“คุณมณีรัชดา”
สุ้มเสียงนั้นเอ่ยชื่อหล่อน
เมื่อหล่อนมาถึงที่นัดหมายด้วยความกล้ากึ่งกลัวในหัวใจ..
แต่มณีรัชดาพยายามจะสลัดอารมณ์เหล่านี้ทิ้ง ถ้าหล่อนมัวแต่กลัว ก็คงไม่ได้งานนะสิ เพราะอยากทำงานมากกว่า ตกงาน “ค่ะ”
“ผมจราดลนะครับ ไอ้ภัสเพื่อนผม คงแนะนำแล้วว่า มันบอกผมว่าคุณเต็มใจจะร่วมงานกับเรา งั้นเชิญมาทางนี้ครับ”
เขาผายมือเชื้อเชิญมณีรัชดา
แต่หล่อนอึ้ง ยังไม่กล้าลุกก้าวตามไป อะไรกัน
เขาเรียกให้ลุก นี่ หล่อนก็จะลุกแล้วหรือ
เนื่องจากหล่อนกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นที่ไม่ดี และกลัวนัก
แล้วนี่ ปล่อยให้หล่อนอยู่ตามลำพังกับเขาทั้งสองต่อสองหรือ
แล้วผู้หญิง ผู้ชายคนอื่นหายไปไหนหมด
หล่อนยังไม่กล้าที่จะตัดสินใจ เดินตามเขาไปหรอกนะ ยังอึกอักและลังเลใจ
“อ้าว ตามผมมาสิครับ.. มัวนั่งอยู่ทำไม”
หล่อนอึ้ง จะตอบเขาอย่างไรดี
จราดลเลยบอก
“ผมต้องเทสต์งาน คุณอย่ากลัวเลยครับ ถ้ากลัวคงไม่ต้องทำงานนี้หรอก ข้างในยังมีช่างภาพ ช่างไฟ อยู่อีกสามสี่คน ช่างแต่งหน้าด้วย เขาเป็นผู้หญิงเหมือนคุณ”
แบบนี้มณีรัชดาค่อยถอนใจอย่างโล่งอก ยอมเดินตามเขาไป
“นี่มันงานเกี่ยวกับอะไรคะ งานที่ว่า”
เสียงของมณีรัชดาออกสุ้มเสียงสูงแบบคนตกใจอย่างมาก
และเมื่อกวาดตามองดูแล้ว แต่ละคนรวมทั้งบรรยากาศการทำงานในภาพที่ตัดแปะรูปภาพนางแบบประเภทวาบหวิว เป็นที่สนใจของประเภทเฒ่าหัวงู ปลุกใจเสือป่า
ชวนให้หล่อนเนื้อตัวสั่นขนแขนลุก
และมณีรัชดาก็โวยวายขึ้นทันที
“บ้า จะให้ฉันมาถ่ายรูปโป๊ เป็นนางแบบนู้ดนี่หรือ ไม่ ฉันไม่เอาหรอก ไม่ได้สิ้นคิดถึงขนาดนั้น”
เสียงของหล่อนสร้างความโกลาหลให้แก่ผู้ที่ทำงานด้วยเช่นกัน ต่างหยุดทำงาน
แล้วหันมาจ้องมองหล่อนเหมือนตัวประหลาด
และมณีรัชดาไม่หยุดเพียงแค่นั้น สีหน้าของหล่อนบึ้งตึง ตาคมวาว หันหน้าไปหาเรื่องคนที่ชักชวนหล่อนมาก..
