ตอนเช้า
"อื้อออ.."
ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาในห้องของตัวเอง ก่อนจะดันตัวลุกขึ้นนั่งช้า ๆ พลางมองไปรอบ ๆ เขา ไปแล้วสินะ... มันเป็นแบบนี้มาสี่ปีแล้วแหละ เขาทำแบบนี้กับฉันมาสี่ปีแล้ว ฉันเป็นตัวอะไรสำหรับเขากันนะ ฉันลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวเตรียมไปซื้อของเข้าห้องด้วยร่างกายที่แทบจะไม่มีแรงเหลือ คนเอาแต่ใจอย่างเขาชอบทำแบบนี้กับฉันเสมอน่ะแหละ
“อืม...น่าจะซื้อเยอะเลยนะเนี่ย..”
ฉันพึมพำกับตัวเองพลางนึกถึงของที่จะซื้อ ถ้าถามว่าฉันเอาเงินมาจากไหนทำไมถึงยังอยู่คอนโดหรูหรานี่มาได้ถึงสามปี ก็เพราะพ่อกับแม่ฉันส่งตังมาให้ทุกเดือนเลยน่ะสิ แต่ไม่เคยติดต่อมาสักครั้ง พวกเขาส่งมาให้ฉันครั้งละสามหมื่นบาทต่อเดือน แต่ฉันก็ไม่ได้ใช้ฟุ่มเฟือยเลยนะ ประหยัดสุด ๆ เลยล่ะ ฉันเห็นแบบนี้ก็รู้จักขี้งกเหมือนกันนะ
ซุปเปอร์มาร์เก็ต
ฉันมาถึงห้างก็ตรงไปโซนซุปเปอร์มาร์เก็ตทันที ฉันต้องรีบหน่อยแล้วล่ะไม่ค่อยอยากอยู่ข้างนอกนาน ๆ เดี๋ยวฉันมีปัญหาอีก ไม่รู้เขามีกล้องติดตามตัวฉันหรือไง ถึงได้รู้ไปหมดว่าฉันทำอะไร ที่ไหน กับใคร
“อืม…จะพอมั้ยนะ”
ฉันพึมพำกับตัวเองพลางคำนวนว่าจะเอาไข่ไก่กับมาม่าไปไว้เท่าไหร่ให้พอเดือนนี้ดี
“ขอโทษนะครับ...”
ฉันหันไปมองคนที่สะกิดเรียกฉันอย่างตกใจเล็กน้อย ก่อนจะหันไปหาคนที่สะกิดเรียก
“เอ๊ะ!?”
แต่ที่ทำฉันตกใจมากก็คือคตที่ทักฉันนี่แหละ
“ไงครับ”
เขาทักทายฉันแล้วยิ้มอย่างใจดีเหมือนที่ชอบทำให้บ่อย ๆ
“พี่เทม?”
ฉันเรียกชื่อเขาด้วยความตื่นเต้น พี่เทมเป็นลูกของเพื่อนคุณพ่อของฉันเอง ฉันเล่นกับเขามาตั้งแต่เด็ก ๆ จนพอขึ้นมัธยมเขาก็ดันต้องไปเรียนต่อต่างประเทศซะงั้น ตั้งแต่วันที่ไปส่งเขาที่สนามบินวันนั้น เขาก็หายไปเลย จนกระทั่งตอนนี้…
“ไปไง มาไงคะเนี่ย”
ฉันเริ่มถามไถ่ทันที เพราะไม่ได้เจอหน้ากันนาน
“พี่ว่าเราไปหาร้านนั่งคุยกันดีกว่ามั้ย ยัยตัวเล็ก ไม่เจอกันซะนานเรื่องคุยน่าจะเยอะ”
เขาพูดแล้วเอามือลูบหัวฉันอย่างหมั่นเขี้ยว ก่อนจะส่งยิ้มมาให้ฉันบาง ๆ
