ศิรดากลับมาถึงบ้านตอนเจ็ดโมงกว่าๆ แต่ก็เหมือนจะยังสายกว่าบางคนที่ไม่รู้มาถึงตั้งแต่ตอนไหน สายตาของวรุตพี่ชายที่จ้องมองน้องสาวตัวเองเดินเข้ามาในห้องอาหารเรียกว่าสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้ากันเลยทีเดียว
"สวัสดีค่ะ พี่รุต" เธอรีบยกมือสวัสดีพี่ชาย "ทำสีผมอะไรของเราน่ะ" นอกจากไม่ทักทายน้อง เสียงเข้มที่เอ่ยถามคล้ายดุไปในตัวเสียอีกด้วย "เอ่อ...ทำโปรโมตร้านให้เพื่อนน่ะค่ะ เดี๋ยวก็ย้อมสีดำกลับแล้วค่ะ" เหตุผลที่เพิ่งคิดได้ตอนนี้เอง "รีบๆ ไปย้อมซะ แบบนี้จะไปทำงานที่ไหนได้ ความน่านับถือหมดกันพอดี" เธอได้แต่พยักหน้ารับ ทำหน้าละห้อยใส่พี่ชาย แล้วก็เดินไปทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม "อ้าว ยายรดา กลับมาแล้วหรือ พอดีเลยลูก เอาผลไม้ไปฝากบ้านหนูจ๋าหน่อย พี่ชายเราเพิ่งเอามาจากสวนที่ทดลองปลูกด้วย" "ได้ค่ะแม่" เสียงคุณรำไพผู้เป็นแม่ ช่วยให้เธอได้พอหายใจสะดวกขึ้นบ้าง เพราะจะได้ไม่ต้องนั่งให้พี่ชายจับผิดอยู่ตรงนี้อีกนาน "นี่ยายรดา ไม่ค่อยกลับบ้านหรือครับ" นั่นไงล่ะ โดนอีกแล้ว "มีไปนอนที่คอนโดบ้างแหละ" คุณรำไพตอบให้ พร้อมกับจัดผลไม้ใส่ตะกร้าใบสวย "เพราะพ่อกับแม่ตามใจแบบนี้ไง อีกหน่อยก็เสียคนพอดี" "น้องโตแล้ว และที่ผ่านมาก็ไม่ได้ไปเกเรที่ไหน ผลการเรียนก็ดี ปล่อยให้น้องเป็นอิสระบ้างเถอะน่า" "ยิ่งไปคบลูกสาวบ้านนั้นระวังไว้หน่อยก็ดีนะผมว่า คนพี่ก็เกเร น้องก็ไม่ค่อยสนใจเรียน ชวนกันแต่เที่ยว ถ้าไม่ได้ยายรดา ยายจ๋านั่นจะเรียนจบหรือเปล่าเถอะ" "เรานี่บ่นเป็นคนแก่ไปได้ แล้วไปว่าหนูจ๋าเขาแบบนั้นได้ยังไง เราไม่ได้รู้จักเขาจริงๆ จังๆ สักหน่อย" ศิรดาได้แต่มองพี่ชายทีมองแม่ที เพราะสองคนนี้เหมือนจะเถียงกันจริงจังเลยทีเดียว จนคุณรำไพจัดตะกร้าเสร็จจึงได้พยักหน้าให้เอาไปให้บ้านข้างๆ เธอจึงได้แต่รีบเดินตัวปลิวออกมา เพราะกลัวว่าเรื่องที่สองแม่ลูกเถียงกันจะมาถึงตัวอีกรอบ พอพ้นออกมาเธอจึงได้แต่ผ่อนลมหายใจหนักๆ บ้านหลังใหญ่ของ ราชศิริโสภณ ที่ใหญ่กว่าบ้านของเธอหลายเท่าตัวนัก