“ไหน เพื่อนคุณ ..ไอ้นายที่ชื่อ วิภัสนั่น”
หล่อนจำชื่อเขาได้ดี
เห็นหล่อนออกฤทธิ์หนักอย่างนี้
จราดล จำยอมสงบนิ่ง พยักหน้า
“รออีกห้านาที นายภัส เพิ่งออกไปข้างนอก เดี๋ยวกลับมา”
“ดี ฉันอยากจะเจอหน้าเขาเหมือนกัน จะได้ด่าว่าให้สมอยาก สกปรกสิ้นดี”
มณีรัชดาไม่หยุด หล่อนบริภาษต่ออย่างทนไม่ได้และเหลืออด
“เห็นฉันเป็นผู้หญิงต่ำๆพวกนั้นหรือไง ถึงฉันจะอดจะอยากไม่มีกิน แต่ฉันก็ไม่ขายศักดิ์ศรีตัวเองด้วยการประจานถ่ายรูปแบบนี้ลงหนังสือให้ญาติพี่น้อง คนรู้จักฉันหัวเราะเยาะเอาหรอก”
มณีรัชดาฟิวส์ขาด เพราะหล่อนโกรธจัดนี่เอง
“ไหนคุณบอก ฉันว่าไม่ใช่งานแบบนั้น”
มณีรัชดาหันมาเล่นงานจราดล
หญิงสาวมีแววตาไม่พอใจอย่างมาก นี่เหมือนกับหลอกต้มหล่อน เพราะหล่อนไม่ยอมเสียรู้อย่างเด็ดขาด
“เพื่อนของคุณล่ะเขาหลอกฉันมาใช่ไหม..นี่หรืองานที่แนะนำให้ฉัน ฮึ ฉันว่ายอมเป็นงานแม่บ้านเช็ดถูลำบากยังดีกว่าเอาเนื้อเข้าปากเสืออย่างที่พวกคุณกระทำ..แค่นี้ล่ะ ฉันไปล่ะ ไม่ต้องอยู่พบหน้านายวิภัส เพื่อนของคุณหรอก จบกันที สตูดิโอเฮงซวย”
มณีรัชดาด่าตามหลังแล้วยังบ่นกะปอดกะแปดอีก หลายคำ
พอหญิงสาวขยับจะเปิดประตูเท่านั้น
หากแต่ประตูก็ถูกผลักเข้ามาก่อน
โดยคนร่างสูง ที่มณีรัชดามองจ้อง
แล้วหญิงสาวแทบจะกินเลือดกินเนื้อทีเดียว
ขณะที่วิภัสหรือจอมภูชะงักกึก พอจะอ่านรู้เรื่องแล้ว
ยิ้มให้หล่อน เอ่ยน้ำเสียงอ่อนโยน ไม่สนใจกับแววตาที่เอาเรื่องบึ้งตึงของหล่อน
ที่เหมือนโกรธเขาสุดขีดสุดเหวี่ยง แต่เขาพยายามทำใจดีใจเย็น ในเวลานี้ ไม่ใช่ตอนที่เขาอยากจะหักคอหล่อน หรือก่อเรื่องร้ายๆสำหรับหล่อน
เวลามันยังมีอีกเยอะมาก ที่จะเล่นเหลี่ยมหญิงสาวคนนี้เพื่อให้หล่อนตายใจ
“อ้าว คุณ ณี มาถึงนานแล้วหรือครับ เข้าไปข้างในก่อนสิ ผมเพิ่งมาถึง ขอโทษด้วย”
เขาทำท่ายืนขวางหล่อน เหมือนบังคับด้วยสายตา
ทำให้มณีรัชดาเงยหน้ามองตรงเอ่ยเสียงเข้ม
“หลีกหลีกเดี๋ยวนี้นะ ฉันจะออกไปเดี๋ยวนี้”
หากเขาพยายามใจเย็นสุขุมอีกครั้งและถอนใจ
เพราะอ่านแววตาดื้อรั้นของหล่อน
“มีอะไรไม่พอใจคุณหรือครับ งานการที่ผมเสนอให้ไม่พอใจคุณหรือไง”
“ใช่สิ งานต่ำๆแบบนั้น ใครจะทำ”
หล่อนโวยวาย
หากแต่เขานั้นขมวดคิ้วเรียวเข้ม พร้อมกับหรี่ดวงตาคมมองหล่อน
“ผมว่าเราคงเข้าใจผิดอะไรสักอย่างแล้วล่ะครับ.. เข้าไปข้างในก่อนเถอะ ไปคุยกัน แล้วผมจะบอกคุณเอง”
เพราะน้ำเสียงนุ่มของเขา
เลยทำให้มณีรัชดายังอิดเอื้อน แม้หล่อนจะไม่เชื่อก็ตาม
“ฉันไม่เชื่อหรอก”
