คนตัวสูงไม่เพียงสาวเท้าเข้าหาเท่านั้น มือเขายังดึงเชือกชุดคลุมอาบน้ำที่มัดเอวไว้ออก เผยให้เห็นแผงอกล่ำสัน สะดุดตากับรอยสักรูปงูที่หน้าอกจนเผลอร้องตกใจออกมาเบาๆ
"พี่ธรคะ" เสียงหวานของคุณดาราสาวที่เอ่ยเรียก ทำให้เธอได้สติอีกครั้ง รีบผลักเขาให้พ้นทางเดินอีกเพียงไม่กี่ก้าวก็จะถึงประตูนั้น แล้วก็รีบออกไปทันที เรื่องเมื่อตอนเช้าบนห้องพักชั้น VIP ถูกนำเข้าที่ประชุมในช่วงสายของวัน เธอคือผู้อยู่ในเหตุการณ์จึงได้เข้าร่วมด้วย เรื่องนี้จึงได้กลายเป็นเรื่องใหญ่ไปโดยปริยาย นับว่ายังโชคดีที่เจ้าของห้องไม่ได้ถูกพูดถึง คงเพราะไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใคร มีเพียงคุณดาราที่ถูกกล่าวถึง แต่นั่นก็ยิ่งทำให้ในที่ประชุมออกจะกลัวอยู่ไม่น้อยเพราะกลัวเธอจะเอาเรื่องไปรีวิวตามสื่อต่างๆ อย่างที่ว่าจริงๆ และนั่นคงทำให้ชื่อเสียงของโรงแรมเสียหายไม่น้อย เธอเผลอนึกไปถึงถ้าเกิดพี่รุตรู้ว่าคนในห้องนั้นเป็นชลันธร พี่ชายเธอจะมีสีหน้าแบบไหนกันแน่ เพราะห้องพักนั้นถูกจองในชื่อของบริษัทเครือราชศิริโสภณ และห้องพักชั้นหรูห้องนั้นจะยังได้รับดินเนอร์สุดหรู พร้อมไวน์ขวดละหลายหมื่นนั่นเป็นการขอโทษหรือเปล่า จบเรื่องวุ่นวายในห้องประชุม เธอก็ต้องกลับมาปฏิบัติหน้าที่ที่แผนกแม่บ้านต่อ และวันนี้เธอยังต้องขึ้นมาที่ชั้นเดียวกับเมื่อเช้าที่เกิดเรื่องเสียด้วย ได้แต่หวังว่าจะไม่ซวยไปเจอพ่อทาร์ซานตาดุนั่นเข้า รถเข็นคันใหญ่ที่เธอเข็นมากำลังจะผ่านหน้าห้องเขาพอดี ความซวยคงกำลังเล่นงานเธอ เมื่อเขาก็เปิดประตูห้องออกมา เธอรีบปรับสีหน้าให้เรียบเฉยแม้ใบหน้าหวานจะอยู่ภายใต้หน้ากากอนามัย แต่สายตาที่เขามองมาเธอมั่นใจว่าเขาจำได้ เช่นเดียวกับสายตาของคุณดาราสาวคนสวยนั่น แต่เหมือนคุณดาราจะจำเธอไม่ได้ คงเพราะไอ้ชุดกางเกงแม่บ้านนี่กระมัง หลังจากเรื่องในวันนั้นผ่านมาอีกหนึ่งอาทิตย์ เธอก็ไม่ได้เห็นเขาที่โรงแรมอีก รู้เพียงว่าห้องที่จองในนามบริษัทของพ่อเขา ยังถูกจองไว้อีกหลายเดือน มีลูกค้าต่างประเทศเดินเข้าออกชั้นนี้จนบางคนเธอก็เริ่มคุ้นหน้า พี่รุตกำลังจะกลับเชียงใหม่ในอีกสองวัน แต่ก็ยังกำชับเรื่องฝึกงานกับคุณนภาไว้อย่างเข้มงวด