แม้จะอยู่รั้วติดกันแต่ความโอ่อ่าใหญ่โตช่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง จนเธอต้องใช้รถจักรยานไฟฟ้าขี่ไปบ้านข้างๆ เพราะถ้าเดินก็คงใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะถึง บ้านหลังนี้เธอเพิ่งย้ายมาอยู่เมื่อตอนมัธยมปลาย ตอนนั้นยังไม่ได้รู้จักบ้านข้างๆ สักเท่าไร ได้แต่เคยแอบเห็นในบางครั้ง จนเมื่อเธอเข้าเรียนมหาวิทยาลัยแล้วได้มีโอกาสเรียนคณะเดียวกับยายจ๋า จึงทำให้ทั้งสองบ้านเริ่มรู้จักกันมากขึ้น เพราะสองสาวคอยไปมาหาสู่กันตลอด และก็เพราะยายจ๋านี่แหละ ที่ทำให้เธอกล้าขอพ่อกับแม่ไปอยู่คอนโดตอนปีสาม ด้วยเหตุผลกิจกรรมเยอะต้องกลับบ้านดึก ทำให้พ่อซื้อคอนโดไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยให้ ตอนที่เธอเริ่มรู้จักกับยายจ๋า เขาคนนั้นก็เตรียมไปเรียนต่อต่างประเทศพอดี ยังไม่เคยได้ทำความรู้จักกันสักนิด รู้แค่เพียงพี่รุตกับพี่ธรเรียนอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกันเท่านั้น ส่วนพี่รุตพอเรียนจบก็เรียนต่อโทที่เมืองไทยแล้วก็มารับช่วงงานโรงแรมต่อจากพ่อ โดยพี่ชายเธอขอเริ่มโปรเจกต์โรงแรมที่เชียงใหม่ ชีวิตหลังจากนั้นของเขาก็บินขึ้นเชียงใหม่กรุงเทพเป็นว่าเล่น และทุกครั้งที่กลับมาก็มักจะมีเสียงบ่นตามมาแบบนี้เสมอ เธอจอดรถจักรยานไฟฟ้าสีแดงคู่ใจที่หน้าบ้านหลังใหญ่อย่างคุ้นเคย หิ้วตะกร้าหวายที่มีผลไม้ในนั้นอยู่หลายชนิดแต่ละอย่างก็ล้วนน่ากินเพราะปลูกเองจากสวนทดลองที่พี่ชายเริ่มทำนอกเหนือจากโรงแรม "เอ๊ะ..ทำผมใหม่ซะด้วยสวยเชียว แล้วนั่นหิ้วอะไรมาแต่เช้าลูก มาๆ ทานข้าวด้วยกันลูก" เสียงคุณพรรณีดังมาจากหน้าบ้าน เธอรีบยกมือไหว้ "พี่รุตกลับมาจากเชียงใหม่ค่ะ คุณแม่ให้เอาผลไม้มาฝากคุณป้าค่ะ" "แหม เกรงใจจัง มาๆ เข้ามาก่อนลูก" คุณพรรณี แม่ยายจ๋า รับตะกร้าไปถือไว้แล้วก็เดินนำเธอเข้าไปในห้องอาหารอย่างคุ้นเคย "ยายจ๋า ไม่อยู่หรือคะ" เธอเอ่ยถามเพราะหลังจากแยกกันเมื่อช่วงหัวค่ำก็ไม่แน่ใจว่ายายจ๋าจะกลับบ้านหรือเปล่า "อยู่บนห้องนั่นแหละ ตามลงมาทานข้าวด้วยกันเลยนะ" "ได้ค่ะ" ออกจากห้องอาหารเธอก็เดินตรงขึ้นไปที่ชั้นสองห้องของยายจ๋าที่เคยมานอนด้วยบ่อยๆ ไม่ว่าจะตั้งแต่สมัยเรียนหรือเรียนจบแล้วก็ตาม กว่าจะขุดยายตัวดีลุกจากเตียงไปล้างหน้าแปรงฟันได้ก็เล่นเอาเหนื่อย "ไง เมื่อคืนไปเที่ยวที่ไหนมาล่ะ ถึงนอนไม่ตื่นแบบนี้" "ไปผับพี่ธรนั่นแหละ" เธอเอ่ยถามหลังจากที่ยายจ๋าเดินงัวเงียออกมาจากห้องน้ำ ขนาดว่าโดนน้ำเจ้าตัวยังทำท่าแทบจะเดินหลับตาเลยทีเดียว "แล้วมาทำไรแต่เช้า ไหนบอกพี่รุตมาไม่ใช่หรือ" ยายจ๋ามาทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟาตัวเล็ก ใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กที่พาดบ่าอยู่เช็ดหน้าอย่างไม่เบามือนัก "อือ มาถึงก็โดนสวดแต่เช้า พอดีแม่ใช้ให้เอาผลไม้มาให้ เลยรีบหนีมานี่ไง" คนฟังได้แต่หัวเราะชอบใจคงเพราะคิดถึงใบหน้าเข้มเวลาดุของพี่ชายเธอได้ "งั้นกินข้าวเช้าที่นี่แหละ ขืนกลับไปเธอโดนพี่ชายกินหัวอีกแน่" เธอพยักหน้ารับตามคำแนะนำยายจ๋า แล้วก็พากันอมยิ้มแต่วันนี้พี่รุตพาเธอไปทำความรู้จักกับพนักงานในหลายแผนกที่บางคนยังไม่เคยแม้จะเห็นหน้ากันสักครั้ง รอยยิ้มหวานที่ส่งยิ้มให้พนักงานยามเมื่อถูกแนะนำ เธอฉีกยิ้มจนปากแห้ง กว่าจะครบทุกแผนก มันไม่ง่ายสักนิดเลยนะเนี่ยไอ้การเริ่มงานเนี่ย เธอแทบลากสังขารกลับบ้านด้วยความเมื่อยล้า เดินวนในโรงแรมอยู่หลายรอบขึ้นลิฟต์ลงลิฟต์อยู่หลายเที่ยว กลับมาถึงก็ทิ้งตัวนอนด้วยความหมดแรง JaJa : เป็นไงบ้าง พี่รุตกลับยัง เสียงแจ้งเตือนข้อความเข้า พร้อมข้อความที่ขึ้นโชว์อยู่หน้าจอโทรศัพท์ เมื่อเห็นว่าเป็นข้อความของใคร เธอก็รีบเปิดอ่านทันที Sirada : ยังเลย Sirada : (สติกเกอร์รูปหมาหมดแรง นอนลิ้นห้อย) JaJa : ขนาดนั้นเลย Sirada : เมื่อยขามาก แถมพรุ่งนี้ต้องเข้าไปทำงานที่โรงแรมด้วย JaJa : ว่าจะชวนเที่ยวสักหน่อย งั้นพักผ่อนเถอะ สู้ๆ นะ แม้จะไม่อยากตื่นเช้าเพื่อมาเริ่มงานที่โรงแรมสักเท่าไร แต่เพราะคำขู่ของพี่ชายเมื่อวานหลังอาหารค่ำ ทำให้เธอต้องลุกขึ้นแต่งตัวด้วยชุดสุภาพเรียบร้อย และต้องให้ดูภูมิฐานน่าเชื่อถืออีกด้วย เมื่อสำรวจความเรียบร้อยของตัวเองจนดูดีแล้ว เธอก็ต้องรีบลงมาที่ห้องอาหารให้ทันพี่ชา
