“เย้ๆ กินติมๆ ยูกชิ้นไม่ดื้อไม่ซน แม่แตมต้องพายูกชิ้นไปกินติมกันนะครับ พาป้าตาลกับตาตาแล้วก็ยายตวงไปด้วย ไปให้หมดเลย” เด็กชายปรบมือชอบใจ ก่อนรีบไหว้แม่และป้าที่มองคนตัวเล็กที่เดินเข้าโรงเรียนไปพร้อมเพื่อนร่วมชั้นที่มายืนกวักมือเรียกหยอยๆ จนลับสายตา
พอส่งหลานชายเสร็จสองพี่น้องก็ได้โอกาสอยู่ตามลำพังในรถ ตารกาชำเลืองมองหน้าซีดเซียวของน้องสาว
“คิดอะไรอยู่เหรอ อย่าบอกนะว่ายังคิดมากเรื่องที่ยัยป้านั่นพูดเมื่อเช้า”
“เปล่าหรอกค่ะ ปากคนเขาก็พูดไปเรื่อย แตมไม่สนใจหรอก”
“นั่นสิ เจ้าลูกชิ้นของฉันหน้าตาดีจะตาย ยัยป้านั่นต่างหากปากไม่ดี สมควรโดนป๊าด่า”
“จริงๆ จะว่าเขาก็ไม่ได้นะคะเจ้ตาล” เตชิตาหยุดพูดเพียงแค่นั้น เพราะคิดถึงสิ่งที่ได้ยินเมื่อเช้าไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้ยินแบบนั้น
อันที่จริงมันปฏิเสธไม่ได้เลยว่ายิ่งโต เค้าโครงหน้าตาของลูกชายเธอก็เริ่มมีเค้าผู้เป็นพ่อเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ จนบางครั้งเธอก็รู้สึกกลัวว่าอาจมีใครสังเกตและพูดให้เข้าหูเด็กน้อยให้สงสัยได้ว่าตัวเองหน้าเหมือนใคร ทำไมไม่เหมือนทางฝั่งแม่
“อย่าคิดมากเลยนะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว เราอยู่กับปัจจุบันดีกว่า”
“ขอบคุณนะเจ้”
“พอเลย อย่ามาอ้อนฉันเหมือนตาลูกชิ้นเด้งเลยนะ ไปๆ ถึงที่ทำงานเธอแล้ว รีบลงไปเลยไป” หันไปยิ้มให้พี่สาว
“เย็นนี้ฝากรับเจ้าลูกชิ้นด้วยนะคะเจ้ แตมทำงานเสร็จจะรีบกลับ อยากกินอะไรไหม เดี๋ยวแตมจะได้ซื้อเข้าไปให้”
“ยังคิดไม่ออก เย็นๆ ค่อยว่ากันอีกทีแล้วกัน”
เตชิตามองตามรถเก๋งมือสองสีขาวกลางเก่ากลางใหม่ของพี่สาวจนลับตา ก่อนเดินเข้าไปแสกนนิ้วมือเข้างาน
ปกติตั้งแต่เริ่มทำงานมา เตชิตาก็มักเป็นคนแรกที่มาถึงออฟฟิศ แต่ทว่าวันนี้กลับมีคนที่มาไวกว่าเธอ
“อ้าว น้องแตม มาแล้วเหรอจ๊ะ”
“ค่ะ พี่รุ้ง วันนี้มาเช้าจัง เอ หรือว่าแตมมาสาย”
รุ้งลาวัลย์ คือเลขาผู้อำนวยการฝ่ายขายหรือที่ใครๆ เรียกติดปากว่า ดอส หรือ Director of Sales (Dos) ซึ่งอาทิตย์ก่อนคุณประสงค์ ดอสคนเก่าเพิ่งลาออกเพราะได้งานที่ใหม่
“ไม่สายหรอกจ้ะ แต่วันนี้พี่มาก่อนเพราะต้องมาเตรียมจัดของต้อนรับว่าที่ดอสคนใหม่น่ะ”
“ว่าที่ดอสคนใหม่เหรอคะ”
“ใช่จ้ะ ทางส่วนกลางเพิ่งส่งคนมาให้เพราะเห็นว่าเรายังหาคนใหม่มาแทนคนเก่าไม่ได้ ได้ข่าวคนนี้จบจากเมืองนอกเก่งมากเลยนะ แถมเขาว่าหล่อมากด้วย” ท้ายประโยคคนพูดลากเสียงยาว จนทำให้คนฟังชักอยากเห็นหน้าคนหล่อของอีกฝ่ายขึ้นมาติดหมัด “แต่น่าเสียดาย...”
