รถคูเป้สองประตูสีดำสัญชาติยุโรปเลี้ยวผ่านบ้านหลังใหญ่มาจอดหน้าบ้านของตรีวิทย์และพยนต์ นั่นทำให้เจ้าของบ้านที่วันนี้ไม่ไปทำงานต้องเลิกคิ้วประหลาดใจ จริงอยู่ที่เป็นเรื่องปกติที่พยัคฆ์จะแวะมาหาพยนต์และภูวนัย ทว่าช่วงนี้จะแวะมาบ่อยเกินไปหรือเปล่านะ
“ใครมาเหรอครับพี่ตรี”
“พยัคฆ์น่ะสิ ช่วงนี้มาเกือบทุกวันเลยนะ ที่บ้านมีอะไรรึเปล่า”
“ไม่มีหรอกครับ พยัคฆ์ไม่ได้มาหาพยนต์ด้วย”
“หือ? ไม่ได้มาหาพยนต์แล้วมาหาใคร” ตรีวิทย์เอ่ยถามภรรยาด้วยความฉงนใจ
“พี่ตรีลองสังเกตดูละกันนะครับว่าพยัคฆ์มาหาใคร”
ตรีวิทย์เลิกคิ้วมองคนที่สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีดำพับแขนขึ้นถึงข้อศอก กระดุมเสื้อเชิ้ตปลดจนเห็นแผ่นอกอย่างเซ็กซี่ กับกางเกงยีนส์เข้ารูปก็ให้นึกสงสัยว่าแต่งตัวล่อเหยื่อขนาดนี้ เหตุใดจึงไม่ไปเที่ยวกับเหล่าโอเมก้าของเจ้าตัว กลับเลือกมาบ้านของเขาในวันหยุดเช่นนี้
หรือว่า...
ตรีวิทย์หันกลับไปมองในห้องนั่งเล่นที่มีอาหลานกำลังต่อรางรถไฟเหาะตีลังกาซึ่งนลินหอบหิ้วมาจากอเมริกา นั่นทำให้เขาสบตาภรรยาราวกับจะถาม
“พี่เข้าใจถูกใช่ไหมพยนต์”
“ครับ แต่นลินดูไม่อยากยุ่งด้วยเท่าไหร่”
“พี่เคยได้ยินอาเทรนต์กับอาตฤนเล่าว่าตอนอยู่โน่นนลินก็เสน่ห์แพรวพราว ตกอัลฟ่าได้เยอะเลยล่ะ”
“แต่คนอื่นคิดว่านลินเป็นเบต้าไม่ใช่เหรอครับ”
“ก็ใช่ แต่ยังไงจริงๆ แล้วนลินก็เป็นโอเมก้านะ ถึงจะไร้กลิ่นเพราะฝังยาก็เถอะ”
“ถ้าฝังยานี่จะไม่ฮีทเหรอครับพี่ตรี พยนต์ไม่เคยฝังยาแบบน้องนลินเลย”
“ไม่ฮีทครับ”
“แบบนี้น้องนลินก็ไม่ค่อยเจออาการฮีทสิครับ”
“ไม่หรอก ยาฝังต้องฝังซ้ำทุกสามเดือน เพราะงั้นถ้าใกล้ต้องฝัง หมอของน้องนลินจะให้นลินฮีทสักครั้ง บางคนเลยเข้าใจว่าเป็นอัลฟ่า เพราะหยุดทุกสามเดือนเหมือนพวกอัลฟ่าเข้าช่วงรัท”
“แบบนี้นี่เอง แต่น้องนลินก็สวยสมเป็นโอเมก้าจริงๆ”
“พยนต์ของพี่ก็สวยครับ สำหรับพี่แล้วพยนต์ของพี่สวยที่สุด”
“พูดแบบนี้คงไม่ได้คิดจะมีน้องให้น้องพูห์ใช่ไหมครับ”
“ถ้าพยนต์ตกลง พี่ก็ดีใจนะ” ตรีวิทย์เอ่ยก่อนจะจุมพิตขมับภรรยา “ว่าแต่ทำไมพยัคฆ์ถึงจีบนลินล่ะ ปกติพยัคฆ์ไม่ยุ่งกับเบต้า”
“พยนต์ก็แปลกใจ แต่พยัคฆ์ทำเหมือนรู้จักนลินอยู่ก่อนเลย”