"องุ่นหวานจังครับ แม่ซื้อจากไหนเนี่ย" เสียงทุ้มคุ้นหูที่ดังอยู่ในห้องอาหาร แทบจะทำให้เธอนึกอยากปฏิเสธยายจ๋าขึ้นมาเสียตอนนี้ เมื่อกี้ไม่น่ารับปากเลย กลับไปให้พี่รุตดุซะยังจะดีกว่า "หนูรดาเอามาให้น่ะ ตารุตกลับมาจากเชียงใหม่" เสียงตอบของคุณพรรณีที่เธอได้ยินอยู่ในห้องอาหาร จนนึกอยากจะเห็นสีหน้าของคนถามเหลือเกิน แต่ก็ไม่ทันได้เห็น พอเธอกับยายจ๋าเดินมาถึงห้องอาหารเห็นเพียงเขากำลังโยนผลไม้ในมือลงตะกร้าหวายอย่างเดิม แต่สายตาที่หันมามองคนที่เดินเข้ามา จนมองเลยมาถึงเธอ ก็แทบไม่ต้องคิดหรอกว่าเมื่อครู่เขาจะทำหน้าอย่างไร ก็คงทำหน้าอย่างนี้แหละ ใบหน้าบึ้งตึงดูหงุดหงิดขึ้นทันตาแค่ได้ยินชื่อเธอหรือพี่ชาย และยิ่งเห็นหน้าเธอด้วย เขาคงยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นอีกเท่าตัว "อ้าว ยายจ๋า มาพอดี มาหนูรดา มาทานข้าวพร้อมกันลูก" เธอจึงได้แต่เดินตามยายจ๋าเข้าไปนั่งข้างๆ อย่างเงียบๆ แต่พอเหลือบสายตามองคนตรงข้ามเห็นสายตาที่เขามองผมสีแปลกตาของเธอ เธอไม่ได้รู้สึกไปเองแน่นอน คล้ายเขายิ้มเยาะด้วยมุมปาก ทำเอาเธอประหม่าถึงกับยกมือขึ้นลูบผมตรงท้ายทอยตัวเองเบาๆ มันดูน่าเกลียดขนาดนั้นเลยหรือ ก็ช่างบอกว่าสีนี้สวย
ศิรดากลับมาถึงบ้านตอนเจ็ดโมงกว่าๆ แต่ก็เหมือนจะยังสายกว่าบางคนที่ไม่รู้มาถึงตั้งแต่ตอนไหน สายตาของวรุตพี่ชายที่จ้องมองน้องสาวตัวเองเดินเข้ามาในห้องอาหารเรียกว่าสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้ากันเลยทีเดียว "สวัสดีค่ะ พี่รุต" เธอรีบยกมือสวัสดีพี่ชาย "ทำสีผมอะไรของเราน่ะ" นอกจากไม่ทักทายน้อง เสียงเข้มที่เอ่ยถามคล้ายดุไปในตัวเสียอีกด้วย "เอ่อ...ทำโปรโมตร้านให้เพื่อนน่ะค่ะ เดี๋ยวก็ย้อมสีดำกลับแล้วค่ะ" เหตุผลที่เพิ่งคิดได้ตอนนี้เอง "รีบๆ ไปย้อมซะ แบบนี้จะไปทำงานที่ไหนได้ ความน่านับถือหมดกันพอดี" เธอได้แต่พยักหน้ารับ ทำหน้าละห้อยใส่พี่ชาย แล้วก็เดินไปทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม "อ้าว ยายรดา กลับมาแล้วหรือ พอดีเลยลูก เอาผลไม้ไปฝากบ้านหนูจ๋าหน่อย พี่ชายเราเพิ่งเอามาจากสวนที่ทดลองปลูกด้วย" "ได้ค่ะแม่" เสียงคุณรำไพผู้เป็นแม่ ช่วยให้เธอได้พอหายใจสะดวกขึ้นบ้าง เพราะจะได้ไม่ต้องนั่งให้พี่ชายจับผิดอยู่ตรงนี้อีกนาน "นี่ยายรดา ไม่ค่อยกลับบ้านหรือครับ" นั่นไงล่ะ โดนอีกแล้ว "มีไปนอนที่คอนโดบ้างแหละ" คุณรำไพตอบให้ พร้อมกับจัดผลไม้ใส่ตะกร้าใบสวย "เพราะพ่อกับแม่ตามใจแบบนี้ไง อีก
ศิรดาหน้าชาขึ้นมาทันที เมื่อเห็นมือเขาเอื้อมมาที่เก๊ะหน้ารถตรงหน้า เธอก็แค่เบี่ยงขาหลบให้เพราะไม่รู้ว่าเขาจะหยิบอะไร แต่พอเขาเปิดเก๊ะออก กล่องเล็กๆ หลายกล่องที่อยู่ในนั้นทำเอาเธอหน้าแดงขึ้นทันตา แม้จะยังไม่เคยใช้แต่ก็รู้ว่ามันคือกล่องถุงยางอนามัย "ถะ...ถ้าพี่ธร ไม่สะดวก เอาไว้วันหลังรดาเลี้ยงขอบคุณแล้วกันนะคะ เธอรีบละล่ำละลักเอ่ยบอกทันที ที่เห็นเขาแกะกล่องแล้วหยิบซองเล็กๆ ด้านในออกมาหลายอัน เหน็บเข้ากระเป๋ากางเกงด้านหลัง มือก็รีบปลดเข็มขัดนิรภัยอย่างรวดเร็ว "สะดวกสิ ทำไมจะไม่สะดวก สาวชวนขึ้นคอนโดทั้งที" "เอ่อ..รดาแค่จะเลี้ยงกาแฟขอบคุณเฉยๆ ค่ะ" "งั้นฉันแวะซื้อที่ร้านสะดวกซื้อเอาก็ได้" "ขอโทษที่ทำพี่ธรเข้าใจผิดค่ะ รดาไม่ได้หมายถึงแบบนั้นจริงๆ" "ทีหลังก็อย่ามาเอ่ยชวนคนอื่นง่ายๆ แบบนี้ โดยเฉพาะฉัน แล้วถ้าจะให้ดีอย่าเที่ยวมาตามตอแย อย่ามาอ่อยมาทอดสะพานให้ฉันด้วยจะดีมาก บอกตรงๆ เลยนะ ฉันไม่ได้ชอบผู้หญิงจืดชืดแบบนี้ เห็นแล้วมันน่าเบื่อ" เขาละคำว่าโดยเฉพาะน้องไอ้รุตไว้ได้ทัน ศิรดายืนมองดูรถคันหรูที่แล่นออกจากหน้าคอนโด แทบไม่รู้ตัวเองว่าเธอลงจากรถมาตอนไหน คำพูดของเขายังติด
สายธารเคาะประตูห้องสามครั้งไม่รอให้คนด้านในอนุญาตด้วยซ้ำก็เปิดประตูเข้าไปทันที สายตาของคนทั้งสามดูจะไม่แปลกใจสักนิด คงเพราะเห็นตอนที่เธอถูกลากมาแล้วนั่นแหละ มีเพียงสายตาเป็นคำถามและมองอย่างไม่ไว้ใจมาที่เธอเท่านั้น "มีอะไร" ชลันธรเอ่ยถามน้องสาวตัวเอง อย่างไม่สนใจนัก แล้วก็หันไปมองที่ทีวีจอใหญ่ด้านหน้าต่อ ณัฐกรกับภูวดลก็มองมาอย่างรอลุ้นคำตอบเช่นกัน "พี่ธรจะกลับตอนไหน ฝากรดากลับด้วย แวะส่งที่คอนโดก็ได้ พอดีจ๋าจะไปต่อกับเพื่อน" ทุกคนแทบจะปรับสีหน้ากันไม่ทัน ศิรดาก็ตกใจที่อยู่ๆ ตัวเองจะถูกทิ้งเสียอย่างนั้น