จอมภูคิดในใจเพราะหล่อนใจร้อนจริงๆถ้าไม่สบใจหล่อนและความพึงพอใจของหล่อนก็จากไปทันที..แต่ยังหรอก
แผนของเขายังไม่สัมฤทธิ์ และจะไม่ยอมให้หล่อนหลุดจากตรงนี้ไปได้ง่ายหรอก อีกอย่างเพราะเขาทราบมาว่าน้องชายของเขากำลังจะหางานทำให้หล่อนโดยฝากญาติ และคนรู้จัก
เขาไม่ต้องการให้คนอย่างมณีรัชดาเหยียบเข้าไปทำงานกับเครือญาติของเขา
และงานที่นี่ดูจะเหมาะกับเธอ เป็นงานด้านบัญชี หรือเป็นผู้ช่วยพี่สาวของจราดลก็ได้ และอีกอย่างฝ่ายคอสตูมดูแลเสื้อผ้าของนักแสดงหรือเลือกเฟ้นนักแสดงกับปันณชา
หากเพราะในเวลานี้ มณีรัชดาไม่อยากจะรอ
เพราะหล่อนไม่มีความอดทนมากถึงขนาดนั้น
ยิ่งด้วยเขาทำให้หล่อนอารมณ์เสียและรู้สึกว่ามาเก้อ และถูกหลอก
ยิ่งได้มาเจอหน้าวิภัสชายหนุ่มที่หล่อนจำหน้าเขาได้
ชายหนุ่มหล่อเงยหน้ามองอีกครั้ง เขาพยายามใจเย็นให้มากที่สุด
ขณะที่สาวสวยตรงหน้า เห็นชัดว่าหล่อนกำลังอึดอัดอย่างที่สุด
“เดี๋ยวผมจะไปส่งคุณเองครับ แต่ขอรับปากว่า คุณได้งานทำแน่ ถ้าหากไม่เลือกมาก”
หญิงสาวเงยหน้าหวานคม จ้องเขา ที่ดวงตาของหล่อนนั้นระยับวับวาว
“งานอะไรกัน..งานสกปรกที่คุณกับเพื่อนคุณกำลังจะหลอกฉันหรือไง”
เขารู้สึกอึดอัดขัดใจไม่น้อย
แต่พยายามเก็บซ่อนให้มิดชิดในสีหน้า
“อย่าคิดอย่างนั้นสิครับ ผมแค่อยากให้คุณเลือกงานดู ถ้าคุณไม่ชอบ ก็เลือกอย่างอื่น”
“ใช่ ฉันไม่ชอบแน่”
มณีรัชดาเน้นเสียงเข้ม
“งั้นมีงานอะไรอีกล่ะคะ”
“ก็เกี่ยวกับงานในกองถ่าย พวกคอสตูมเกี่ยวกับเสื้อผ้านักแสดงดูแลในเรื่องนี้ คุณคิดว่า ไหวมั๊ย อยากจะทำมั๊ย เพราะผมคิดว่าคุณกำลังตกงาน อย่าเลือกงานเลยครับ”
วิภัสหรือจอมภูใช้คำพูดดีกว่าเดิม
จนหล่อนพยักหน้าใช่สิ ตอนนี้หล่อนกำลังตกงานด้วย
ทำไมหางานทำยากเย็นอย่างนี้ ที่คนรักอย่างภูวพลสัญญาว่าจะหาให้ หล่อนไม่รู้ว่าได้ทำวันไหน
สิ่งที่มณีรัชดาต้องการก็คือ หล่อนอยากจะทำงานเพื่อจะได้อวดกับพ่อแม่และน้าว่า ในที่สุดหล่อนก็หางานทำได้แล้ว
“ถ้าเป็นงานที่ไม่ใช่เปลื้องผ้าเปลื้องผ่อนขายเนื้อหนังละก็ดิฉันตกลงค่ะ”
มณีรัชดาเอ่ยย้ำเสียงของหล่อนในตอนท้ายอ่อนลง