“นี่!พี่เทม! ผมยุ่งเลยเนี่ย ไปหาร้านนั่งก็ได้ค่ะ แต่ว่าห้ามเรียกตัวเล็กแล้วนะ เพราะตอนนี้เค้าโตแล้ว”
ฉันพูดพร้อมทำหน้าหมุ่ยใส่เขา พร้อมกับเดินไปด้วย จนลืมไปเลยว่าต้องซื้อของด้วย
“ก็ยังเล็กเหมือนเดิมเลยนะ นี่โตขึ้นบ้างมั้ยเนี่ย”
แหม๋เขาตัวโตกว่าฉันขึ้นนิดหน่อยทำมาเป็นเถอะ ตัวโตขึ้นละทำเป็นมาพูดบุลลี่ฉันนะ
“ใครมันจะไปตัวโตอย่างพี่กันล่ะฮ่ะ! ว่าเเต่ไปทำอะไรมาเนี่ย ดูหล่อขึ้นมากเลย”
ฉันเดินไปมองสังเกตุเขาดี ๆ ไปด้วย เรื่องจริงนะ เขาดูดีขึ้นมาก มากเสียจนฉันก็แทบจำเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ
“แน่นอนอยู่แล้วก็นะ พี่ไปตรงไหนสาว ๆ ก็มองอะนะ”
เขาว่าแล้วยักคิ้วส่งมาให้ฉันกวน ๆ ยอตัวเองสุดๆ ไปเลยจ้าพ่อคุณ
“ยกเว้น เค้าคนหนึ่งอะ ที่ม่ายมองง”
“หรอยัยตัวเล็ก”
พี่เทมพูดแล้วเอามือมาดึงเเก้มทั้งสองข้างของฉันอย่างกับฉันเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ อย่างงั้นแหละ
“อ่อย อ๊าาา ไอ้ อี้ อ้าา (ปล่อย น๊าาา ไอ้พี่บ้าา) ”
ฉันพูดพลางตีมือเขาไปด้วยเบา ๆ เป็นเชิงบอกให้เขาปล่อย
“ว่าแต่เราเถอะสบายดีหรือเปล่า”
เขาถามแต่สายตาเต็มไปด้วยความสงสารและเป็นห่วง เขาคงจะสื่อถึงเรื่องเมื่อสี่ปีก่อนที่ครอบครัวของฉันล้มละลายแบบกระทันหันแบบนั้น ถึงจะช้าไปแต่ก็รู้สึกดีขึ้นนิดหน่อย เพราะสายตาของเขาน่ะ มันต่างจากสายตาของผู้ชายอีกคนไปโดยสิ้นเชิงเลยล่ะ
“ก็ เรื่อย ๆ อ่ะแหละ เค้าก็ตั้งใจเรียนอยู่ อยากไปหาคุณพ่อคุณแม่ไว ๆ”
ฉันพูดแล้วเดินเลี้ยวเข้าไปในร้านกาแฟทันที เพราะไม่อยากพูดถึงเรื่องนั้นอีก
“ก็ดีแล้ว อ้อแล้วถ้ามีอะไรให้ช่วยบอกพี่ได้เลยนะยัยตัวเล็ก ห้ามเกรงใจนะ เข้าใจมั้ย”
ฉันอมยิ้มเล็กน้อยเมื่อเขาพูดแบบนี้ แอบรู้สึกดีที่มีคนเป็นห่วงฉันขนาดนี้
“งั้น เลี้ยงชาเขียวหน่อยนะคะ คุณพี่สุดหล่ออ”
ฉันพูดติดตลกพลางทำหน้าตาอ้อน ๆ เพราะไม่อยากเสียเงินซื้อน้ำที่ราคาต่อแก้วเป็นร้อย
"ได้ครับ คุณน้องคนสวย"
พี่เทมเองก็ตบมุขของฉันกลับอย่างรู้ทันทันที ให้มันได้อย่างนี้สิ พี่ฉัน สปอร์ต หล่อ ใจดี ครบจบในคนเดียว!
“งั้นเดี๋ยวพี่ไปสั่งเครื่องดื่มแปป เราเอาชาเขียวกับเค๊กวานิลลาใช่มั้ย?”
