ห้องอาหารชั้นบนสุดของโรงแรมหรูกลางกรุง เจ้าของร่างสมส่วนใบหน้าสวยเฉี่ยวที่ตบแต่งมาอย่างสวยงาม นั่งหน้าบูดบอกบุญไม่รับสายตาจับจ้องไปทางประตูของห้องอาหารเป็นระยะสลับกับก้มมองนาฬิกาเรือนหรู ถ้าจะมีใครสังเกตคงเห็น อารมณ์หงุดหงิดที่เกิดขึ้นจากความไม่ได้ดังใจตามประสาคนถูกตามใจจนเคยตัว สายตาสวยมองจ้องร่างสูงใหญ่หล่อเหลาที่เร่งรีบเดินเข้ามาด้วยความรีบร้อน ก่อนจะมาหยุดตรงสายตาสวยที่มองมาแบบโกรธกรุ่น "คุณมาช้ามากนะคะพุฒิ"ทันทีที่ชายหนุ่มมาถึง สาวสวยก็ตั้งคำถามขึ้นมาตามอารมณ์โกรธที่เริ่มปะทุขึ้น "ไม่เอาน่ามายด์" มายด์หรือมณีรินทร์ หญิงสาวสวยที่นั่งตรงหน้ามองสบตาพร้อมกับสายตาที่ขอคำอธิบาย "คุณให้ฉันรอคุณสองชั่วโมงเพื่อที่จะฟังคุณพูดแค่นี้ เหรอคะ" "ผมติดธุระกับครอบครัว คุณก็รู้" "ธุระอะไรคะพุฒิ ใช่ธุระเรื่องหมั้นของคุณหรือเปล่า"สายตาจ้องมองอย่างคาดคั้น "คุณจะให้ฉันรอไปถึงไหนคะคุณเองก็ไม่ชัดเจน ก็แค่คุณบอกว่าคุณไม่หมั้น คุณมีแฟนอยู่แล้วคุณพูดได้ไหมคะ จะอะไรกันนักหนาเชียว"หญิงสาวกล่าวด้วยอารมณ์โกรธ "มายด์คุณก็รู้ว่าผมยังพูดอะไรไม่ได้ มันเป็นข้อตกลงที่ทางผู้ใหญ่เราเคยคุยกันไว้" "แล้วไงคะ?ผู้ใหญ่คุณคุยกันแล้วฉันต้องรอด้วยเหรอคะ คุณต่างหากที่ไม่กล้าตัดสินใจอะไรเลย คุณไม่กล้าขัดใจพ่อแม่คุณ หรือบางทีคุณอาจจะไม่รักฉันแล้วหรือเปล่า" "มายด์!พูดอะไรของคุณ ผมนะเหรอที่ไม่รักคุณ คุณก็รู้ว่าผมรักคุณคนเดียว" ชายหนุ่มพูดรัวเร็วเหมือนจะย้ำความรู้สึกของตัวเอง "สั่งอาหารเถอะผมหิวแล้ว"พุฒิพัฒน์เอ่ยตัดบทเพราะกลัวจะบานปลาย "ไม่หิวคะ!"บอกอย่างคนเอาแต่ใจ "ระหว่างรอคุณฉันกินลมไปจนอิ่มแล้ว ขอตัวเลยนะคะ ช่วงบ่ายมีงานต่อ"พูดจบก็ลุกขึ้นยืนไม่รอให้อีกฝ่ายได้เอ่ยอะไรอีก "ออ…พุฒิคะถ้าคุณยังไม่ชัดเจนแบบนี้ฉันคงต้องทบทวนข้อเสนอของคุณพ่อท่านแล้วสิคะ บางทีการรับนัดกับ คนอื่นบ้างอาจจะทำให้คุณตัดสินใจอะไรเร็วขึ้น"พูดจบร่างโปร่งก็เดินจากไปด้วยท่าทางมาดมั่นแบบคนที่มั่นใจในตัวเองสูง "โธ่โว้ย!อะไรกันนักหนาเชียว "ชายหนุ่มสบถอย่างอารมณ์เสีย วันนี้อะไรๆของเขาดูจัดการยากไปหมด พุฒิพัฒน์กำหมัดแน่นทบทวนบทสนทนาของคนรักก่อนจากไป "นัดรับคนอื่นหรอไม่มีทาง!" กล่าวอย่างหัวเสียพร้อมกับสายตาที่ขุ่นมัว คนเอาแต่ใจ รถสปอร์ตคันหรูเลี้ยวเข้ามาตีวงจอดหน้าคฤหาสน์ ‘ราชภัค’ด้วยความเร็วสูงตามอารมณ์ของคนขับ ทันทีที่รถจอดร่างโปร่งสมส่วนก็ก้าวออกมาอย่างรีบร้อน "คุณมายด์ กลับแล้วเหรอคะ"สาวใช้วิ่งออกมารับหน้า "ก็เห็นกลับมาแล้วจะถามทำไมอีก"ตอบแบบไม่สบอารมณ์พร้อมกับส่งของในมือให้สาวใช้ "คุณแม่อยู่ไหม" "อยู่ค่ะ" "อือ จะไปไหนก็ไป"พูดจบก็เดินเข้าบ้านทันที "อะไรของเขานะ ตอนออกไปยังยิ้มหน้าบานอยู่เลย"สาวใช้เกาหัวแกรกๆด้วยความงงพร้อมกับส่ายหน้าไปมา "กลับมาแล้วหรอลูกไหนว่าไปทานข้าวกับคุณพุฒิ ทำไมกลับเร็วจังเลย"คุณวดีเอ่ยถามหลังจากเห็นคนหน้างอเดินเข้ามาในบ้าน "ไปเจอกันค่ะแต่ไม่ได้ทานข้าว จริงๆแทบไม่ได้คุยกันเลยด้วยซ้ำ"บอกพร้อมกับกระแทกตัวลงนั่งด้วยใบหน้าที่งอง้ำยิ่งกว่าเดิม "ทะเลาะกันอีกแล้วเหรอลูกทำไมช่วงนี้ทะเลาะกันบ่อยจังเลย นี่ก็นานแล้วนะที่คุณพุฒิไม่ได้แวะมา" คุณวดีเอ่ยถามด้วยความห่วงใย "บางทีมายด์ว่าเรื่องของมายด์กับพุฒิคงจะเป็นไปไม่ได้แล้วค่ะแม่ "เอ่ยด้วยน้ำเสียงปนเบื่อหน่าย "มายด์คงคบกับพุฒินานเกินไป พุฒิเค้าถึงไม่เลือกมายด์ คงเห็นมายด์เป็นของตาย" "ยายมายด์อะไรกันลูก มีปัญหาอะไรเล่าให้แม่ฟังสิ"คุณวดีเอ่ยถามด้วยความห่วงใย "ปัญหาเดิมๆค่ะแม่ลูกแหง่กลัวแม่ ไม่รู้สิคะบางทีมายด์คงต้องถอยบ้างเพื่อให้เค้าได้มีเวลาคิด คุณแม่อย่าสนใจเลยค่ะ มายด์โอเค ถ้ามันใช่ก็คงใช่มานานแล้ว ขอตัวนะคะแม่มายด์ปวดหัว"พูดจบก็เดินออกไป ทิ้งให้คุณวดีมองตามด้วยสายตาสงสัยและห่วงใย ลูกคนนี้ใช่ว่านางจะไม่รู้นิสัยถึงจะดูเป็นคนเข้มแข็งแต่จริงๆแล้วก็มีมุมที่อ่อนไหว นางก็พอจะไม่รู้เรื่องราวของลูกกับคนรักมาบ้าง ข่าววงในก็ลือกันให้สะพัดถึงการหมั้นหมายของ พุฒิพัฒน์กับพิมพ์มาดา ถึงมณีรินทร์จะบอกว่าไม่เป็นไรแต่นางก็ยังอดห่วงลูกไม่ได้อยู่ดี "ยายมายด์เอ้ย"คุณวดีถอนหายใจ…………………………………………………………………… เสียงสัญญาณมือถือดังขึ้น เจ้าของเพียงแค่ปรายหางตามอง ปล่อยให้มันดังอยู่แบบนี้มาสักพักหนึ่งแล้ว ทั้งสายโทรเข้าและเสียงแอพพลิเคชั่นไลน์ที่ดังต่อเนื่องมาสักพัก "สามสิบสาย! คุณคิดว่าจะง้อฉันด้วยวิธีเดิมๆเหรอคะ" ริมฝีปากอวบอิ่มยกยิ้มมุมปากให้กับมือถือ "ห่างกันบ้างก็ดีค่ะ คุณจะได้เห็นคุณค่าของฉันบ้าง"พูดพร้อมกับกดปิดมือถือ เป็นอันจบการสนทนาที่มีเพียงหญิงสาวพูดเพียงคนเดียวเท่านั้น เสียงบริการฝากหมายเลขโทรกลับของปลายสาย ทำให้ใบหน้าหล่อเหลาที่ตอนนี้บูดบึ้งจนคิ้วแทบชนกันกำหมัดทุบโต๊ะระบายอารมณ์ที่ขุ่นมัว ถ้าโต๊ะทำงานเป็นหน้าสวยๆของคนปลายสายป่านนี้คงพังยับเยิน "รับสายสิครับมายด์ คุยกันให้รู้เรื่องก่อน"พุฒิพัฒน์ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ทำงาน พร้อมกับกดปุ่มติดต่อภายใน "คุณสาเย็นนี้เลื่อนนัดให้ผมก่อนนะ บอกทางเราจะติดต่อกลับไปอีกครั้ง” “ให้มันได้อย่างนี้สิมายด์เสียงานเสียการจริงๆ"สบถออกมาอย่างหัวเสีย