แถมยังให้กลับกับเขาอีกด้วย สองหนุ่มที่รอลุ้นคำตอบจากน้องสาวเพื่อนแทบจะอ้าปากค้าง มีเพียงชลันธรที่มีสีหน้าเรียบเฉย เธอแทบจะลืมหายใจ รอลุ้นว่าจะถูกเขาด่าอะไร หรือยายจ๋าจะถูกด่า "อือ รอบอลจบก่อน" เขาหันมามองหน้าเธอ เอ่ยตอบเสียงเรียบ แล้วก็หันไปสนใจทีวีตรงหน้า สองหนุ่มที่อ้าปากกว้างแทบจะกรามค้างอยู่ตรงนั้นเมื่อได้ฟังคำตอบของเพื่อน ได้แต่เหล่สายตามองหน้ากัน ก่อนจะแยกย้ายคนละมุม ณัฐกรกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานราวกับเอกสารบนโต๊ะสำคัญยิ่ง ต้องตรวจดูตอนนี้ "เดี๋ยวกูลงไปดูข้างล่างหน่
สถานบันเทิงหรูหรากลางใจเมืองหลวงแหล่งทำเลทองที่ไม่ใช่ใครๆ ก็จะสามารถมาเปิดได้ง่ายๆ ถึงแม้จะมีเงินแต่ถ้าเส้นสายไม่แน่นหนาพอก็คงจะอยู่ยาก ชลันธร ร่วมหุ้นกับเพื่อนอีกสองคนเปิดสถานบันเทิงแห่งนี้ขึ้นมา เพียงเพราะไอ้ณัฐกรกับไอ้ภูวดลมันเอ่ยปากชวน เขาก็วางเงินลงอย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง คงจะเพราะเพิ่งกลับมาจากเมืองนอก ยังไม่อยากเข้าไปทำงานที่บริษัทพ่อ ก็หาอะไรทำแก้เซ็งไปก่อน พอให้เหมือนมีงานทำจะได้ไม่ต้องถูกบ่น ทั้งที่จริงรายได้จากผับแค่นี้เขาไม่ต้องมานั่งเฝ้าให้เสียเวลาทั้งคืนด้วยซ้ำ แค่ทำให้ยุ่งเหมือนคนมีงานทำแค่นั้น เพราะลำพังรายได้จากการลงทุนเล่นหุ้นของเขาก็แทบจะไม่ต้องทำงานเสียด้วยซ้ำ "ตั้งแต่น้องมึงเรียนจบมานี่ กูเห็นมาขลุกอยู่ที่นี่ทุกคืนเลยวะ" ณัฐกรเอ่ยบอกเพื่อนที่นั่งเอนตัวพิงโซฟาในท่าสบายๆ สายตาจับจ้องอยู่ที่ทีมฟุตบอลในหน้าจอทีวีห้าสิบห้านิ้วในห้องทำงานชั้นสองของผับ ส่วนตัวเองยืนอยู่ที่หน้ากระจกบานใหญ่สายตาจ้องมองไปทางคนที่เอ่ยถึง "เดือนนี้กูว่าส่วนแบ่งแม่งเหลือไม่กี่บาทแน่" ภูวดลเอ่ยตอกย้ำเข้าไปอีกยิ่งทำให้คนที่กำลังลุ้นอยู่ที่หน้าจอทีวีใหญ่ต้องเกิดอาการเซ็งขึ้นมาทันที
