“จริงเหรอครับคุณลุง พวกเราเข้าใจคุณพ่อผิดมาตลอดจริงๆ สินะครับ”
“ใช่ เป็นอย่างที่นลินบอกลุงเลย แต่...มีเรื่องสำคัญที่ลุงต้องบอกนลิน”
“ครับ มีอะไรเหรอครับ”
“พ่อของนลินไม่ได้เพิ่งตามหานลินหรอกนะ เขาตามหามาหลายปีแล้ว ตั้งแต่ปู่ของนลินตาย พ่อของนลินก็เริ่มส่งคนให้ออกตามหาโดยไม่ให้พราวรุ้งรู้ แต่ที่เขาเร่งหาตอนนี้เพราะเขาเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว”
“ครับ? คุณพ่อเป็นอะไรครับ”
“มะเร็งกระดูกน่ะ ลุงใช้เส้นสายไปลองสืบที่โรงพยาบาลที่ลาภิณรักษาตัว เขาพบว่าตัวเองเป็นมะเร็งกระดูกมาตั้งแต่สองปีก่อน แล้วก็รักษามาโดยตลอด แต่เมื่อเดือนก่อนพบว่ามันลุกลาม ลาภิณจึงตัดสินใจร่วมกับหมอว่าจะหยุดการรักษา และเขาตั้งใจใช้ช่วงเวลาสุดท้ายนี้เพื่อตามหาตฤนกับนลิน”
นลินขบกรามแน่นกลั้นความรู้สึกวูบโหวง ทั้งที่ความทรงจำวัยเยาว์ที่มีบิดานั้นเป็นเพียงระยะสั้นๆ แต่เขากลับรู้สึกแย่ รู้สึกเสียใจที่บิดาเหลือเวลาน้อยนิดเสียเหลือเกิน เขาข่มอารมณ์ที่ไม่ปกติของตัวเองไว้
“คุณพ่อเหลือเวลาอีกเท่าไหร่ครับ”
“เร็วสุดคือหกเดือน ช้าสุดคือหนึ่งปี”
“น้อยเหลือเกิน”
“นลินจะไปเจอพ่อเขาไหม”
“ครับ แต่ถ้านลินไปเจอคุณพ่อ คนที่ส่งคนไปทำร้ายนลินก็ต้องรู้แน่ว่านลินกับคุณแม่ยังมีชีวิตอยู่ และคุณแม่ก็คงไม่ปลอดภัย เขาเคยส่งคนไปทำร้ายนลินถึงบนเรือแม็กมารีนาซได้ นับประสาอะไรกับที่บ้านของแด๊ด คุณแม่คงไม่ปลอดภัยแน่ๆ”
“นลินจะทำยังไง”
“ต้องย่นระยะเวลาเพื่อรวบรวมทุกอย่างแล้วครับ”
“แล้วนลินจะบอกตฤนไหม”
“ยังไม่ใช่ตอนนี้ครับ ถ้านลินบอกคุณแม่ตอนนี้ ท่านต้องรีบบินมาหาคุณพ่อ แล้วก็คงเข้าทางพราวรุ้งแน่ๆ”
“แต่ไม่มีหลักฐานเล่นงานเธอนะนลิน ผู้หญิงคนนั้น...”
