ปิ่นลดาครางกับตัวเอง นอกจากหลงมาอยู่ในที่แปลกประหลาด แต่ละคนที่หล่อนเจอก็เหมือนหลุดจากโลกที่เธอไม่คุ้นเคยด้วย
ศจีไม่ต่อล้อต่อเถียง หิ้วปิ่นโตเดินไปในห้องครัว คงจะจัดอาหารให้เธออย่างที่เคยทำ นี่เป็นหน้าที่ของศจีใช่ไหม ใครเป็นคนสั่งมา หรือจะเป็นคุณใหญ่คนนั้น“ฉันอยากพบคุณใหญ่ค่ะ”
ปิ่นลดาต้องพูดซ้ำถึงสามครั้งกับคนสามคนในเช้าวันรุ่งขึ้นเมื่อเดินมายังคฤหาสน์ใหญ่ คนแรกที่เจอเมื่อเข้ามาถึงเขตต้องห้ามตามที่ศจีเคยบอก เธอเห็นผู้ชายที่คงเป็นคนสวนง่วนอยู่กับการดูแลสวนดอกไม้ที่เคยเผลอเดินเข้ามาแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งพอสังเกตใกล้ ปิ่นลดาก็นึกทึ่งว่าแท้จริงนอกจากไม้ดอกและไม้ประดับที่พอคุ้นตาแล้ว ยังมีพืชผักต่างๆ ปลูกเป็นแปลงยาว ดูเป็นระเบียบ สวยงามไม่ต่างกัน หากว่ารายแรกนั้น เมื่อเธอถามก็ต้องอารมณ์เสียสุดฤทธิ์ นอกจากเธอจะถูกมองเหมือนเป็นสัตว์ประหลาด แล้วถูกเดินหนีอีกต่างหาก มันน่าหงุดหงิดนักเชียว หญิงสาวถึงฮึดมาถึงหน้าระเบียงคฤหาสน์ คราวนี้เป็นผู้หญิงรุ่นเดียวกัน เห็นเธอแล้วทำหน้างุนงง ก่อนเดินมาถามอย่างลังเล และปิ่นลดาก็ต้องพูดประโยคนั้นเป็นครั้งที่สอง ผลที่ได้นั่นหรือ...เลวร้ายไม่ต่างกับรายแรก...จะดีนิดหน่อยตรงเจ้าตัววิ่งไปบอกหญิงสูงวัยกว่าที่ตอนนี้กำลังจ้องเธอด้วยสายตาเข้มงวด เหมือนว่าปิ่นลดาได้ทำความผิดร้ายแรงอย่างไม่น่าให้อภัยอย่างนั้นแหละ และเมื่อเห็นผู้อาวุโสยังไม่เปิดปากพูด เธอจึงต้องย้ำถามอีกรอบ “ฉันจะพบคุณใหญ่ได้ที่ไหนคะ เขาอยู่ที่นี่หรือเปล่า หรือฉันต้องไปพบที่อื่น” ...เป็นผีดิบหรือเปล่าถึงพบยากพบเย็น สิงอยู่ในปราสาทกลางป่าอีกต่างหาก “เธอควรอยู่ในที่ของเธอ แม่ศจีไม่ได้บอกหรือว่าห้ามเธอมาเพ่นพ่านแถวนี้ แขกไปใครมาจะว่าที่นี่ไม่อบรมคน” “อะไรนะ ป้าว่าฉันเพ่นพ่านเลยเหรอ ฉันแค่มาถามว่าจะพบคุณใหญ่ได้ที่ไหน เขาเป็นเจ้านายป้าใช่ไหม” “คุณใหญ่เป็นเจ้าของที่ที่เธอยืนอยู่” “แล้วเป็นเจ้าชีวิตของทุกคนด้วยหรือเปล่า” “เอ๊ะ!” หญิงวัยกลางคนร่างท้วมแทบกระทืบเท้าเร่า เมื่อถูกสวนมาด้วยคำพูดที่ไม่เคยคิดว่าจะได้ยินใครพูดถึงนายหนุ่มแบบนี้มาก่อน และท่าทางของเธอคงทำให้สาววัยคราวลูกรู้สึกตัว เจ้าหล่อนจึงพูดขึ้น ซึ่งทำให้อุณหภูมิอารมณ์ลดลง “ฉันขอโทษค่ะ ฉันหงุดหงิดไปหน่อยที่มาอยู่โดยไม่รู้อะไรเลย แถมยังติดต่อใครไม่ได้ ฉันมารับจ้างเลี้ยงเด็ก รออยู่ในบ้านหลังสีฟ้าเป็นเดือน แต่ยังไม่เห็นเด็กสักคน เลยอยากมาพบและถามคุณใหญ่...