เข้าสู่ระบบ
“เอ้า พี่เชน จะกลับแล้วเหรอคะ” เสียงกังวานใสเอ่ยขึ้น ขณะ “เชน” นักศึกษาหนุ่มจากคณะนิเทศศาสตร์ กำลังเดินดุ่มๆ ไปยังป้ายรถเมล์ด้านหน้ามหาวิทยาลัย นักศึกษาหนุ่มชะงักฝีเท้า หันกลับมามองนักศึกษาสาวรุ่นน้อง
“พี่จะกลับแล้วครับ พอดีมาส่งโปรเจค น้องดาวละครับ กลับยังไง มีใครมารับหรือเปล่า” เขาถามไปอย่างนั้นเอง รู้หรอกว่า วาดดาว จะต้องมีรถยนต์คันหรู มาจอดเทียบที่หน้าตึกคณะ ไม่ก็หน้ามหาวิทยาลัย เป็นประจำทุกวันอยู่แล้ว
“ดาวยังไม่กลับหรอกค่ะ พอดีเย็นนี้มีซ้อมเต้นที่ชมรมน่ะค่ะ” วาดดาวพูดจ้อยๆ ตามประสารุ่นน้องผู้มีมนุษย์สัมพันธ์ดี
“พอดีว่า ดาวออกมาหาอะไรรองท้องก่อนนะคะ เดี๋ยวตอนซ้อมจะหิวล่ะแย่เลย” เธอเอ่ยยิ้มๆ ก่อนโบกมือให้เขา ก่อนที่เชนจะก้าวเดินต่อ ไปยังป้ายรถเมล์ที่อยู่ไม่ไกล
หลังจากเสียเวลาฝ่าการจราจร แน่นขนัดบนท้องถนนกรุงเทพฯ มานานร่วมชั่วโมงเชนก็มาถึง หอพักย่านเยาวราช ความเบื่อหน่าย หงุดหงิด ฉายชัดอยู่ในสีหน้าและแววตา กับการเดินทางที่ต้องใช้เวลานานเป็นพิเศษ ทั้งที่จากมหาวิทยาลัยมาถึงเยาวราช ก็ใช่ว่า จะเป็นระยะทางไกลมากเสียเมื่อไหร่ แต่กลับต้องมาเสียเวลาเดินทางโดยใช่เหตุแบบนี้
แต่ก็นะ... ทำอย่างไรได้ล่ะ ในเมื่อเขา ดันได้ ทุนเรียนดี มีโอกาสได้เรียนต่อระดับปริญญาตรี ที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้นี่นา ดีนะ ที่ไม่ต้องหาเงินจ่ายค่าเทอม แค่หาเงินค่าอยู่ค่ากิน ค่าเดินทางก็พอจะหางานพิเศษทำถูไถไปได้ หากต้องเสียค่าเทอมอีก ฐานะครอบครัวยากจนอย่างเขา คงไม่มีปัญญาเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังแห่งนี้แน่
สายลมยามเย็นพัดเรื่อย เชน ก้าวขาตามทางเดิน ผ่านร้านรวงแผงลอยขาย อาหารหลากชนิด ทั้งอาหารคาวและอาหารหวาน กลิ่นหอม ฟุ้งตลบอบอวลของอาหาร ผสมผสานกัน จากพี่จะหอมน่ากิน ก็กลายเป็นดมแล้วชวนเวียนหัว พ่อค้าแม่ค้าคนไทยเชื้อสายจีน ต่างส่งเสียงสนทนาเซ็งแซ่ บ้างก็พูดภาษาไทย บ้างก็พูดภาษาจีน หนุ่มสาวออฟฟิศ วัยทำงาน เดินเลือก ซื้อหาอาหารกันขวักไขว่ พาให้บรรยากาศในตลาดช่วงเย็นคึกคักไม่น้อย
แต่แล้วนักศึกษาหนุ่มก็ต้องชะงัก เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า เร็วๆ ใกล้เข้ามา ปนกับเสียงพูดภาษาจีน ที่เขาเองก็ฟังไม่เข้าใจ อาราม ตกใจพาให้เขาหันกลับไปมอง