“ถ้าไม่มีหลักฐานก็ทำให้มีหลักฐานสิครับ”
“นลินจะทำอะไร”
“เธอคิดจะจัดการนลิน คงคิดว่าถ้าจับตัวนลินแล้วจะล่อคุณแม่ให้ออกมาได้ นลินก็จะยอมเล่นตามน้ำ”
“แบบนั้นมันอันตรายนะนลิน”
“นลินรู้ครับคุณลุง แต่นลินมีแผนรับมือแล้ว”
ไตรทศมองแววตาแน่วแน่ของนลินก็ให้นึกอ่อนใจนัก นลินได้ส่วนผสมระหว่างนวมิณทร์และลาภิณ เอาจุดเด่นของทั้งคู่มาไว้ที่ตัวเองจนหมดแบบนี้ สมแล้วล่ะที่นวมิณทร์บ่นนักบ่นหนาว่านลินเป็นคนดื้อและไม่ยอมคน
“ขอบคุณนะครับคุณลุง นลินคงต้องปรึกษาแด๊ดก่อน หากตัดสินใจทำอะไรไม่บอก แด๊ดคงได้ลงโทษนลินไม่ให้ออกจากบ้านแน่เลยครับ แล้วก็คงเรียกตัวกลับทันที”
“คิดว่าบอกแล้วเทรนต์จะยอมให้นลินทำอย่างที่คิดเหรอ”
“นลินไม่ได้บอกว่าจะบอกแด๊ดหมดเสียหน่อย”
เอ่ยจบนลินก็ผุดลุกจากโซฟาห้องนั่งเล่นภายในบ้านใหญ่ของกิตติวรกานต์ เดินออกจากบ้านไปตามเฉลียงจนไปหยุดอยู่ที่สระบัวกว้าง เขาเม้มปากแน่นพลางทรุดกายนั่งบนม้านั่ง
แม้ต่อหน้าไตรทศนลินจะทำตัวเข้มแข็งอย่างไร แต่เมื่ออยู่คนเดียว...น้ำตาก็ไหลจากดวงตาเรียวคู่สวย นลินไม่เคยคิด...ไม่เคยคิดมาก่อนว่าบิดาผู้ให้กำเนิดจะอายุสั้นขนาดนี้
เหอะ! คู่แห่งโชคชะตามันไม่มีจริงเสียหน่อย
เมื่อครั้งเขาเด็กๆ บิดาและมารดาเคยเล่าถึงความรักดั่งคู่แห่งโชคชะตาว่าทั้งคู่ผูกพันกันมาตั้งแต่วัยเยาว์ เพียงบิดาได้กลิ่นฟีโรโมนของมารดาครั้งแรก ก็รู้เลยว่านี่คือคู่แห่งโชคชะตา
คู่แห่งโชคชะตาอะไรกันล่ะ?
ทั้งคู่ถูกโชคชะตาเล่นตลกให้มารดาเข้าใจบิดาผิดจนหนีไปถึงยี่สิบปี หลงเชื่อมาตลอดว่าบิดาเป็นคนเลวร้าย แต่แล้วเมื่อความจริงกำลังจะเปิดเผย โชคชะตาก็กำลังจากพรากบิดาไปจากเขาและมารดา
“คู่แห่งโชคชะตาอะไร? มันไม่มีจริง...ไม่มีจริงสักหน่อย โชคชะตาเฮงซวย!”
นลินตะโกนพลางขว้างก้อนหินลงในสระบัวเพื่อระบายอารมณ์ เขาพยายามเช็ดน้ำตาออกจากแก้ม แต่ยิ่งพยายามปาดน้ำตามันกลับยิ่งไหลลงมาราวกับทำนบน้ำตาแตก
“นลินเป็นอะ...นลิน! ใครทำอะไรนลิน ร้องไห้ทำไม”
“พี่ตรี! ฮือ...ทำไมอะพี่ตรี...ทำไม...”
ตรีวิทย์ปล่อยให้นลินกอด ยืมอกของเขาซับน้ำตา มือใหญ่ที่ปล่อยนิ่งข้างตัวเมื่อครู่ เปลี่ยนมาลูบศีรษะของนลินด้วยความเป็นห่วง เขารู้จากบิดามาก่อนแล้วว่าลาภิณป่วยหนัก คราแรกเขาคิดว่านลินคงเข้มแข็งพอ คงไม่รู้สึกอะไรเพราะไม่เจอกันมายี่สิบปี แต่ไม่ใช่เลย...
สายใยของความเป็นพ่อลูก แม้จะไม่อยู่ด้วยกัน แม้จะเข้าใจผิดกัน แต่ความรักกลับยังคงถักทอ ยังมีสายใยพันผูกกันไว้ไม่สามารถตัดทิ้งได้ง่ายๆ
“ไม่เป็นไรนะนลิน พี่รู้ว่านลินเสียใจ พี่รู้ว่านลินรู้สึกไม่ยุติธรรม แต่นลินยังมีเวลานะ”
“แค่หกเดือนเนี่ยนะพี่ตรี มันไปพออะไร หกเดือนกับยี่สิบปีมันทดแทนกันไม่ได้เลย”
น้ำตายังคงพรั่งพรูออกมาไม่หยุด นั่นทำให้ตรีวิทย์รู้ว่าภายนอกที่เข้มแข็งนั้นก็แค่เปลือกที่นลินเอาไว้ปกป้องตัวเอง เขาทรุดกายนั่งบนม้านั่งแล้วดึงญาติผู้น้องให้นั่งเคียงกัน ก่อนจะโอบกอดแล้วลูบศีรษะลูบหลังเพื่อปลอบโยน
“แต่อย่างน้อยก็ยังอยู่ด้วยกันนะ นลินไปเจอคุณอาเถอะนะ”
“ไม่ได้ ไม่ใช่ตอนนี้ ถ้าผู้หญิงคนนั้นรู้ คุณแม่...”