เมื่อกี้บอกว่าคุณใหญ่เป็นเจ้าของที่นี่ ฉันอยากรู้ว่าเขาเป็นนายจ้างของฉันด้วยไหม” คำพูดรัวเร็วอย่างคนอัดอั้นมานานแล้วได้จังหวะปลดปล่อย ทำให้หญิงสองคนมีปฏิกิริยาต่างกัน คนแรกทำหน้างุนงง ฟังเธอแล้วหันไปหา คนสูงวัยกว่า และปิ่นลดาก็ทันเห็นว่าหล่อนถูกปรามด้วยสายตา...แต่สุดท้ายพวกเขาก็เงียบ นานเป็นนาทีที่ปิ่นลดารอลุ้น “กลับไปเถอะ เมื่อถึงเวลาเธอจะได้เริ่มงานเอง และฉันขอเตือนไว้ว่าอยู่บ้านนี้อย่าสร้างปัญหา อย่านำความวุ่นวายมาให้คุณใหญ่ เพราะเธอเองจะเดือดร้อน” “คุณใหญ่...เขาเป็นเจ้านายฉันด้วยใช่ไหมคะคุณน้า” “ใช่ คุณใหญ่เป็นเจ้านายของทุกคน รวมทั้งเธอด้วย แล้วอีกอย่าง...” หยุดคำพูดดื้อๆ แล้วมองดวงหน้านวลอย่างเรียบเฉย “เรียกฉันว่าคุณทิพย์” “อ๋อ ค่ะ คุณทิพย์” ปิ่นลดากลายเป็นคนว่าง่ายเมื่อเห็นว่าหญิงวัยกลางคนยอมให้คำตอบเธอ แม้จะไม่กระจ่างนักก็เถอะ “งั้นฉันพอเข้าใจแล้ว คุณใหญ่ท่านคงอายุมากแล้ว เลยอยากอยู่อย่างสงบ มิน่าล่ะ ตอนกลางคืนเห็นปิดไฟมืดเลย ยังคิดว่าเหมือนปราสาท...ปราสาทในนิยายน่ะค่ะ” แล้วเจ้าของคำพูดก็ยิ้มแหย หลบหน้าหลบตา เธอเกือบจะหลุดความในใจที่คงทำให้คุณทิพย์ต้องขัดเคืองเป็นแน่...ถ้ารู้ว่าคฤหาสน์สุดหรูในสายตาเธอนั้นไม่ต่างกับปราสาทแดรกคิวล่าเลยจริงๆ และเมื่อช้อนตามอง เธอเห็นสาวรุ่นเดียวกันลอบยิ้ม เหมือนเจ้าตัวจะรู้ทันความคิด ส่วนคุณทิพย์นั้นแค่พยักหน้าเนิบว่าเข้าใจอย่างเสียไม่ได้...ปิ่นลดาจึงถือโอกาสเข้าประเด็นคาใจอื่นต่อ “แล้วฉันจะโทร.กลับบ้านได้ยังไงคะ มือถือที่ใช้ ไม่มีสัญญาณ แล้วบ้านนี้เขาติดต่อคนข้างนอกกันยังไง” “ฉันจะบอกคุณใหญ่ให้ ระหว่างนี้เธออยู่เฉยๆ ในที่ของเธอ อะไรที่สงสัยเมื่อถึงเวลาเธอจะได้รู้เอง เข้าใจไหม” “ค่ะ คงต้องเข้าใจตามนั้น” ปิ่นลดาเลิกคิ้วแล้วพ่นลมหายใจ แน่นอนว่าท่าทางนี้ดูขวางตาคนอาวุโสกว่าชะมัด “เชิญกลับไปได้แล้ว ตอนนี้ศจีรออยู่ที่บ้านเธอแล้ว” เพียงเท่านี้ หญิงสาวผิวนวลผ่องก็จำใจเดินกลับด้วยท่าทางเนือยๆ อุตส่าห์ตื่นตั้งแต่เช้า หลบผู้คุมส่วนตัวออกมา แต่คำตอบที่ได้กลับมีเพียงเท่านี้ คิดไปก็ทอดถอนใจ ได้แต่ปลอบตัวเองว่าอย่างน้อยก็รู้ว่าชีวิตในนี้ของตนต้องขึ้นอยู่กับ ‘คุณใหญ่’ คนเดียวหล่อนหอบกระเส่า เปล่งเสียงเรียก ทิ้งศีรษะกับที่นอนอย่างหมดทางเมื่อเรียวลิ้นสากระคายกดคลึงยอดเกสรสวย ช่องทางรักอุ่นชื้นถูกรุกรานด้วยนิ้วแกร่งที่ทำงานประสานกัน เร่งจังหวะรัวเร็ว จนหล่อนดีดตัวสูง บิดกายเมื่อความเสียวซ่านกำซาบทั่วทุกรูขุมขน หากเขาไม่ปรานี กลับเร่งอารมณ์โถมใส่ กายอิ่มสั่นระริก ส่งเสียงครางกระเส่าเคล้าเสียงสะอื้นไห้อย่างยอมจำนนดวงหน้านวลแดงก่ำด้วยฤทธิ์อารมณ์สะบัดไปมา ดวงตาหวานเปิดปรือเย้ายวนอย่างไม่รู้ตัว มือนุ่มที่ถูกมัดไว้กำแน่นเข้ามากัน ระลอกคลื่นอารมณ์ใหญ่ยักษ์ซัดสาดเข้ามาต่อเนื่อง กระทั่งสิ่งที่อัดแน่นในกายระเบิดโพลง พล่านพร่าเกินจะควบคุม“คุณใหญ่ขา ลดาไม่ไหวแล้ว”ปิ่นลดาครวญอย่างน่าสงสาร ก่อนกรีดร้องอย่างไม่อาจทนไหว ทิ้งกายเปลือยลงระทวยทอดอย่างหมดทาง ปรับลมหายใจและอารมณ์ข้างในที่ปลดปล่อยออกมาร่างหนาใหญ่ขยับนั่งคุกเข่า เขาถอดเสื้อคลุมออก เหลือเพียงกายแกร่งเปลือย โน้มคร่อมเจ้าร่างบาง ปลดเชือกที่พันธนาการข้อมือเธอไว้ แล้วไล้เลื่อนต่ำมาผลักท่อนขาอวบให้เปิดกว้างปิ่นลดาผวาเฮือก แอ่นกายไขว่คว้าสามีหนุ่ม เมื่อเขาดันกายเข้า
บทส่งท้ายปิ่นลดา...ยอดรักยอดปรารถนาหลังจากแต่งงาน ไม่กี่เดือนต่อมาปิ่นลดาก็คลอดลูกชายคนแรกให้กับรัชตะ และว่างเว้นไม่ถึงปีหญิงสาวก็ตั้งท้องลูกสาวคนที่สอง ตอนนี้ทารกน้อยออกมาลืมตาดูโลกได้กว่าแปดเดือนแล้วในแต่ละวันหญิงสาวต้องหัวหมุนกับลูกชายหญิง แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าในความวุ่นวายนั้นช่างเปี่ยมด้วยความสุขอย่างที่เธอนึกไม่ออกว่าชีวิตนี้จะต้องการอะไรอีก...นอกเหนือจากสามีหนุ่มและลูกสองคนอันเป็นแก้วตาดวงใจในวันนี้รัชตะออกจากบ้านตั้งแต่เช้าเพื่อเข้าร่วมประชุมหุ้นส่วนใหญ่ซึ่งเป็นนักธุรกิจต่างชาติในกิจการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ที่มีโรงงานตั้งอยู่ในประเทศพม่า โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่กลางเมืองเชียงราชของฝั่งไทยเขากลับเข้าบ้านในเวลาสองทุ่ม ทันทีที่ภรรยาสาวซึ่งเพิ่งจัดการกับลูกน้อยสองคนเสร็จเห็นเขาก็ยิ้มกว้างแล้วเดินไปหา“งานเป็นยังไงบ้างคะ เสร็จเรียบร้อยดีไหม”ปิ่นลดากอดท่อนแขนล่ำสันของสามีไว้ แนบแก้มนวลด้วยท่าทางประจบอย่างแสนน่ารัก ทุกท่าทางเป็นไปโดยธรรมชาติ“เรียบร้อยครับ”“คุณใหญ่มาเหนื่อยๆ ไปอาบน้ำอุ่นให
“พราวพิชชาค่ะ พี่สาวของลดา”“ชื่อยังกะลิเก”เสียงเปรยเข้าหูในระยะประชิด พราวพิชชาต้องกลั้นอารมณ์อีกรอบ แต่เธอไม่ต้องทนนานเมื่อเสียงคุ้นหูดังเข้ามา อย่างที่ต้องรีบหันมอง“คุณแหวว คุณแหววจริงๆ ด้วย ลดาดีใจจังเลย ในที่สุดคุณแหววก็มา”ร่างงามอิ่มในชุดไทยประยุกต์สีครีมที่เห็นชัดว่ากำลังตั้งครรภ์เดินแกมวิ่งมาหา จนต้องปราดไปรับ กลัวว่าเจ้าสาวจะล้มคว่ำเสียก่อน“ลดาคิดว่าคุณแหววจะไม่มาซะอีกค่ะ”“มาสิ พี่ต้องมา ลดาแต่งงานทั้งที”พราวพิชชายิ้ม ยกสองมือประคองแก้มนวลที่ตกแต่งไว้อย่างดี เธอมองทั่วดวงหน้าน้องสาวแล้วดันออกห่าง สังเกตถ้วนทั่วแล้วยิ้มพอใจ“ลดาสวยมากเลยจ้ะ ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น พี่ดีใจจริงๆ ที่เห็นลดาในภาพนี้”เธอหลุดความคิดออกมา พราวพิชชาพอรู้ว่าน้องสาวบุญธรรมต้องเจอกับอะไรก็ต่อเมื่อเรื่องมันเลยมาจนถึงวันนี้แล้ว ถามพ่อกับแม่กลับได้คำตอบว่าปิ่นลดาสบายดี เจ้าตัวเรียนจบมหาวิทยาลัยแล้วเลือกทำงานที่เมืองไทยต่อ โดยปฏิเสธจะไปอยู่ออสเตรเลียด้วยกันหากค
“ไม่เชื่อค่ะ ลดาไม่เชื่อหรอกว่าตลอดชีวิตของคุณจะไม่มีใครอีก นอกจากเด็กมอมแมมอย่างลดาในตอนนั้น”“มันก็ใช่ ความจริงมีคนเต็มใจเยอะเชียวละ แต่ฉันไม่ตกลง” เขาว่าหน้าตาเฉย แต่คนฟังเบ้หน้า “ฉันอยากได้แม่เก่งๆ ให้ลูก แล้วถูกใจฉันด้วย”“คนเต็มใจของคุณใหญ่มีคุณชัญญาด้วยไหมคะ”“ฉันบอกแล้ว คุณชัญญาเป็นผู้หญิงที่ฉันให้ความสนิทสนม เธอเป็นเพื่อนคนหนึ่ง ฉันไม่เคยคิดเป็นอื่น”“แต่คุณชัญญาคิด” หล่อนว่าเสียงเข้ม ชายหนุ่มต้องอธิบายด้วยท่าที งอนง้อ“ต่อจากนี้ไม่คิดแล้วละ เชื่อฉัน เรื่องที่คุณชัญญาช่วยเธอหนีกลับกรุงเทพฯ วันนี้ ฉันก็รู้ แต่ไม่อยากพูดถึงอีก ขอให้มันจบได้ไหม เรื่องนี้ฉันขอ เพราะเราต้องอยู่ร่วมกันในเชียงราช อาจจะตลอดชีวิตของเรา แล้วฉันเชื่อว่าคุณชัญญาเป็นผู้หญิงที่รักศักดิ์ศรี เธอจะจบเรื่องของเราลงแค่นี้แน่นอน”“โอเคค่ะ ลดาเชื่อและคิดเหมือนคุณ...แต่ขอบอกไว้นะคะถ้าเมื่อกี้คุณใหญ่ไม่บอกว่ารักลดาก่อน ลดาจะไม่ยอมรับฟังอะไรง่ายๆ ลดาจะทำให้คุณเจ็บตัวด้วย ผู้ชายอะไร พิษสงรอบตัวจริ
