LOGINหรืออาจเพราะเด็กนั่นทำไปด้วยสัญชาตญาณหรือใจบริสุทธิ์ “อยากทำตัวเป็นนางฟ้าหรือไง จิตใจถึงสูงส่งนัก” อยากจะปลุกอีกฝ่ายมาถามให้รู้เรื่อง ว่าทำไปเพราะอะไร เพราะก็อยากรู้ จะได้ให้คำตอบกับหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะอยู่แบบนี้ ให้สงบลงเสียที...คนชั่วช้าอย่างหล่อน ไม่คู่ควรกับสิ่ง ๆ นั้นหรอก... ทั้งที่คิดอย่างนั้น ทว่าภายในใจนั้นกลับฟองฟู คลื่นความอบอุ่นถาโถมสาดซัดอย่างบ้าคลั่งความรู้สึกของการถูกปกป้อง...มันเป็นอย่างนี้หรืออาจเพราะเด็กนั่นทำไปด้วยสัญชาตญาณหรือใจบริสุทธิ์ “อยากทำตัวเป็นนางฟ้าหรือไง จิตใจถึงสูงส่งนัก” อยากจะปลุกอีกฝ่ายมาถามให้รู้เรื่อง ว่าทำไปเพราะอะไร เพราะก็อยากรู้ จะได้ให้คำตอบกับหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะอยู่แบบนี้ ให้สงบลงเสียที...คนชั่วช้าอย่างหล่อน ไม่คู่ควรกับสิ่ง ๆ นั้นหรอก... ทั้งที่คิดอย่างนั้น ทว่าภายในใจนั้นกลับฟองฟู คลื่นความอบอุ่นถาโถมสาดซัดอย่างบ้าคลั่งความรู้สึกของการถูกปกป้อง...มันเป็นอย่างนี้หรืออาจเพราะเด็กนั่นทำไปด้วยสัญชาตญาณหรือใจบริสุทธิ์ “อยากทำตัวเป็นนางฟ้าหรือไง จิตใจถึงสูงส่งนัก” อยากจะปลุกอีกฝ่ายมาถามให้รู้เรื่อง ว่าทำไปเพราะอะไร เพราะก็อยา
หรืออาจเพราะเด็กนั่นทำไปด้วยสัญชาตญาณหรือใจบริสุทธิ์ “อยากทำตัวเป็นนางฟ้าหรือไง จิตใจถึงสูงส่งนัก” อยากจะปลุกอีกฝ่ายมาถามให้รู้เรื่อง ว่าทำไปเพราะอะไร เพราะก็อยากรู้ จะได้ให้คำตอบกับหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะอยู่แบบนี้ ให้สงบลงเสียที...คนชั่วช้าอย่างหล่อน ไม่คู่ควรกับสิ่ง ๆ นั้นหรอก... ทั้งที่คิดอย่างนั้น ทว่าภายในใจนั้นกลับฟองฟู คลื่นความอบอุ่นถาโถมสาดซัดอย่างบ้าคลั่งความรู้สึกของการถูกปกป้อง...มันเป็นอย่างนี้หรืออาจเพราะเด็กนั่นทำไปด้วยสัญชาตญาณหรือใจบริสุทธิ์ “อยากทำตัวเป็นนางฟ้าหรือไง จิตใจถึงสูงส่งนัก” อยากจะปลุกอีกฝ่ายมาถามให้รู้เรื่อง ว่าทำไปเพราะอะไร เพราะก็อยากรู้ จะได้ให้คำตอบกับหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะอยู่แบบนี้ ให้สงบลงเสียที...คนชั่วช้าอย่างหล่อน ไม่คู่ควรกับสิ่ง ๆ นั้นหรอก... ทั้งที่คิดอย่างนั้น ทว่าภายในใจนั้นกลับฟองฟู คลื่นความอบอุ่นถาโถมสาดซัดอย่างบ้าคลั่งความรู้สึกของการถูกปกป้อง...มันเป็นอย่างนี้หรืออาจเพราะเด็กนั่นทำไปด้วยสัญชาตญาณหรือใจบริสุทธิ์ “อยากทำตัวเป็นนางฟ้าหรือไง จิตใจถึงสูงส่งนัก” อยากจะปลุกอีกฝ่ายมาถามให้รู้เรื่อง ว่าทำไปเพราะอะไร เพราะก็อยา
