล้วดอกไม้อีกช่อนี่ของใคร แกให้พี่ธิดาแล้วไม่ใช่เหรอ” วิตั้งคำถามเมื่อในมือของฉันยังคงมีดอกไม้ในมืออยู่อีกช่อ ตอนแรกฉันกะจะเอาไปให้พี่มิลเพราะอย่างน้อยอาจจะรักษามิตรภาพระหว่างกลุ่มพี่เขาและกลุ่มฉันเอาไว้เพราะเห็นแก่ยายนิดา แต่พอสายตาเหลือบไปเห็นว่าพี่มิล

รับช่อดอกไม้จากนักศึกษาสาวคนหนึ่ง ที่ตัวเล็กหน้าตาจิ้มลิ้ม แถมยังเข้าไปกอดแขนพี่มิลถ่ายรูป ก็ทำเอาฉันร้อนรุ่มอย่างบอกไม่ถูก

             “สงสัยฉันจะซื้อมาเกิน ฝากแกเอาไปให้ใครก็ได้ทีนะ ฉันจะไปซื้อน้ำแล้วมีใครจะเอาอะไรไหม” นิดารีบส่ายหน้าก่อนจะฉันจะฝากวิถือช่อดอกไม้นั้นไว้แล้วเดินออกไปจากฝูงชนทันที

             แต่เอ๊ะ ฉันเพิ่งดื่มน้ำจนจุกไปเองไม่ใช่เหรอวะ

             ยิ่งคิดได้อย่างนั้นก็ยิ่งอารมณ์เสีย ยายมน แกจะปล่อยให้คนที่มีอะไรกันแค่คืนเดียวมามีอิทธิพลต่อจิตใจแกไม่ได้นะ อย่าลืมสิว่าแกไม่ชอบขี้หน้าพี่มิลมาตั้งแต่วันแรกที่เจอ วันนี้จะใจอ่อนไม่ได้นะ

             “มน” ฉันสะดุ้งโหยงเมื่อถูกสาวรุ่นพี่สะกิดที่ไหล่จนต้องหันไปมอง

             “อ้าวพี่ธิดา” พี่ธิดายิ้มแฉ่งอย่างเคยข้างกายมีพี่คุณแฟนหนุ่มของพี่เขาและยังเป็นพี่ชายของพี่คิณอีกด้วย

             “มายืนทำอะไรคนเดียวอยู่ตรงนี้”

              “พอดีหนูเพลียแดดนิดหน่อยน่ะค่ะ เลยเข้ามาหลบในร่ม” ฉันยกยิ้มให้พี่ธิดาสบายใจเมื่อเห็นว่าสาวรุ่นพี่มีท่าทีกังวลเล็กน้อย

              “พี่คุณคะ ขอยืมร่มหน่อยสิ”

              “ไม่เป็นไรค่ะพี่ธิดายังต้องไปยืนถ่ายรูปกลางแดดเก็บไว้เถอะค่ะ” ฉันรีบดันร่มกลับไปให้สาวรุ่นพี่

              “เอางั้นเหรอ” ฉันพยักหน้ารับ

              “เออน้องมนครับ พวกพี่จะไปทะเลกันสัปดาห์หน้าน้องมนไปด้วยกันนะ เนี่ยน้องนิดากับน้องวิก็ไป น้องมนคงจะไปใช่ไหมครับ” พี่คุณเอ่ยเชิญชวน

              “นิดาบอกหนูแล้วค่ะ แต่หนูยังลังเล” ฉันตอบกลับไป

              “ไปด้วยกันนะคะน้องมน กลุ่มพวกพี่ไปกันหมดเลย ไปเยอะ ๆ สนุกดี” เพราะแบบนี้แหละค่ะหนูถึงลังเล

              “ถ้านิดากับวิไปหนูก็ไปแหละค่ะ” พี่ธิดายิ้มรับอย่างดีใจ

              “ดีมากเลยค่ะ พี่อยากไปดื่มสไตล์สาว ๆ บ้าง” รุ่นพี่สาวว่าอย่างดี๊ด๊า ดูท่าคนที่ตื่นเต้นที่สุดคงจะเป็นพี่ธิดาเนี่ยแหละ ว่าไม่ได้ก็แฟนเขาดูแลค่าใช้จ่ายให้ทุกอย่างเลยนี่นา

              “ยังไงวันนี้ก็ยินดีด้วยนะคะพี่ธิดา” ฉันกล่าวคำยินดีก่อนจะเข้าไปสวมกอดรุ่นพี่

              “ขอบคุณนะ น่ารักที่สุดเลย” พี่ธิดาว่าก่อนจะผละกอดออกมา “อ๋อ พี่มียาดมพอดีเราเอาไปนะ”