หญิงสาวหันมอง อมยิ้มแก้มตุ่ย ไม่บอกเขาหรอกว่าตนกำลังมีความสุขเหลือเกิน ก็ผู้ชายที่รักเต็มหัวใจแถมยังเป็นพ่อของลูกในท้องบอกรักพร้อมกับขอแต่งงาน ต่อให้เหนื่อยอ่อนแค่ไหนก็เรียกพลังคืนได้ในพริบตา“ทานข้าวกันเลยไหมคะ ค่ำแล้ว คุณลดากำลังท้องกำลังไส้ ท้องว่างนานไม่ดี เดี๋ยวคุณหนูจะหิว”พวงทิพย์เดินออกมาบอกเสียงจริงจัง จนปิ่นลดาหน้าเหวอกับท่าทางที่เปลี่ยนไป กระนั้นก็รีบปรับสีหน้ายิ้มรับอย่างจริงใจพร้อมบอกขอบคุณ จนแม่บ้านใหญ่ยิ้มเก้อ รีบกลับเข้าห้องครัวสั่งเด็กตั้งโต๊ะเสียงหัวเราะในลำคอหนาทำให้ปิ่นลดาหันมอง“คุณใหญ่หัวเราะทำไม มีอะไรน่าขำหรือคะ”“ขำเธอกับคุณทิพย์ไง”“คุณใหญ่นี่ นิสัยไม่ดีอีกแล้ว”ปิ่นลดารู้ทันหรอกน่า หยิกท่อนแขนกำยำก่อนฝ่ายนั้นจะโอบพาเข้าห้องทานอาหาร เพราะไม่อยากให้เธอกินข้าวมื้อค่ำผิดเวลานานสองคนใช้เวลาส่วนตัวในห้องทานอาหาร ช่างน่าแปลกว่าวันนี้แม้จะเป็นอาหารรสเลิศ ไม่ต่างจากวันก่อนที่ปิ่นลดาเห็นแล้วอาเจียนจนหมดไส้หมดพุง จนรัชตะต้องลงมือทำเมนูสารพัดไข่ให้หล่อนแทน
การกลับมาถึงคฤหาสน์ราชเกียรติกูรในช่วงเย็นความรู้สึกต่างจากการออกไปในตอนเช้าโดยสิ้นเชิงปิ่นลดาก้าวลงจากรถ มองรอบตัว สูดลมหายใจเต็มปอด เหมือนกับว่าได้จากไปนานแล้วเพิ่งหวนคืนมา สำนึกอีกส่วนบอกว่าที่นี่คือ ‘บ้าน’ ที่หล่อนจะอยู่ด้วยหัวใจอบอุ่นและมั่นคงรัชตะแตะเอวพาหญิงสาวเข้าไปในบ้าน ศจีที่วิ่งออกมาทำหน้าดีใจก้ำกึ่งจะร้องไห้ ปิ่นลดาจับมือไว้ ถามพลางยิ้มเต็มสีหน้า“เป็นอะไรศจี คิดถึงฉันมากหรือ ไม่เจอกันแค่ไม่กี่ชั่วโมงเอง”“ฉันคิดว่าคุณจะไม่กลับมา ฉันใจหายหมดเลยคุณรู้ไหม”หญิงร่างผอมบางบอก น้ำตาจะไหลอยู่รอมร่อ จนปิ่นลดาต้องหัวเราะเสียงใสหวังจะสร้างบรรยากาศใหม่“ทำไมจะไม่กลับ ฉันไม่ได้ไปไหนสักหน่อย ศจีอย่าตื่นตูมไปหน่อยเลยน่า”เจ้าหล่อนว่าพลางเดินผ่านจะขึ้นไปชั้นบน ก่อนหยุดฝีเท้าตรงบันไดขั้นแรก แล้วหันมาถามอีกหน“ศจีเก็บลูกหม่อนไว้ให้ฉันไหม”“เก็บค่ะ ฉันเก็บมาเต็มตะกร้าเลย แล้วลงมานะคะ”“จ้ะ”แล้วร่างอิ่มในเดรสสวยเหมาะสำ