เพราะรสจูบที่ได้รับจากความฝัน...กึ่งความจริง...ทำให้ต้องตามหาใครคนนั้นที่ไม่รู้ว่าจะเจอจากที่ใด...
ดูเพิ่มเติม"แม่ครับ อ่านเรื่องนี้ให้ฟังหน่อย!"
"นิยายเรื่องนี้สนุกไหมครับแม่?"
"กนกอยากนอนหลับไปกับกองนิยายเล้ยย!"
เสียงสดใสของกนกดังขึ้นท่ามกลางบรรยากาศอบอุ่นของบ้านหลังเล็ก ที่นี่เต็มไปด้วยเสียงพูดคุยเกี่ยวกับหนังสือแทบทุกวัน แม่ของเขาชอบอ่านหนังสือสารคดีแปลก ๆ แล้วมักจะเล่าเรื่องให้ลูกชายฟังด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ส่วนพ่อก็เป็นสายหนังสือพัฒนาตัวเอง ชอบสอนกนกเรื่องแนวคิดการเติบโตและการใช้ชีวิต ทุกเย็นบ้านนี้แทบไม่เงียบเหงา เพราะมื้อค่ำมักกลายเป็นวงสนทนาเกี่ยวกับหนังสือที่แต่ละคนกำลังอ่าน ราวกับเป็นสโมสรนักอ่านขนาดย่อม
แต่ในบรรดาหนังสือทั้งหมด กนกรักนิยายรักของแม่มากที่สุด ตู้หนังสือของแม่เต็มไปด้วยเล่มปกสีหวาน บางเล่มเก่าจนกระดาษเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ตอนเด็ก ๆ เขาหยิบมาอ่านเพราะคิดว่ามันตลก แต่พอโตขึ้น เขากลับหลงรักเรื่องราวในนั้นอย่างไม่รู้ตัว
"กนกลูก มากินข้าวกันครับ"
เสียงแม่ดังแว่วมาจากชั้นล่าง ในขณะที่กนกกำลังจมอยู่กับฉากสำคัญของนิยาย
"แป๊บนึงนะครับแม่... อีกนิดเดียวจะจบแล้ว!"
"แม่รอนะลูก แต่อย่านานล่ะ ข้าวจะเย็นหมด"
"ได้ครับแม่" กนกตอบลอย ๆ แต่สายตายังคงตรึงอยู่กับหน้ากระดาษ "อีกแค่สามหน้าเองครับ..."
แม่ไม่ได้เร่งเร้า รู้ดีว่าลูกชายของเธอเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก เสียงฝีเท้าค่อย ๆ ห่างออกไป พร้อมกับกลิ่นอาหารที่โชยเข้ามาแทนที่ กนกกลืนน้ำลาย รีบไล่สายตาอ่านให้จบเร็วขึ้น ก่อนที่ความหิวจะชนะโลกแห่งตัวหนังสือของเขา
การอ่านทำให้กนกเป็นเด็กที่มีโลกส่วนตัวกว้างใหญ่ เขามักจมดิ่งไปกับตัวอักษร รู้สึกว่าเวลาที่ได้อ่านคือช่วงที่เขาได้ปลดปล่อยจินตนาการและเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ แม้บางครั้งจะไม่เข้าใจทุกอย่างที่อ่าน แต่เขาไม่เคยหยุดค้นหา เพราะสำหรับกนก หนังสือไม่ใช่แค่หน้ากระดาษ แต่มันคือเพื่อนที่พาเขาไปพบโลกที่ไร้ขีดจำกัด