ตรีวิทย์เลิกคิ้วก่อนจะโคลงศีรษะเมื่อได้กลิ่นน้ำหอมที่พยัคฆ์ประโคมมา ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตั้งใจใส่มาตกเหยื่อชัดๆ ทว่าเหยื่ออย่างนลินไม่ได้ตกง่ายๆ เสียด้วยสิ
“สวัสดีครับพี่ตรี น้องพูห์ล่ะครับ”
“เล่นกับนลินอยู่ที่ห้องนั่งเล่นน่ะ”
พยัคฆ์ยิ้มกว้างทันทีก่อนจะถอดรองเท้าผ้าใบของตัวเองแล้วสวมสลิปเปอร์เดินเข้าบ้านแฝดพี่และพี่เขย ทว่าก่อนจะเดินผ่านสองสามีภรรยา ก็ถูกรั้งไว้เสียก่อน
นลินที่ได้ยินเสียงพยัคฆ์และกลิ่นน้ำหอมที่เขาเริ่มคุ้นชินก็หยุดมือแล้วเงยหน้ามอง โอเมก้าหนุ่มดุนลิ้นกับกระพุ้งแก้ม เขารู้ว่าพยัคฆ์ไม่ยอมหยุดง่ายๆ และดูท่าว่าจะตั้งใจเข้าหาอย่างไม่คิดปิดบังเลยสักนิด หากไม่อยู่ในช่วงปิดบังตัวตน เขาก็อยากจะพุ่งเข้าใส่ ยอมโดนตกง่ายๆ อยู่หรอก แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เวลา ก็ต้องยืนกระต่ายขาเดียวว่าเป็นเบต้าไปก่อน
เมื่อเห็นว่าพยนต์พาพยัคฆ์ไปยังห้องทำงานทั้งที่สายตาของทั้งคู่หันมาสบกับเขา นลินก็รู้ทันทีว่าเรื่องที่จะคุยคงไม่พ้นเรื่องของเขาเป็นแน่
“น้องพูห์ต่อรางรถไฟเองไปก่อนนะ เดี๋ยวอามา”
“อานลินรีบมานะครับ”
“ครับ”
ตรีวิทย์ที่สังเกตอยู่ก่อนแล้วก็คลี่ยิ้มขำ ทว่าไม่วายรั้งน้องชายลูกพี่ลูกน้องมาคุยกันลำพังก่อน
“น้องนลินรู้จักกับพยัคฆ์มาก่อนใช่ไหม”
“พี่ตรีทำไมรู้ทันนลินล่ะ”
“ไม่ใช่เพราะนลินหรอก แต่เพราะพยัคฆ์ต่างหาก คนอย่างพยัคฆ์ถ้าไม่รู้จักมาก่อน ไม่มีทางสนใจเบต้าหรอก ว่าแต่ตอนนั้นรู้จักในฐานะโอเมก้าใช่ไหม”
นลินพยักหน้า “ที่มีคนไปวางยานลินบนเรือไง เขาช่วยนลินไว้”
“พยัคฆ์น่ะเหรอ? ก็ว่าทำไมถึงติดแจขนาดนี้ งั้นนลินต้องเตรียมใจไว้บ้างนะ พยัคฆ์มันกัดไม่ปล่อยหรอก แล้วถ้าเขารู้อยู่แล้ว นลินก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังเรื่องเป็นโอเมก้ากับพยัคฆ์หรอกนะ เห็นแบบนั้นก็เชื่อใจได้นะ”
นลินไม่ได้ตอบรับ ไม่ใช่ว่าไม่เห็นด้วยกับตรีวิทย์ เพียงแต่...เขาแค่อยากจะเก็บความลับนี้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ชายหนุ่มอยากให้คนรู้ความลับน้อยที่สุด อยากให้ตัวเองปลอดภัยมากที่สุด
“คงไม่ใช่ตอนนี้ครับพี่ตรี ยิ่งคนรู้น้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งดี จนกว่านลินจะพร้อมเปิดตัว ถึงตอนนั้นนลินจะกวาดทุกอย่างให้เรียบ”
“แล้วเรื่องคุณอาลาภิณล่ะ”