คล้ายพูดให้ท่อนไม้ที่โชกเลือดฟัง สุดท้ายผู้บริหารจึงถอนหายใจ บอกให้แพทย์มือหนึ่งและพยาบาลผู้ชำนาญมาทำแผลเบื้องต้นพร้อมสังเกตอาการคนเจ็บที่ไม่รู้จักเจ็บไปก่อนรอมานานเท่าใดมิอาจทราบ จนเมื่อนายแพทย์มือหนึ่งอีกคนเดินออกมา ได้รับฟังถ้อยคำที่น่าพึงพอใจ เหล่าคนที่นั่นก็พากันถอนหายใจโล่งอกไปด้วยที่ไม่ต้องรับพายุบ้าคลั่งจากคุณพันทิวาคนนี้อีกคำรบสอง จนเมื่อคล้ายจะพอใจ ร่างกายจึงทรุดลงกองกับพื้น เพราะกลับเข้าสู่สภาวะปกติที่เจ็บได้ร้องไห้เป็น...ตุบ...ตุบ...ตุบ... เสียงหัวใจของหล่อนเต้นสะท้อนอยู่ภายในอก... ดังรัว เร่งแรง คล้ายจะระเบิด ...เสียงแบบเดียวกันกับครั้งสุดท้ายที่หล่อนสูญเสียใครคนหนึ่งไปภาพใบหน้าเลือนรางในอดีตซ้อนขึ้นมา— หญิงสาวอีกคนในอ้อมกอด เลือดไม่มีให้ไหลออกมาแล้ว ตัวเย็นเฉียบในอ้อมกอดของหล่อน...ตอนนั้น...เธอตายไปโดยไม่มีแม้แต่โอกาสได้พูดคำลา หล่อนเคยสาบานกับตัวเองว่า จะไม่มีวันยอมให้ใครหลุดมือไปอีก“คุณพันทิวา!”...พันทิวาใช้สิทธิ์ของผู้ให้เงินทุนรายใหญ่ ฝ่าคำสั่งของนายแพทย์ใหญ่ของโรงพยาบาลนี้ เพื่อเข้ามาดูอาการของคนที่หลับสนิท ทั้งที่ควรต้องไปนอนรักษาตัวที่ห้องของตนเองมา
พันทิวากัดฟัน ออกแรงนิดเดียวก็โอบอุ้มร่างนั้นมาใส่อ้อมกอด พาขึ้นรถที่ขับพุ่งเข้ามาหานายเหนือหัวอย่างรู้ใจ ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วราวชั่วขณะใบไม้จากกิ่งก้านร่วงหล่นสู่พื้น และไม่มีใครรู้นอกจากคนที่สมควรรู้ นี่แหละชีวิตของนารยพยัคฆ์“เร็ว” น้ำเสียงเย็นเยือกนั้นสั่ง ชานนท์พยักหน้ารับคำนายเหนือหัว เป็นไปตามคำบัญชา...พันทิวาอุ้มร่างของเด็กน้อยเข้ามาในพื้นที่ของโรงพยาบาลที่ถูกสร้างไว้ให้กับนารยพยัคฆ์เท่านั้น ใบหน้านิ่ง ๆ นั่นทำเอาพวกเจ้าหน้าที่สำหรับคนไข้พิเศษที่เข้ามาต้อนรับและรับรองคนบาดเจ็บนั้นแทบอยากร้องไห้ด้วยกลัวเงาหัวจะไม่มีเนื่องจากทำงานกันช้าไม่ทันใจแม่คุณที่เป็นผู้บริจาครายใหญ่ให้กับโรงพยาบาลเอกชนระดับภูมิภาคนี้ “ห่วงตัวเองก่อนสิ” ผู้บริหารโรงพยาบาลหลังจากที่รับรู้เรื่องราวถึงกับถ่อมาจากที่พักในยามดึกในรุ่งเช้าแบบนี้ เพียงเพื่อจะมาห้ามปรามผู้บริจาคกิตติมศักดิ์ของโรงพยาบาลว่าให้เชื่อฟังแพทย์สักหน่อย“ไปรักษาตัวเองก่อน ไม่ใช่มาห่วงคนอื่นแบบนี้” ด่าเข้าให้มันก็ยังนิ่ง สายตาแทบจะเป็นเลเซอร์ทะลุกระจกประตูห้องฉุกเฉินรอมร่อเพียงเพื่ออยากให้แน่ใจว่าคนในนั้นพ้นขีดอันตราย...พันทิวากัดฟั