“พี่จะช่วยอีกแรง นลินไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวนะ ที่อาเทรนต์ส่งนลินมาอยู่กับพวกเราก็เพราะรู้ว่าพวกเราจะช่วยนลินทุกอย่าง เพราะงั้นมีอะไรก็รีบบอกพี่นะ”
“นลินอยากไปหาคุณพ่อ อยากบอกคุณพ่อว่านลินไม่ได้โกรธคุณพ่อ ไม่เคยโกรธเลย”
“ถ้านลินอยากบอกก็ไปบอก พี่จะช่วย”
“ยังไงครับ ผู้หญิงคนนั้นน่าจะคอยจับตาดูอยู่ จริงอยู่ที่ไม่ได้อยู่บ้านเดียวกัน แต่ยังไงเขาก็เป็นสามีภรรยากัน ถ้าเกิดเขาไปเจอตอนนลินไปหาคุณพ่อ มันคงไม่ใช่เรื่องดีหรอกครับ นลินต้องวางแผนเพื่อจัดการเขาก่อน”
“แล้วนลินจะทำยังไง”
“นลินจะใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อ จะกระจายข่าวลือว่านลินกลับมา เธอจะต้องโผล่หางออกมาให้เราจัดการแน่”
“นั่นมันอันตรายเกินไป”
“แต่มีแค่วิธีนี้ที่จะจัดการทุกอย่างได้รวดเร็ว”
“ไม่ได้ ยังไงพี่ก็ไม่ยอมหรอกนะ และถ้าคนอื่นรู้ก็คงไม่มีใครเห็นด้วยแน่”
“แต่พ่อของนลินมีเวลาไม่มากแล้ว พี่ตรีเข้าใจไหมว่าเวลามันเหลือน้อยแล้ว”
“มีสติหน่อยสินลิน” ตรีวิทย์เขย่าตัวนลินให้ตั้งสติ “นลินต้องใจเย็นก่อน ต้องคิดให้รอบคอบ เข้าใจพี่ไหมนลิน”
“ไม่! นลินไม่เข้าใจ พี่ตรีไม่เข้าใจนลินหรอก ไม่มีใครเข้าใจนลินหรอกว่าตอนนี้นลินเจ็บแค่ไหน แล้วถ้าคุณแม่รู้ความจริงจะต้องเจ็บปวดกว่านลินอีก ทำไม...”
“พี่ตรี!”
เสียงห้าวจากด้านหลังของตรีวิทย์ทำให้นลินเงยหน้าขึ้นมอง ดวงหน้าคมที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว นลินรีบปาดน้ำตาบนแก้มของตัวเองทันที
“พยัคฆ์มาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“พี่มาทำอะไรกับพี่เลี้ยงน้องพูห์ นี่พี่คงไม่ได้...”