“คุณลุงยังไม่ได้เล่าอะไรนลินเลย คุณลุงไปหาคุณพ่อหรือยังครับ”
“พี่ก็ไม่เห็นคุณพ่อพูดนะ อาจจะกำลังเตรียมใจอยู่ ยังไงคุณพ่อก็โกรธคุณอาลาภิณมาก และโกรธมานานขนาดนี้ คงต้องใช้เวลาสักหน่อยที่จะเผชิญหน้ากัน”
“นลินเข้าใจครับ”
“นลินจะไปแอบฟังพี่น้องคู่นั้นคุยกันใช่ไหม ไปเถอะ เดี๋ยวพี่ไปดูลูกเอง”
นลินคลี่ยิ้มก่อนจะเดินไปแอบฟังหน้าห้องทำงานที่พยัคฆ์และพยนต์พูดคุยกันอยู่
“พยนต์เคยบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่ายุ่งกับนลินเลย น้องเป็นเบต้า ไม่ใช่สเปกของพยัคฆ์หรอก”
“ใครบอกว่าไม่ใช่ พยนต์อย่ามาเถียงพยัคฆ์หน่อยเลย พยัคฆ์รู้จักนลินมากกว่าที่พยนต์รู้จักอีก”
“มั่นใจเหรอว่าเป็นคนเดียวกับที่พยัคฆ์เคยนอนด้วย”
“พยัคฆ์ไม่เคยบอกพยนต์สักหน่อยว่าเคยนอนกับเขา”
“คนอย่างพยัคฆ์จะมีเรื่องอะไรได้ล่ะ ต้องเคยนอนแล้วนั่นแหละถึงได้ยืนยันขนาดนี้ ทำไม? นลินทำพยัคฆ์ติดใจมากเลยเหรอ”
“ก็ติดใจแหละ ยังอยากได้อีก”
“รักนลินเหรอ”
คำถามของพยนต์ทำให้คู่สนทนาเงียบไปครู่ใหญ่ พยัคฆ์เองก็ตอบไม่ได้ว่าเขาชอบนลินไหม ตอนนี้เขาแค่อยากได้ยินเสียงครวญครางนั่น อยากเห็นร่างขาวเปลือยเปล่าที่ควบขับอยู่บนร่างเช่นคราแรก เขาไม่เคยติดใจเซ็กซ์ของใครเท่านลินมาก่อน กอปรกับกลิ่นลาเวนเดอร์ที่เขาไม่เคยได้กลิ่นมาก่อน ฟีโรโมนของนลินมีความพิเศษบางอย่างที่ดึงดูดเขา
“ไม่รู้ ตอนนี้ยังบอกไม่ได้ว่ารักไหม แต่พยัคฆ์ติดใจนลิน ส่วนจะถึงขั้นรักไหมคงต้องปล่อยให้เป็นเรื่องอนาคต”
“แล้วอยากเป็นแฟนนลินไหม”
“เอาจริงๆ แล้วพยัคฆ์ก็ยังไม่ได้อยากได้ความสัมพันธ์แบบผูกมัด แต่ถ้านลินอยากให้เป็นแฟน พยัคฆ์ก็อยากเป็นนะ”
พยนต์เดาะลิ้นขณะมองเงาที่อยู่หน้าประตูห้องซึ่งหายไปแล้ว นั่นแสดงว่านลินได้ยินคำตอบที่ตัวเองต้องการแล้ว พยนต์ไม่รู้ว่าคำตอบของพยัคฆ์นั้นถูกใจนลินไหม แต่เขาก็อยากให้พยัคฆ์และนลินเป็นคู่ของกันและกัน
“แต่พยัคฆ์รู้ไหมว่าพยัคฆ์ไม่ใช่สเปกของนลิน”
“หือ? พยนต์รู้เหรอว่านลินชอบสเปกแบบไหน”
“อือ เคยคุยกันอยู่ นลินบอกว่าชอบผู้ชายที่อยู่ในโอวาท”
“งั้นพยัคฆ์ก็ต้องเป็นเด็กดีของนลินน่ะสิ”
“ซึ่งพยัคฆ์เป็นไม่ได้หรอก พยัคฆ์เป็นเด็กผีไม่ใช่เด็กดี”
“ทำไมพยนต์พูดแบบนั้นล่ะ พยัคฆ์ไม่ใช่คนเลวซะหน่อย”
“เอาอะไรมามั่นหน้าน่ะพยัคฆ์ พยัคฆ์คือตัวร้ายไม่ใช่พระเอก”