มานี่เลยคุณ"ธรรศธรออกเเรงลากหญิงสาว "ปล่อยฉันนะ ช่วยด้วยค่ะ!"เธอดิ้นพร้อมกับร้องขอความช่วยเหลือ มีเจ้าหน้าที่หลายคนขยับเข้ามา "ใครเข้ามากูยิง!"ธรรศธรขู่ ทำให้เจ้าหน้าที่หยุดชะงัก "มานี่!"ชายหนุ่มลากต่อ ร่างบางที่ดิ้นและขืนตัวไว้ทิ้งตัวลงกับพื้น เธอไม่ยอมเดินตามเขา "ลุกขึ้น!"ธรรศธรกระชากแขนหญิงสาวให้ลุกขึ้น "นี่คุณ! เบาๆหน่อยสิ"วิชุดาที่ยืนตะลึงดูเหตุการณ์แหวใส่ เมื่อเห็นชายหนุ่มชักจะทำกับเพื่อนเธอหนักเกินไปแล้ว เธอรีบถลาเข้าหาหวังจะเข้าไปหาเพื่อนดนัยจึงรีบเข้าไปขวางไว้ "ปล่อยให้คุณหนึ่งจัดการเองดีกว่าครับ"ดนัยขวางหน้า พร้อมกับเอ่ยอย่างสุภาพ "วิช่วยฉันด้วย!"มณีรินทร์กรีดร้อง "มายด์…"วิชุดาอยากจะเข้าไปหาเพื่อนรัก "คุณเป็นคนโทรตามผมมาที่นี่ เพราะฉะนั้นอย่ามายุ่งดีกว่า เมื่อคุณเองก็ไม่มีปัญญาจัดการกับเธอ"ธรรศธรเอ่ยเสียงดังฟังชัด วิชุดาหน้าซีดเผือด "วิ!"มณีรินทร์ร้องเรียกชื่อเพื่อนเสียงดัง หันมามองด้วยสายตาสงสัย "ยังไงผมก็ต้องขอบคุณนะ"ธรรศธรเอ่ยขอบคุณ หลังจากหันไปช้อนร
อาการกระสับกระส่ายนั่งไม่ติดกับที่ของวิชุดาอยู่ในสายตาของมณีรินทร์มาสักพักแล้ว วิชุดาคงห่วงเธอมาก ทำเรื่องแบบนี้ถ้าพลาดขึ้นมาก็ตายกันมาหลายคนแล้ว แต่เธอไม่กลัว อีกแค่นิดเดียวทุกอย่างก็จะจบลง เมื่อหญิงสาวที่นั่งคิวก่อนหน้าเริ่มทยอยเข้าไปกันหลายคนแล้ว "วิแกเป็นอะไรหรือเปล่า"มณีรินทร์เอ่ยถามหลังจากเห็นวิชุดาชะเง้อมองทางเข้าตลอดเวลา "เปล่า เปล่า ฉันแค่ห่วงแก"บอกพร้อมกับส่งมือไปกุมมือบางที่ชื้นเหงื่อ "ฉันโอเค ถ้าแกอึดอัดแกลงไปรอที่รถก็ได้ ฉันอยู่ได้" "ไม่เป็นไรมายด์ฉันจะอยู่กับแก"บอกพร้อมกับส่งยิ้มจืดชืดมาให้ เวลาผ่านไปนานเท่าไรแล้ว ยังไม่มีทีท่าว่า'ไอ้ชั่ว'ของ มณีรินทร์จะมาถึงสักที และ'ไอ้ชั่ว'หน้าตาจะเป็นยังไงกันนะลองว่าคิดทำเรื่องเลวๆแบบนี้ได้หน้าตาคงจะน่ากลัวน่าดู วิชุดา จินตนาการหน้า 'ไอ้ชั่ว'ไปต่างๆนานา เริ่มอยู่ไม่สุขเมื่อคิวก่อนหน้ามณีรินทร์ถูกเรียกเข้าไปข้างใน คุณพระคุณเจ้าช่วยลูกด้วย ขอให้ทุกอย่างทันเวลา วิชุดาคิดพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในใจ เมื่อหาที่จอดรถได้ร่างสูงใหญ่รีบลงจากรถ และวิ่งอย่างรีบร้อน พร้อมกับกดหาเบอร์ของคนท