“อย่าดื้อสิครับ คุณอยากได้งานหรือเปล่า..เพราะผมคิดว่างานการสำหรับคุณมันหายาก แล้วถ้าหากทางโน้นปฏิเสธอีก ผมไม่รู้ว่าคุณจะทำไหวมั้ย งานที่ผมว่านี้ ไม่งั้น คุณคงจะต้องเดินหางานจนรองเท้าสึกอีกคู่แน่”
และคำพูดของเขาก็มีเหตุผล แต่หวังดีกับหล่อนเพื่ออะไร
“คุณหวังดีกับดิฉันหรือหรือคะ”
เมื่อหล่อนหรี่ดวงตาคมตอบ แล้วเอ่ยต่อ
“ฮึ แต่ว่า ขออย่าให้หวังดีแต่คิดประสงค์ร้ายก็แล้วกัน ไม่งั้นฉันจะร้ายให้ถึงที่สุด เอาล่ะ ฉันจะยอมเชื่อ”
หล่อนยินยอมเดินกลับเข้าไปข้างใน
“งั้นคุณลองพูดถึงข้อเสนอของคุณออกมาค่ะ เพราะฉันใจร้อนไม่อยากอยู่ที่นี่นานนัก”
“เดี๋ยวก่อนสิครับคุณ ค่อยๆพูดกัน จะรีบใจร้อนไปไหน”
เขาพยายามเอ่ยกับหล่อนด้วยน้ำเสียงที่ดีเอาใจรอมชอม และทุ้มนุ่ม
จนสะกดร่างของมณีรัชดาได้ชะงัด เพราะหล่อนยอมนิ่งรับฟัง
เขาประคองมณีรัชดาเป็นความผูกพันลึกซึ้งยามอยู่ห่างไกลบ้าน มณีรัชดาคิดถึงพ่อแม่คิดถึงกรุงเทพ แต่แน่นอนละภาวะของหล่อนคือคนมีครรภ์อดฟุ้งซ่านไม่ได้และจอมภูพยายามทำดีกับหล่อนสารพัดทุกอย่าง ที่เขาแสนจะเอาใจ จนมณีรัชดายากที่จะปฏิเสธได้ หล่อนช่วยเหลือตัวเองไม่ได้หากจอมภูถึงกับเสียสละทุกอย่าง บางทีทิฐิมันเหมือนกับน้ำกรดราดรดดวงใจตัวเองเหมือนกัน หล่อนครุ่นคิด แต่ถึงกระนั้น หล่อนก็ควรที่จะให้บทเรียนอันแสนจะเจ็บปวดให้เขาด้วยเหมือนกันจนกระทั่งมณีรัชดาคลอดบุตรที่โรงพยาบาลเป็นลูกสาวในอีกสามวันต่อมา ประเทศที่หล่อนอาศัยอยู่ณบัดนี้เข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว หนาวเหน็บจัดพร้อมด้วยหิมะโปรยปราย จอมภูพยายามใช้การกระทำของเขามากกว่าคำพูด ให้มันราดรดในดวงใจของหล่อนถึงความซื่อสัตย์และภักดีตลอดกาล เพื่อทดแทนสิ่งที่ผิดพลาด ณเสี้ยวหนึ่งของหัวใจหล่อนรับทราบแล้วว่า เขาเป็นคนที่ดีมากพอ แต่ในด้านเลวร้ายนั่นล่ะ ซาตานดีๆนี่เอง หล่อนจะไม่พยายามคิดในเมื่อความดีของเขาก็ราดรดลงไปในหัวใจของหล่อน ให้ความอบอุ่นดูแลลูกสาว ในฐานะของพ่อเกินที่มณีรัชดาจะท้วงหรือปราม เขาทำไปด้วยความสุจริตใจหล่อนรับรู้ตลอดเวลาที่มีเข
จนกระทั่งมณีรัชดาคลอดบุตรที่โรงพยาบาลเป็นลูกสาวในอีกสามวันต่อมา ประเทศที่หล่อนอาศัยอยู่ณบัดนี้เข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว หนาวเหน็บจัดพร้อมด้วยหิมะโปรยปราย จอมภูพยายามใช้การกระทำของเขามากกว่าคำพูด ให้มันราดรดในดวงใจของหล่อนถึงความซื่อสัตย์และภักดีตลอดกาล เพื่อทดแทนสิ่งที่ผิดพลาด ณเสี้ยวหนึ่งของหัวใจหล่อนรับทราบแล้วว่า เขาเป็นคนที่ดีมากพอ แต่ในด้านเลวร้ายนั่นล่ะ ซาตานดีๆนี่เอง หล่อนจะไม่พยายามคิด เมื่อเขาชี้แจงว่า “ผมมาจากเมืองไทยที่อยู่ทราบจากคุณรังสินัย” เมื่อเอ่ยอ้างถึงหลานชายของหล่อน ทำให้คุณนันทนิจรับทราบ “ผมมีปัญหาบางอย่างที่ต้องปรับใจกับณี” เขาเอ่ย ทำให้คุณนันทนิจเข้าใจทันที “มณีรัชดา” หล่อนอุทาน “ใช่ครับ ผมเป็นสามี เธอหนีจากผมมา” “หนีหรือคะ” “ผมขออนุญาตได้ไหม”เขาเอ่ยหลังจากที่ชี้แจง ไม่มีการบอกกล่าวมาล่วงหน้าเพื่อตรวจดูความผิดพลาด คุณนันทนิจขอตัวโทร.