"ใครอนุญาตให้เธอเข้ามาในห้องนี้" เจ้าของเสียงเข้มที่เอ่ยถามแกมดุอยู่หน้าประตูห้องที่เปิดทิ้งไว้ เพราะคนในห้องมัวแต่หาของในนั้นอยู่ จึงไม่รู้ว่ามีคนมา แถมคนที่ยืนตีหน้ายักษ์อยู่หน้าห้องก็ยังเป็นเจ้าของห้องเสียด้วย ศิรดา สะดุ้งตัวด้วยความตกใจ แต่เมื่อจำน้ำเสียงนั้นได้หัวใจก็แทบร่วงลงไปอยู่ตาตุ่ม นอกจากน้ำเสียงเข้มที่เอ่ยถาม ใบหน้าเรียบตึง รอยขมวดที่คิ้วยิ่งบ่งบอกถึงความไม่พอใจอย่างยิ่ง แต่กระนั้นก็ไม่ได้ทำให้ใบหน้านั้นลดความหล่อลงได้สักนิด เธอเผลอมองสีผมแปลกตาของเขาอยู่นาน สีบอร์นเทาที่รับกันกับใบหน้าหล่อคมเข้ม "ขะ..ขอโทษค่ะ พี่ธร พอดีรดามาหยิบสายชาร์จโทรศัพท์ให้ยายจ๋าน่ะค่ะ ของยายจ๋า...เอ่อ..ว้าย..." กว่าจะหาเสียงตัวเองเจอ แต่ยังไม่ทันได้อธิบายจนจบ แขนเรียวเล็กของเธอก็ถูกเขากระชากอย่างแรงให้เดินตามเขาออกจากห้อง ตรงไปในทิศทางห้องข้างๆ "จ๋า ต่อไปห้ามเข้าไปหยิบของในห้องพี่อีกนะ" พอเปิดประตูห้องน้องสาวเข้าไปได้เขาก็เหวี่ยงข้อมือเธอออกอย่างแรง ราวกับที่เขาจับจูงมาเมื่อครู่มันน่ารังเกียจ เสียงเข้มก็เอ่ยบอกน้องสาวตัวเองทันที แต่สายตาที่จ้องมองราวกับจะกินหัวนั้นกลับมองมาที่เธ
ชลันธร ราชศิริโสภณ หรือ ธร หนุ่มนักเรียนนอกในวัย 27 ปี ลูกชายนักธุรกิจรายใหญ่ระดับประเทศ ที่เพิ่งกลับจากเมืองนอกมาเมื่อสามเดือนที่แล้ว หลังจากเรียนจบปริญญาโทจากสหรัฐอเมริกาที่เจ้าตัวใช้เวลาเรียนนานกว่าเพื่อนถึงสองปีเต็ม หลังจากเรียนจบก็ไม่ยอมกลับมาเมืองไทย ใช้ชีวิตเสเพลอยู่ที่นั่นอีกเกือบหนึ่งปี เดือดร้อนถึงคุณทินกร ผู้เป็นพ่อที่ต้องบินข้ามโลกไปลากคอเจ้าตัวดีกลับมา แถมเมื่อกลับมาถึงยังไม่ยอมทำการทำงานไปแอบเปิดผับเปิดบาร์ใช้ชีวิตเป็นผู้ชายกลางคืนเสียอย่างนั้น จนพ่อต้องเอ่ยปากให้เวลาเสเพลอีกแค่สองปีเท่านั้น แล้วเตรียมเข้ามาทำงานที่บริษัท ถ้าไม่อย่างนั้น มรดกสักแดงก็จะไม่ได้ ศิรดา พิพัฒน์โชติสกุล หรือ รดา สาวน้อยในวัย 22 ผู้อ่อนหวาน เรียบร้อย ลูกสาวเจ้าของโรงแรมหรูระดับห้าดาว ที่แอบรักพี่ชายข้างบ้านมาตั้งแต่สมัยม.ปลาย ยังไม่ทันได้สานสัมพันธ์หรือทำความรู้จักกันมากกว่านี้แค่เธอย้ายมาอยู่ข้างบ้านเขาได้ไม่กี่เดือน เขาก็ต้องไปเรียนต่อต่างประเทศ เธอจึงได้ยินเพียงข่าวคราวของลูกชายบ้านนั้นจากน้องสาวเขาที่เรียนอยู่คณะเดียวกัน จนถึงวันที่เขากลับมาเมืองไทย ภาพจำในอดีตถึงผู้ชายที่เธอเคยแอบปลื้มใน