Se connecter"ได้ อึม อีกตั้งครึ่งชั่วโมงกว่าจะเริ่มงาน เราไปนั่งคุยกันทางนั้นดีกว่านะ" จากนั้นหลี่ซิ่วอิง ก็ฉุดข้อมืออลิซ ให้เดินตามไปนั่งยังมุมรับรองแขกด้านหนึ่งของห้อง ซึ่งจัดเป็นชุดโต๊ะเก้าอี้นวมดูหรูหรา มองออกไป แลเห็นวิวเมืองของกรุงปักกิ่งอย่างชัดเจน ด้วยความที่สถานที่จัดงาน เป็นศูนย์ประชุมแห่งชาติ ตั้งอยู่บนอาคารสูง จึงสามารถแลเห็นวิวเมืองที่สวยงาม ทอดตัวไกลออกไป รวมทั้งบริเวณโดยรอบของพระราชวังฤดูร้อนได้อย่างชัดเจนอีกด้วย ช่างชวนตื่นตาตื่นใจ ไม่แพ้วิวของเกาะฮ่องกงบนฝั่งเกาลูนและอ่าววิกตอเรียเลยจริงๆ อลิศทอดสายตามองวิวตรงหน้าเพลินๆอยู่นานเกือบห้านาทีทีเดียว ขณะที่หลี่ซิ่วอิงหยิบโทรศัพท์ออกมาเช็คเว่ยป๋อส่วนตัว ความเงียบครอบคลุมระหว่างสองเพื่อนรักอยู่หลายนาทีทีเดียวก่อนที่ใครคนหนึ่งจะเป็นฝ่ายทำลายความเงียบขึ้น "ขอโทษครับ ชาพีชของคุณได้แล้วครับ" เชนนั่นเอง เขาวางแก้วชาลงตรงหน้าเจ้านายสาว "ขอบใจ" อลิศเอ่ยเรียบๆ ผิดกับหลี่ซิ่วอิงที่เงยหน้าขึ้นมามองหนุ่มน้อยของเธอด้วยแววตาพราวระยับทีเดียว "เชน มาแล้วเหรอ เสียดายจริง ฉันไม่รู้ว่าเธอจะไปร้านนั้น ไม่อย่างนั้นคงจะฝากเธอสั่ง americano มาให้ฉันสักแ
“คุณอลิศครับ ใกล้ถึงแล้วครับ” เขาโน้มตัวไปกระซิบเบาๆ ครู่เดียวเธอก็ขยับกายตอบรับ ค่อยๆลืมตาขึ้น ความงัวเงียเมื่อก่อนขึ้นรถผ่อนคลายลงมากทีเดียว พร้อมแล้วที่จะลุยงานต่อตลอดวันนี้“ไม่สบายหรือเปล่าครับนายหญิง” โจวเยว่นั่งอยู่ตรงที่นั่งข้างคนขับเอ่ยถามขึ้นบ้าง เพราะร้อยวันพันปี เขาไม่เคยเห็นเจ้านายสาวหลับในรถแบบนี้เลย ดูเหมือนหลังออกจากโรงพยาบาลคราวนี้ เจ้านายสาวของเขาจะดูเหนื่อยล้าเหมือนคนไม่ได้นอนหลับอย่างเต็มที่ ผิดกับเชนที่ดูสดใส จากที่พูดมากอยู่แล้ว ก็ยิ่งแสดงท่าทีเอาอกเอาใจเจ้านายสาวของเขาจนเกินพอดี หลายครั้งทำเอาคนเฝ้ามองอย่างเขานึกหมั่นไส้ ขวางหูขวางตา แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากนิ่งเฉย รู้ดีว่าตนเองคงไม่มีสิทธิ์คิดฝันถึงเจ้านายสาว อย่างมากก็คงเป็นได้แค่คนคอยเดินตามหลังแบบที่เป็นอยู่เท่านั้นละ“เปล่า ฉันสบายดี คงเพราะฉันทำงานหนัก พักผ่อนน้อยสะสมมานานละมั้ง ก็เลยเพลียนิดหน่อย คุณไม่ต้องเป็นห่วงหรอกอาเยว่” อลิศเอ่ยเลี่ยงๆ ดวงหน้างามร้อนวูบเพียงนึกถึงสาเหตุท่ำให้เธอแทบไม่ได้นอนตลอดคืนที่ผ่านมา ดูเถอะ...ขณะที่เธอแทบลืมตาไม่ขึ้น จนต้องงีบหลับระหว่างเดินทางจากกู๋เป่ยเข