ทางไกลไปเมืองไทยเพื่อถามหลานชาย ได้รับคำตอบแบบเดียวกันคือ ยืนยันถึงความเป็นสามีของลูกจ้างสาว “ดิฉันไม่ทราบหรอกนะคะว่าเกิดอะไรขึ้น แต่หลานชายต้องการพึ่งพา ให้พา
“เขาให้แม่มาไกล่เกลี่ยหรือไงคะ”มณีรัชดาเอ่ยโดยไม่ยอมเอ่ยชื่อเขา นางรัชนีถอนใจ กับลูกสาวที่เริ่มจะทิฐิขึ้นมา“นี่แม่นะนี่แม่ของแก จะดีจะชั่วยังไงก็ยอมรับว่าแกเป็นลูก” มณีรัชดากำลังทำใจอย่างหนัก การที่มารดามาที่นี่เหมือนท่านบุกเข้ามาหาหล่อนที่คอนโดไม่เคยมีใครทราบมาก่อน และเขาคนเดียวเท่านั้นที่พามา มันเป็นเรื่อง ที่ตัดสินใจลำบากทั้งเรื่องส่วนตัวเหตุผลอีกทั้งความรัก รวมทั้งความเจ็บแค้นที่ผสมผสานกันและความผิดของเขาเกิดขึ้นมานาน และสะสมสั่งเอาไว้พอกพูนจนมันเต็มไปด้วยอัตราของความแค้นที่เหมือนไฟเผาผลาญจู่ๆหล่อน จะมาอภัยให้เขาง่ายๆในสิ่งที่เขาทำกับหล่อนอย่างเจ็บปวด “แม่ไปถามผู้ชายคนที่เขาบอกที่อยู่ของหนูสิคะว่าเขาทำอะไรลงไปบ้าง” มณีรัชดากลับตอบไปอย่างนั้นทำให้รัชนีเงียบ และเริ่มเข้าใจถึงสภาพจิตใจของบุตรสาว “ถึงอย่างไรแม่ก็ไม่อยากให้แก หนีแม่ไปอีก อย่าไปเลยนะลูก เมืองนงเมืองนอก แม่ห่วง ไปดูหมอเขาทักไว้ว่า ลูกไม่ควรเดินทางออกไปต่างประเทศ อย่าขึ้นเครื่องบิน” มณีรัชดาตกใจอย่างมากที่สุดกับคำกล่าวของมารดาไม่เคยทราบด้วยว่า ท่านจะเอาดวงของหล่อนไปให้ห
ความจริงที่ว่าคือเขารักมณีรัชดาอย่างมาก ต้องการครองคู่ อยู่กับหล่อนตลอดไปในเส้นทางอนาคต ทำให้จอมภูต้องยิ้มออกมาเมื่อเห็นสีหน้าของมารดาคลายลงจากคำพูดที่น้องชายเอ่ยออกมาพร้อมแฟนสาวช่วยสนับสนุนในรักครั้งนี้ของเขา อีกทั้งช่วยแก้ต่าง ให้กับมณีรัชดา ภรรยาของเขาให้พ้นผิดด้วย เพราะภรรยาของเขานั้น หล่อนไม่ได้เป็นอย่างที่ทุกคนกำลังกล่าวหาสักนิด หล่อนสะอาดและบริสุทธิ์เสมอ อย่างที่เขาเองก็นึกไม่ถึงเช่นกัน ในอดีตเขาเคยร่ำร้อง ที่จะเดียดฉันท์ โกรธอาฆาตแค้นหล่อนที่กลายเป็นนางแม่มดเจ้าเสน่ห์เพื่อหลอกล่อให้น้องชายของเขามาตกหลุมรักเพราะหวังในความสุขสบาย เพราะภูวพลมีฐานะร่ำรวยเป็นทายาท ของนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย นี่คือความโง่เขลาอย่างมากที่สุดที่เขาได้ทำมา จนจอมภูอยากเขกหัวของตัวเอง ย้อนหลังกลับไปสองร้อยกว่าครั้งถึงจะสาสม กับความผิด และความโง่ของเขาด้วยซ้ำ เวลาเนิ่นนานที่เขามีอคติต่อหล่อน กลายเป็นคนที่โง่บรมโง่ เหลือเกิน ยอมรับว่าเขาหูตามืดมัวเพราะรักและห่วงน้องชาย คนเดียวที่กลัวจะตกเป็นเหยื่อและเป็นคำสั่งของมารดา ที่ท่านต้องการจะกีดกันทั้