วินาทีนั้นเอง หญิงสาวร่างสูงเพรียวในชุดสูทสีดำก็กระโจนเข้าหาเขา 2 ร่างใกล้ชิด จนเขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นน้ำหอมจางๆ จากกายเธอ
"ช่วยด้วย!" เธอพูดภาษาไทยชัดเจน ทั้งที่เมื่อนาทีก่อนเขาได้ยินเต็ม 2 หูว่าเธอพูดภาษาจีน ฟังแล้ว น่าแปลกใจ หากเชนก็ไม่ได้คิดอะไร คิดแค่ว่าเมื่อชาวต่างชาติต้องการความช่วยเหลือ เขาในฐานะพลเมืองดีก็ควรจะช่วยเหลือเธอให้ปลอดภัย มือแข็งแรงจึงคว้ามือเธอ แล้วพาวิ่งเข้าซอยแคบ ๆ ข้างร้านขายโคมไฟจีน
รู้สึกเย็นสันหลังวาบ เมื่อหูได้ยินเสียงปืนดังสนั่นจากด้านหลังสองเท้าพาเธอวิ่งหลบเข้าตรอกแคบ มีเพียงแสงสว่างรำไรจากไฟนีออนจากป้ายร้านค้าส่องนำทาง ฝีเท้าของคนหลายคนไล่หลังใกล้เข้ามาแล้ว ตามมาด้วยเสียงสั่งการ ด้วยภาษาจีนเร็วปรื๋อ น้ำเสียงนั้นเข้มและเต็มไปด้วยความเร่งร้อน
“หาให้เจอ”
แม่เชนจะฟังไม่เข้าใจ แต่เขารู้ดีว่า ถ้าพวกนั้นตามเขาและเธอเจอคงไม่เกิดเรื่องดีแน่ เขาจึงตัดสินใจพาเธอปีนข้ามรั้วเตี้ยๆ เข้าไปในโกดังร้างแห่งหนึ่ง ลมหายใจหอบแรง ทั้งที่ภายในโกดังแห่งนั้นเต็มไปด้วยฝุ่น คลุ้งกระจายไปทั่ว สายตา กราดมองเธอที่กำลังหลบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ ยามนี้ดวงตาคู่สวยไหวระริกหวาดหวั่น หากภายนอกนั้นกลับยังคงวางสีหน้าเรียบเฉยไม่แสดงความรู้สึกใด มันทำให้เขาอดคิดไม่ได้เลยว่า ถ้าเป็นผู้หญิงทั่วไปถูกตามล่าแบบนี้ เธอคงร้องกรี๊ดขวัญหนีดีฝ่อไปแล้ว แต่นี่ ดูท่าทางเธอแล้ว เหมือนว่าเธอชาชินกับเรื่องแบบนี้ เธอไม่แสดงออกเลยว่าหวาดกลัวต่อสิ่งที่เกิดขึ้น แม้เสียงฝีเท้าของคนหลายคนจะก้าวผ่านไปแล้ว แต่เธอก็ยังคงวางสีหน้าดังเดิม ลมหายใจยังคงสม่ำเสมอ แม้จะวิ่งมาด้วยกันในระยะทางไกลก็ตาม ต่างจากเขาที่ยังคงรู้สึกว่า โคตรเหนื่อย หายใจหอบจนปอดแทบจะหลุดออกมาอยู่แล้ว ดูพวกนั้นสิแต่งตัวยังกับเจ้าพ่อมาเฟียฮ่องกงในหนังเฮียเฉิน เรื่องนี้จะต้องไม่ธรรมดา แน่ๆ