พอพี่รุตกลับเชียงใหม่ เธอก็รีบใช้สิทธิ์ของความเป็นลูกสาวเจ้าของโรงแรม เข้าไปหาท่านประธานใหญ่ที่ห้องทำงานทันที "พ่อคะ ให้รดามาฝึกกับพ่อไม่ได้หรือคะ" เสียงออดอ้อนที่เคยทำแล้วก็ได้อย่างที่ต้องการทุกครั้ง กลับใช้ไม่ได้ในครั้งนี้ "ไม่ได้หรอก พี่เราเขาจัดตารางงานไว้ให้แล้ว พอจบแผนกแม่บ้าน ก็ไปซักรีด ห้องอาหาร ในครัว..." "รดามาฝึกกับพ่อ ก็เห็นทั้งโรงแรมไม่ใช่หรือคะ" เธอรีบเอ่ยแทรก เพราะเหมือนพ่อจะเอ่ยอีกหลายแผนกแน่ "พี่เราบอกว่าถ้าดื้อ ก็ให้ส่งไปฝึกที่เชียงใหม่" "รดาฝึกที่นี่ก็ได้ค่ะ" น้ำเสียงออดอ้อนกลายเป็นเสียงงอนขึ้นจมูก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากส่งสายตาต่อว่าให้ผู้เป็นพ่อ ท่านเพียงหัวเราะชอบใจเบาๆ พลางขยี้ผมที่มวยไว้จนเกือบยุ่ง หลังเลิกงานในวันเบื่อๆ แถมยังเมื่อยล้า เธอจึงได้โทรศัพท์กลับไปหายายจ๋า ที่ส่งข้อความมาก่อนเธอจะเลิกงาน แต่ยังไม่มีโอกาสได้ตอบข้อความ (หายเงียบไปเลยนะยายรดา ฉันเพิ่งรู้ว่าถูกพี่รุตลากไปฝึกงาน) "อือ เหนื่อยจะตายอยู่แล้วเนี่ย" (เหนื่อยขนาดนั้นเลยหรือไง) "เหนื่อยซิ เธอยังไม่รู้น่ะซิ พี่รุตให้ฉันมาฝึกงานที่แผนกแม่บ้าน ทำมาจะเดือนแล้วยังไม่ชินเลย" (หะ แผนกแม่บ้าน โถ่ๆ น่าสงสารคุณหนูรดา) "ใช่ไหมล่ะ" (งั้นไปผ่อนคลายกันหน่อยดีกว่า เดี๋ยวเลี้ยงปลอบใจคุณหนูรดาให้นะ เสร็จแล้วก็มานอนที่คอนโดเราดีกว่า มีเรื่องคุยตั้งเยอะ ว่าแต่พี่รุตกลับเชียงใหม่หรือยัง" "กลับแล้ว" (โอเค งั้นเดี๋ยวเราไปรับ จะได้ไม่ต้องขับรถเหนื่อย) สถานที่ผ่อนคลายที่ยายจ๋าว่า กลับเป็นผับของชลันธรไปเสียได้ แม้จะไม่อยากมาสักเท่าไร แต่ก็ไม่กล้าปฏิเสธเพราะกลัวยายจ๋าจะคาดคั้นเอาเหตุผลแล้วเผลอหลุดเรื่องเมื่อเช้าไปให้น้องสาวเขาได้ยิน เพราะไม่อยากถูกว่าเป็นคนปากมาก สถานบันเทิงหรูในวันนี้ดูผู้คนจะคึกคักเป็นพิเศษโดยเฉพาะโซนวีไอพีชั้นสอง แต่ก็เหมือนจะยังพอมีโต๊ะว่างอยู่บ้าง โชคดีที่พวกเธอมากันเร็วกว่าปกติ "อ้าว น้องจ๋า น้องรดา" เสียงณัฐกร หนึ่งในหุ้นส่วนผับแห่งนี้เอ่ยทักทาย เธอสองคนจึงรีบยกมือขึ้นสวัสดี "วันนี้ดูคนเยอะจังเลยนะคะ พี่ณัฐ" ยายจ๋าเอ่ยถามพลางมองไปทางคนกลุ่มใหญ่ที่ส่งเสียงเฮฮาอยู่ด้านใน