              “ขอบคุณค่ะพี่ธิดา” หญิงสาวยัดยาดมใส่ในมือฉันก่อนจะโบกมือลาแล้วเดินจากไปพร้อมกับแฟนหนุ่ม ฉันได้แต่ยกยิ้มแล้วกำลังจะก้าวไปข้างหน้า

               เชี่ย

               ฉันร้องอุทานเมื่อเผลอเงยหน้าขึ้นไปสบตากับพี่มิลพอดี ฉันรีบถอยหลังก่อนจะเดินก้าวไปอีกฝั่งด้วยความร้อนรน

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เด็กของรามิล   ตอนพิเศษ 2 ครอบครัว

    หลังจากที่ฉันรู้ตัวว่าตัวเองท้องพี่มิลก็ไม่ปล่อยให้ฉันได้ทำงานหนักอีกเลย แถมยังตามใจสุด ๆ ฉันอยากได้อะไร พี่มิลก็จะซื้อให้โดยที่ไม่ต้องขอเลยสักนิด อยากกินอะไรก็ได้กิน จนตอนนี้ฉันมีน้ำมีนวลขึ้นเป็นกอง ไม่เป็นไรลูกคลอดก็คงจะกลับมาเฟิร์มเอง นี่ก็ผ่านมาหลายเดือนแล้ว ใกล้ถึงวันกำหนดคลอดเต็มที ฉันกับพี่มิลตื่นเต้นเอามาก ๆ ฉันไปอัลตราซาวนด์มา ลูกแข็งแรงมาก แถมยังเป็นเพศชายสมใจอยากอีกต่างหาก “พี่มิลคะ พี่อยากตั้งชื่อลูกว่าอะไรเหรอ” ฉันเอ่ยถามระหว่างที่พี่เขากำลังนั่งลูบท้องของฉันอยู่อย่างอ่อนโยน “พี่อยากให้ลูกชื่อมิ่งขวัญ” พี่มิลพูดออกมาพร้อมรอยยิ้ม “ทำไมถึงชื่อมิ่งขวัญเหรอคะ” ฉันขมวดคิ้วด้วยความสงสัย “มิ่งขวัญแปลว่าผู้เป็นที่รัก เพราะลูกเกิดจากความรักของเราสองคน และพี่ก็อยากให้ลูกเป็นที่รักของคนอื่น ๆ” ชายหนุ่มโน้มตัวลงมานอนข้าง ๆ กันก่อนจะสวมกอดฉันเอาไว้ “โตมาจะเป็นพวกมากรักเหมือนพ่อไหมเนี่ย” ฉันหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะหลับตาลงในอ้อมกอดของคนรัก “แต่เป็นชื่อที่เพราะมากจริง ๆ นะคะ” ในคืนนั้นฉันรู้สึกไม่สบายตั

  • เด็กของรามิล   ตอนพิเศษ 1 ชีวิตสมรส

    หลังจากที่พวกเราแต่งงานกัน เวลาก็ล่วงมาถึงสองปีแล้ว พวกเรายังคงใช้ชีวิตหวานชื่นอย่างที่คู่รักหลังแต่งงานทั่วไปควรจะเป็น เวลาว่างก็พากันไปเที่ยวเล่น เติมความหวานในชีวิตให้แก่กันและกัน จนพวกเราได้ตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้วว่าจะมีลูก ฉันอยากมีลูกมาก ๆ ไม่ต่างจากพี่มิลหรอก ฉันอยากมีลูกชายมาก ส่วนพี่มิลบอกว่าจะลูกสาวหรือลูกชายอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น พวกเราเริ่มปรึกษาหมอเรื่องการมีลูก ซื้อหนังสือมาอ่าน เข้าคอร์ส อบรมมากมายเพื่อเตรียมพร้อม และแน่นอนว่าพี่มิลค่อนข้างจะตื่นเต้นจนฉันรู้ตัวอีกทีพี่เขาก็ซื้อบ้านใหม่เพื่อเตรียมห้องให้เจ้าตัวเล็กถึงสองคน ฉันว่าฉันตื่นเต้นมากแล้วนะ แต่พี่มิลตื่นเต้นมากกว่าฉันซะอีก “พ่อกับแม่อยากมีหลานชายหรือหลานสาวคะ” ฉันเอ่ยถามทั้งแม่และลุงภูมิที่กำลังนั่งนับเงินหลังจากที่ร้านปิด ตอนนี้ฉันเรียกลุงภูมิว่าพ่อได้อย่างสนิทใจแล้ว เพราะลุงภูมินั้นรับฉันเป็นลูกบุญธรรมแบบถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนนามสกุลฉันก็เปลี่ยนมาใช้ของพี่มิลหลังจากที่แต่งงานกัน ไม่ต้องพูดถึงพ่อแท้ ๆ ตั้งแต่ที่ฉันมาอยู่กับแม่ก็ขาด

