Mag-log inธามพยักหน้าอย่างพอใจ ราวกับได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว เขาไม่พูดอะไรต่อ เพียงแค่หันไปทางหยก ก่อนจะหันกลับไปมองทางด้านหน้าแทน ดารินทร์สังเกตุได้ว่าทั้งสองยิ้มให้กันเพียงเล็กน้อยด้วย…ทั้งสองเดินผ่านดารินทร์ไป มุ่งหน้าไปยังประตูห้องทำงานของวินทัพ ลูกน้องของวินทัพเคาะประตูเบา ๆ ก่อนจะเปิดให้ธามเข้าไป โดยมี
เมื่อทั้งสี่คนก้าวออกจากลิฟต์และมาถึงชั้นบนสุดซึ่งเป็นโซนห้องทำงานของวินทัพ บรรยากาศก็เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด จากความวุ่นวายของชั้นล่าง กลายเป็นความเงียบสงบที่แฝงไว้ด้วยอำนาจและความตึงเครียดในเวลาเดียวกัน ทางเดินทอดยาวปูพรมสีเข้ม ผนังกระจกใสสะท้อนแสงแดดจากภายนอกจนดูเย็นชาและห่างไกลทันทีที่มาถึงหน้
เช้าวันใหม่เริ่มต้นขึ้นพร้อมกับแสงแดดอ่อนที่ส่องผ่านกระจกหน้ารถ วินทัพขับรถด้วยสีหน้าสงบนิ่ง ทว่าภายใต้ความนิ่งนั้นกลับซ่อนความตึงเครียดเอาไว้แน่นหนา ดารินทร์นั่งอยู่ข้างเขา เธอพยายามจัดระเบียบความคิดของตัวเองตั้งแต่ก้าวขึ้นรถในเช้านี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้าเหมือนเงามืดที่ยังไม่จางหาย และชื่อข
ยามเย็นเริ่มคลี่คลุมเมืองใหญ่ด้วยแสงสีส้มอ่อน แดดสุดท้ายของวันสะท้อนกระจกตึกสูงเป็นริ้วเงายาวทอดทับถนน รถยนต์คันหรูเคลื่อนตัวออกจากลานจอดของบริษัทอย่างเงียบงัน ไม่มีบทสนทนา ไม่มีเสียงเพลง วินทัพเลือกปล่อยให้ความเงียบทำหน้าที่ของมัน เพราะบางครั้ง ความเงียบก็อ่อนโยนกว่าคำพูดใด ๆ มากกว่าดารินทร์นั่งอย
ประตูห้องทำงานของเขาถูกปิดลงอย่างหนักแน่น เสียงกลอนประตูดังขึ้นเพียงเบา ๆ แต่สำหรับวินทัพ มันเหมือนเป็นสัญญาณเริ่มต้นของบางสิ่งบางอย่างที่ไม่อาจเลี่ยงได้อีกต่อไป เขายืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง หลังพิงประตู ดวงตาคมเข้มหลับลงช้า ๆ สูดลมหายใจลึกเพื่อกดอารมณ์ที่ปะทุขึ้นไม่หยุดตั้งแต่ธามก้าวเท้าเข้ามาในอาณาเขตข
รถคันเดิมแล่นออกจากสุสานอย่างเงียบงัน บรรยากาศในรถแตกต่างจากตอนขามาอย่างสิ้นเชิง ดารินทร์นั่งพิงเบาะ มือหนึ่งวางบนท้อง อีกมือกำชายเสื้อแน่นราวกับยังไม่อาจปล่อยความรู้สึกที่ค้างคาออกไปได้ ส่วนวินทัพจับพวงมาลัยด้วยสีหน้านิ่งขรึม ดวงตาคมจ้องถนนตรงหน้า แต่จิตใจกลับวนเวียนอยู่กับภาพหลุมศพไร้ชื่อที่ยังตาม