“ทำไม?ผมถามคุณไม่ตอบล่ะว่าไปอยู่ที่ไหนและผมไม่ยอมให้คุณไปอยู่ที่ไหนอีกแล้วนะต้องอยู่กับผมตลอดไปจะต้องช่วยเลี้ยงลูกของเรา ให้เจริญเติบโตเป็นคนดี” “ฉันไปพักอยู่กับเพื่อนรุ่นที่ ที่เขาใจดีมากค่ะ เขาเป็นพี่ชายที่ฉันเคารพรักและมีบุญคุณเสมอมา” “แล้วเขาเป็นใครล่ะ” “เขาชื่อ คุณรังสินัยค่ะ” “คราวหลัง ถ้าผมได้เจอเขาแล้วนั้นผมจะขอบคุณเขาอย่างมากที่ช่วยดูแล เมียผมกับลูกผมให้ปลอดภัย” คราวนี้มณีรัชดาหันมามองเขาสายตาของหล่อนเงยขึ้น “คุณไม่ตะขิดตะขวงหรือยังไงคะที่ฉันไปอยู่อย่างนั้น” “คงไม่หรอก ผมรู้ว่า ผมนั้นทำผิดอะไร” จอมภูตอบเสียงนุ่มอย่างรู้ดีว่า เขาทำผิดอะไร “แล้ว ขอให้ผมได้ไถ่โทษความผิดครั้งนี้ด้วยการขอคุณแต่งงานได้ไหม ผมจะไม่รีรอเลยนะณีและต้องการให้เรื่องนี้เร็วที่สุด” มณีรัชดาถึงกับอึ้งที่เขาพูดเช่นนี้ยิ้มอย่างอายและเขิน “เอ้อ ค่ะ” “ผมดีใจที่คุณเข้าใจผมและเข้าใจความรู้สึกของเรา คงไม่โกรธใช่ไหม กับเรื่องที่ผ่านมา เอ้อที่ผมล่วงเกินคุณ ใครล่ะจะอดใจได้ ก็คุณสวยขนาดนั้น” จอมภูกระซิบพร่ำที่ริมกกหูของ
จอมภูจึงขับรถมุ่งตรงไปที่บ้านเช่าของเธอที่เคยอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับบิดามารดา และเขาเคยมาแล้วหนหนึ่งแต่ว่าไม่พบกับมณีรัชดาซึ่งบิดาและมารดาของเธอก็ไม่สามารถให้คำตอบเขาได้เช่นกัน เขามั่นใจว่ามณีรัชดาต้องอยู่ เพราะว่าเขารู้สึกไม่สบายใจเลยที่ทำแบบนี้กับหล่อน แม้แต่คาดคิดก็ตามและมณีรัชดาก็เช่นกัน เขาคิดว่าหล่อนคงจะเป็นเหมือนเขา ที่เป็นอย่างนี้เพราะเขาแน่ใจอย่างนั้นว่าเขารักหล่อนมาก มันไม่ใช่เรื่องที่หลอกลวง หรืออยากจะแก้แค้นหล่อน ความรักที่บริสุทธิ์นั้น ยากที่จะบอกได้ ซึ่งขับรถมุ่งตรงมาที่บางแค ก็ด้วยความหวัง ขณะเดียวกันนั้นมณีรัชดาลงจากรถแท็กซี่แล้วเดินเข้าไปในบ้าน ทำให้นางรัชนีกับนายมิ่งผู้เป็นบิดาต่างมองด้วยความตกใจและดีใจเช่นกันเมื่อได้มองเห็นชัดเจนว่า ลูกสาวตั้งท้อง จึงเป็นคำตอบที่ทราบดีว่าที่ลูกสาวหายไปจากบ้านเป็นเพราะสาเหตุนี้ นางรัชนีปรามผู้เป็นสามีและทั้งคู่ปรึกษากันว่าจะไม่ซักถามมณีรัชดาที่เพิ่งมาถึง เพราะกลัวว่าลูกสาวจะเตลิดไปไกลอีกนางรัชนีกับไพจิตรจึงพยายามพูดดีๆ “กลับมาแล้วเหรอเข้าไปพักผ่อนข้างในก่อนเถอะลูก มีอ