  • เด็กของรามิล   บทที่ 25 The End

    หลังจากการฝึกงานอันแสนหนักหนาสิ้นสุดลง ฉันก็หมกตัวอยู่กับการทำโพรเจกต์จบจนตัวเองไม่ได้หลับไม่ได้นอน รวมทั้งไม่ได้เจอพี่มิลด้วย พี่มิลน่ารักกับฉันอยู่เสมอ คอยเอาใจใส่แม้ในวันที่ฉันจะยุ่งปางตายก็ตามจนในที่สุดฉันก็เรียนจบได้โดยสวัสดิภาพ ตอนนี้เลยมานอนแนบตักของพี่มิลเพื่อให้คลายเหนื่อยซะหน่อย “เรียนจบแล้ว แต่งงานกันเลยดีไหมคะ” พี่มิลเอ่ยถามพลางลูบหัวของฉันไปพลาง “พี่มิลไม่อยากใช้ชีวิตดูก่อนเหรอคะ พวกเราไปเที่ยวกันเยอะ ๆ พอมีลูกคงจะเหนื่อยน่าดู แล้วก็พวกเราจะได้เตรียมพร้อมเพื่อเป็นพ่อเป็นแม่ที่ดีไงคะ” ฉันพูดทั้งที่ยังหลับตาพริ้มอยู่บนตักของคนพี่ “พี่ก็ว่างั้นแหละ ทำไงได้มีเมียเด็กก็ต้องตามใจ” ฉันฉีกยิ้มกว้างก่อนจะเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง “ว่านอนสอนง่ายมากค่ะพี่มิล” เพื่อเป็นรางวัลฉันเลยโน้มใบหน้าเข้าไปหอมแก้มขาวของคนพี่ฟอดหนึ่งก่อนจะลุกขึ้นจากโซฟาเพื่อจะลุกไปหาอะไรมากิน “วันงานปริญญาของเธอ พี่อาจจะไปไม่ได้นะ” มือที่กำลังจะเอื้อมไปเปิดตู้เย็นถึงกับชะงักทันที วันสำคัญทั้งที่แต่กลับไม่ว่างงั้นเหรอ อยากจะงอนน

  • เด็กของรามิล   บทที่ 24 เลี้ยงส่ง

    “ในที่สุดพวกเราก็ได้มาเลี้ยงส่งให้พวกน้อง ๆ ฝึกงานสักที อ้าว ชน” พวกเราทั้งสี่คนชนแก้วกันบนโต๊ะในร้านของรุ่นพี่ในคณะที่กลุ่มของพี่มิลรู้จักมักคุ้นเลยมักจะพามาสังสรรค์บ่อย ๆ “อันที่จริงก็ไม่อยากให้น้องมนไปเลย พอไปแล้วคงจะเหงาแย่” รุ่นพี่คนหนึ่งทำหน้ามู่ทู่ราวระคนกับเศร้าสร้อย “อย่าเศร้าสิคะ หนูจะมาเยี่ยมบ่อย ๆ นะ” ฉันว่าด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มก่อนจะยกเครื่องดื่มขึ้นดื่ม แน่นอนว่าฉันก็ยังดื่มน้ำหวานอยู่ดี คราวนี้พี่มิลคุมเองทุกแก้วไม่มีสารปนเปื้อนแน่นอน “เออน้องมน ตอนที่เราไปทะเลกันพี่ไม่ค่อยเห็นน้องมนเลย หายไปไหนมาเหรอคะ” แก้วเครื่องดื่มในมือฉันเริ่มสั่นคลอนเพราะใจสั่นที่กระตุกวูบ ฉันเงยหน้าขึ้นมาพลางฝืนยิ้มให้ปกติที่สุด “คือว่า... อ๋อ ๆ มนมีเพื่อนอยู่แถวนั้นพอดีเลยไปหาเพื่อนน่ะค่ะ” ฉันพูดแถไปอย่างนั้นทั้งที่ฉันก็เอาแต่กกตัวอยู่กับพี่มิลในห้องพักนั่นแหละ “ไม่เนียนนะคะลูกสาว” กลายเป็นว่าพวกรุ่นพี่ดันจับพิรุธได้พลางส่งสายตาจับผิดมาทางฉันกันยกใหญ่ “แอบคบกับคนในบริษัทก็บอกค่ะ พวกพี่จะไม่บอกใครสัญญา” ฉันกลืนน้ำลายเอื้อกให