ชายหนุ่มถามตนเอง ขณะที่กางเกงถูกมือเรียวรูดลงไปกองตรงปลายเท้า ยังไม่ทันที่มือเรียวจะโฉบเข้ามากอบกุมท่อนเนื้อที่กำลังหลับไหล ชายหนุ่มก็ถอยหลังไปสองสามก้าว เมื่อจู่ๆ ดวงหน้าของใครบางคนกลับลอยเข้ามาในห้วงความคิด ลู่เหยียนชิง คนที่จ้าวหมิงเทียนกำลังทำแบบนี้เพื่อสลัดเขาออกไป กำลังเข้ามารบกวนจิตใจอีกแล้ว เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ที่คิดถึงหมอนั่นทั้งกำลังจะเริ่มบทรักใหม่กับนาตาลี “คุณกลับไปเถอะ” “คะ” นาตาลีเงยหน้าขึ้นสบตาเขา คิ้วเรียวขมวดเข้าหาจนแทบจะชนกัน"ผมรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวเหมือนจะไม่สบายคุณกลับไปก่อนเถอะ อ้อ" เขาครางในลำคอก้มลงหยิบกางเกงขึ้นมาสวม หยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงออกมากดโอนเงินให้เธอจำนวนหนึ่ง ซึ่งมันมากพอที่จะทำให้เธอพอใจและไม่ติดใจอะไรกับการที่เขาทิ้งไว้กลางคันทั้งที่กำลังจะเริ่มต้นบทรักบทใหม่แบบนี้ " ให้ลีอยู่ดูแลคุณไหมคะ" " ไม่ต้องคุณกลับไปเถอะ ผมอยู่คนเดียวได้ ถ้ามีอะไร คนของผมก็อยู่ข้างนอก ยังไงพวกเขาคงไม่ปล่อยให้เจ้านายเป็นอะไรไปหรอกคุณกลับไปเถอะนะ" เขาพยายามทำน้ำเสียงให้เป็นปกติที่สุด ทั้งที่เริ่มหงุดหงิดกับการที่นาตาลีไม่ยอมออกไปจากห้องสักที "
"ทำไมจะไม่ได้ล่ะคะสำหรับคุณลีว่างเสมออยู่แล้ว" " ถ้างั้นเย็นนี้เจอกันที่เดิมนะ" " ค่ะแล้วเจอกันนะคะ" เธอส่งจูบผ่านสายมา "เอ่อ หมิงเทียนคะ พอดีว่าผู้จัดการของลีโทรมานะคะลีขอตัววางสายไปก่อนนะคะ" จากนั้นเธอก็ตัดการสนทนาไป ขณะที่จ้าวหมิงเทียน ยังคงพารถยนต์คันหรูมุ่งหน้าไปตามถนน โดยมีจุดหมายปลายทาง เป็นอาคารสำนักงานกลางของธุรกิจโรงแรมตระกูลจ้าว ขณะเดียวกันลู่เหยียนชิงกำลังจะออกไปทำงานที่บ่อนคาสิโนของตระกูลลู่ ขณะกำลังสวมรองเท้าคู่โปรดอยู่นั้น โทรศัพท์มือถือก็ส่งเสียงเรียกเข้าขึ้น คนที่โทรมาไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นคนที่เขาส่งไปจับตาดูความเคลื่อนไหวของจ้าวหมิงเทียนนั่นเอง " เป็นยังไงบ้าง" เขาถามเรียบๆ รู้หรอกว่าจ้าวหมิงเทียน ออกไปหาป๊ากับม๊า ที่คฤหาสน์ตระกูลจ้าว " ทุกอย่างเรียบร้อยดีครับคุณชาย ตอนนี้คุณชายจ้าว กำลังขับรถ เข้าออฟฟิศครับ" "ดี ฉันอยากรู้ว่า หลังเลิกงานเขาจะไปที่ไหนต่อ ตามไป แล้วส่งข่าวบอกฉันเรื่อยๆด้วยล่ะ" "ครับ คุณชาย" วางสายจากคนของเขาแล้ว ลู่เหยิยนชิงก็อดยิ้มน้อยๆ ให้ตัวเองไม่ได้ อยากรู้จริงๆ เลยว่าจ้าวหมิงเทียนจะทำหน้ายังไง กับการเซอร์ไพรส์เพื่อเอาใจเขา ที่กำลังจะเ