“รู้อย่างนี้แล้ว ลูกยังจะโกรธพ่อกับแม่อยู่หรือเปล่าลูก” พ่อถาม หายใจหอบแรง อกสะท้อนขึ้นลง จนน่ากลัวว่า ลมหายใจเขาจะหมดลงเพียงเท่านี้จริงๆ “พ่อพักผ่อนเถอะนะครับ ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว” “ไม่ เชน พ่อคงไม่มีโอกาสนั้นอีกแล้ว” “พ่อคิดมาตลอดว่า ไว้ถึงเวลาค่อยบอกลูก เพราะอะไรรู้ไหม เพราะพ่อเองก็รักลูกมาก พ่อไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้อีกเลย พ่ออยากเก็บลูกไว้กับพ่อแม่ที่เมืองไทยไปตลอด ทั้งที่ก็รู้ว่าไม่มีทางเป็นไปได้ แต่โชคชะตาก็กลับเล่นตลกกับพ่อจนได้ ตอนพ่อตื่นขึ้นมา ชุลีบอกพ่อว่าลูกไปฮ่องกงกับคุณอลิศแล้ว พ่อก็ทำได้เพียงรอ ทุกครั้งที่พ่อเจ็บปวดจนทนไม่ไหว ไม่อยากจะหายใจอยู่ต่อไปอีกแล้ว พ่อก็ได้แต่ถามตัวเองว่า จะมีโอกาสได้บอกความจริงกับลูกไหม ทำไมพ่อถึงไม่ยอมบอกทุกอย่างตั้งแต่แรกนะ ไม่แน่ว่า หากความจริงทุกอย่างเปิดเผย เชนอาจได้กลับไปมีชีวิตที่ดีกว่านี้ ไม่ต้องมาใช้ชีวิตลำบากลำบน เป็นเบี้ยล่างของเจ้าชินกับชาร์มอย่างที่เป็นอยู่ อีกเรื่อง พ่อยังไม่แน่ใจเลยว่า ครอบครัวของลูกปลอดภัยดีรึยัง จนกระทั่งเมื่อเดือนก่อน ตอนชุลีพาพ่อออกไปเดินเล่น พ่อบังเอิญเห็นข่าวว่าครอบครัวของลูกเปิดตัวธุรกิจโรงแรมและการท่องเที
“พี่ชิน พี่ชาร์ม ผมบอกพี่สองคนแล้วใช่ไหมว่า วันนี้ผมไม่อยากทะเลาะกับพี่ ผมไม่อยากให้แม่กับพ่อที่นอนป่วยอยู่ในนั้นไม่สบายใจ แต่พี่ก็ยังจะชวนทะเลาะ ผมถามจริงๆเถอะนะว่าพี่ต้องการอะไรกันแน่”คำถามของเชนพาให้ชาร์มนิ่งอึ้งไป จริงสินะ เธอต้องการอะไรจากน้องกันแน่ หรือว่าเธอจงเกลียดจงชังเขา แต่มันเรื่องอะไรกันล่ะ ที่ทำให้เธอเกลียดน้องชายตัวเองจนเข้ากระดูก ทั้งที่เชนก็ไม่เคยทำอะไรให้เธอเจ็บช้ำน้ำใจ ที่ผ่านมาเธอเองก็เหมือนกับชินนั่นแหละ หากขาดเหลืออะไร ก็จะต้องไปหยิบยืมเงินเชน แต่เธอจะเบากว่าชินตรงที่ เธอเป็นปลาที่คอยตอดเล็กตอดน้อย ไม่ได้ขอยืมก้อนใหญ่อย่างชิน แต่ก็นั่นแหละ เธอรู้แค่ว่าต้องปกป้องชิน ก็เลยพลอยเป็นลูกคู่ของพี่ชายไปเท่านั้นละ และก่อนที่เรื่องราวจะบานปลายใหญ่โต จนเรียกสายตาญาติคนไข้ และบรรดาเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลไปมากกว่านี้ พยาบาลสาวใหญ่คนหนึ่งก็เดินเข้ามาสมทบ“พวกคุณกรุณาอย่ารบกวนคนไข้และญาติคนไข้คนอื่นๆ เ