หากวิภัสหรือจอมภูถอนใจ
ที่สามารถเอาใจผู้หญิงที่เอาแต่ใจคนนี้ได้แล้วในตอนนี้
จนหรือก็จน ยังจะทำหยิ่งใส่เขาอีก ฮึ เอาตัวเองให้รอดจากการงานได้ก่อนเถอะ แล้วเขาจะเริ่มแผนต่อไป
“ก็ดีครับ เอาล่ะถ้าเข้าใจแล้ว เอาเป็นว่าอีกสักสามวัน ผมจะให้คุณมาทำงานที่นี่ได้ แล้วเข้าไปติดต่อขอพบพี่ปัน ชื่อจริงแก ชื่อ ปันณชา เป็นพี่สาวนายดลเพื่อนผม”
ครั้นมณีรัชดาถือว่าทำธุระของหล่อนเสร็จแล้ว ถือว่าได้คำตอบเป็นที่พึงพอใจ
แต่หล่อนอาจจะเสียมารยาท ตรงที่พูดจาเหมือนขมขู่ใส่เขา
แน่นอนละ ถ้าหล่อนไม่ได้รับความเป็นธรรม คอยดูเถอะ
เลือดในกายของมณีรัชดามันจะฮึดสู้ขึ้นเองโดยอัตโนมัติ
ในที่สุดยินยอมที่จะนั่งรถมากับเขา
หากแต่พอถึงบริเวณปากซอยหล่อนกลับเอ่ย
“จอดให้ดิฉันตรงนี้เถอะค่ะ จะขอนั่งรถสองแถวเข้าไปในซอย ไม่อยากนั่งรถของคุณค่ะ รบกวนและเกรงใจ”
เขาอึ้งพร้อมกับปรายตามองดูสาวสวยทีนั่งอยู่ด้านหลัง
เพราะหล่อนไม่ยอมลุกมานั่งเคียงเขาข้างหน้า..
ก็บอกให้เขารู้ว่าหล่อนหยิ่งแค่ไหน
เขาเลยอดเอ่ยไม่ได้
“แต่ว่ามันเสียเวลานะครับคุณ ไหนๆก็มาสมัครงาน แล้วก็เหนื่อยอย่างนี้ ผมหวังดีกับคุณนะคุณณี ก็เลยอยากให้คุณสบาย แล้วกลับถึงบ้านเร็ว”
“แหม.. ถ้ากลับบ้านเร็วเพราะต้องพึ่งพาคนอื่น มณีรัชดาก็ไม่ต้องการเหมือนกัน ฉันอยากทำอะไรที่เป็นส่วนตัวมากกว่าค่ะ ก็หมายความว่า ไม่อยากจะใคร่ใฝ่สูงสักเท่าใดนัก อีกอย่างรถคันหรูของคุณ มันโก้หรูเกินกว่าฐานะของดิฉัน..จอดเถอะค่ะ ดิฉันจะลงตรงนี้ละ”
เมื่อถึงใกล้ปากซอยแล้ว และเห็นรถราบนท้องถนนใหญ่วิ่งกันขวักไขว่ มณีรัชดาเลยร้องขึ้น
เขาจึงหันมาทางหล่อนด้วยความรู้สึกที่ขัดอกขัดใจยิ่งนัก
แต่ก็ยอมจอดให้ ไม่งั้นแม่คุณคงได้แหวหนักเอ็ดตะโรใส่เขาแน่
เพราะท่าทางมณีรัชดาไม่คิดจะกลัวเขาสักนิด แม่สมันน้อย..ฮึ
เมื่อจอดแล้ว มณีรัชดาเปิดประตูผลักออก ก่อนจะเอ่ยบอกเขา
“ขอบคุณในความเป็นสุภาพบุรุษของคุณมากนะคะ คุณวิภัส ที่ใจดี ยอมมาส่งณีถึงหน้าปากซอย อย่างที่บอก ณีขอรบกวนคุณเท่านี้ละค่ะ แล้วเจอกันใหม่”
เขานั้นแทบจะเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันใส่หล่อนตามหลัง