ไม่น่าเชื่อ ว่าเขายังจำได้ด้วยว่าฉันชอบอะไร
“ยังจำได้อยู่เหรอคะว่าเค้าชอบกินอะไรน่ะ”
ฉันพูดแล้วยิ้มตาหยีส่งไปให้เขา เขาเองก็ลูบหัวฉันเบา ๆ ก่อนจะเดินแยกไปสั่งเครื่องดื่ม ส่วนฉันก็เดินไปนั่งที่เก้าอี้เพื่อรอเขาทันที
ไม่นานนักเขาก็เดินกลับมาพร้อมเครื่องดื่มของเขาแล้วก็ของฉัน
“น่ากินจัง ของฟรีนี่ดี๊ดี”
ฉันพูดขึ้นเมื่อเขาวางถาดเครื่องดื่มลงตรงหน้าฉัน พร้อมกับเค้กวานิลลา
“ขอบคุณนะคะ คุณพี่เทม”
ฉันพูดขอบคุณเขาด้วยท่าทางน่ารัก หวังให้เขาเอ็นดูเยอะ ๆ เผื่อจะได้อะไรกินฟรีอีก
“กินเข้าไปจะได้อ้วน ๆ นี่วัน ๆ กินอะไรบ้างมั้ยเนี่ยฮ่ะ”
ฉันก็กินนะ กินมาม่าไง เช้า เย็น ส่วนเที่ยงฉันกินแซนวิซกับนมเอา หรือไม่ก็ไปหาอะไรกินกับยัยนก ถ้าเป็นแบบนั้นก็อาจจะกินเยอะหน่อย
“กินสิคะ กินจุแทบทุกมื้อเลยด้วยสงสัยพยาธิเยอะไปหน่อยน่ะค่ะ ฮ่าๆๆ”
ฉันพูดติดตลกแล้วหัวเราะออกมาแต่...ดูเหมือนคนฟังจะไม่ตลกด้วยเลย
“โกหกไม่เนียน ไม่เปลี่ยนเลยจริง ๆ สินะ”
เขารู้ทันอีกแล้ว เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กจริง ๆ
“พี่เทมรู้ได้ยังไงอ่า”
ฉันพูดพลางหลบตาแล้วทำเป็นกินเค้กต่อ
“ถ้าเธอโกหก เธอจะหัวเราะตบท้ายไม่กล้าสบตาตอนพูด เธอเป็นแบบนี้ออกบ่อย”
โห..นี่เขาเคยลืมเรื่องของฉันบ้างมั้ยเนี่ย ขนาดไม่ได้เจอกันนานแล้วนะเนี่ย หากเจอหน้ากันบ่อยครั้ง คงรู้หมดว่าฉันคิดอะไรแบบไหน
“โห..เก่งจัง พี่เทมเองก็ดูไม่เปลี่ยนไปเลยนะคะ เรื่องนิสัยมองออกคนเนี่ย เก่งที่หนึ่งเลย”
ฉันพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เพราะเขาเป็นแบบนั้นมาโดยตลอด แต่ก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงใครอีกคนที่มองฉันออกทะลุปรุโปร่งไปแล้วเรียบร้อย
“มีปัญหาอะไรหรือเปล่าทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ?”
ฉันรีบสบตากับคนตรงหน้าทันที ไม่ได้นะ เขาจะมารู้เรื่องของฉันกับพี่วินไม่ได้นะ หากเขารู้ เขาต้องพาฉันหนีไปหาพ่อกับแม่ทันทีแน่ ๆ แบบนั้นเขาอาจจะเดือดร้อนเพราะฉันอีกคนแน่ ๆ
“เปล่าค่ะไม่มีอะไรหรอกค่ะ”
ฉันพูดแล้วสบตาเขาอย่างไม่ต้องการให้เขาจับได้ทันที ไม่รู้ว่าได้ผลไหม แต่ถ้าเขาไม่ถามเซ้าซี้ก็คงได้ผลแหละ
“พี่เทมลองกินเค้กมั้ยคะ อร่อยน้า”
ฉันทำเป็นตักเค้กไปจ่อตรงหน้าเขา เพื่อเปลี่ยนเรื่องทันที
“ไม่เอาหรอก พี่ว่ามันเลี่ยนจะตายไป”
ฉันทำหน้าหมุ่ยเล็กน้อยก่อนจะเอาเค้กในช้อนนั้นกลับมากินเสียเอง ไม่เห็นจะเลี่ยนเลย หวานออก
“ยังชอบมันอยู่หรือเปล่า?”
จู่ ๆ เขาก็ถามถึงใครบางคน ที่ฉันเคยชอบเขามาก มากเสียจนไม่เคยเปิดใจให้กับใครอีก
“คะ? ใครหรอคะ?”
