หลังจากวิ่ง 4 คูณร้อยมาไม่รู้นานเท่าไหร่แล้ว เชนก็พาเธอมาถึงร้านขายของเก่าแห่งหนึ่ง เชนยังคงได้แต่หอม ขณะที่หญิงสาวแต่งตัวดีคนนั้นหันมามองเขานิ่ง แล้วเอ่ยเรียบเรื่อยว่า
"ฉันชื่ออลิศ ลี ถ้าไม่อยากมีปัญหา อย่าบอกใครเรื่องวันนี้" สายตาเด็ดเดี่ยวจากดวงตาคู่สวยบอกเขาว่า คำพูดของเธอเมื่อครู่นั้น เธอเอาจริงแน่นอน นาทีนี้ เชนไม่รู้หรอกว่า เขาเพิ่งจะช่วยหัวหน้าแก๊งมาเฟีย ฮ่องกง เจ้าของธุรกิจ โรงแรมแห่งใหญ่ บนฝั่งเกาลูน ผู้กำลังเป็นข่าวใหญ่ในแวดวงธุรกิจและแวดวงอาชญากรรมอยู่ในขณะนี้ “ผมไม่บอกใครหรอกน่า ว่าแต่ผมช่วยคุณแบบนี้แล้ว ผมจะซวยหรือเปล่า” “คงไม่หรอก พวกมันคงยังไม่ทันเห็นหรอกว่าใครเป็นคนช่วยฉันเอาไว้ ขอบคุณคุณอีกครั้งที่ช่วยเหลือ ฉันไปก่อนล่ะ” พูดจบเธอก็วิ่งหายไปอีกทางหนึ่ง ยังดีนะ ที่เธอยังมีมารยาท รู้จักขอบคุณเขา ไม่ใช่พอปลอดภัยแล้วก็สะบัดตูดหนีหายน่ะ เฮ้อ หวังว่าเขาจะไม่ต้องเจอเหตุการณ์บ้าๆ แบบนี้อีกนะ เชนบอกตัวเอง แล้วออกเดินกลับมาตามถนนสายเล็กในซอยที่สามารถเดินทะลุมายังหอพักของเขาได้ กลับมาถึงบ้าน ก็พอดีแม่โทรมาบอกว่า พ่อบ่นปวดท้องอีกแล้ว แต่ก็ดื้อไม่ยอมไปหาหมอ ลูกที่อยู่คนละจังหวัดกับพ่อแม่อย่างเขาจะทำอะไรได้ล่ะ นอกจากปลอบใจแม่ไปว่า พ่อก็เป็นอย่างนี้แหละ หัวดื้อไม่มีใครเกิน “แล้วนี่แม่กินอะไรรึยัง” “กินแล้วล่ะ นี่ก็ต้มข้าวต้ม เอายาธาตุน้ำขาว ธาตุน้ำแดง ให้พอกินแล้วล่ะ กินเสร็จก็เข้านอนเลย” “ครับ แม่คอยดูอาการพ่อดีๆละกัน ถ้าพรุ่งนี้ยังไม่ดีขึ้นค่อยพาพ่อไปหาหมอนะครับ เดี๋ยวจะเป็นอะไรมากไปกว่านี้” “จ้ะลูก ว่าแต่เชน พอจะมีเงินให้แม่สัก500ไหม เพื่อพรุ่งนี้ได้พาพ่อไปหาหมอน่ะลูก วันนี้ทั้งวัน ขายของไม่ดีเลย ยังไม่ได้ทุนที่ลงไปเลยด้วยซ้ำ” น้ำเสียงแม่เต็มไปด้วยความอ่อนอกอ่อนใจ เศรษฐกิจขาลงก็อย่างนี้ ยิ่งชายแดนยังมีปัญหาคาราคาซังอีก ไม่แปลกหรอกที่แม่จะขายของไม่ดี “เดี๋ยวผมโอนให้นะแม่ พรุ่งนี้แม่ค่อยไปกดละกันนะครับ” เชน ถอนหายใจเบาๆ หรี่ตาลง พลางนึกถึงเงินก้อนในบัญชีที่มีอยู่ไม่กี่พัน น้ำพักน้ำแรงที่เพิ่งได้รับจากการไปทำงานพิเศษที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่งเมื่อคืนวานที่ผ่านมา “แม่ก็ไม่อยากรบกวนลูกหรอกนะ แต่ เฮ้อ มันไม่มีจริงๆนี่นา ทำไงได้” “ไม่เป็นไรครับแม่ ผมเข้าใจ แม่ไปนอนเถอะครับ ผมขออาบน้ำก่อน พอดีเพิ่งกลับมาถึงหอน่ะครับ” เขารอให้แม่วางสายไปก่อน แล้วจึงผลักประตูเข้าห้องไป ที่จริงครอบครัวเขา ก็มีพี่น้องตั้ง 3 คน พ่อแม่ ขายผลไม้รถเข็นหาเงินส่งเสียลูกให้มีการศึกษาดีๆ ได้ พอได้งานดีๆ มีครอบครัว ใหม่ ก็ต่างทิ้งให้พวกท่านที่เริ่มแก่ชรา พึ่งพาตนเองตามอัตภาพปีใหม่ สงกรานต์ไม่เคยกลับมาบ้าน เงินรายเดือนไม่เคยส่งเสียพ่อแม่ คงมีเพียงลูกชายคนเล็กอย่างข้าวเท่านั้น ที่ทำงานส่งเสียตัวเอง เรียนไปด้วย ส่งเสียพ่อแม่ไปด้วย ชีวิตลูกกตัญญูอย่างเขาก็เป็นแบบนี้แหละ ให้เรียนจบก่อนเถอะเชนสัญญากับตัวเองเลยว่า เขาจะทำทุกอย่างให้พ่อแม่สุขสบายเสียที หลังจากที่ต้องลำบากตรากตรำมานานแต่ใครจะรู้ว่าโชคชะตาจะเล่นตลกกับลูกกตัญญูอย่างเขาแบบไม่ปราณีเอาซะเลย...
เมื่อวันหนึ่ง แม่โทรมาหาเขาทั้งเสียงร้องให้ลอดมาตามสาย ทำเอาเขาที่เพิ่งตื่นนอน รีบดีดผึงจากพี่นอนแทบไม่ทัน ทั้งที่เพิ่งกลับมาจากทำงานเสิร์ฟเครื่องดื่มในสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง และเพิ่งได้นอนเมื่อตอนฟ้าใกล้สางนี้เอง “เชน พ่อ พ่อเข้าโรงพยาบาลลู”“ว่าไงนะครับ แล้วเป็นอะไรมากหรือเปล่า”
“ก็อาการปวดท้องเดิมเดิมนั่นแหละลูก แต่คราวนี้พอทั้งอาเจียน ทั้งถ่ายเป็นเลือด จนต้องมาโรงพยาบาล หมอตรวจแล้วบอกว่า เป็นเนื้องอกในลำไส้ ต้องรีบผ่าตัดด่วน แล้วมันต้องใช้เงินมากเหลือเกินลูกเอ๊ย”“โอ๊ย! ฉันไม่มีหรอกเชน นี่ลูกชั้นก็เพิ่งจะคลอดได้ไม่ถึงสองอาทิตย์ ไหนจะค่าคลอดค่านมค่าแพมเพิส นานา จิปาถะ ฉันจะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้พ่อกันล่ะ แกถามชินรึยัง”“ถามแล้วพี่ พี่ชิน ก็บอกว่าไม่มีเหมือนกัน”“เอ่อ ฉันก็ไม่มีเว้ย แค่นี้นะ ชั้นจะนอนเดียวต้องตื่นมาปั๊มนมอีก” ว่าแล้วชาร์มก็ตัดการสนทนาไป ทิ้งให้เชนได้แต่ยืนจ้องโทรศัพท์มือถือในมือ ก่อนจะทรุดกายลงกับม้านั่งตรงระเบียงนี่เอง “นายคงกำลังคิดไม่ตกเรื่องเงินอยู่สินะ” เสียงของอลิศพาให้เขาเงยหน้าขึ้นมองหน้าเธอตาเขม็ง“คุณยังไม่กลับอีกหรอครับ” เขาขมวดคิ้ว“พอดีฉันเพิ่งคุยกับคุณชุลีมาน่ะ เพิ่งรู้ว่า หลังออกจากตระกูลลีมา ครอบครัวนายก็ถือว่าพออยู่พอกินตามอัตภาพมาตลอด เพิ่งจะมาฝืดเคือง ก็ตอนที่ลูกชายคนรองของคุณชุลีติดพนัน จนต้องมาขอเงินคุณชุลีไปใช้หนี้”“ครับ ผมยอมรับ แต่ขอโทษเถอะครับ มันไม่ใช่ธุระอะไรของคุณเลย ที่จริงแม่ไม่ควรเล่าเรื่องนี้ให้คุณฟังด้วยซ้ำ เพราะถึงยังไงคุณก็ไม่ใช่คนในครอบครัวของผม”“แม่นายคงจะอึดอัดใจ นอกจากคุณแล้วก็คงไม่รู้จะเล่าให้ใครฟังล่ะมั้ง จะว่าไปเมื่อก่อน ฉันกับแม่นาย เราสนิทกันมากเลยนะ
โรงพยาบาล แห่งหนึ่ง ใจกลางกรุงเทพยามค่ำคืน แม้ไม่พลุกพล่านด้วยผู้คนดังเช่นช่วงเช้า หรือกลางวัน แต่ก็ยังมีคนไข้ญาติคนไข้ นั่งอยู่ตามแผนกต่างๆบ้างประปราย เชนก้าวเร็วๆ ไปยังห้องฉุกเฉิน ตามคำบอกเล่าของแม่ ก้อนเนื้อในช่องอกสั่นสะท้าน เมื่อคำพูดของแม่ ยังคงชัดเจนในห้วงคำนึง “พ่อช็อก ตอนนี้อยู่ในห้องไอซียู ลูกมาที่โรงพยาบาลตอนนี้เลยได้ไหม” “ได้ครับ แม่ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้” เขาตอบออกไปเสียงสั่น เมื่อเห็นว่าแม่นั่งรออยู่ตรงเก้าอี้ด้านหน้าห้องฉุกเฉิน ชายหนุ่มก็รีบปราดเข้าไปหา มือทั้งสองจับรวบข้อมือแม่เอาไว้แน่น “หมอว่ายังไงบ้างครับแม่”แม่ส่ายหน้าน้ำตาเอ่อรินอาบสองแก้ม“หมอยังไม่ออกมาเลยลูก แม่ก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าพ่อจะเป็นยังไงบ้าง เอ่อ แม่ขอตัวเข้าห้องน้ำเดี๋ยวนึงนะลูก” แม่แกะมือออกจากมือใหญ่ของเขา แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป ใช้เวลาทำธุระส่วนตัวอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ ขณะกำลังล้างมืออยู่ตรงอ่างล้างมือนั่นเอง สายตาของเธอก็ไปปะทะเข้ากับร่างสมส่วนของหญิงสาวคนหนึ่ง หน้าตาบ่งเค้าความเป็นคนจีน คงไม่ทำให้เธอแปลกใจอะไรเลย หากดวงหน้าสวยของคนข้างตัวจะไม่ทำให
“จะ จำได้ครับ” เขาเอ่ยตะกุกตะกัก แล้วกลืนน้ำลายลงคอ ชั่งใจอยู่ครู่ กับการเริ่มเสนอตัวเองให้ลูกค้าในคืนแรก“คะ คุณมาเที่ยวเหรอครับ”“แล้วนายคิดว่ายังไงล่ะ”“แล้วคนส่วนใหญ่มาที่นี่ทำไมล่ะครับ ถ้าไม่ใช่มาหาความสุข” เอ่ยออกไปแล้ว เชนก็รู้สึกหน้าร้อน “งั้นเหรอ” อลิศหัวเราะเบาๆ “นายนี่มันมองโลกด้านเดียวจริงๆ นายคิดว่าผู้หญิงที่มาที่นี่ จะต้องมาพาผู้ชายไปนอนด้วยอย่างเดียวงั้นเหรอ นายไม่คิดบ้างเหรอว่า ที่นี่ทำได้มากกว่าเที่ยวกลางคืน” “เอ่อ ผมไม่ทราบครับ” “เด็กน้อย” เธอยิ้ม “แล้วนายล่ะ มาทำอะไรที่นี่ อย่าบอกนะว่า” เธอปรายตาไปยังชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่ง กำลังเดินเคียงคู่หญิงสาวแต่งตัวดี ท่าทางกระเป๋าหนักออกไป“ถ้าผมบอกว่าใช่ล่ะครับ” ถึงจะทำใจมากแล้ว หากเชนก็อดนึกอนาถใจในโชคชะตาตัวเองไม่ได้ ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ยังไงคืนนี้เขาก็จะต้องหาลูกค้าใหม่ซักคนให้ได้ อย่างน้อยก็ผู้หญิงตรงหน้านี่แหละ “นายนี่ซื่อจริงๆ เลยนะ จะไปรอดเหรอ” “ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ บอกตรงๆ ผมเพิ่งมาทำงานที่นี่เป็นวันแรกด้วย” ไม่รู้อะไร ทำให้เขาอยากบอกเธอออกไปตรงๆ แบบนั้น “งั้นเหรอ ไปคุยกันหน่อยสิ” ว่าแล้วเธอก็ลุกเดินกลับไปท
“ทะ เท่าไหร่ครับแม่” น้ำ เสียงเขาสั่นเครือ ลมหายใจสะดุดกับอุปสรรคทางการเงินที่กำลังร่วงใส่หัวเขาโครมใหญ่ “ค่าผ่าตัดกับค่ายารวมแล้ว แสนนึงลูก ยาต้องนำเข้า แถมยาบางตัว สิทธิ์รักษาพยาบาล ก็ใช้ไม่ได้ ถ้าไม่มีเงินจ่ายโรงพยาบาลไปก่อน ทางโรงพยาบาลก็จะไม่รักษาให้ แม่ไม่รู้จะทำยังไงดีแล้วลูก” แม่ร้องไห้หนักขึ้น ทำเอาเขาใจเสีย “ใจเย็นๆนะแม่ เราต้องผ่านเรื่องนี้ไปได้สิ แล้ว...พี่ชินกับพี่ชาร์มว่าไงบ้างครับ” เชนคิดว่าเขาคงยังฝากความหวังไว้กับพี่ชายและพี่สาวได้แหละ เพราะอย่างน้อยทั้งสองคนก็ทำงาน มีเงินเดือนมากกว่านักศึกษาอย่างเขาที่ทำงานพิเศษไปวันๆ “พี่เค้าก็ไม่มีเหมือนกันลูก เมียชินก็เพิ่งคลอดลูกคนที่สอง ส่วนชาร์มก็เพิ่งได้งานใหม่” แม่สะอื้นฮัก เมื่อพูดถึงลูกอีกสองคน ที่ไม่เคยพึ่งพาอะไรในยามคับขันได้เลยจริงๆ “แม่ใจเย็นๆ ก่อนนะ เชนจะหา...” “เชนจะไปหาเงินมากมายพวกนั้นมาจากไหนลูก ถ้าต้องทำผิดกฎหมาย ไม่เอานะ แม่ไม่ยอม” “ผมไม่ทำหรอกครับแม่ ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ยังไงผมก็จะพยายามหางานพิเศษทำ หาเงินมารักษาพ่อให้ได้” เชนรู้ตัวดีว่า ที่