“พูดเรื่องอะไรน่ะพยัคฆ์” ตรีวิทย์ขัดขึ้นเสียงขุ่น ก่อนจะก้มมองญาติผู้น้องที่ซุกหน้ากับบ่าของเขา “มันไม่ใช่อย่างที่พยัคฆ์เข้าใจหรอก”
“แน่ล่ะ ผมไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้นล่ะ พี่ตรีนะพี่ตรี เป็นคนดีมาตั้งนาน มาตกม้าตายเพราะพี่เลี้ยงเด็กคนเดียวเนี่ยนะ”
“หยุดบ้าได้แล้วพยัคฆ์ พี่กับนลินไม่ได้มีอะไรกัน”
“ไม่มีอะไรกัน แต่พี่ก็ยังไม่ปล่อยเอวพี่เลี้ยงนั่นเลย”
ตรีวิทย์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อพยัคฆ์กระชากข้อมือของนลินไปอีกทาง เขากำลังจะเดินตามทว่านลินกลับส่ายศีรษะไม่ให้ตาม เขาจึงได้แต่มองตามด้วยความเป็นห่วง
สภาพจิตใจของนลินตอนนี้ไม่ปกตินัก ทุกอย่างที่ประเดประดังเข้าหาอาจทำให้เรื่องระหว่างนลินและพยัคฆ์มันบานปลาย แม้เขาจะรู้ดีว่าเรื่องนี้พยนต์ไม่มีทางเข้าใจผิด แต่เพราะพยัคฆ์ไม่รู้ความจริง อาจทำให้อีกฝ่ายมองเขาในแง่ร้าย แล้วไปลงเอากับนลิน
ที่เขาเป็นห่วงตอนนี้...ก็คือนลิน
เสียงเข้มที่กำลังโวยวายอยู่ในห้องทำงานชั้นล่างของคฤหาสน์ศตาวุทธิพงศ์ทำให้คนที่เพิ่งกลับมาถึงต้องชะงัก ไม่ได้ชะงักเพราะเสียงด้านใน แต่ชะงักเพราะเด็กทั้งหกคนที่กำลังยืนออกันหน้าห้อง เป็นเหตุให้ซีอีโอแห่งศตาวุทธิพงศ์กรุ๊ปในวัยเกือบสี่สิบกระแอมเรียกเจ้าเด็กทั้งหก“อะแฮ่ม! มาแอบฟังอะไรตรงนี้” พยัคฆ์แกล้งเอ่ยเสียงเข้ม“คุณพ่อ! กลับมาแล้วเหรอครับ” พลินทร์เอ่ยถามก่อนจะมองหน้าน้องๆ พลางย่นคอด้วยกลัวว่าจะถูกตำหนิ“กลับมาแล้วครับ มามะ! มาหาพ่อนี่มา”เด็กแฝดสามคู่วิ่งเข้าหาบิดาพลางยืนล้อมรอบ ก่อนพยัคฆ์จะถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อได้ยินเสียงของคุณนายแห่งศตาวุทธิพงศ์ยังคงอาละวาดลูกน้องคนสนิทในฐานะซีอีโอแห่งแม็กมารีนาซ ซึ่งเจ้าตัวเพิ่งรับตำแหน่งนี้ไปเมื่อสี่ปีก่อน“คุณแม่โกรธลุงเบนนี่มากเลยฮะ” พริษฐ์เอ่ยพลางทำสีหน้าแหยงๆ“แม่เรากลับมานานแล้วเหรอ”“คุณแม่ไปรับพวกเราครับ ลุงเบนนี่เพิ่งมาเมื่อกี้ แล้วก็ระเบิดลงตู้มๆ เลยครับ”พยัคฆ์มองดวงตากลมโตของโอเม
เสียงลมหายใจสม่ำเสมอของคนที่บ่นว่านอนหลับไม่สนิททำให้ซีอีโอหนุ่มแห่งสตาร์ไลท์คลี่ยิ้ม ค่อยๆ ปิดหนังสือนิทานที่เขาไม่แน่ใจว่าอ่านให้ลูกหรือแม่ฟังกันแน่ ทว่าหากมันทำให้นลินหลับได้นานขึ้นสักนิดก็คงจะดีไม่น้อย เขารู้ว่าช่วงนี้นลินลำบากไม่น้อย หลังจากที่นลินเริ่มสร้างรังเมื่อเกือบเจ็ดเดือนก่อน ตอนนี้เข้าสู่ช่วงสัปดาห์สุดท้ายก่อนกำหนดคลอด นลินก็ยิ่งทั้งกลัว ทั้งกังวล กอปรกับเจ้าก้อนตัวยักษ์ในท้องนลินที่แข็งแรงจนพากันดิ้นถี่ขึ้นทำให้นลินแทบไม่ได้พักผ่อนเลยพยัคฆ์ค่อยๆ ประคองศีรษะของนลินเพื่อให้หนุนหมอนดีๆ เป็นจังหวะเดียวกับที่ประตูเปิดออกเบาๆ ชายหนุ่มส่งยิ้มให้คนที่บินข้ามน้ำข้ามทะเลมาช่วยเขาดูแลนลินตั้งแต่นลินท้องเข้าสู่เดือนที่เจ็ด‘หลับแล้วเหรอ’นวมิณทร์เอ่ยถามพยัคฆ์โดยไม่มีเสียง พยัคฆ์พยักหน้ารับก่อนจะใช้หมอนสำหรับคนท้องช่วยประคองให้นลินได้หลับสบายขึ้น จากนั้นจึงค่อยๆ ผุดลุกจากเตียงทั้งสองค่อยๆ ย่องออกจากห้องนอนใหญ่แห่งศตาวุทธิพงศ์ พยัคฆ์ปิดประตูห้องอย่างเบามือ ก่อนจะคลี่ยิ้มอย่างโล่งใจที่นลินหลับได้เสียที“นลินหลับนาน
“ไหวแน่นะครับคุณหนู”“อือ ไปจัดการที่เหลือเถอะไป มีปัญหาอะไรก็โทร. มาละกัน”“อยู่คนเดียวได้แน่นะครับ วันนี้คุณพยัคฆ์ไม่อยู่ใช่ไหมครับ หรือว่าจะไปโรงพยาบาล”“ก็บอกว่าไม่เป็นไรไงล่ะพาร์ดี้ ไปได้แล้ว เดี๋ยวก็โดนเบนนี่บ่นอีกหรอก”“แต่ว่าคุณหนูดูไม่ดีเลยนะครับ”เสียงพูดคุยของเจ้านายหนุ่มและลูกน้องทำให้หญิงสูงวัยที่ควบตำแหน่งหัวหน้าแม่บ้านและพี่เลี้ยงของสองหลานชายแห่งศตาวุทธิพงศ์รีบเดินออกมา ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง“เกิดอะไรขึ้นคะคุณนลิน ทำไมวันนี้กลับเร็วจังล่ะคะ”“ปวดหัวนิดหน่อยครับ ว่าจะกลับมานอนพักหน่อย ป้าเปลวไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ” นลินตอบคำถามพลางยิ้มอ่อน ก่อนจะหันกลับไปสั่งงานลูกน้องคนสนิท “ไปได้แล้วพาร์ดี้ ตรวจสอบทุกอย่างให้ดีด้วย”“ครับคุณหนู” พาร์ดี้รับคำทว่าไม่วายละล้าละลังด้วยความเป็นห่วง“ไปเดี๋ยวนี้เลยพาร์ดี้” นลินออกคำสั่งอีกครั้งพาร์ดี้จึงได้แต่หมุนกายออกวิ่งไปที่รถ
กลิ่นอากาศสดชื่น บรรยากาศเงียบสงบ มีเพียงเสียงกิ่งไม้เสียดสี ต้นไม้สูงล้อมรอบบ้านทำให้คนที่ต้องการพักกายพักใจยอมรับว่าที่นี่เหมาะเป็นบ้านพักตากอากาศจริงๆ ทว่า...หัวใจของเขาตอนนี้มันยังไม่สามารถกลับมาสดชื่นได้เลยสักนิดดวงตาเรียวสวย หางตายกขึ้นเล็กน้อยขณะหลับตาเพื่อสูดอากาศเย็นยามเช้าตรู่ ก่อนจะลืมตาขึ้นขณะกอดอก สายตาเหลือบเห็นกำไลหินโกเมนสีแดงดำบนข้อมือก็ต้องเม้มปากอีกครั้งการจากไปของลาภิณ...บิดาผู้ให้กำเนิดอย่างไม่มีวันกลับนั้นไม่ได้ผิดไปจากที่ทุกคนคาดสักนิด หลังงานแต่งงานของนลินและพยัคฆ์เพียงสามวัน วันที่สี่ในช่วงเช้าตรู่นวมิณทร์ก็เป็นคนโทร. มาบอกนลินว่าบิดาของเขาจากไปอย่างสงบ เพียงหลับไปในช่วงกลางคืนแล้วไม่ตื่นอีกเลยนลินไม่รู้ว่ามารดาของเขาต้องเจ็บปวดแค่ไหน ที่ต้องพบว่าคนที่พูดคุยด้วยก่อนเข้านอนจะหลับไปแล้วไม่ตื่นขึ้นมาอีกในเช้าตรู่วันถัดมา ตลอดการจัดงานศพเจ็ดวันนั้น มารดาของเขามักจะแอบร้องไห้อยู่เงียบๆ ดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าซีดเซียวที่บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่ามารดาของเขาเสียใจแค่ไหน และเป็นเรื่องดีแล้วที่หลังจากเสร็จสิ้นงานไม่กี่วันเทรนต์ก็พานวมิณท