"มีอุบัติเหตุข้างหน้าครับคุณหนึ่ง"ดนัยรายงานเมื่อจับอาการของคนที่นั่งกระสับกระส่ายมาสักพัก ธรรศธรเพียงพยักหน้าตอบ สายตาของเค้าจับจ้องอยู่ที่นาฬิกาข้อมือเรือนหรู "ว่าแต่คุณหนึ่งให้ไปที่นั่นทำไมครับ"ดนัยเอ่ยถามเพราะมันเป็นคนละทางกับทางกลับออฟฟิศของเขา "มีหน้าที่ขับก็ขับไปเถอะ"เสียงที่ดังมาแบบไม่สบอารมณ์ทำให้ดนัยแอบขำ นั่นไงองค์ลงดนัยส่ายหัวไปมากับคำตอบของเจ้านาย "ไอ้โอมึงเหยียบไปเลยนะกูให้เวลาสิบนาที มึงต้องถึง" "ห๋า!คุณหนึ่งรถนะครับไม่ใช่ไอรอนแมน" "ถ้ามึงช้ากูไล่ออก"กรรมของไอ้โอจริงๆ มีเจ้านายวัยทอง ดนัยอยากจะเอาหัวโขกกับพวงมาลัยรถให้ตายๆไปสะ อาการกระสับกระส่ายนั่งไม่ติดกับที่ของวิชุดาอยู่ในสายตาของมณีรินทร์มาสักพักแล้ว วิชุดาคงห่วงเธอมาก ทำเรื่องแบบนี้ถ้าพลาดขึ้นมาก็ตายกันมาหลายคนแล้ว แต่เธอไม่กลัว อีกแค่นิดเดียวทุกอย่างก็จะจบลง เมื่อหญิงสาวที่นั่งคิวก่อนหน้าเริ่มทยอยเข้าไปกันหลายคนแล้ว "วิแกเป็นอะไรหรือเปล่า"มณีรินทร์เอ่ยถามหลังจากเห็นวิชุดาชะเง้อมองทางเข้าตลอดเวลา "เปล่า เปล่า ฉันแค่ห่วงแก"บอก
วิชุดาหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตอยู่พักใหญ่ หลังจากให้มณีรินทร์นอนพัก เพราะอาการเวียนหัวของเธอเริ่มก่อตัวขึ้นมาอีก หลังจากเจอสถานที่ที่ต้องการแล้ว สองสาวก็พากันออกจากบ้าน วิชุดาเสนอให้มณีรินทร์เลื่อนการเดินทางออกไปก่อน เพราะสิ่งที่คิดจะทำนั้นเธอก็ไม่รู้ว่ามันจะสำเร็จหรือไม่วิชุดาเสนอให้มณีรินทร์มาพักอยู่กับเธอที่บ้าน เพราะสะดวกในหลายๆ เรื่องระหว่างทางวิชุดาคิดหาทางออกให้มณีรินทร์หลายทาง แต่มณีรินทร์ก็ไม่รับข้อเสนอจากเธอสักทาง จนกระทั่งมาถึงจุดหมายที่จีพีเอสพามา เป็นซอยแคบๆ ที่แยกออกมาซอยหลักจากถนนใหญ่อีกที ป้ายหน้าอาคารเขียนว่า’ คลีนิคXXX’ ชื่อหรูฟังดูดีแต่ ทั้งสองสาวรู้ว่าที่นี่คือที่จะทำให้มณีรินทร์หลุดพ้นจากสิ่งที่เป็นอยู่ เมื่อหาที่จอดรถได้วิชุดามองหน้าเพื่อนรักอีกครั้งมาถึงตรงนี้แล้วคงไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนใจมณีรินทร์ได้แน่นอน"มันอันตรายนะมายด์ ถ้าแกเปลี่ยนใจไปที่อเม...""ฉันไม่กลัว"คำว่าอเมริกาค้างไว้ที่ปากของวิชุดาเมื่อมณีรินทร์ยังยืนยันความตั้งใจเดิม ทั้งสองเข้าไปติดต่อข้างในและนั่งรอเรียกตามที่เจ้าหน้าที่ ที่แต่งตัวคล้ายๆ พยาบาลสั่งวิชุดาขนลุกซู่เมื่อนึกไปต่างๆ นานา ตาจับจ้อง