“ไปคุยกับครูที่สำนักงานนะคะ”“ทำไมต้องไปด้วยล่ะคะ” น้องชาร์มเป็นฝ่ายเอ่ยถามขึ้นตามประสาเด็กขี้สงสัย“ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอกลูก เราไปด้วยกันนะคะ” ชุลียิ้มให้เด็กหญิงตัวน้อยแล้วจับจูงมือป้อมให้เดินตามมาด้วยกันครู่ต่อมาทั้งครูผู้ดูแล ผู้มาเยือน และสองเด็กกำพร้าก็มาถึงห้องทำงานของครูผู้ดูแลสถานสงเคราะห์“น้องชิน น้องชาร์ม นี่คุณชาญชัยกับคุณชุลี ท่านทั้งสองต้องการรับหนูไปเป็นลูกบุญธรรมนะคะ หนูไปอยู่บ้านของท่านทั้งสองนะลูกนะ ต่อไปพวกหนูจะมีครอบครัว มีพ่อแม่ มีบ้านใหม่แล้วนะ”“จริงเหรอคะ”“จริงเหรอครับ” เด็กทั้งสองมองผู้อุปการะคนใหม่ด้วยแววตาเป็นประกาย“จ้ะ ไปอยู่กับแม่กับพ่อนะลูก” แล้วชุลีก็รั้งตัวเด็กหญิงตัวน้อยมากอดเอาไว้แนบอก เช่นเดียวกับชาญชัยเองก็โอบกอดน้องชินเอาไว้“ไปอยู่กับพ่อนะลูกชิน พ่อกับแม่จะดูแลลูกทั้งสองเป็นอย่างดี นอกจากลูกแล้วเราจะมีน้องเล็กอีกคนนะ”“ใครคะ” เด็กหญิงตัวน้อยยังคงถามแจ้วๆ “น้องอยู่ที่บ้านจ้ะ น้องชื่อน้องเชน ต่อไปหนูจะมีทั้งพี่ชายและน้องชายนะคะ”“ค่ะแม่” เด็กหญิงตัวน้อยซุกดวงหน้ากลมเล็กลงกับอกแม่ ความอบอุ่นที่โหยหามานานซ่านสู่ห้วงหัวใจนับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา
“แล้วพี่ชาร์มล่ะครับ เขาไม่สะดวกเหมือนกันใช่ไหม”คุณชุลีพยักหน้ารู้ดีว่าลูกสาวคนรองกับลูกชายคนโตเหมือนกันตรงที่ว่าถ้าไม่เดือดร้อนเรื่องเงินก็ไม่มีวันที่จะมาหาเธอหรอก นี่ขนาดว่าคุณชาญชัยนอนอยู่ในห้อง ICU วันก่อนชาร์มยังมาหาเธอว่าด้วยเรื่องเงินๆทองๆ บอกว่าตนเองเดือดร้อนอย่างโน้นอย่างนี้แล้วก็ขอเงินเธอไป แต่เชนได้จ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลโอนตรงเข้าโรงพยาบาลไปแล้ว คุณชุลีจึงให้เงินลูกสาวคนรองไปไม่กี่พันเท่านั้น ถึงจะได้เงินแล้วแต่ชาร์มก็ยังคงไม่พอใจ มีท่าทีกระฟัดกระเฟียดกลับไปอยู่ดี “ผมว่าคุณอลิศกับคุณฉีไปหาที่นั่งแถวร้านกาแฟใกล้ๆ ก่อนก็ได้ครับ ไว้ถึงเวลาเยี่ยมไข้แล้ว ผมจะโทรหาเอง” เชนพยักหน้าให้เจ้านายสาวกับฉีเหวินหลงยิ้มๆครู่ต่อมามาเฟียต่างวัยทั้งคู่ก็ผละจากไป คล้อยหลังเจ้านายสาว เชนก็ประคองแม่มานั่งตรงเก้าอี้มุมหนึ่งด้านหน้าห้อง ICU นั่นเอง“แม่ครับ เข้มแข็งไว้นะครับเราจะสู้ไปด้วยกัน” เชนรวบมือทั้งสองข้างของผู้เป็นแม่มากุมเอาไว้“เชน แม่มีอะไรจะถามลูกสักหน่อย”“มีอะไรเหรอครับ” ชายหนุ่มขมวดคิ้ว สีหน้าเคร่งเครียดของแม่ทำให้เขาคิดไปว่าแม่คงกังวลกับอาการป่วยของพ่อ และอาจมีเรื่องในใจที่ต้อง