“เสียดายอะไรเหรอคะ”
“ก็เสียดายคนหล่อของเราน่ะสิ เห็นพี่ที่ส่วนกลางเขาบอกว่ามีสาวที่คบหาดูใจกันเสียแล้ว อีกอย่างคนนี้ก็จะมาอยู่ที่นี่ชั่วคราวจนกว่าจะหาดอสคนใหม่มาแทนได้ก็จะย้ายกลับไปประจำที่ส่วนกลาง เฮ้อ...”
เตชิตาอมยิ้ม เธอไม่เห็นว่ามันน่าเสียดายสักนิด ต่อให้หล่อแค่ไหน เก่งแค่ไหน ก็เท่านั้น ตอนนี้คนที่หล่อที่สุดในหัวใจเธอก็คงเป็นเจ้าลูกชิ้นเด้งลูกชายสุดที่รักเท่านั้น
หญิงสาวรีบไปจัดเตรียมปรินท์เอกสารเพื่อใช้สำหรับเจ้านายคนใหม่เข้าประชุมกับแผนกต่างๆ ตอนเช้า ไหนจะต้องเตรียมเอกสารอื่นๆ ให้คนในแผนกตามหน้าที่ประจำวันอีก จึงไม่มีเวลามาสนใจเรื่องอื่น จนกระทั่ง...
“ทุกคนคะ หันมาทางนี้หน่อยค่ะ” เสียงนั้นทำให้คนในแผนกที่เพิ่งทยอยมากันครบหันไปมองเป็นตาเดียว
ดวงฤดี หัวหน้าฝ่ายบุคคลเดินยิ้มแย้มเข้ามาด้วยสีหน้าอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
“อย่างที่เรารู้กันว่าคุณประสงค์ดอสคนเก่าลาออกไปและยังหาดอสที่จะมารับหน้าที่แทนไม่ได้ ทางส่วนกลางก็เลยส่งหัวหน้าคนใหม่มาช่วยจนกว่าเราจะหาดอสคนใหม่ได้ วันนี้พี่มีความยินดีจะแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับดอสคนใหม่ของพวกเรา...เชิญค่ะ คุณเจ...”
ชื่อนั้นทำให้หัวใจของเตชิตากระตุกวาบ ราวกับฟ่าลงมาที่ศีรษะ ไม่นะ! โลกมันคงไม่กลมขนาดนั้นหรอกมั้ง...
หากแล้วข้อพิสูจน์ของคำถามนั้นก็ทำให้หญิงสาวแทบล้มทั้งยืน ทันทีที่ร่างสูงสมาร์ทของใครคนหนึ่งก้าวเข้ามาในออฟฟิศแห่งนั้น
“ทุกคนคะ นี่คือคุณเจษภัทร ผดุงวัฒนกุล หรือ คุณเจ ดอสคนใหม่ของพวกเราค่ะ”
ตุบ!
แฟ้มเอกสารในมือหลุดร่วงลงพื้นกระจายเกลื่อนทันใด เตชิตาหน้าถอดสี รู้สึกราวกับพื้นที่เธอยืนอยู่ยุบยวบลงในชั่วพริบตานั้นเอง พอได้สติเธอก็รีบก้มตัวทำเป็นเก็บเอกสารใต้โต๊ะทันใด
เป็นไปไม่ได้ นี่เธอฝันไปใช่ไหม...