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยมณีรินทร์ก็ขับรถตามมาที่บ้านของเพื่อนสนิท เธอเหนื่อยและอยากพัก แต่ด้วยสายตาที่มองมาอย่างสงสัยของวิชุดา บวกกับคำพูดที่บอกว่ามีเรื่องคุยยาวเธอจึงต้องตามมา พรุ่งนี้เธอจะเดินทางไปอเมริกามีบางอย่างที่ยังทำไม่เรียบร้อย และคืนนี้เธออยากบอกฝันดีกับพ่อและแม่ จึงอยากมาคุยให้จบๆจะได้รีบกลับบ้าน "มายด์แกเป็นแบบนี้มานานหรือยัง"วิชุดาเอ่ยถามทันทีที่มณีรินทร์เดินตามเข้ามาในบ้าน "อะไร"มณีรินทร์งงกับคำถาม วิชุดากรอกตามองบนคนฉลาดมากๆอย่างมณีรินทร์บดจะโง่ขึ้นมานี่โง่ได้ใจเลยจริงๆ "ก็อาการที่แกเป็นเนี่ย อ้วก อาเจียน เวียนหัว อะไรที่แกเป็นน่ะ"วิชุดาบอกอย่างรำคาญ "สักพักแล้วสงสัยจะนอนน้อย"มณีรินทร์ตอบตาใส "เหรอยะ มายด์นี่แกแกล้งโง่หรือเปล่า"วิชุดาแหวกลับ "อะไร" "ง่ายๆสั้นๆนะ แกนอนกับพุฒิครั้งสุดท้ายเมื่อไร" "วิ!"มณีรินทร์เรียกชื่อเพื่อนเสียงสูง "เออ! ชัดไหม"มณีรินทร์หน้าซีดเผือดตัวชาหนึบ เหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นตามหน้าผากและฝ่ามือ "วิ…แกหมายความว่าไง" "มายด์ ก็ไอ้อากา
มณีรินทร์คิดในใจ และก่อนที่พิธีกรจะประกาศอะไรต่อ เมื่อแสงแฟลชรัวมาที่เธอชุดใหญ่ ร่างกายเธอก็สุดจะทนร่างบางล้มลงตรงนั้นที่กลางเวที มณีรินทร์ไม่รู้ว่ามีการประมูลเพชรที่เธอสวมใส่หรือไม่ เพราะสติเธอดับวูบไม่รู้แม้กระทั่งว่ามีใครมารับเธอไว้ หรือปล่อยให้เธอล้มลงไปอย่างหมดสภาพ เสียงร้องกรีดร้องของแขกในงานดังขึ้นแล้วก็เงียบหาย ทุกอย่างมืดสนิท เธอไม่รับรู้อะไรอีกเลย"มายด์ มายด์ แกเป็นไงบ้าง"เสียงเรียกของวิชุดาปลุกให้หญิงสาวตื่นขึ้น มณีรินทร์ปรือตาขึ้นช้าๆ สมองมึนงง"ที่นี่ที่ไหนนะวิ"เอ่ยถามเมื่อปรับสภาพสายตาให้เข้ากับแสงในห้องได้"ห้องพักของโรงแรมแกล้มลงน่ะ ดีนะที่คุณพีทเขารับไว้ทัน ไม่อย่างนั้นนะแกเอ้ย"วิชุดาพูดค้างไว้แค่นั้น พร้อมกับทำท่าทางหวาดเสียว"คุณมายด์เป็นไงบ้างค่ะ"เสียงทีมงานที่รออยู่เอ่ยถามพร้อมๆ กันมณีรินทร์มองกวาดไปทั่วห้อง เธออยู่บนเวที เธอกำลังเดินแบบแทนนางแบบที่เบี้ยวงาน ทุกอย่างกำลังจะจบลง แล้วหลังจากนั้นเธอก็มานอนอยู่ที่นี่ สายตามณีรินทร์มองไปยังร่างสูงโปร่ง ที่ยืนอยู่อีกมุมหนึ่งของห้อง เขาคนนี้คือคนที่เอาช่อดอกไม้ขึ้นไปให้เธอบนเวที และเป็นคนเดียวกับที่วิชุดาเรียกว่าคุณพี