มองไปรอบกาย พื้นที่สงบเงียบ ก่อนจะก้มลงมองคนในอ้อมแขนนีรามนมองเสี้ยวหน้าที่วูบหนึ่งเท่านั้น...ตกใจกับสภาพของเธอหรือ?“ทดแทนบุญคุณหมดแล้วนะคะ” สายตาที่เริ่มปรือจะปิด ทว่ากลับมีร่องรอยยิ้มสมใจ...เช่นเดียวกับรอยยิ้มมุมปากเล็ก ๆ น่ากัดนัก ยังจะมายิ้ม... ทั้งที่สัมผัสได้ถึงลมหายใจที่เริ่มรวยรินสายตานั่นมันอะไรกัน สายตาที่เหมือนจะเชิดชูหล่อนหมดหัวใจนั่นมันอะไรกัน...“ไม้” พันทิวาไม่รู้ตัวเองด้วยซ้ำว่าเผลอเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงล่องลอยเช่นไร เมื่อเห็นเจ้าของชื่อที่เลือดโชกในอ้อมกอดฟุบพับกับอกหล่อนไปแล้ว“เดี๋ยว” สติไปไหนไม่รู้ เจ้าแม่ทรงอิทธิพลที่เคยเยือกเย็น เห็นความตายจนชินชามาตลอด ทว่าบัดนี้กลับคล้ายไก่อ่อนใบหน้านิ่ง ทว่ามือสั่นเทารวบกอดคนในอ้อมกอดแน่น ก่อนจะฉีกเสื้อเนื้อดีของตนเองมาใช้ห้ามเลือดให้คนตัวเล็ก มองไปรอบกาย พื้นที่สงบเงียบ ก่อนจะก้มลงมองคนในอ้อมแขนนีรามนมองเสี้ยวหน้าที่วูบหนึ่งเท่านั้น...ตกใจกับสภาพของเธอหรือ?“ทดแทนบุญคุณหมดแล้วนะคะ” สายตาที่เริ่มปรือจะปิด ทว่ากลับมีร่องรอยยิ้มสมใจ...เช่นเดียวกับรอยยิ้มมุมปากเล็ก ๆ น่ากัดนัก ยังจะมายิ้ม... ทั้งที่สัมผัสได้ถึงลมหายใจที่เร
ทว่าด้วยสัญชาตญาณหรือเปล่าหนอ หรือความรู้สึกที่พร้อมพลีชีวิตปกป้องอีกคน มันเอ่อล้น...และบัดนี้มันได้ทำงานรับใช้เต็มที่หางตาของนีรามนจึงเห็นแสงประกายวาววับวูบหนึ่งจากมุมตึกข้างเคียง ทั้งที่เธออาจสรุปความว่าเป็นแสงสะท้อนของดวงจันทร์ยามค่ำคืนก็ได้ ส่องอยู่ด้านหลังของพันทิวา...คนพี่มองไม่เห็นเพราะมัวแต่สนใจเด็กดื้ออย่างเธอ จุดอ่อนใหญ่หลวงของหล่อนทว่าสิ่งที่นีรามนทำกลับบ้าบิ่น เพราะเมามายหรือเปล่าหนอ?“คุณแพร!” สุรเสียงเรียกชื่อเล่นหล่อนนั้นกร้าวแกร่งกล้า ไม่ตัดพ้ออ่อนเครืออย่างเมื่อครู่และเมื่อนีรามนเข้าประชิดตัวพันทิวา ราวกับโลกหยุดหมุนปัง! จนเมื่อเสียงกระสุนนัดหนึ่งดังขึ้น ไออุ่นของคนตัวเล็กเอนมาทาบทับแนบร่างกายเธอ ร่างของนีรามนกระตุกเล็กน้อยจนพันทิวารู้สึกได้ราวกับเวลาหยุดหมุน ช่างทรมาน...พันทิวากอดร่างนั้นไว้มิให้ล้มลงตรงหน้า สายตาคมกริบจับจ้องหมายเอาชีวิตมือปืน มือขวาจึงหยิบปืนออกมาจากสูท ยกจ่อปลายกระบอกปืนเข้าเป้าที่กำลังเคลื่อนหลบ กระสุนทะลุกลางหน้าผากของคนที่ยังหลงเหลือมาลอบกัดหล่อนจนเกือบถึงแก่ชีวิตทว่าด้วยสัญชาตญาณหรือเปล่าหนอ หรือความรู้สึกที่พร้อมพลีชีวิตปกป้องอีกคน มัน