“ที่ไหนกัน? พยัคฆ์เป็นเด็กดีได้นะ แต่พยัคฆ์ไม่อยากเป็น”
“หมายความว่าไง”
“ก็พยัคฆ์ยังไม่ได้คิดจะจีบนลิน”
“ฮะ? ไม่ได้คิดจะจีบเหรอ”
พยนต์กลอกตามองบนทันที อาการออกขนาดนี้ ไอ้น้องชายผีบ้าของเขายังกล้าพูดว่าไม่ได้คิดจะจีบ นี่แทบจะเอาขนมจีบทั่วประเทศมาวางตรงหน้านลินอยู่แล้ว ยังกล้าพูดออกมาได้ว่าไม่คิดจะจีบ
“งั้นก็ตามใจพยัคฆ์”
“ไม่มีอะไรแล้วใช่ไหม พยัคฆ์จะได้ไปหานลิน”
พยนต์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ขณะมองตามแผ่นหลังผึ่งผายของน้องชายฝาแฝดที่ออกจากห้องไป เขาได้แต่เดินตามอีกฝ่ายที่พุ่งไปหานลินและภูวนัยทันที
พยัคฆ์มองเสี้ยวหน้าขาว แม้จะไม่ได้กลิ่นหอมฟีโรโมนของนลิน แต่เพียงได้เห็นหน้านี่เขาก็อดจะนึกถึงตอนที่ริมฝีปากสีพีชนี่ครอบครองแกนกายของเขาไม่ได้ เพียงนึกเขาก็กลืนน้ำลายอึกใหญ่
นลินลอบยกมุมปากขึ้นยิ้มเจ้าเล่ห์ อาการของพยัคฆ์ไม่ต่างจากเด็กชายตัวน้อยเพิ่งแตกหนุ่มสักนิด ก่อนจะแกล้งโน้มตัวเพื่อเอื้อมหยิบชิ้นส่วนรางรถไฟซึ่งอยู่ตรงข้าม
ผิวขาวและยอดอกสีพีชซึ่งมองผ่านคอเสื้อเชิ้ตคอกว้างเปิดไหล่ทำให้พยัคฆ์กลืนน้ำลายอึกใหญ่ ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้จนเผลอปลดปล่อยฟีโรโมนเชิญชวนกลิ่นโบตั๋นหวานหอมจนนลินชะงักกึก เช่นเดียวกับตรีวิทย์ที่รีบหันมองต้นเหตุทันที
“มีอะไรครับพี่ตรี”
“พยัคฆ์โดนนลินเล่นซะแล้วล่ะ”
“ครับ? พี่ตรีพูดเรื่องอะไร”
“พยัคฆ์คุมตัวเองไม่ได้จนเผลอปล่อยฟีโรโมนเชิญชวน”
พยนต์หันไปทางสองหนุ่มกับหนึ่งเด็กชายทันที จึงได้เห็นสายตาพยัคฆ์ที่กำลังจับจ้องภายในคอเสื้อของนลินที่กำลังโน้มหยิบข้าวของฝั่งตรงข้าม เป็นเหตุให้พยนต์หลุดยิ้มขำ
“อาการออกตั้งขนาดนี้แล้ว ยังกล้าบอกว่าแค่อยากได้เขาอีกเหรอพยัคฆ์”
“พี่บอกแล้วไงล่ะพยนต์ว่านลินน่ะไม่ธรรมดาหรอกนะ ถึงกลิ่นฟีโรโมนไม่ออกก็ตกอัลฟ่าได้”
“กลิ่นของพยัคฆ์ต้องหอมมากแน่ๆ เลย เสียดายจังที่พยนต์ได้กลิ่นแต่ของพี่ตรีคนเดียวซะแล้ว”
“แต่ดูเหมือนนลินเองก็คงถูกพยัคฆ์ยั่วด้วยกลิ่นจนเสียอาการเหมือนกัน”
นลินขยับตัวเข้าใกล้พยัคฆ์อย่างไม่รู้ตัว กลิ่นดอกโบตั๋นหอมหวานเสียจนปั่นป่วนสติของนลิน ยิ่งได้กลิ่นก็ยิ่งอยากเข้าหา อยากจะซุกไซ้บนร่างแกร่งเพื่อสูดกลิ่นหอมหวานนั่นให้เป็นของเขาเพียงคนเดียว
“อานลินหาเจอหรือยังครับ”