ที่มณีรัชดานั้นทำกับเขาแสบมาก แต่ก็หยุดรถจอดนิ่ง
โชคดีที่ไม่มีรถแล่นสวนเข้ามาในยามนี้ เขากลัวตัวเองเป็นภาระในการจอดกีดขวางการจราจรของผู้อื่น
จนมณีรัชดาลับสายตาไปแล้วนั่นล่ะ คงไปนั่งรอรถเมล์หรือสองแถวที่ป้ายสมใจอยากของหล่อน
เขาเลยหัวเสีย คิ้วเรียวขมวดบึ้งตึงก่อนจะหาช่องทางกลับรถในฝั่งตรงกันข้ามที่มองเห็น และเขาก็ตรงดิ่งกลับไปที่เดิมอีกครั้ง
คำแรกที่ได้ยินคือทักจากเพื่อนรักประโยคนี้
“ว่าไงวะ ไอ้เสือ นี่ส่งแม่เสือสาวของนายกลับแล้วหรือไงว่ะ พับผ่าจริง หล่อนดุจริงๆ ยิ่งกว่าอะไร นายไปขุดมาจากไหนวะ”
เลิกคิ้วถามเพื่อนพร้อมทำท่าเหมือนสนใจ
“หล่อนคิดจะจับน้องชายของฉันไง นายดล ฉันเลยคิดจะแบล็คเมล์หล่อนด้วยการย้อนเกล็ด”
จอมภูแค่ตอบเพื่อนด้วยคำพูดง่ายๆ
สำหรับเขาไม่มีสลับซับซ้อนมากนักในยามนี้ คิดอะไรก็ง่ายๆเพราะมันง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก
แต่เมื่อคิดเรื่องนี้แล้วกลับหยุดชะงัก
นี่แบบนี้ ใครว่าปอกกล้วยเข้าปากล่ะ ยายมณีรัชดาร้ายอย่างที่เห็น
หากจราดลเจ้าของสตูดิโอส่ายหน้า
“นายทำกับหล่อนเกินไปหรือเปล่าว่ะดูซิ อับอายไปหมดหน้าตาของฉันแล้ว หน้าผากนี่ด้วย”
เขาจิ้มที่หน้าผากของตัวเอง
“ฮึไอ้จอมฉันนะบอกว่ามันตรายี่ห้อเจ้าพ่อนู้ด หล่อนฉลาดนาโว้ย มองปราดเดียวก็รู้ ฉันว่ากลัวแต่เพียงอย่างเดียว นายจะถูกหล่อนแบล็คเมล์กลับใส่นะซี”
เขาประคองมณีรัชดาเป็นความผูกพันลึกซึ้งยามอยู่ห่างไกลบ้าน มณีรัชดาคิดถึงพ่อแม่คิดถึงกรุงเทพ แต่แน่นอนละภาวะของหล่อนคือคนมีครรภ์อดฟุ้งซ่านไม่ได้และจอมภูพยายามทำดีกับหล่อนสารพัดทุกอย่าง ที่เขาแสนจะเอาใจ จนมณีรัชดายากที่จะปฏิเสธได้ หล่อนช่วยเหลือตัวเองไม่ได้หากจอมภูถึงกับเสียสละทุกอย่าง บางทีทิฐิมันเหมือนกับน้ำกรดราดรดดวงใจตัวเองเหมือนกัน หล่อนครุ่นคิด แต่ถึงกระนั้น หล่อนก็ควรที่จะให้บทเรียนอันแสนจะเจ็บปวดให้เขาด้วยเหมือนกันจนกระทั่งมณีรัชดาคลอดบุตรที่โรงพยาบาลเป็นลูกสาวในอีกสามวันต่อมา ประเทศที่หล่อนอาศัยอยู่ณบัดนี้เข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว หนาวเหน็บจัดพร้อมด้วยหิมะโปรยปราย จอมภูพยายามใช้การกระทำของเขามากกว่าคำพูด ให้มันราดรดในดวงใจของหล่อนถึงความซื่อสัตย์และภักดีตลอดกาล เพื่อทดแทนสิ่งที่ผิดพลาด ณเสี้ยวหนึ่งของหัวใจหล่อนรับทราบแล้วว่า เขาเป็นคนที่ดีมากพอ แต่ในด้านเลวร้ายนั่นล่ะ ซาตานดีๆนี่เอง หล่อนจะไม่พยายามคิดในเมื่อความดีของเขาก็ราดรดลงไปในหัวใจของหล่อน ให้ความอบอุ่นดูแลลูกสาว ในฐานะของพ่อเกินที่มณีรัชดาจะท้วงหรือปราม เขาทำไปด้วยความสุจริตใจหล่อนรับรู้ตลอดเวลาที่มีเข
จนกระทั่งมณีรัชดาคลอดบุตรที่โรงพยาบาลเป็นลูกสาวในอีกสามวันต่อมา ประเทศที่หล่อนอาศัยอยู่ณบัดนี้เข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว หนาวเหน็บจัดพร้อมด้วยหิมะโปรยปราย จอมภูพยายามใช้การกระทำของเขามากกว่าคำพูด ให้มันราดรดในดวงใจของหล่อนถึงความซื่อสัตย์และภักดีตลอดกาล เพื่อทดแทนสิ่งที่ผิดพลาด ณเสี้ยวหนึ่งของหัวใจหล่อนรับทราบแล้วว่า เขาเป็นคนที่ดีมากพอ แต่ในด้านเลวร้ายนั่นล่ะ ซาตานดีๆนี่เอง หล่อนจะไม่พยายามคิด เมื่อเขาชี้แจงว่า “ผมมาจากเมืองไทยที่อยู่ทราบจากคุณรังสินัย” เมื่อเอ่ยอ้างถึงหลานชายของหล่อน ทำให้คุณนันทนิจรับทราบ “ผมมีปัญหาบางอย่างที่ต้องปรับใจกับณี” เขาเอ่ย ทำให้คุณนันทนิจเข้าใจทันที “มณีรัชดา” หล่อนอุทาน “ใช่ครับ ผมเป็นสามี เธอหนีจากผมมา” “หนีหรือคะ” “ผมขออนุญาตได้ไหม”เขาเอ่ยหลังจากที่ชี้แจง ไม่มีการบอกกล่าวมาล่วงหน้าเพื่อตรวจดูความผิดพลาด คุณนันทนิจขอตัวโทร.ทางไกลไปเมืองไทยเพื่อถามหลานชาย ได้รับคำตอบแบบเดียวกันคือ ยืนยันถึงความเป็นสามีของลูกจ้างสาว “ดิฉันไม่ทราบหรอกนะคะว่าเกิดอะไรขึ้น แต่หลานชายต้องการพึ่งพา ให้พา
“เขาให้แม่มาไกล่เกลี่ยหรือไงคะ”มณีรัชดาเอ่ยโดยไม่ยอมเอ่ยชื่อเขา นางรัชนีถอนใจ กับลูกสาวที่เริ่มจะทิฐิขึ้นมา“นี่แม่นะนี่แม่ของแก จะดีจะชั่วยังไงก็ยอมรับว่าแกเป็นลูก” มณีรัชดากำลังทำใจอย่างหนัก การที่มารดามาที่นี่เหมือนท่านบุกเข้ามาหาหล่อนที่คอนโดไม่เคยมีใครทราบมาก่อน และเขาคนเดียวเท่านั้นที่พามา มันเป็นเรื่อง