พวกเธอคงเลือกแถบนอกทางด้านนี้แหละ "อ๋อ วันนี้วันเกิดพี่น่ะ มาๆ ไปนั่งด้วยกันดีกว่า ไอ้ธรก็อยู่ด้านในนั่นแหละ"แม้จะตกใจที่ถูกไล่เสียงดัง แต่ก็ยังไม่กล้าทิ้งเขาไว้ เธอจึงได้เอื้อมมือมาแตะที่หน้าผากเขาเบาๆ หวังจะดูว่าเขาตัวร้อนไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า แต่มือเล็กยังไม่ทันได้ถึงตัว ก็ถูกเขาจับข้อมือไว้แน่น สบตาเขาครั้งแรกถึงรู้ว่าใบหน้าหล่อของเขาแดงก่ำขนาดดวงตายังแดงจนน่าตกใจ เธอเผลอมองสายตาคมอยู่ครู่ แม้มันจะแดงจนดูน่ากลัว แต่ดวงตาเขาตอนนี้ดูมันแตกต่างจากทุกครั้ง แม้จะดุแต่มันก็ดูหวานกว่าทุกครั้ง "ไปหาหมอ ไหมคะ" มือเล็กยิ่งถูกเขาบีบแรงขึ้น "โอ๊ย เจ็บ" เสียงร้องของเธอทำเขาถอนหายใจหนักๆ ทำท่าคล้ายกำลังรวบรวมสมาธิอย่างนั้นแหละ "อื้อ" เสียงอื้ออึงในลำคอที่ร้องด้วยความตกใจ เมื่อเธอถูกเขารั้งข้อมืออย่างแรงจนร่างอรชรที่มีเพียงผ้าขนหนูพันกายไว้ ถลาลงไปนั่งที่ตักเขา ริมฝีปากอิ่มที่กำลังจะร้อง ก็ถูกปิดสนิทด้วยริมฝีปากได้รูป ดวงตาหวานเบิกกว้างอยู่ครู่ตอนที่ถูกบดจูบอย่างแรง ก่อนจะค่อยๆ หลับตาลง เรี่ยวแรงที่จะขัดขืนเพียงนิดแทบไร้สิ้น เมื่อริมฝีปากที่ถูกประกบไว้แนบชิดจนแทบไร้ช่องว่าง ข้อมือที่ถูกเขาจับไว้แน่นยังไม่ปล่อยแม้จะดึงรั้งตัวเองอย่างไรก็ดูจะไม่เป็นผล จนเมื่อเรียวขาเธอตั้งหลักได้หวังใช้หั
"ยายรดา..." "ไม่ต้องพูด" พอยายจ๋าวางสาย เอ่ยเรียกเธอเสียงอ่อย เธอก็เดาได้ทันที แต่กระนั้นก็ได้แต่ยิ้มพลางทำหน้างอนๆ ใส่เพื่อน "เดี๋ยวเช้าจะซื้อโจ๊กร้านโปรดมาฝาก" "ฉันกลับไปกินโจ๊กที่โรงแรมดีกว่า" "นอนนี่แหละ กลับโรงแรมไปอันตราย ไม่อยากให้นั่งแท็กซี่กลางคืนแบบนี้ ยิ่งแต่งตัวโป๊ๆ ด้วย" พอมองชุดที่ตัวเองใส่มาก็เห็นจะจริง ชุดเซ็กซี่ที่ยายจ๋าเคยพาไปซื้อเพื่อให้เขากับสีผมใหม่นั่นแหละ และนั่นก็หมายความว่ายายจ๋ารีบมากจนไปส่งเธอที่โรงแรมไม่ได้ด้วย "โอเค นอนนี่ก็ได้ หวังว่าตอนเช้าฉันจะได้กินโจ๊กนะ" "แก่แดดใหญ่แล้ว ลงไปเลย" ยายจ๋าได้แต่เอานิ้วจิ้มหน้าผากเพื่อนด้วยความหมั่นไส้เพราะถูกรู้ทัน พอเธอลงรถยายจ๋าก็รีบขับรถคันหรูออกไปทันที เธอรีบค้นหาคีย์การ์ดในกระเป๋าสตางค์ที่ยายจ๋าเคยให้ไว้ เพราะต่างก็มีของกันและกัน ห้องขนาดไม่ใหญ่นักที่ถูกตกแต่งไว้ด้วยสไตล์โมเดิร์น ขนาดที่ว่าไม่ใหญ่ก็ยังใหญ่กว่าห้องเธอสองเท่าได้มั้ง ของธรรมดาอยู่แล้วเพราะความรวยระดับเจ้าสัวของบ้านยายจ๋า ขึ้นมาถึงห้องเธอก็รีบเปิดน้ำอุ่นที่อ่างอาบน้ำทิ้งไว้ทันที เพราะเหนื่อยเมื่อยล้ามาทั้งวัน ที่ว่าจะออกมาผ่อน
ยายจ๋าหันมามองหน้าเธอตาโต คล้ายจะเป็นเชิงถาม แต่เธอยังไม่ทันได้ตกลงด้วยสักหน่อย ยายเพื่อนตัวดีก็จูงมือให้เดินตามพี่ณัฐกรไปกลุ่มด้านในนั่นแล้ว เดินมาถึงเธอจึงได้สังเกตเห็นว่าหลายคนที่คุ้นหน้า แต่อะไรก็ไม่ร้ายเท่าคนคุ้นหน้าอีกคนที่นั่งอยู่ข้างเขาออกจะแนบชิดแม้จะเว้นระยะห่างแต่ก็ไม่มากพอ จนทำให้คนที่เห็นเผลอคิดไปไกลได้ พิมพ์พิมล ใบหน้าสวยเก๋แม้จะผ่านเวลามาหลายปีแล้วแต่พี่พิมพ์ก็ยังสวย เปรี้ยว เฉี่ยวตามสไตล์ของเขา คนที่นั่งข้างๆ ก็ดูจะพูดคุยเทกแคร์ไม่ห่าง จนเธอเผลอคิดถึงผู้หญิงอีกคนที่อยู่ในห้องเขาเมื่อเช้า และคุณดาราคนนั้นคงจะอยู่มาทั้งคืนนั่นแหละ เธอแอบคิดว่าวันนี้อาจจะไม่ได้เจอเขาก็ได้ เพราะไอ้ของสมนาคุณดินเนอร์สุดหรูพร้อมไวน์ราคาแพงที่นำไปเสิร์ฟให้ถึงห้องนอน คงจะทำให้เขาชื่นมื่นอยู่ในห้องจนไม่อยากออกมาสังสรรค์ข้างนอก "อ้าว น้องรดา มาด้วยหรือคะ" เสียงทักทายของพี่พิมพ์เรียกสายตาของใครบางคนข้างๆ ให้หันมามองด้วย เธอจึงได้แต่ยกมือขึ้นสวัสดี ยายจ๋าดึงเธอให้ไปนั่งที่โซฟาตรงข้ามพี่ชายตัวเอง ส่วนพี่ณัฐกรก็มานั่งโซฟาเดี่ยวข้างๆ เรียกพนักงานมาช่วยบริการเครื่องดื่มให้เธอสองคน "สบายดีห
คนตัวสูงไม่เพียงสาวเท้าเข้าหาเท่านั้น มือเขายังดึงเชือกชุดคลุมอาบน้ำที่มัดเอวไว้ออก เผยให้เห็นแผงอกล่ำสัน สะดุดตากับรอยสักรูปงูที่หน้าอกจนเผลอร้องตกใจออกมาเบาๆ "พี่ธรคะ" เสียงหวานของคุณดาราสาวที่เอ่ยเรียก ทำให้เธอได้สติอีกครั้ง รีบผลักเขาให้พ้นทางเดินอีกเพียงไม่กี่ก้าวก็จะถึงประตูนั้น แล้วก็รีบออกไปทันที เรื่องเมื่อตอนเช้าบนห้องพักชั้น VIP ถูกนำเข้าที่ประชุมในช่วงสายของวัน เธอคือผู้อยู่ในเหตุการณ์จึงได้เข้าร่วมด้วย เรื่องนี้จึงได้กลายเป็นเรื่องใหญ่ไปโดยปริยาย นับว่ายังโชคดีที่เจ้าของห้องไม่ได้ถูกพูดถึง คงเพราะไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใคร มีเพียงคุณดาราที่ถูกกล่าวถึง แต่นั่นก็ยิ่งทำให้ในที่ประชุมออกจะกลัวอยู่ไม่น้อยเพราะกลัวเธอจะเอาเรื่องไปรีวิวตามสื่อต่างๆ อย่างที่ว่าจริงๆ และนั่นคงทำให้ชื่อเสียงของโรงแรมเสียหายไม่น้อย เธอเผลอนึกไปถึงถ้าเกิดพี่รุตรู้ว่าคนในห้องนั้นเป็นชลันธร พี่ชายเธอจะมีสีหน้าแบบไหนกันแน่ เพราะห้องพักนั้นถูกจองในชื่อของบริษัทเครือราชศิริโสภณ และห้องพักชั้นหรูห้องนั้นจะยังได้รับดินเนอร์สุดหรู พร้อมไวน์ขวดละหลายหมื่นนั่นเป็นการขอโทษหรือเปล่า จบเรื่องวุ่นวายในห้
"อะไรกันนักหนาวะ โรงแรมห้าดาวหรือโรงแรมจิ้งหรีด วุ่นวายฉิบหาย" เสียงโวยวายทันทีที่ประตูไม้บานใหญ่ถูกเปิดออก เธอได้ยินคำบ่นแกมด่านั้นเต็มสองหูอย่างชัดเจน แต่อะไรก็ไม่ร้ายเท่าน้ำเสียงคุ้นหู จนเมื่อประตูเปิดออกเห็นใบหน้า "พี่ธร" เสียงอุทานแผ่วเบา ใบหน้าหล่อเหลายืนหน้าตึงขวางประตูเอาไว้ ยิ่งเมื่อเห็นว่าใครเป็นคนเคาะเขาก็พ่นลมหายใจออกมาแรงๆ อย่างหงุดหงิด "แห่กันมาทั้งโรงแรมหรือยัง แล้วเมื่อไหร่จะเสร็จ" เสียงถามอย่างไม่พอใจทำให้เธอได้สติ "เอ่อ..ทางโรงแรมต้องขออภัยด้วยนะคะ ความไม่พอใจทั้งหมดเราจะรับไว้เองค่ะ ขออนุญาตให้รดาเข้าไปดูช่างด้านในหน่อยนะคะ" เขาไม่ตอบได้แต่เบี่ยงตัวหลบให้เธอเดินผ่านประตูเข้ามาได้ เธอรีบเดินตรงไปทางห้องน้ำแต่เมื่อเข้ามาถึงห้องโถงใหญ่ก็ต้องชะงักฝีเท้าลง เมื่อเห็นสาวสวยผมบอร์นทองเดินออกมาจากห้องนอนด้วยชุดคลุมสีขาวเช่นเดียวกับเขา เธอเหลือบสายตามองเพียงแวบเดียว ทีแรกนึกว่าสาวฝรั่งเสียอีก แต่กลับไม่ใช่ ที่น่าตกใจกว่านั้นก็คือผู้หญิงคนนี้เธอเคยเห็นใบหน้าสวยๆ อยู่ตามสื่อโซเชียลบ่อยครั้งในฐานะดาราหน้าใหม่ของช่องที่กำลังได้รับการโปรโมตเพราะละครที่กำลังออกอากา
"โห ทำไมมันยากขนาดนี้เนี่ย" "คุณรดา ต้องทำให้ได้นะคะ พี่นภาย้ำมาเรื่องผ้าปูเตียงเลยค่ะ แอบบอกว่าคุณวรุตจะทดสอบด้วยนะคะ" "ฮะ! พี่รุตจะมาทดสอบด้วย" "ใช่ค่ะ" คำตอบของพี่อารีไม่ได้ทำให้เธอมีแรงลุกขึ้นสู้สักนิด นอกจากจะทิ้งตัวนอนหงายลงกับพื้นไปทั้งอย่างนั้น "ตายแล้ว คุณรดา นอนแบบนี้ได้ไงคะ" "ทำไมล่ะ" "เอ่อ.." เสียงอ้ำอึ้งของพี่อารี