กนกไม่ใช่คนที่โดดเด่นเป็นพิเศษ ทั้งเรื่องเรียนและกิจกรรม เขาไม่ได้มีปัญหาหนักใจอะไร อาจจะเป็นคนขี้ตกใจง่ายไปหน่อย แต่ก็ยังไม่มีเรื่องไหนที่กังวลแบบหนักหนาสาหัส เมื่อเป็นคนที่ไม่ได้ชอบหรือรักวิชาไหนเป็นพิเศษ พอถึงเวลาต้องเลือกคณะ จึงค่อนข้างสับสน เพราะไม่แน่ใจว่าตัวเองเหมาะกับอะไรกันแน่ แม้จะพอมีพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์อยู่บ้าง
หลังจากได้คิดและปรึกษาพ่อกับแม่แล้วว่าจะเลือกเรียนคณะที่ไม่เครียดและสนุกสำหรับเขาจึงตัดสินใจเลือกคณะวิทยาศาสตร์เพราะคิดว่าอย่างน้อยก็คงไม่ยากเกินไป
เมื่อสอบติด กนกก็รู้สึกโล่งใจ แม้จะยังไม่แน่ใจเต็มร้อยว่าเลือกถูกหรือไม่ แต่คิดว่ามันก็คงเป็นทางที่พอไปต่อได้
ชีวิตในมหาวิทยาลัยไม่ได้ต่างจากเดิมมากนัก กนกยังคงเป็นคนเรียบง่าย นิ่งๆ สบาย ๆ และไม่ได้โดดเด่น เขาอุ่นใจที่มีมิวกับพราว
เพื่อนสนิทจากโรงเรียนเก่าก็สอบติดคณะเดียวกัน มิวเป็นคนเงียบ ๆ มีความคิดเป็นผู้ใหญ่ ส่วนพราวร่าเริง สดใส ชอบแหย่ให้เขาหัวเราะ ทั้งสามใช้เวลาว่างด้วยกันเสมอ ไม่ว่าจะคุยเรื่องเรียน ติวหนังสือหรือพูดคุยเรื่องไร้สาระ ทำให้ชีวิตมหาวิทยาลัยไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด
กนกอาจไม่ใช่คนที่เก่งที่สุดในชั้น แต่เขาไม่เคยทิ้งการอ่านหนังสือเพราะสำหรับเขาหนังสือคือที่หลบภัยเป็นโลกที่ทำให้เขารู้สึกมีชีวิตชีวาและไม่ว่าชีวิตจะเป็นอย่างไร เขาก็ยังมีมันอยู่เสมอ
''กนก แกยิ้มอะไรคนเดียวเหมือนคนบ้าเลย''
''ก็ในหนังสือมันน่ารักมากเลย พระเอกเข้ามาหานางเอกด้วยวิธีแบบตลกอ่ะ"
"โอเค ก็นั่งยิ้มคนเดียวเหมือนคนบ้า ดูคนอื่นเขาเรียนสิ"
"ก็วิชานี้มันน่าเบื่ออ่ะ" เขากระซิบเบาๆกับพราว
"นักศึกษา 2 คนที่อยู่ข้างหลังห้อง คุยอะไรกันคะ? ไม่เข้าใจอะไรที่ครูสอนหรือเปล่า?"
"อะ ปะ...เปล่าค่ะ หนูกำลังปรึกษากันอยู่ค่ะ ตอนนี้หนูเข้าใจแล้วค่ะอาจารย์"
"ถ้าไม่เข้าใจก็ยกมือถามได้เลยนะคะ อย่าคุยกันเองค่ะมันรบกวนคนข้างๆ"
"เฮ้อ..." เขาถอนหายใจยาวที่มักจะทำบ่อยๆเมื่อรู้สึกเบื่อหน่ายกับอะไรบางอย่าง
"นี่แกทำให้ฉันโดนดุเห็นไหม กนก!"
"ตั้งใจเรียนหน่อยสิเพื่อน อ่านหนังสือนะ"
"เฮ้ออ..."
ชีวิตของเขาก็มีอยู่ประมาณนี้ เรียนแล้วก็มีเพื่อนกลุ่มน้อยๆและก็มีหนังสือเป็นของคู่ใจ
"นี่แก จะไปทำรายงานที่ห้องสมุดกับเราไหม?" พราวหันมาถามกนก เพราะหมดคาบเรียนนี่เขากับมิวจะไปทำงานรายงานที่ห้องสมุด
"ก็ได้ รายงานเคมีใช่ไหมล่ะ?"