เสียงของภูวนัยทำให้นลินรีบขยับตัวออกห่าง ก่อนจะลูบใบหน้าร้อนเห่อ แล้วขยับคอเสื้อของตัวเองด้วยรู้ดีว่าไม่เพียงตัวเขาที่จะไปยั่วยุเด็กน้อยพยัคฆ์ แต่กลิ่นของพยัคฆ์เองก็ยั่วเย้าให้เขาอยากทอดกายให้เสียเดี๋ยวนั้น
เป็นแบบนี้...ก็แย่น่ะสิ คนที่ควรคุมเกมคือนลินคนนี้สิ ไม่ใช่เอากลิ่นโบตั๋นหวานๆ นั่นมายั่วเขา
นลินผุดลุกทันที เป็นเหตุให้พยัคฆ์ผุดลุกตามด้วย เขาเดินตามอีกฝ่ายที่พยายามเดินหนี ไม่ว่านลินจะเดินออกจากบ้านของพยนต์และตรีวิทย์มาในสวนแล้ว ทว่าพยัคฆ์ก็ยังคงเดินตามมาอย่างไม่ลดละ จนสุดท้ายนลินก็อดไม่ไหวต้องหันมาเผชิญหน้า
“คุณจะตามผมมาทำไม”
“พี่พยัคฆ์สิ”
“จะเรียกยังไงก็เรื่องของผม ตกลงว่าคุณตามผมมาทำไม”
“คนเป็นเบต้านี่ได้กลิ่นฟีโรโมนของอัลฟ่าด้วยเหรอ”
“กลิ่นฟีโรโมนอะไร ใครไปได้กลิ่นฟีโรโมนของคุณกัน”
“ก็เมื่อกี้พี่คุมตัวเองไม่อยู่เลยเผลอปล่อยฟีโรโมน นลินก็เลยโน้มหน้ามาดมกลิ่นพี่ไม่ใช่เหรอ”
“ผมดมกลิ่นน้ำหอมคุณต่างหาก เพ้อเจ้อเรื่องฟีโรโมนไม่หยุด ผมบอกหลายครั้งแล้วนะว่าผมเป็นเบต้า”
“เบต้าเก๊ล่ะสิ คิดจริงๆ เหรอว่าพี่จะจำผิดคนน่ะ พี่ไม่ได้รัทนะ มีสติครบถ้วนดี”
“งั้นก็คงฝันกลางวันแล้วล่ะ ผมไม่เคยเจอคุณ แล้วผมก็ไม่สนใจอัลฟ่าแบบคุณด้วย”
“จริงเหรอ” พยัคฆ์เอ่ยถามพลางสืบเท้าเข้าหา
นลินถอยหลังไปอีกหลายก้าวพลางขบกรามแน่น นึกหงุดหงิดที่อีกฝ่ายพยายามปล่อยฟีโรโมนเพื่อให้เขาสติหลุด ชายหนุ่มเม้มปากก่อนจะยกมุมปากขึ้นยิ้มร้าย
พยัคฆ์ชะงักนิ่งตัวแข็งเมื่อนลินโผเข้ากอด แล้วเบียดร่างกายบอบบางกับร่างกายแข็งแรงของเขา ชายหนุ่มจึงโอบเอวเล็กบอบบางไว้อย่างเผลอไผล แล้วก้มมองลาดไหล่ขาวที่โผล่พ้นคอเสื้อ แนบจมูกลงไปด้วยหวังว่าจะได้กลิ่นฟีโรโมนดอกลาเวนเดอร์อีกครั้ง ทว่ากลับมีเพียงกลิ่นสบู่และน้ำหอมจางๆ ที่ไม่ใกล้เคียงกลิ่นดอกลาเวนเดอร์เลยสักนิด
“พอใจหรือยัง ได้กลิ่นฟีโรโมนผมไหมล่ะ”
นลินผลักร่างแกร่งให้ออกห่างพลางกอดอกถามอย่างท้าทาย ดวงตาเรียวสีดำวาววับยิ่งดึงดูดสายตาพยัคฆ์ให้หลงใหลยิ่งขึ้น ก่อนจะมองตามแผ่นหลังบอบบางที่เดินลิ่วๆ กลับเข้าบ้าน ซึ่งพยายามซุกซ่อนใบหน้าที่รู้สึกดีจากการสูดดมกลิ่นโบตั๋นของพยัคฆ์เมื่อครู่