หลังจากวิ่ง 4 คูณร้อยมาไม่รู้นานเท่าไหร่แล้ว เชนก็พาเธอมาถึงร้านขายของเก่าแห่งหนึ่ง เชนยังคงได้แต่หอม ขณะที่หญิงสาวแต่งตัวดีคนนั้นหันมามองเขานิ่ง แล้วเอ่ยเรียบเรื่อยว่า "ฉันชื่ออลิศ ลี ถ้าไม่อยากมีปัญหา อย่าบอกใครเรื่องวันนี้" สายตาเด็ดเดี่ยวจากดวงตาคู่สวยบอกเขาว่า คำพูดของเธอเมื่อครู่นั้น เธอเอาจริงแน่นอนนาทีนี้ เชนไม่รู้หรอกว่า เขาเพิ่งจะช่วยหัวหน้าแก๊งมาเฟีย ฮ่องกง เจ้าของธุรกิจ โรงแรมแห่งใหญ่ บนฝั่งเกาลูน ผู้กำลังเป็นข่าวใหญ่ในแวดวงธุรกิจและแวดวงอาชญากรรมอยู่ในขณะนี้“ผมไม่บอกใครหรอกน่า ว่าแต่ผมช่วยคุณแบบนี้แล้ว ผมจะซวยหรือเปล่า”“คงไม่หรอก พวกมันคงยังไม่ทันเห็นหรอกว่าใครเป็นคนช่วยฉันเอาไว้ ขอบคุณคุณอีกครั้งที่ช่วยเหลือ ฉันไปก่อนล่ะ” พูดจบเธอก็วิ่งหายไปอีกทางหนึ่ง ยังดีนะ ที่เธอยังมีมารยาท รู้จักขอบคุณเขา ไม่ใช่พอปลอดภัยแล้วก็สะบัดตูดหนีหายน่ะ เฮ้อ หวังว่าเขาจะไม่ต้องเจอเหตุการณ์บ้าๆ แบบนี้อีกนะ เชนบอกตัวเอง แล้วออกเดินกลับมาตามถนนสายเล็กในซอยที่สามารถเดินทะลุมายังหอพักของเขาได้ กลับมาถึงบ้าน ก็พอดีแม่โทรมาบอกว่า พ่อบ่นปวดท้องอีกแล้ว แต่ก็ดื้อไม่ยอมไปหาหมอ ลูกที่อยู่
“เอ้า พี่เชน จะกลับแล้วเหรอคะ” เสียงกังวานใสเอ่ยขึ้น ขณะ “เชน” นักศึกษาหนุ่มจากคณะนิเทศศาสตร์ กำลังเดินดุ่มๆ ไปยังป้ายรถเมล์ด้านหน้ามหาวิทยาลัย นักศึกษาหนุ่มชะงักฝีเท้า หันกลับมามองนักศึกษาสาวรุ่นน้อง “พี่จะกลับแล้วครับ พอดีมาส่งโปรเจค น้องดาวละครับ กลับยังไง มีใครมารับหรือเปล่า” เขาถามไปอย่างนั้นเอง รู้หรอกว่า วาดดาว จะต้องมีรถยนต์คันหรู มาจอดเทียบที่หน้าตึกคณะ ไม่ก็หน้ามหาวิทยาลัย เป็นประจำทุกวันอยู่แล้ว “ดาวยังไม่กลับหรอกค่ะ พอดีเย็นนี้มีซ้อมเต้นที่ชมรมน่ะค่ะ” วาดดาวพูดจ้อยๆ ตามประสารุ่นน้องผู้มีมนุษย์สัมพันธ์ดี “พอดีว่า ดาวออกมาหาอะไรรองท้องก่อนนะคะ เดี๋ยวตอนซ้อมจะหิวล่ะแย่เลย” เธอเอ่ยยิ้มๆ ก่อนโบกมือให้เขา ก่อนที่เชนจะก้าวเดินต่อ ไปยังป้ายรถเมล์ที่อยู่ไม่ไกล หลังจากเสียเวลาฝ่าการจราจร แน่นขนัดบนท้องถนนกรุงเทพฯ มานานร่วมชั่วโมงเชนก็มาถึง หอพักย่านเยาวราช ความเบื่อหน่าย หงุดหงิด ฉายชัดอยู่ในสีหน้าและแววตา กับการเดินทางที่ต้องใช้เวลานานเป็นพิเศษ ทั้งที่จากมหาวิทยาลัยมาถึงเยาวราช ก็ใช่ว่า จะเป็นระยะทางไกลมากเสียเมื่อไหร่ แต่กลับต้องมา