  • เด็กของรามิล   บทที่ 23 แกะของขวัญ NC

    หลังจากที่ทานอาหารเสร็จเรียบร้อย พี่รดากับพ่อก็ขอตัวเพื่อจะกลับบ้าน ส่วนฉันกับพี่มิลก็กลับมาที่คอนโดฯ ของพี่มิลเหตุผลเพราะพี่มิลรอของขวัญวันเกิดจากฉันอยู่ ระหว่างทางกลับบ้านฉันรู้สึกเสียวสันหลังวาบชอบกลยามที่สายตาของคนพี่จ้องมองมา อย่างคาดหวังเยอะได้ไหมใจคอมันไม่ดี พอมาถึงห้องฉันก็บอกให้พี่มิลรอฉันอยู่ที่ห้องนั่งเล่นก่อนแล้วขอจัดแจงอะไรสักพัก ฉันรีบมุ่งตรงมาที่ห้องน้ำก่อนที่จะเปิดน้ำในอ่างแช่น้ำอันใหญ่ในห้องน้ำของพี่มิล หลังจากนั้นก็โรยกลีบกุหลายแล้วจุดเทียนเพิ่มบรรยากาศเสียหน่อย “พี่มิลคะพร้อมแล้วค่ะ” ฉันออกมายืนรอหน้าห้องน้ำด้วยชุดคลุมอาบน้ำยิ่งทำให้ชายหนุ่มดวงตาวาววับยิ่งขึ้นไปอีก “จะเล่นอะไรคะเนี่ย” พี่มิลย่างเท้าเดินเข้ามาใกล้ด้วยดวงตาเจ้าเล่ห์รอยยิ้มบ่งบอกว่าอีกฝ่ายกำลังชอบใจ “บอกไปก็ไม่เซอร์ไพรส์สิคะ” ฉันว่าก่อนจะดันให้ร่างสูงเข้าไปในห้องน้ำที่ปิดไฟมือสนิทมีเพียงแสงสว่างรำไรจากแท่งเทียนหอมที่ถูกวางไว้แต่ละจุดในห้องน้ำเพื่อสร้างบรรยากาศสุดแสนจะโรแมนติก เสียงประตูถูกปิดลงก่อนที่ฉันจะเดินเข้าไปเปิดตู้เย็นแล้วหยิ

  • เด็กของรามิล   บทที่ 22 ของขวัญวันเกิด

    วันนี้เป็นวันธรรมดาวันหนึ่งที่ฉันมาทำงานอย่างเช่นปกติ เพียงอีกแค่สามวันเท่านั้นที่ฉันจะฝึกงานจบเสียที มิกซ์กลัวว่าฉันจะโดนคุณวิรชาตามราวีอีก เจ้าตัวแสบเลยจะมารับในตอนเย็น ฉันเลยเดินลงมาเพื่อที่จะมองหาน้องชายของตัวเองจะได้กลับบ้านพร้อมกัน “มน” ฉันหันหน้าไปมองตามเสียงเรียกก่อนจะเผยรอยยิ้มเมื่อเห็นพี่รดาเดินเข้ามาหา “พี่รดา หายเจ็บแล้วเหรอคะ” ฉันเดินเข้าไปหารุ่นพี่สาวที่กำลังจะเดินสวนทางฉันขึ้นไปยังบริษัท “อื้อ หายแล้ว อันที่จริงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย พี่มิลอะเวอร์” หญิงสาวหัวเราะร่วน “พี่รดาหายเจ็บแล้วหนูก็สบายใจ มิกซ์เป็นห่วงพี่มากนะคะ” พี่รดานิ่งเงียบไปก่อนจะเผยยิ้มขึ้นมาถึงแม้ว่ามันจะดูฝืนไปสักหน่อย “พี่ต้องขอโทษแทนแม่พี่อีกครั้งนะ” หญิงสาวเอื้อมมือมากุมมือของฉันเอาไว้พลางเอ่ยคำขอโทษออกมาด้วยใจจริง “หนูยอมหายโกรธเพราะพี่นะคะ” พี่รดายกยิ้มอย่างโล่งใจ “พรุ่งนี้วันเกิดพี่มิล คุณพ่อพี่อยากเจอเธอนะ” ฉันถึงกับรีบหันขวับไปสบตากับพี่รดาด้วยความตกตะลึง “อะไรนะคะ พ่อพี่มิลอย

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status