พยัคฆ์สาวเท้าตามเข้าบ้าน ก่อนจะลอบยิ้มเมื่อเห็นดวงหน้าที่ยังมีร่องรอยแดงก่ำจากอารมณ์หวามหวานเมื่อครู่ นั่นทำให้เขายิ่งแน่ใจว่านลินได้กลิ่นฟีโรโมนของเขา ชายหนุ่มลอบยกมุมปากขึ้นยิ้มร้าย หากนลินชอบเด็กดี เขาจะยอมเล่นเป็นเด็กดียั่วให้นลินตบะแตก ดูซิว่านลินจะยืนกระต่ายขาเดียวว่าเป็นเบต้าได้อีกนานแค่ไหน
เสียงเข้มที่กำลังโวยวายอยู่ในห้องทำงานชั้นล่างของคฤหาสน์ศตาวุทธิพงศ์ทำให้คนที่เพิ่งกลับมาถึงต้องชะงัก ไม่ได้ชะงักเพราะเสียงด้านใน แต่ชะงักเพราะเด็กทั้งหกคนที่กำลังยืนออกันหน้าห้อง เป็นเหตุให้ซีอีโอแห่งศตาวุทธิพงศ์กรุ๊ปในวัยเกือบสี่สิบกระแอมเรียกเจ้าเด็กทั้งหก“อะแฮ่ม! มาแอบฟังอะไรตรงนี้” พยัคฆ์แกล้งเอ่ยเสียงเข้ม“คุณพ่อ! กลับมาแล้วเหรอครับ” พลินทร์เอ่ยถามก่อนจะมองหน้าน้องๆ พลางย่นคอด้วยกลัวว่าจะถูกตำหนิ“กลับมาแล้วครับ มามะ! มาหาพ่อนี่มา”เด็กแฝดสามคู่วิ่งเข้าหาบิดาพลางยืนล้อมรอบ ก่อนพยัคฆ์จะถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อได้ยินเสียงของคุณนายแห่งศตาวุทธิพงศ์ยังคงอาละวาดลูกน้องคนสนิทในฐานะซีอีโอแห่งแม็กมารีนาซ ซึ่งเจ้าตัวเพิ่งรับตำแหน่งนี้ไปเมื่อสี่ปีก่อน“คุณแม่โกรธลุงเบนนี่มากเลยฮะ” พริษฐ์เอ่ยพลางทำสีหน้าแหยงๆ“แม่เรากลับมานานแล้วเหรอ”“คุณแม่ไปรับพวกเราครับ ลุงเบนนี่เพิ่งมาเมื่อกี้ แล้วก็ระเบิดลงตู้มๆ เลยครับ”พยัคฆ์มองดวงตากลมโตของโอเม
เสียงลมหายใจสม่ำเสมอของคนที่บ่นว่านอนหลับไม่สนิททำให้ซีอีโอหนุ่มแห่งสตาร์ไลท์คลี่ยิ้ม ค่อยๆ ปิดหนังสือนิทานที่เขาไม่แน่ใจว่าอ่านให้ลูกหรือแม่ฟังกันแน่ ทว่าหากมันทำให้นลินหลับได้นานขึ้นสักนิดก็คงจะดีไม่น้อย เขารู้ว่าช่วงนี้นลินลำบากไม่น้อย หลังจากที่นลินเริ่มสร้างรังเมื่อเกือบเจ็ดเดือนก่อน ตอนนี้เข้าสู่ช่วงสัปดาห์สุดท้ายก่อนกำหนดคลอด นลินก็ยิ่งทั้งกลัว ทั้งกังวล กอปรกับเจ้าก้อนตัวยักษ์ในท้องนลินที่แข็งแรงจนพากันดิ้นถี่ขึ้นทำให้นลินแทบไม่ได้พักผ่อนเลยพยัคฆ์ค่อยๆ ประคองศีรษะของนลินเพื่อให้หนุนหมอนดีๆ เป็นจังหวะเดียวกับที่ประตูเปิดออกเบาๆ ชายหนุ่มส่งยิ้มให้คนที่บินข้ามน้ำข้ามทะเลมาช่วยเขาดูแลนลินตั้งแต่นลินท้องเข้าสู่เดือนที่เจ็ด‘หลับแล้วเหรอ’นวมิณทร์เอ่ยถามพยัคฆ์โดยไม่มีเสียง พยัคฆ์พยักหน้ารับก่อนจะใช้หมอนสำหรับคนท้องช่วยประคองให้นลินได้หลับสบายขึ้น จากนั้นจึงค่อยๆ ผุดลุกจากเตียงทั้งสองค่อยๆ ย่องออกจากห้องนอนใหญ่แห่งศตาวุทธิพงศ์ พยัคฆ์ปิดประตูห้องอย่างเบามือ ก่อนจะคลี่ยิ้มอย่างโล่งใจที่นลินหลับได้เสียที“นลินหลับนาน