ที่ตัดสินใจลำบากทั้งเรื่องส่วนตัวเหตุผลอีกทั้งความรัก รวมทั้งความเจ็บแค้นที่ผสมผสานกันและความผิดของเขาเกิดขึ้นมานาน และสะสมสั่งเอาไว้พอกพูนจนมันเต็มไปด้วยอัตราของความแค้นที่เหมือนไฟเผาผลาญจู่ๆหล่อน จะมาอภัยให้เขาง่ายๆในสิ่งที่เขาทำกับหล่อนอย่างเจ็บปวด “แม่ไปถามผู้ชายคนที่เขาบอกที่อยู่ของหนูสิคะว่าเขาทำอะไรลงไปบ้าง” มณีรัชดากลับตอบไปอย่างนั้นทำให้รัชนีเงียบ และเริ่มเข้าใจถึงสภาพจิตใจของบุตรสาว “ถึงอย่างไรแม่ก็ไม่อยากให้แก หนีแม่ไปอีก อย่าไปเลยนะลูก เมืองนงเมืองนอก แม่ห่วง ไปดูหมอเขาทักไว้ว่า ลูกไม่ควรเดินทางออกไปต่างประเทศ อย่าขึ้นเครื่องบิน” มณีรัชดาตกใจอย่างมากที่สุดกับคำกล่าวของมารดาไม่เคยทราบด้วยว่า ท่านจะเอาดวงของหล่อนไปให้ห
ความจริงที่ว่าคือเขารักมณีรัชดาอย่างมาก ต้องการครองคู่ อยู่กับหล่อนตลอดไปในเส้นทางอนาคต ทำให้จอมภูต้องยิ้มออกมาเมื่อเห็นสีหน้าของมารดาคลายลงจากคำพูดที่น้องชายเอ่ยออกมาพร้อมแฟนสาวช่วยสนับสนุนในรักครั้งนี้ของเขา อีกทั้งช่วยแก้ต่าง ให้กับมณีรัชดา ภรรยาของเขาให้พ้นผิดด้วย เพราะภรรยาของเขานั้น หล่อนไม่ได้เป็นอย่างที่ทุกคนกำลังกล่าวหาสักนิด หล่อนสะอาดและบริสุทธิ์เสมอ อย่างที่เขาเองก็นึกไม่ถึงเช่นกัน ในอดีตเขาเคยร่ำร้อง ที่จะเดียดฉันท์ โกรธอาฆาตแค้นหล่อนที่กลายเป็นนางแม่มดเจ้าเสน่ห์เพื่อหลอกล่อให้น้องชายของเขามาตกหลุมรักเพราะหวังในความสุขสบาย เพราะภูวพลมีฐานะร่ำรวยเป็นทายาท ของนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย นี่คือความโง่เขลาอย่างมากที่สุดที่เขาได้ทำมา จนจอมภูอยากเขกหัวของตัวเอง ย้อนหลังกลับไปสองร้อยกว่าครั้งถึงจะสาสม กับความผิด และความโง่ของเขาด้วยซ้ำ เวลาเนิ่นนานที่เขามีอคติต่อหล่อน กลายเป็นคนที่โง่บรมโง่ เหลือเกิน ยอมรับว่าเขาหูตามืดมัวเพราะรักและห่วงน้องชาย คนเดียวที่กลัวจะตกเป็นเหยื่อและเป็นคำสั่งของมารดา ที่ท่านต้องการจะกีดกันทั้