“สวัสดีครับทุกคน”
ผู้อำนวยการฝ่ายขายคนใหม่เอ่ยด้วยสีหน้ายิ้มแย้มอย่างมีอัธยาศัย แต่ความหล่อเหลามีเสน่ห์ของเขาทำเอาสาวๆ ทั้งแผนกถึงกับตกตะลึงจนหน้าแดง
“หล่อมากแม่...” เสียงซุบซิบจากเพื่อนร่วมแผนก
“โอย ดูสิ ยิ้มทีหัวใจพี่จะละลาย”
“ละลายไปก็เท่านั้นแหละย่ะ เห็นพี่รุ้งเลขาบอกว่าเขากำลังคบหาดูใจกับหลานสาวเจ้าของโรงแรมนี้เสียด้วย”
“ว้า...เสียดายจัง”
คนพูดเพลินไม่ได้สังเกตเลยว่าคนที่มุดใต้โต๊ะทำเป็นเก็บเอกสารข้างๆ สีหน้าซีดเผือดเพียงใด
เตชิตาแอบชะเง้อมองคนที่เป็นหัวข้อสนทนาที่กำลังเดินทักทายปราศัยกับทุกคนในแผนกด้วยสีหน้าตื่นตะลึงระคนหม่นหมองในหัวใจ
“พ่อเจ...” ราวกับหัวใจที่แห้งแล้งได้น้ำชโลม เจษภัทรรู้สึกอุ่นวาบในอก หัวใจพองโต ก่อนอ้าแขนโอบร่างเล็กเข้ามากอดอย่างอ่อนโยน“ครับคนเก่ง พ่อเจพ่อของลูกชิ้น พ่อขอโทษนะที่ทำงานเสร็จช้า แต่ต่อไปนี้พ่อสัญญาว่าจะไม่ทิ้งลูกกับแม่แตมไปไหนอีกแล้ว พ่อรักลูกนะครับ”เตชิตามองภาพนั้นอย่างตื้นตันใจจนน้ำตาคลอเบ้า ในที่สุดลูกของเธอก็ได้มีพ่อกับเขาเสียที“จริงๆ นะครับ พ่อเจห้ามโกหกนะ”“ไม่โกหกครับ”“เย้! ลูกชิ้นมีพ่อแล้ว ลูกชิ้นรักพ่อเจที่สุดเลย”“เดี๋ยวนะ แล้วแม่ล่ะครับ” หญิงสาวแกล้งแหย่ลูกชายตัวแสบ“ลูกชิ้นรักทั้งพ่อเจ รักทั้งแม่แตม รักมากที่สุดในโลกเลยครับ” เด็กน้อยยิ้มแป้น พลางยื่นหน้าไปหอมแก้มพ่อและแม่อย่างมีความสุขสองปีต่อมา...ร้านก๋วยเตี๋ยวโกวีในวันหยุดมีลูกค้าคึกคักกว่าปกติ เจ้าของร้านแม้จะอายุเกือบหกสิบปีในอีกไม่กี่วัน แต่ดูแข็งแรงกระฉับกระเฉง แต่ที่ทำให้ขายดีเป็นพิเศษนั้นอาจเป็นเพราะวันนี้มีเด็กเสิร์ฟกิตติมศักดิ์มาช่วยงานก็เป็นได้“หมี่เหลืองแห้งโต๊ะสี่ได้แล้ว” พอขาดคำ ร่างสูงใหญ่ของเด็กเสิร์ฟที่ว่าก็เข้ามารับชามก๋วยเตี๋ยวเพื่อไปเสิร์ฟให้ลูกค้าสาวใหญ่ที่นั่งส่งตาหวานให้วิ้งๆ“ดูสามีเธอสิยัย
“ตาภาส”ชื่อนั้นทำให้เจษภัทรหันไปมองตาม พลางคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเมื่อได้พบอดีตศัตรูหัวใจ“สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่ ผมมารับวินนี่ไปทานข้าวครับ” คนพูดหันไปสบตาแขกที่นั่งอยู่ พลางพยักหน้าให้นิดๆ “ไม่พบกันนานนะคุณเจ สบายดีเหรอ”“ครับ” เจษภัทรรับคำ น่าแปลกที่ครั้งนี้เขาไม่ได้รู้สึกอะไรที่เห็นอีกฝ่าย กลับรู้สึกเหมือนโล่งราวยกหินออกอก“ใครไปตามยัยวินนี่มาที บอกว่าพี่ภาสมารับแล้ว” คุณวิมาดากระวีกระวาดต้อนรับแขกผู้มาใหม่ราวกับต้องการให้เห็นว่าเธอไม่ได้แยแสอดีตคนรักของลูกสาวแม้แต่น้อยรอเพียงไม่นานวินรดาก็เดินลงมา หญิงสาวส่งยิ้มหวานให้ภาสกร แต่พอเห็นหันมาเห็นใครอีกคน ยิ้มหวานก็ลบเลือนหาย