“ไหวแน่นะครับคุณหนู”“อือ ไปจัดการที่เหลือเถอะไป มีปัญหาอะไรก็โทร. มาละกัน”“อยู่คนเดียวได้แน่นะครับ วันนี้คุณพยัคฆ์ไม่อยู่ใช่ไหมครับ หรือว่าจะไปโรงพยาบาล”“ก็บอกว่าไม่เป็นไรไงล่ะพาร์ดี้ ไปได้แล้ว เดี๋ยวก็โดนเบนนี่บ่นอีกหรอก”“แต่ว่าคุณหนูดูไม่ดีเลยนะครับ”เสียงพูดคุยของเจ้านายหนุ่มและลูกน้องทำให้หญิงสูงวัยที่ควบตำแหน่งหัวหน้าแม่บ้านและพี่เลี้ยงของสองหลานชายแห่งศตาวุทธิพงศ์รีบเดินออกมา ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง“เกิดอะไรขึ้นคะคุณนลิน ทำไมวันนี้กลับเร็วจังล่ะคะ”“ปวดหัวนิดหน่อยครับ ว่าจะกลับมานอนพักหน่อย ป้าเปลวไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ” นลินตอบคำถามพลางยิ้มอ่อน ก่อนจะหันกลับไปสั่งงานลูกน้องคนสนิท “ไปได้แล้วพาร์ดี้ ตรวจสอบทุกอย่างให้ดีด้วย”“ครับคุณหนู” พาร์ดี้รับคำทว่าไม่วายละล้าละลังด้วยความเป็นห่วง“ไปเดี๋ยวนี้เลยพาร์ดี้” นลินออกคำสั่งอีกครั้งพาร์ดี้จึงได้แต่หมุนกายออกวิ่งไปที่รถ
กลิ่นอากาศสดชื่น บรรยากาศเงียบสงบ มีเพียงเสียงกิ่งไม้เสียดสี ต้นไม้สูงล้อมรอบบ้านทำให้คนที่ต้องการพักกายพักใจยอมรับว่าที่นี่เหมาะเป็นบ้านพักตากอากาศจริงๆ ทว่า...หัวใจของเขาตอนนี้มันยังไม่สามารถกลับมาสดชื่นได้เลยสักนิดดวงตาเรียวสวย หางตายกขึ้นเล็กน้อยขณะหลับตาเพื่อสูดอากาศเย็นยามเช้าตรู่ ก่อนจะลืมตาขึ้นขณะกอดอก สายตาเหลือบเห็นกำไลหินโกเมนสีแดงดำบนข้อมือก็ต้องเม้มปากอีกครั้งการจากไปของลาภิณ...บิดาผู้ให้กำเนิดอย่างไม่มีวันกลับนั้นไม่ได้ผิดไปจากที่ทุกคนคาดสักนิด หลังงานแต่งงานของนลินและพยัคฆ์เพียงสามวัน วันที่สี่ในช่วงเช้าตรู่นวมิณทร์ก็เป็นคนโทร. มาบอกนลินว่าบิดาของเขาจากไปอย่างสงบ เพียงหลับไปในช่วงกลางคืนแล้วไม่ตื่นอีกเลยนลินไม่รู้ว่ามารดาของเขาต้องเจ็บปวดแค่ไหน ที่ต้องพบว่าคนที่พูดคุยด้วยก่อนเข้านอนจะหลับไปแล้วไม่ตื่นขึ้นมาอีกในเช้าตรู่วันถัดมา ตลอดการจัดงานศพเจ็ดวันนั้น มารดาของเขามักจะแอบร้องไห้อยู่เงียบๆ ดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าซีดเซียวที่บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่ามารดาของเขาเสียใจแค่ไหน และเป็นเรื่องดีแล้วที่หลังจากเสร็จสิ้นงานไม่กี่วันเทรนต์ก็พานวมิณท