“ทำไม?ผมถามคุณไม่ตอบล่ะว่าไปอยู่ที่ไหนและผมไม่ยอมให้คุณไปอยู่ที่ไหนอีกแล้วนะต้องอยู่กับผมตลอดไปจะต้องช่วยเลี้ยงลูกของเรา ให้เจริญเติบโตเป็นคนดี” “ฉันไปพักอยู่กับเพื่อนรุ่นที่ ที่เขาใจดีมากค่ะ เขาเป็นพี่ชายที่ฉันเคารพรักและมีบุญคุณเสมอมา” “แล้วเขาเป็นใครล่ะ” “เขาชื่อ คุณรังสินัยค่ะ” “คราวหลัง ถ้าผมได้เจอเขาแล้วนั้นผมจะขอบคุณเขาอย่างมากที่ช่วยดูแล เมียผมกับลูกผมให้ปลอดภัย” คราวนี้มณีรัชดาหันมามองเขาสายตาของหล่อนเงยขึ้น “คุณไม่ตะขิดตะขวงหรือยังไงคะที่ฉันไปอยู่อย่างนั้น” “คงไม่หรอก ผมรู้ว่า ผมนั้นทำผิดอะไร” จอมภูตอบเสียงนุ่มอย่างรู้ดีว่า เขาทำผิดอะไร “แล้ว ขอให้ผมได้ไถ่โทษความผิดครั้งนี้ด้วยการขอคุณแต่งงานได้ไหม ผมจะไม่รีรอเลยนะณีและต้องการให้เรื่องนี้เร็วที่สุด” มณีรัชดาถึงกับอึ้งที่เขาพูดเช่นนี้ยิ้มอย่างอายและเขิน “เอ้อ ค่ะ” “ผมดีใจที่คุณเข้าใจผมและเข้าใจความรู้สึกของเรา คงไม่โกรธใช่ไหม กับเรื่องที่ผ่านมา เอ้อที่ผมล่วงเกินคุณ ใครล่ะจะอดใจได้ ก็คุณสวยขนาดนั้น” จอมภูกระซิบพร่ำที่ริมกกหูของ
จอมภูจึงขับรถมุ่งตรงไปที่บ้านเช่าของเธอที่เคยอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับบิดามารดา และเขาเคยมาแล้วหนหนึ่งแต่ว่าไม่พบกับมณีรัชดาซึ่งบิดาและมารดาของเธอก็ไม่สามารถให้คำตอบเขาได้เช่นกัน เขามั่นใจว่ามณีรัชดาต้องอยู่ เพราะว่าเขารู้สึกไม่สบายใจเลยที่ทำแบบนี้กับหล่อน แม้แต่คาดคิดก็ตามและมณีรัชดาก็เช่นกัน เขาคิดว่าหล่อนคงจะเป็นเหมือนเขา ที่เป็นอย่างนี้เพราะเขาแน่ใจอย่างนั้นว่าเขารักหล่อนมาก มันไม่ใช่เรื่องที่หลอกลวง หรืออยากจะแก้แค้นหล่อน ความรักที่บริสุทธิ์นั้น ยากที่จะบอกได้ ซึ่งขับรถมุ่งตรงมาที่บางแค ก็ด้วยความหวัง ขณะเดียวกันนั้นมณีรัชดาลงจากรถแท็กซี่แล้วเดินเข้าไปในบ้าน ทำให้นางรัชนีกับนายมิ่งผู้เป็นบิดาต่างมองด้วยความตกใจและดีใจเช่นกันเมื่อได้มองเห็นชัดเจนว่า ลูกสาวตั้งท้อง จึงเป็นคำตอบที่ทราบดีว่าที่ลูกสาวหายไปจากบ้านเป็นเพราะสาเหตุนี้ นางรัชนีปรามผู้เป็นสามีและทั้งคู่ปรึกษากันว่าจะไม่ซักถามมณีรัชดาที่เพิ่งมาถึง เพราะกลัวว่าลูกสาวจะเตลิดไปไกลอีกนางรัชนีกับไพจิตรจึงพยายามพูดดีๆ “กลับมาแล้วเหรอเข้าไปพักผ่อนข้างในก่อนเถอะลูก มีอ