เหลือเพียงความเย็นชา“คุณมาที่นี่ทำไมอีก”“พี่มาขอโทษเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ดูท่าคงไม่จำเป็นแล้ว” เจษภัทรยกยิ้ม น่าแปลกที่เขาไม่ได้รู้สึกอะไรยามได้เห็นวินรดาเดินไปควงแขนชายหนุ่มอีกคนแสดงความสนิทสนมอย่างออกนอกหน้าผิดกับวินรดาที่หวังจะได้เห็นสีหน้าของผู้พ่ายแพ้เหมือนครั้งอดีตที่เธอเคยบอกเลิกกับเขาเพื่อคบกับภาสกร แต่ทว่าก็ต้องแอบผิดหวังและขัดใจนิดๆเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้ทำหน้าผิดหวังเสียใจอย่างที่เธอต้องการเห็น ต
นายวีระหายใจฮึดฮัด ร่ำๆ อยากจะเอาเลือดหัวอีกฝ่ายออกให้สมอยาก ยิ่งเห็นลูกสาวสุดที่รักเข้าไปประคองและช่วยซับเลือดให้อีกฝ่าย ก็ยิ่งขัดตาขัดใจ“ยัยตาล พาน้องขึ้นห้องไปก่อน”“พ่อคะ...”เตชิตาร้องเรียกอย่างกลัวใจ ตาแลไปทางชายหนุ่มที่นั่งนิ่งยอมรับความผิด สภาพเขาตอนนี้อาจแค่ปากแตกสะบักสะบอม แต่หากเธอยอมขึ้นห้องไปตามที่พ่อสั่ง ไม่แน่ว่าตอนลงมาอาจพบเขานอนเป็นศพแล้วก็ได้“ถ้าพ่อจะลงโทษพี่เจ งั้นก็ลงโทษแตมด้วยอีกคนเถอะค่ะ หากเรื่องนี้จะมีใครผิด เราสองคนก็คงผิดเท่าๆ กัน หรือไม่แตมก็ผิดมากกว่า”เจษภัทรหันขวับไปมองหญิงสาวที่ทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าข้างกายเขาด้วยสายตาห่วงใย“แตม อย่าทำแบบนี้”“พี่เจไม่เคยรู้ว่าแตมท้อง ตอนเกิดเรื่องเขาเคยขอรับผิดชอบแล้ว แต่เป็นหนูที่ปฏิเสธเขา”“แล้วทำไมตอนนั้นลูกไม่บอกพ่อสักคำ”“แตม...” เจษภัทรกดสายตามองหญิงสาวพลางส่ายหน้า ก่อนที่เขาจะหันไปสบตาพ่อของเธอ“เพราะตอนนั้นผมเป็นคนโง่ที่ไม่รู้ใจตัวเองครับ”ทุกคนมองสองหนุ่มสาว พลางหายใจไม่ทั่วท้อง เกรงว่าระเบิดจะลง“คนโง่ที่ไม่รู้ใจตัวเองงั้นเหรอ” นายวีระทวนคำเสียงเยาะ “แล้วตอนนี้เกิดฉลาดขึ้นมาแล้วหรือไง”“เปล่าครับ แค่เพิ่งรู้ใจ
เวลาผ่านไปนานหลายชั่วโมง ในที่สุดประตูห้องไอซียูก็เปิดออก พร้อมกับคุณหมอที่ออกมาแจ้งผลด้วยสีหน้าอิดโรย“คุณหมอคะ ลูกชายฉันเป็นยังไงบ้างคะ” เตชิตาพุ่งไปเป็นคนแรก“เด็กปลอดภัยแล้วครับ โชคดีที่น้องได้เลือดจากคุณพ่อที่มีกรุ๊ปเดียวกัน ไม่งั้นคงแย่ เพราะเลือดกรุ๊ปนี้หายากเสียด้วย” ทุกคนพากันถอนหายใจด้วยความโล่งอก“แล้วตอนนี้พ่อของเด็กเป็นยังไงบ้างคะคุณหมอ”“กำลังนอนพักอยู่ในห้องบริจาคเลือดข้างๆ กันครับ เพราะให้เลือดไปเยอะ แต่ไม่ต้องห่วงนะครับ อีกเดี๋ยวก็คงฟื้น”“งั้นฉันขอเข้าไปดูได้ไหมคะ” คุณหมอพยักหน้าอนุญาต แต่ให้เข้าไปได้เพียงคนเดียวภาพคนตัวเล็กนอนเหยียดบนเตียงโดยมีสายน้ำเกลือและเครื่องช่วยชีวิตระโยงระยาง ทำให้คนเป็นแม่ใจแทบสลาย สีหน้าลูกแม้ซีดเผือด แต่เตชิตารู้ว่าลูกรักปลอดภัยแล้ว แม้จะมีบาดแผลตามร่างกายให้เห็น หญิงสาวปาดน้ำตาตัวเองเงียบๆในนาทีแห่งชีวิตที่เกิดขึ้นทำให้เธอรับรู้ว่าอะไรสำคัญที่สุด“แตม...ลูกเป็นยังไงบ้าง...”เสียงนั้นอ่อนระโหย แต่เต็มไปด้วยความห่วงใยอย่างจริงใจที่สุด เตชิตาหันไปมองชายหนุ่มที่อยู่ในหัวใจมาตลอดนิ่งค้าง มารู้ตัวอีกทีก็เมื่อถูกเขาดึงตัวเข้าไปกอดแนบอกเสียงห