"แต่มันไม่ใช่งานกลุ่มนะ มันเป็นงานเดี่ยว แต่ว่าเราคิดว่าจะไปหาหนังสือที่ห้องสมุดมาเป็นอ้างอิง" มิวพูดบอก
"ได้ ไปด้วย ห้องสมุดเงียบดี เมื่อกี้อ่านถึงตอนที่พระเอกต้องไปรับนางเอกที่โรงพยาบาลอยู่ แล้วหมดคาบพอดี เดี๋ยวจะไปอ่านต่อ"
"ในหัวแกนี่ มีเรื่องเรียนอยู่บ้างไหมหรือมีเรื่องพวกฉันอยู่บ้างไหม นอกจากหนังสือนิยายอะไรของแกเนี่ย อ่านอยู่ได้ทุกวัน"
"มีนะ...นิดหน่อย ฮ่าๆๆ" กนกหัวเราะเสียงใส เพราะจริงอย่างที่พราวพูดนั่นแหละ เขารักเจ้าหนังสือนิยายพวกนี้มาก เพราะตั้งแต่ครั้งนั้นที่เกิดเรื่องบางอย่างที่เหมือนเป็นความทรงจำเก่าๆ ที่จำไม่ค่อยได้ ก็มีหนังสือพวกนี้ที่คอยเป็นเพื่อนเขาตั้งแต่เด็ก ถึงแม้จะเริ่มมีเพื่อนสนิทเป็นมิวกับพราว แต่หนังสือคือเพื่อนที่ผมสนิทที่สุด
หน้าบ้านหลังเล็กที่เงียบงัน มีเพียงเสียงสะอื้นปะปนกับเสียงลมอ่อน ๆ ที่พัดผ่านราวกับโลกทั้งใบหยุดหมุน ปล่อยให้มีเพียงสองร่างในอ้อมกอดกันแน่นอยู่กลางห้วงเวลาอันแสนเจ็บปวด ภพกอดร่างของกนกแน่น รู้สึกได้ถึงแรงสั่นจากการร้องไห้ที่ไม่มีทีท่าจะหยุดลงง่าย ๆ น้ำตาของคนน้องเปียกเสื้อเขาจนชื้น และแรงกอดของกนกก็เหมือนเป็นการยึดเหนี่ยวสุดท้ายไว้กับความจริง“ฮึก… พี่ภพ… มันเจ็บ…” เสียงสะอื้นแผ่วเบารอดออกจากริมฝีปากสั่น“ไม่เป็นไรแล้ว…” ภพกระซิบเบา ๆ มือใหญ่ลูบหลังคนน้องอย่างอ่อนโยน“พี่อยู่นี่แล้ว ไม่มีใครทำร้ายกนกได้อีกแล้วนะ…”กนกส่ายหน้าเล็กน้อย ซุกหน้าลงที่ไหล่กว้าง เสียงร้องไห้เปลี่ยนเป็นสะอื้นอย่างทรมาน“มันย้อนกลับมา… ภาพพวกนั้น… ตอนเด็ก… ทำไมถึงลืมมันไปได้ ฮึก… ทำไมถึงเพิ่งจำได้ตอนนี้…”“ไม่ต้องโทษตัวเองนะคนเก่ง…” ภพก้มลงจูบผมนิ่ม ๆ ซับน้ำตาที่เปื้อนแก้มเนียนด้วยความอดทนที
วันนี้พี่ภพชวนผมออกจากบ้านตั้งแต่เช้า อากาศสดชื่นกว่าทุกวัน หรือบางทีอาจเป็นเพราะวันนี้พี่ภพอยู่ข้าง ๆเราไปเดินชมสวนดอกไม้ด้วยกัน แสงแดดอ่อน ๆ ทาบลงบนทุ่งกว้างที่เต็มไปด้วยสีสันของดอกไม้ที่กำลังผลิบาน นี่เป็นครั้งแรกที่เราถ่ายรูปคู่กัน พี่ภพยิ้มให้กล้อง ผมเองก็ยิ้มตามไปโดยไม่รู้ตัวแปลกดีนะ… ทำไมตอนนี้ผมรู้สึกว่ารอยยิ้มของพี่ภพเป็นเหมือนบ้านช่วงบ่าย พี่ภพบอกว่าจะพาผมไปในสถานที่แห่งหนึ่ง "สถานที่แห่งความทรงจำ"ผมไม่ได้ถามว่ามันคือที่ไหน เพราะสิ่งเดียวที่พี่ภพบอกผมก็คือ—"จับมือพี่ไว้แน่น ๆ นะ"และช่วงนี้ ผมกล้าจับมือพี่ภพแล้วด้วยเรานั่งรถมาด้วยกัน ข้างทางเริ่มคุ้นตาขึ้นเรื่อย ๆ ผมคิดว่าเรากำลังเดินทางกลับไปที่บ้านพี่ภพแต่พอรถเลี้ยวเข้าเส้นทางเล็ก ๆ ผมกลับรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่ทำให้หัวใจเต้นแรงขึ้นอย่างประหลาดมันไม่ใช่บ้านของพี่ภพ แต่เป็นบ้านเก่าหลังนึงที่สภาพดี แต่ไม่มีใครอยู่แล้ว เมื่อก้าวลงจากรถ ผมรู้สึกเหมือนถูกสายลมที่มองไม่เห็นกระแทกเข้ามาเต็มแรงลมพัดเอื่อย
ในห้วงเวลาอบอุ่นช่วงปิดเทอมผ่านไปอย่างรวดเร็ว กนกอยู่บ้านมาหลายสัปดาห์แล้ว พี่ภพเองก็ติดโปรเจกต์ปีสุดท้ายและกำลังเตรียมตัวเข้าสู่ชีวิตการทำงาน ทำให้เราไม่ได้เจอกันบ่อยนัก มีเพียงข้อความสั้นๆ ที่ส่งหากันเป็นระยะจนกระทั่งวันนี้พี่ภพมาหาน้าแป้น และทักมาหาเขา"วันนี้มาหาพี่หน่อย อยู่เป็นเพื่อนตอนทำงานได้ไหม?"กนกอ่านข้อความแล้วบอกแม่ว่าจะออกไปข้างนอกกับพี่ภพ เมื่อเจอกัน เราทานมื้อเที่ยงด้วยกัน ก่อนที่พี่ภพจะขับรถพาเขาไปยังห้องพักบรรยากาศภายในรถเงียบสงบ มีเพียงเสียงเพลงบรรเลงคลอแผ่วเบา อากาศเย็นกำลังดีทำให้รู้สึกสบายใจ กนกไม่ได้ถามว่าทำไมพี่ภพถึงพาเขามาที่ห้องพัก—เขาแค่ไว้ใจคอนโดของพี่ภพอยู่ไม่ไกลจากหอในของเขานัก เป็นห้องขนาดกว้าง แบ่งพื้นที่ใช้สอยอย่างเป็นระเบียบ พื้นที่ครัวเล็กๆ อยู่มุมหนึ่ง ห้องนอนเชื่อมกับพื้นที่ทำงาน เตียงกว้างและดูนุ่มมาก"เราจะนั่งอ่านหนังสือที่เตียงพี่ก็ได้นะ ถ้าง่วงก็นอนได้เลย""ครับ"กนกตอบรับโดยไม่ถามอะไร เขาหยิบหนังสือนิยายขึ้นมาเปิด แต่ในใจก็แอบสงสัยว่าพี่ภพให้มาอยู่เป็นเพื่อน หรือแค่ต้
"อ้อมกอดของแม่"คืนนี้เงียบสงบกว่าทุกคืน ลมหายใจของกนกอุ่นขึ้นเมื่อนอนอยู่ข้างแม่ อ้อมกอดที่คุ้นเคยทำให้เขารู้สึกปลอดภัย ราวกับได้ย้อนกลับไปเป็นเด็กตัวเล็กๆ อีกครั้ง"วันนี้แม่ขอนอนกับลูกชายคนโปรดได้ไหมครับ?""ได้ครับแม่"กนกขยับตัวให้แม่เข้ามาใต้ผ้าห่มอุ่นๆ พอเพชรล้มตัวลงนอน กนกก็รีบซุกตัวเข้าหาแม่ทันที โอบกอดแน่นราวกับไม่อยากให้เวลานี้ผ่านไปเพชรหัวเราะเบาๆ ก่อนจะลูบผมลูกชายอย่างอ่อนโยน "เป็นยังไงบ้างลูก ปีแรกในมหาวิทยาลัย เหนื่อยไหม?""เหนื่อยครับ แต่ก็สนุกมากด้วย""เรียนยากไหม?""ก็ยากนิดหน่อยครับ แต่ยังดีที่มีมิวช่วยติวให้ มิวเก่งมากเลยครับแม่""ดีจังเลย แม่จำได้ว่าลูกเล่าเรื่องมิวให้ฟังบ่อยๆ แล้วหนูพราวล่ะ เป็นไงบ้าง?""พราวก็ยังตลกเหมือนเดิมเลยครับแม่ ถ้าผมเครียดๆ เบื่อๆ พราวนี่แหละที่ทำให้ผมยิ้มได้""ดีแล้วล่ะลูก มีเพื่อนดีก็ช่วยกันประคองไปนะ มีอะไรให้แม่ช่วยก็บอกได้ อย่าเก็บไว้คนเดียว"กนกพยักหน้ารับ แล้วเงียบไปครู่หนึ่งเพชรมองลูกชายด้วยสายตาอ่อนโยน ก่อนจะถามสิ่งที่ค้างคาใจ "แล้วพี่ภ