เมื่อพิธีกรประกาศให้บ่าวสาวลงจากเวทีได้ ทั้งคู่จึงเลือกจะเดินไปหาคนที่ได้รับช่อดอกไม้ก่อน ซึ่งอีกฝ่ายก็ผุดลุกจากเก้าอี้ด้วยสีหน้าแตกตื่น“พี่ไม่คิดว่าเพชรกับคุณลุงจะมาร่วมงานด้วย เพราะพี่กับนลินทำให้แม่ของเพชร...”“ไม่ครับ” เพชรอันดารีบค้านพลางส่ายหน้าปฏิเสธ “พี่พยัคฆ์กับคุณนลินไม่ผิดนี่ครับ”“เรียกนลินเฉยๆ หรือจะเรียกว่าน้องนลินก็ได้ครับ ยังไงเราก็ถือว่าเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน” นลินเอ่ยพลางระบายยิ้ม“ขอบคุณนะครับที่ยอมรับเพชรเป็นคนในครอบครัว ทั้งที่คุณแม่ของเพชรทำเรื่องเลวร้ายกับพี่พยัคฆ์และน้องนลินไปเยอะเลย เพชรเองก็เคยทำไม่ดีกับนลินด้วย”“นลินเข้าใจพี่เพชรนะครับ ไม่มีใครสมบูรณ์แบบหรอกครับ ทุกคนมีข้อด้อยและเคยผิดพลาดกันทั้งนั้น นลินกับพี่พยัคฆ์เองก็เคยทำเรื่องไม่ดีมาเยอะ แต่พี่เพชรก็ยังคิดได้ ยังคิดกลับตัว ตอนนี้พี่เพชรก็เข้าไปช่วยงานคุณลุง แล้วก็พยายามดูแลตัวเองกับลูก นลินเชื่อว่าพี่เพชรจะเป็นแม่ที่ดีแน่ๆ ครับ”“และพี่ก็เชื่อว่าสักวันหนึ่ง เพชรคงไ
งานแต่งงานกลางแจ้งถูกเนรมิตขึ้นที่คฤหาสน์จิรพงศ์ธาดา ซึ่งเป็นความคิดของนวมิณทร์ที่ต้องการอำนวยความสะดวกให้ลาภิณมากที่สุด แม้คราแรกพยัคฆ์ต้องการจะให้มีการแต่งงานใหญ่โตในโรงแรม ทว่าเมื่อนลินบอกความต้องการ พยัคฆ์ก็พร้อมจะเปลี่ยนให้ แต่พยัคฆ์ก็ยังคงเป็นพยัคฆ์ แม้จะเป็นการจัดงานในคฤหาสน์จิรพงศ์ธาดา ก็ไม่วายเชิญนักข่าวและแขกเหรื่อเกือบห้าร้อยคนมาร่วมงาน โดยใช้พื้นที่หน้าคฤหาสน์ได้อย่างคุ้มค่ารั้วคฤหาสน์ถูกแต่งด้วยดอกโบตั๋นหลากสีอันเป็นกลิ่นฟีโรโมนของพยัคฆ์ บริเวณหน้าคฤหาสต์ตกแต่งด้วยทางเดินพุ่มลาเวนเดอร์ และมีโต๊ะจีนกว่าห้าสิบโต๊ะซึ่งกลางโต๊ะประดับแจกันดอกโบตั๋นแซมดอกลาเวนเดอร์อันเป็นฟีโรโมนของคู่บ่าวสาวในวันนี้พิธีแบบไทยถูกจัดขึ้นภายในห้องโถงของคฤหาสน์จิรพงศ์ธาดา ซึ่งทางเจ้าภาพขอจัดแบบส่วนตัวเฉพาะคนในครอบครัวและคนใกล้ชิดร่างสูงร้อยเก้าสิบเซนติเมตรผิวสองสีที่อยู่ในชุดแต่งงาน เสื้อเชิ้ตสีขาวทับด้วยสูทหรูสามชิ้นสีครีมเข้มและโบหูกระต่ายสีเดียวกัน ผมสีน้ำตาลช็อกโกแลตจัดแต่งทรงอย่างดี เปิดหน้าผากให้เห็นใบหน้าคม คิ้วเข้มหนา ดวงตาคมปลาบ เสริมให้พยัคฆ์ยิ่งดูห