คุณวิมาดาหันไปถามกับสามี แต่อีกฝ่ายก็ส่ายหน้าเพราะไม่รู้เช่นกัน“ว่าไงนะ ใครถูกรถชน เด็กที่ไหน...”เสียงซุบซิบเริ่มลามมาทางแถวหน้าอย่างรวดเร็ว และกระเด็นเข้าหูเจ้าภาพบนเวที พนักงานโรงแรมคนหนึ่งเดินแกมวิ่งไปที่ข้างเวทีด้านที่นายชิษณุนั่งพร้อมกระซิบบอก“มีลูกของแขกที่มางานถูกรถชนหน้าโรงแรมค่ะ”“ตายจริง ลูกของแขกคนไหนกัน” คุณวิมาดาที่ได้ยินพลอยตกใจ“เห็นว่าเป็นแขกของคุณชิษณุ เด็กคนนั้นชื่อลูกชิ้นค่ะ!”ชื่อนั้นทำให้เจษภัทรสะดุ้ง ใจหายวาบ“ว่าไงนะ เด็กชื่ออะไรนะ”“ชื่อน้องลูกชิ้นค่ะ”“ลูกชิ้น!”ร่างสูงใหญ่ผุดลุกพรวดพราดขึ้นทันทีจนหญิงสาวที่นั่งพับเพียบข้างๆ พลอยตกใจ หันมาขึงตาใส่“พี่เจจะทำอะไรคะ ใกล้ได้ฤกษ์แล้ว จะไปไหน” วินรดากัดฟันถาม ตามองแขกเหรื่อที่เริ่มมองมาทางเวทีเป็นตาเดียว“ตาเจ ลูกอยู่ทางนี้ก่อน เดี๋ยวพ่อไปดูให้เอง” นายชิษณุที่เห็นท่าไม่ดีรีบอาสา“ไม่ครับพ่อ ผมจะไปดูลูกเอง”“ลูก!” วินรดาเผลอตัวรีบคว้าแขนว่าที่คู่หมั้นหนุ่มไว้ “ลูกใครคะ”“ลูกชิ้น! ลูกชายของพี่!”วินรดาอ้าปากค้าง ส่วนคนบนเวทีพลอยตกอกตกใจกับประโยคนั้น คุณวิมาดาลมแทบใส่“ละ...ลูกชายพี่งั้นเหรอคะ นี่มันเรื่องอะไรกัน”
“ทุกอย่างตอนนี้มันก็ดีแล้วไม่ใช่หรือคะ คุณกำลังจะได้สมหวังกับผู้หญิงที่คุณรักมาตลอด ส่วนฉันก็พอใจกับชีวิตตอนนี้แล้ว เราต่างก็มีทางเดินของตัวเอง งั้นอย่าทำให้เรื่องมันวุ่นวายอีกเลยนะคะ ดึกแล้วคุณควรกลับไปพักผ่อน ส่วนฉันก็ควรต้องกลับเหมือนกัน”“แล้วพรุ่งนี้เธอจะไปที่งานหรือเปล่า” อะไรบางอย่างทำให้เขาหลุดปากถามออกไป“ฉันรับปากพี่วินนี่ไว้แล้วว่าจะไปค่ะ คุณเองก็อย่ากลับดึกนะคะ เดี๋ยวว่าที่คู่หมั้นจะเป็นห่วง ลา...อุ๊บ!” คำสุดท้ายถูกกลืนหายไปในลำคอเมื่อถูกริมฝีปากอุ่นร้อนทาบทับลงมาเสียก่อนจูบที่เต็มไปด้วยความรู้สึกมากมายของเขาสะกดตรึงเธอไว้ ราวกับปลดชนวนระเบิดในหัวใจที่แสนอัดอั้น หากนี่คือจูบอำลา เธอก็ขอเห็นแก่ตัวทำตามที่หัวใจไม่รักดีต้องการเป็นครั้งสุดท้ายบ้างเจษภัทรเลิกคิ้ว เมื่อรับรู้ถึงสัมผัสนุ่มละมุนที่ตอบกลับมา ความรู้สึกหวานที่คละเคล้าความเศร้าอวลในรสจูบนี้ จนนึกอยากหยุดเวลาไว้ตรงนี้แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ ชายหนุ่มตัดใจถอนริมฝีปากออกเมื่อรับรู้ถึงน้ำตาอุ่นๆ ที่รินอาบแก้มของอีกฝ่าย“แตม...พี่...”“ครั้งก่อนพี่ทิ้งกันไปโดยไม่ได้บอกลา งั้นครั้งนี้แตมขอเป็นฝ่ายบอกพี่เอง...ลาก่อนนะคะพี่เจ