ฉันทำเป็นไม่เข้าใจในคำถามของเขาทันที เพราะรู้ดีว่าเขาหมายถึงใคร
“อย่ามาทำเป็นไขสือน่า เธอรู้ดีว่าพี่หมายถึงใคร”
ฉันเบือนหน้าหนีพี่เทมทันที จะให้ตอบว่าอย่างไรล่ะ ในเมื่อไม่เคยเลิกชอบเขาได้เลย แม้ใจดวงนี้จะเจ็บสักแค่ไหน ก็ไม่อาจจะลบความรู้สึกของฉันที่มีต่อเขาได้เลย
“ยังชอบอยู่สินะ ไม่สินานขนาดนี้ เรียกว่ารักแล้วล่ะมั้ง”
ฉันหันกลับไปมองเขาทันที ที่พี่เทมพูดออกมาแบบนี้เขาคงมองฉันออกอย่างตามเคย
“อย่าพูดถึงเขาเลยค่ะ เรื่องความรู้สึกของรินน่ะ มันไม่มีทางเป็นไปได้หรอกนะคะ”
ฉันรีบบอกเขาทันที เพราะไม่อยากให้เขาพูดถึงคนใจร้าย ที่ตอนนี้เอาแต่ทำตัวร้ายกาจกับฉันราวกลับว่าอยากจะบีบให้ตายคามือ
“ก็ได้ ถ้าเราต้องการแบบนั้น”
พี่เทมพูดแล้วยกแก้วกาแฟของเขาขึ้นจิบอย่างรู้ทัน ว่าฉันกำลังปกปิดความรู้สึกอะไรอยู่
“พี่เทมกลับมาอยู่กรุงเทพนานแล้วหรอคะ”
ฉันถามเพื่อเปลี่ยนเรื่องทันที เอ๊ะ นี่ฉันเปลี่ยนเรื่องบ่อยเกินไปหรือเปล่านะ
“อืม.. สองเดือนกว่า ๆ แล้วล่ะ พี่ย้ายกลับมาเรียนปี4ที่นี่น่ะ”
ฉันพยักหน้าเบา ๆ สงสัยจะคิดถึงที่นี่เลยย้ายกลับมา
“มหาลัยเดียวกับรินแน่เลย”
ฉันพูดไปยิ้มไปอย่างรู้ทัน ดูจากที่มาโผล่แถวนี้คงไม่ผิดจากที่คาดเดาสักเท่าไหร่หรอก
“แหน่ะเก่งขึ้นนะเนี่ย เริ่มตามพี่ทันซะและ”
ฉันยิ้มตาใสส่งไปให้เขาอย่างน้อมรับคำชม ไม่คิดจะถ่อมตัวสักนิด
“แล้วนี่เรามาซื้ออะไรล่ะ?”
อยู่ ๆ เขาก็ถามขึ้น จริงสิฉันมาซื้อของไปเก็บไว้นี่นา แล้วนี่ก็ผ่านมานานมากแล้วด้วย หนังสือก็ต้องกลับไปอ่านอีก ตายล่ะ!!
“เค้าลืมไปเลยอ่ะ! งั้นไว้เจอกันนะคะพี่เทม รินต้องไปแล้ว อ้อ! ขอบคุณสำหรับชาเขียวและเค้กอร่อย ๆ ด้วยนะคะ”
ฉันพูดลาเขาพลางรีบลุกขึ้นทันที ก่อนจะตักเค้กชิ้นสุดท้ายเข้าปากทันที และไม่ลืมจะหยิบแก้วชาเขียวมาด้วย
“เดี๋ยว ริน”
ฉันชะงักเท้าที่กำลังจะเดินออกจากตรงนั้นทันทีที่พี่เทมเอ่ยเรียกไว้
“ขอเบอร์ไว้ให้พี่หน่อย ไว้ติดต่อกัน”
พี่เทมพูดแล้วยื่นโทรศัพท์มือถอราคาแพงมาตรงหน้าฉัน ฉันพยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะรับโทรศัพท์ของเขามากดเบอร์ของตัวเองลงไป
“แล้วเจอกันนะคะพี่เทม บ๊ายบายน้า”
หลังจากกดเบอร์เสร็จก็ยื่นโทรศัพท์ของเขาคืนทันที ก่อนที่ฉันจะพูดลาแล้วโบกมือบ้ายบายเขาแล้วเดินออกจากร้านตรงไปซื้อของที่ตั้งใจว่าจะซื้อทันทีด้วยความเร่งรีบ
คอมเม้นท์ + กดใจ = เป็นกำลังใจนักเขียนนะคั้บ~~
หากต้องการอ่านตอนใหม่ก่อนใครสามารถเพิ่มเข้าชั้นหนังสือเพื่อรับการแจ้งเตือนได้นะคั้บ><