“เสี่ยวหมิงเทียน อย่ามัวทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่เลย มาๆ ดื่มชากับแม่ก่อนเถอะ เสี่ยวหลี เอาถ้วยชาใหม่มา ฉันจะรินชาให้ลูกชายฉัน” ฮูหยินตระกูลจ้าวหันไปสั่งคนรับใช้ของเธอ “ค่ะ นายหญิง” จากนั้นคนรับใช้วัยกลางคนก็เดินหายเข้าไปในครัว ครู่เดียวก็กลับออกมาพร้อมกับถ้วยชาใหม่ลายดอกหลันฮวา ก่อนจ้าวจื่อเยียนจะรับถ้วยชามารินชาผู่เอ๋อร์ร้อนควันกรุ่นมาวางลงตรงหน้าลูกชายคนโต “แล้วนี่ อายวน อาถิง แล้วก็อาฟานจะกลับฮ่องกงเมื่อไหร่ครับ” เขาถามไปอย่างนั้นเอง ที่จริงเขาไม่ใช่คนใยดีอะไรน้องๆ ทั้งสามเลยสักนิด คงเพราะอายุที่ห่างกันนานถึงสิบกว่าปี เขาจึงไม่ได้สนิทสนมกับน้องๆ ทั้งสามเลย ทุกครั้งเมื่อมาที่นี่ก็ทักทาย พูดคุยไปตามความจำเป็นเท่านั้น อีกนัยหนึ่งคืออยากจะหาเรื่องคุยกับสองบุพการีเสียมากกว่า “เดือนหน้าอายวนกับอาถิงก็เรียนจบแล้วล่ะลูก เห็นว่ากำลังพรีเซนต์โปรเจคจบอยู่ ส่วนอาฟานก็กำลังฝึกงาน อีกสองเดือนอายวนกับอาถิงก็จะกลับมาแล้วล่ะ ต่อไปลูกก็จะไม่ต้องเหนื่อยคนเดียวแล้วล่ะนะ มีน้องๆ เข้ามาช่วยดูแลโรงแรม จะได้มีเวลาให้อลิศเต็มที่ ม๊ากับป๊าจะได้อุ้มหลานซะที” เฮอะ ที่แท้ม๊าก็ห่วงเรื่องจะได้อุ้มหลาน
ใครจะหาว่าเขาคลั่งรักก็ช่างเถอะ ก็ใจเขามันยกให้จ้าวหมิงเทียนตั้งแต่แรกเจอแล้วนี่นา โดยที่เขาคงจำเด็กม. ต้นคนนั้นไม่ได้ด้วยซ้ำ คนที่จ้าวหมิงเทียนเคยเป็นฮีโร่ เข้ามาช่วยลู่เหยียนชิงเอาไว้ ตอนถูกนักเรียนอันธพาลรุ่นพี่รุมรังแก “เฮ้ย พวกแกทำอะไร ไม่มีอะไรทำแล้วรึไง ถึงได้รังแกเด็กตัวเล็กขนาดนี้ได้น่ะ” “คะ คุณชายจ้าว พวกเราเปล่ารังแกเด็กนะครับ ก็แค่ล้อเล่นเล็กๆน้อยๆเท่านั้นเอง อีกอย่างไอ้หน้าอ่อนนี่ดูเหยาะแหยะจะตาย มันไม่กล้าทำอะไรพวกผมหรอกครับ” หนึ่งในนักเรียนอันธพาลรุ่นพี่เอ่ยกับจ้าวหมิงเทียนด้วยท่าทีพินอบพิเทา มองปราดเดียว ลู่เหยียนชิงก็รู้ว่า จ้าวหมิงเทียนคงจะเป็นขาใหญ่ของโรงเรียนนี้อย่างแน่นอน “ไม่ต้องพูดมากใสหัวไปซะ แล้วอย่ามารังแกเด็กคนนี้อีก ไม่อย่างนั้นพวกแกเจอดีแน่” จ้าวหมิงเทียนขู่เสียงเข้ม กระทั่งนักเรียนอันธพาลกลุ่มนั้นเดินลับตาไปแล้ว เขาจึงหันมาจ้องหน้าเด็กม.ต้น หน้าหวานผิวพรรณขาวเนียนอย่างกับผู้หญิงตรงหน้าด้วยแววตาอ่อนโยนลง“ขะ ขอบคุณครับที่พี่ช่วยผมเอาไว้ พี่ชื่ออะไรครับ เผื่อว่าวันหน้าผมจะได้ตอบแทนพี่บ้าง”“ตัวเล็กแค่นี้จะตอบแทนอะไรฉันได้ แค่นายเอาตัวรอดได้โดย






![สมิงดำ [มาเฟียร้ายรัก]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)