เธอพอจะเข้าใจบ้าง คงเพราะคิดว่าเธอจะไม่กล้านอนพื้นห้องแบบนี้ "ทำความสะอาดซะเอี่ยมอ่อง ฆ่าเชื้ออย่างดี ทำไมจะนอนไม่ได้" เสียงใสที่เอ่ยตอบ พร้อมมือที่ตบลงที่พื้นข้างตัวเป็นสัญญาณให้พี่อารีที่นั่งอยู่ข้างๆ เอนตัวนอนตาม "พี่คิดว่าคุณรดา จะเป็นคุณหนูเรื่องมากซะอีก ไม่คิดว่าจะติดดินขนาดนี้" พี่อารีที่นอนเอนตัวตามมาข้างๆ เอ่ยอย่างที่คิดไว้ตอนแรก เธอจึงได้แต่หัวเราะชอบใจ "ใครว่ารดาติดดิน ติดพื้นต่างหาก" เมื่อได้พูดคุยกันมากขึ้น พี่อารีก็เริ่มเป็นกันเองกับเธอขึ้นเยอะกว่าตอนแรกที่เกร็งจนแทบจะไม่กล้าสอนงาน ผ่านไปอีกเกือบชั่วโมง แม้เตียงจะยังไม่เรียบตึงจนพี่อารีต้องเป็นคนปูผ้าเองอีกครั้ง แต่ก็ถือว่าเธอทำได้ดีกว่าตอนแรกมากนัก ถ้าขืนรอจนเธอ
HouseKeeping ศิรดาเงยหน้ามองป้ายภาษาอังกฤษที่ผนังข้างประตูไม้บานใหญ่ ก่อนจะเคาะเป็นสัญญาณให้คนด้านใน คุณนภาที่นั่งอยู่โต๊ะทำงานด้านในรีบลุกมาต้อนรับ เพราะเป็นผู้มากวัยกว่าเธอจึงยกมือขึ้นสวัสดี แม้จะต้องมาฝึกงานแต่ในฐานะลูกสาวเจ้าของโรงแรมก็ทำให้คุณนภาอดจะเกรงใจไม่ได้ แม้จะได้รับการกำชับจากพี่ชายเธอแล้วก็ตาม 'ให้ฝึกเหมือนเป็นพนักงานอีกคน และต้องเป็นงาน ห้ามเกรงใจเด็ดขาด' "สวัสดีค่ะ คุณนภา" "สวัสดีค่ะ คุณรดาไปเปลี่ยนชุดก่อนนะคะ แล้วเดี๋ยวเราค่อยเริ่มงานกัน" ศิรดารับเสื้อผ้าชุดแม่บ้านของโรงแรมมาแล้วก็เดินหายไปที่ห้องน้ำ ตลอดทางที่เจอพนักงานบางคนที่รู้จักเธอต่างก็ยกมือสวัสดี พร้อมสายตาที่มองมาทางเธออย่างกล้าๆ กลัวๆ คงเพราะที่หน้าผากเธอมีคำว่าลูกสาวเจ้าของโรงแรมติดอยู่นั่นกระมัง ศิรดาจึงได้แต่ฉีกยิ้มหวานส่งให้ หวังให้พนักงานในแผนกจะไม่มองเธอแปลกแยกจนเธอเกร็งไม่สามารถทำงานได้ กลับเข้ามาที่แผนกอีกครั้ง พอเปิดประตูมาก็ต้องตกใจ เพราะพนักงานในแผนกแม่บ้านมารวมตัวกันอยู่ในห้องนี้ทั้งหมด เธอได้รับการแนะนำจากคุณนภา ถึงเรื่องการมาฝึกงานแต่สายตาของทุกคนที่มองมา ยังดูไม่ไว้วางใ
แต่วันนี้พี่รุตพาเธอไปทำความรู้จักกับพนักงานในหลายแผนกที่บางคนยังไม่เคยแม้จะเห็นหน้ากันสักครั้ง รอยยิ้มหวานที่ส่งยิ้มให้พนักงานยามเมื่อถูกแนะนำ เธอฉีกยิ้มจนปากแห้ง กว่าจะครบทุกแผนก มันไม่ง่ายสักนิดเลยนะเนี่ยไอ้การเริ่มงานเนี่ย เธอแทบลากสังขารกลับบ้านด้วยความเมื่อยล้า เดินวนในโรงแรมอยู่หลายรอบขึ้นลิฟต์ลงลิฟต์อยู่หลายเที่ยว กลับมาถึงก็ทิ้งตัวนอนด้วยความหมดแรง JaJa : เป็นไงบ้าง พี่รุตกลับยัง เสียงแจ้งเตือนข้อความเข้า พร้อมข้อความที่ขึ้นโชว์อยู่หน้าจอโทรศัพท์ เมื่อเห็นว่าเป็นข้อความของใคร เธอก็รีบเปิดอ่านทันที Sirada : ยังเลย Sirada : (สติกเกอร์รูปหมาหมดแรง นอนลิ้นห้อย) JaJa : ขนาดนั้นเลย Sirada : เมื่อยขามาก แถมพรุ่งนี้ต้องเข้าไปทำงานที่โรงแรมด้วย JaJa : ว่าจะชวนเที่ยวสักหน่อย งั้นพักผ่อนเถอะ สู้ๆ นะ แม้จะไม่อยากตื่นเช้าเพื่อมาเริ่มงานที่โรงแรมสักเท่าไร แต่เพราะคำขู่ของพี่ชายเมื่อวานหลังอาหารค่ำ ทำให้เธอต้องลุกขึ้นแต่งตัวด้วยชุดสุภาพเรียบร้อย และต้องให้ดูภูมิฐานน่าเชื่อถืออีกด้วย เมื่อสำรวจความเรียบร้อยของตัวเองจนดูดีแล้ว เธอก็ต้องรีบลงมาที่ห้องอาหารให้ทันพี่ชา
"องุ่นหวานจังครับ แม่ซื้อจากไหนเนี่ย" เสียงทุ้มคุ้นหูที่ดังอยู่ในห้องอาหาร แทบจะทำให้เธอนึกอยากปฏิเสธยายจ๋าขึ้นมาเสียตอนนี้ เมื่อกี้ไม่น่ารับปากเลย กลับไปให้พี่รุตดุซะยังจะดีกว่า "หนูรดาเอามาให้น่ะ ตารุตกลับมาจากเชียงใหม่" เสียงตอบของคุณพรรณีที่เธอได้ยินอยู่ในห้องอาหาร จนนึกอยากจะเห็นสีหน้าของคนถามเหลือเกิน แต่ก็ไม่ทันได้เห็น พอเธอกับยายจ๋าเดินมาถึงห้องอาหารเห็นเพียงเขากำลังโยนผลไม้ในมือลงตะกร้าหวายอย่างเดิม แต่สายตาที่หันมามองคนที่เดินเข้ามา จนมองเลยมาถึงเธอ ก็แทบไม่ต้องคิดหรอกว่าเมื่อครู่เขาจะทำหน้าอย่างไร ก็คงทำหน้าอย่างนี้แหละ ใบหน้าบึ้งตึงดูหงุดหงิดขึ้นทันตาแค่ได้ยินชื่อเธอหรือพี่ชาย และยิ่งเห็นหน้าเธอด้วย เขาคงยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นอีกเท่าตัว "อ้าว ยายจ๋า มาพอดี มาหนูรดา มาทานข้าวพร้อมกันลูก" เธอจึงได้แต่เดินตามยายจ๋าเข้าไปนั่งข้างๆ อย่างเงียบๆ แต่พอเหลือบสายตามองคนตรงข้ามเห็นสายตาที่เขามองผมสีแปลกตาของเธอ เธอไม่ได้รู้สึกไปเองแน่นอน คล้ายเขายิ้มเยาะด้วยมุมปาก ทำเอาเธอประหม่าถึงกับยกมือขึ้นลูบผมตรงท้ายทอยตัวเองเบาๆ มันดูน่าเกลียดขนาดนั้นเลยหรือ ก็ช่างบอกว่าสีนี้สวย