เมื่อพิธีกรประกาศให้บ่าวสาวลงจากเวทีได้ ทั้งคู่จึงเลือกจะเดินไปหาคนที่ได้รับช่อดอกไม้ก่อน ซึ่งอีกฝ่ายก็ผุดลุกจากเก้าอี้ด้วยสีหน้าแตกตื่น“พี่ไม่คิดว่าเพชรกับคุณลุงจะมาร่วมงานด้วย เพราะพี่กับนลินทำให้แม่ของเพชร...”“ไม่ครับ” เพชรอันดารีบค้านพลางส่ายหน้าปฏิเสธ “พี่พยัคฆ์กับคุณนลินไม่ผิดนี่ครับ”“เรียกนลินเฉยๆ หรือจะเรียกว่าน้องนลินก็ได้ครับ ยังไงเราก็ถือว่าเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน” นลินเอ่ยพลางระบายยิ้ม“ขอบคุณนะครับที่ยอมรับเพชรเป็นคนในครอบครัว ทั้งที่คุณแม่ของเพชรทำเรื่องเลวร้ายกับพี่พยัคฆ์และน้องนลินไปเยอะเลย เพชรเองก็เคยทำไม่ดีกับนลินด้วย”“นลินเข้าใจพี่เพชรนะครับ ไม่มีใครสมบูรณ์แบบหรอกครับ ทุกคนมีข้อด้อยและเคยผิดพลาดกันทั้งนั้น นลินกับพี่พยัคฆ์เองก็เคยทำเรื่องไม่ดีมาเยอะ แต่พี่เพชรก็ยังคิดได้ ยังคิดกลับตัว ตอนนี้พี่เพชรก็เข้าไปช่วยงานคุณลุง แล้วก็พยายามดูแลตัวเองกับลูก นลินเชื่อว่าพี่เพชรจะเป็นแม่ที่ดีแน่ๆ ครับ”“และพี่ก็เชื่อว่าสักวันหนึ่ง เพชรคงไ
งานแต่งงานกลางแจ้งถูกเนรมิตขึ้นที่คฤหาสน์จิรพงศ์ธาดา ซึ่งเป็นความคิดของนวมิณทร์ที่ต้องการอำนวยความสะดวกให้ลาภิณมากที่สุด แม้คราแรกพยัคฆ์ต้องการจะให้มีการแต่งงานใหญ่โตในโรงแรม ทว่าเมื่อนลินบอกความต้องการ พยัคฆ์ก็พร้อมจะเปลี่ยนให้ แต่พยัคฆ์ก็ยังคงเป็นพยัคฆ์ แม้จะเป็นการจัดงานในคฤหาสน์จิรพงศ์ธาดา ก็ไม่วายเชิญนักข่าวและแขกเหรื่อเกือบห้าร้อยคนมาร่วมงาน โดยใช้พื้นที่หน้าคฤหาสน์ได้อย่างคุ้มค่ารั้วคฤหาสน์ถูกแต่งด้วยดอกโบตั๋นหลากสีอันเป็นกลิ่นฟีโรโมนของพยัคฆ์ บริเวณหน้าคฤหาสต์ตกแต่งด้วยทางเดินพุ่มลาเวนเดอร์ และมีโต๊ะจีนกว่าห้าสิบโต๊ะซึ่งกลางโต๊ะประดับแจกันดอกโบตั๋นแซมดอกลาเวนเดอร์อันเป็นฟีโรโมนของคู่บ่าวสาวในวันนี้พิธีแบบไทยถูกจัดขึ้นภายในห้องโถงของคฤหาสน์จิรพงศ์ธาดา ซึ่งทางเจ้าภาพขอจัดแบบส่วนตัวเฉพาะคนในครอบครัวและคนใกล้ชิดร่างสูงร้อยเก้าสิบเซนติเมตรผิวสองสีที่อยู่ในชุดแต่งงาน เสื้อเชิ้ตสีขาวทับด้วยสูทหรูสามชิ้นสีครีมเข้มและโบหูกระต่ายสีเดียวกัน ผมสีน้ำตาลช็อกโกแลตจัดแต่งทรงอย่างดี เปิดหน้าผากให้เห็นใบหน้าคม คิ้วเข้มหนา ดวงตาคมปลาบ เสริมให้พยัคฆ์ยิ่งดูห