“ไม่ต้องกลัวหรอกน่า เธอเป็นพ่อบ้านส่วนตัวของอลิศไม่ใช่หรือ อีกอย่างตอนที่เธออยู่โรงพยาบาล เธอเองไม่ใช่หรือที่เป็นคนโทรบอกให้ฉันส่งคนไปช่วยเจ้านายของเธอที่กำลังตกอยู่ในอันตรายจากคนของจ้าวเค่อน่ะ” คำพูดนั้นเองที่ทำให้เชนรู้ในทันทีว่า อีกฝ่ายเป็นใคร“คุณฉี่เหวินหลง”“ใช่แล้ว ฉันเอง” พร้อมกับคำพูดนั้นชายสูงวัยก็ล้วงเข้าไปในคอเสื้อ หยิบเอาจี้หยกติดกับสร้อยคอมาส่งให้เชนดูจี้หยกรูปมังกรล้อมกรอบสวยงาม เหนือมังกรทะยานฟ้านั้นสลักคำว่าฉี“คุณจริงๆด้วย”“รู้แล้วก็ขึ้นมาเถอะ” เชนใจเต้นแรง ยามพยักหน้าให้ชายสูงวัย แล้วเปิดประตูก้าวขึ้นมานั่งตรงเบาะหลังด้วยท่าทีนอบน้อม“เธอจะไปไหนล่ะ” ชายสูงวัยยังคงถามต่อ“ผมจะไปหาแม่กับพ่อที่โรงพยาบาลครับ คือพ่อผมไม่สบายมาก นอนโรงพยาบาลมาหลายเดือนแล้ว”“งั
“ ผมไม่ได้คิดเหมือนพี่อีกอย่างเจ้านายก็ดีกับผมมาก ผมคงไม่ทำแบบนั้นหรอกครับ” ถึงจะพูดได้ไม่เต็มปากสักเท่าไหร่ แต่เขา ก็หวังจะเป็นเด็กเลี้ยงในความลับของเธอตลอดไปไม่คิด จะให้เธอมาเคียงคู่เขาหรอก“ ฟังดูดีจังเลยนะ แม่บอกว่าแกทำงานได้เงินดีทีเดียวเลยใช่ไหมถึงได้ส่งเงินมารักษาพ่อได้ เดือนละเป็นแสนๆ แกนี่โชคดีจริงๆ ขนาดยังเรียนไม่จบปริญญาตรีนะเนี่ยก็หาเงินได้มากมายขนาดนี้แล้ว”“ ครับ แล้วแม่ได้บอกพี่หรือเปล่าว่าเมื่อก่อนแม่ก็ทำงานกับครอบครัวของคุณอลิสด้วยเหมือนกัน” เชนเรียบเคียงถาม อยากรู้เหมือนกันว่า ก่อนหน้าที่เขาจะเกิดมานั้น ชินกับชาร์ม คงจะอยู่กับตายาย แล้วแม่กับพ่อก็คงจะส่งเงินมาให้ใช้ ระหว่างที่สองพี่น้องอยู่เมืองไทยตากับยายก็ต้องเล่าเรื่องนี้ให้ฟังบ้างล่ะ“ ไม่เห็นพูดถึงนะ นี่ตกลงพ่อกับแม่เคยทำงานกับบ้านคุณอลิซเขาจริงๆหรือ” ชินกะหมดคิ้วประหลาดใจจริงจัง น่าแปลกนะ ที่เรื่องเหตุผลที่เขาได้เป็นพ่อบ้านตระกูลลี พี่ชายกับพี่สาวเขากลับรู้ทุกอย่างเพียงผิวเผิน“ อ้าวตอนเด็กๆ ไม่ใช่ว่าพี่กับพี่ชาร์ม อยู่กับตายายร



![เจ้าเวหา [มาเฟียร้ายรัก]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)