หลังจากนั้นพบรักก็พากนกกลับบ้าน เด็กหนุ่มเดินเข้าบ้านพร้อมความรู้สึกที่อบอุ่น แม้จะมีความหวาดกลัวและกังวลบางอย่างยังค้างอยู่ในใจ แต่การมีพี่ภพอยู่เคียงข้าง คอยโอบกอด คอยปลอบโยน ทำให้เขารู้สึกว่า… ไม่ได้เผชิญทุกอย่างเพียงลำพังและยิ่งรู้สึก… ชอบพี่ภพมากขึ้นทุกวันวันนี้ดูเหมือนว่าเขาจะใช้พลังไปเยอะ ทั้งร่างกายและหัวใจเลยเหนื่อยล้าเต็มที กนกหยิบหนังสือนิยายขึ้นมา หวังว่าจะอ่านเล่นสักหน่อยก่อนจะหลับไปแต่ก่อนที่เปลือกตาจะหนักอึ้ง มือถือก็สั่นเบา ๆ แจ้งเตือนข้อความจาก LINEพี่ภพ: “นอนหรือยังครับ”กนก: “กนกจะอ่านหนังสือนิยายสักหน่อย แล้วก็คงจะนอนแล้วครับ”พี่ภพ: “นอนไวจัง เพิ่งสามทุ่มเอง”กนกหลุดยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะพิมพ์ตอบกลับกนก: “พี่ภพมีอะไรหรือเปล่าครับ”พี่ภพ: “พี่เหนื่อยนิดหน่อย พอดีส่งงานให้ลูกค้าอยู่ กำลังปั่นงานเลย”กนก: “วันนี้พี่ภพกลับไปในเมืองหรอครับ”
เพชรมองหน้าลูกชายตัวน้อยที่กำลังยิ้มกับโทรศัพท์ รอยยิ้มเล็ก ๆ ที่เจ้าตัวอาจไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าแสดงออกมา“ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อะไรกันครับ คุณกนกของแม่?”กนกสะดุ้งเงยหน้าขึ้น ก่อนจะรีบปฏิเสธเสียงอ้อมแอ้ม “ยิ้มอะไรกันล่ะครับ แม่คิดไปเอง กนกไม่ได้ยิ้มสักหน่อย”เพชรหัวเราะเบา ๆ “ก็เห็นยิ้มกับโทรศัพท์ไง”เด็กหนุ่มเม้มปาก หันไปมองหน้าจออีกครั้ง ก่อนจะยอมรับเสียงเบา “ก็...พี่ภพ LINE มาบอกนะครับว่าอยู่บ้านตัวเองแล้ว”“อ้อ”“แต่ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน กนกก็ไม่เคยเห็นเหมือนกัน” เจ้าตัวพูดต่อ “แต่ว่าพี่เขาบอกว่าบ้านอยู่ใกล้ ๆ บ้านเราตรงนี้นี่เอง”เพชรพยักหน้ารับรู้ ไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่แววตายังคงมองสำรวจลูกชายของตัวเอง“วันนี้เขาจะมาหาหรือเปล่า?”“พี่ภพเหรอครับ?”“จ้ะ”“เห็นบอกว่าวันนี้จะพาไปเที่ยวสวนมะพร้าวเล็ก ๆ”เพชรเลิกคิ้วเล็กน้อย “สวนมะพร้าว?”กนกพยักหน
ความคิดเห็น