Share

บทที่ 3 โลกกลมเกินไป

last update Последнее обновление: 2025-04-08 21:02:38

บทที่ 3 โลกกลมเกินไป

มือสั่น ปากสั่นราวกับเจ้าเข้า ขนมรีบหลบหลังเพื่อนตัวเอง ก้มหน้าจ้องชาร์ตคนไข้

'เชี่ยนี่ฉันเยเย่กับอะ อาจารย์เหรอวะ ยายขนมตายแน่!'

'ตะกี้เขาทันได้เห็นฉันไหม คงไม่หรอกนะ'

“หนมแกทำไรเนี่ย มาหลบหลังฉันทำไม”

“แป๊บหนึ่ง”

“ถ้าจะคุยกันก็ออกไป” น้ำเสียงติดดุดังขึ้น แน่นอนล่ะว่าเขาเพ่งสายตามาทางนี้

“ขอโทษค่ะอาจารย์” เพื่อนจับแขนขนมไว้แน่น ดึงเธอออกมาจากด้านหลังจนสำเร็จ แต่กลับชะงักเพราะขนมปล่อยผมมาปิดหน้าปิดตาตัวเองแถมเอาแมกส์มาสวมอีก “อะไรของแกเนี่ย” เพื่อนขยับปากถามแบบไม่ออกเสียง ทั้งงงว่าขนมทำแบบนี้ทำไม ราวกับกลัวใครจำหน้าได้อย่างนั้นแหละ

“เดินไปๆ อย่าสนใจฉัน” ตอนนี้เธอต้องทำตัวไม่ให้เป็นที่สนใจของอาจารย์ เลยเดินไปแฝงตัวกับเพื่อนคนนั้นที คนนี้ที พอเดินเข้ามาถึงตึกผู้ป่วยโอพีดีอาจารย์ก็พาตรวจตั้งแต่เตียงแรก สลับให้นักศึกษาแพทย์ทุกคนได้ตรวจและซักถามอาการผู้ป่วยทุกคน จนมาถึงคิวขนม

“สวัสดีค่ะคุณแม่ อาการเป็นยังไงบ้างคะวันนี้”

“ถอดแมสก์ออกก่อน เสียงอู้อี้ขนาดนี้คนป่วยจะรู้เรื่องได้ยังไง” น้ำเสียงติดดุดังมาจากด้านหลัง เขาไม่รู้หรอกว่าเธออยากวิ่งหนีมากแค่ไหน ยิ่งกว่ากดดันก็กลัวเขาเห็นหน้าเนี่ยล่ะ ขนมถอดแมสก์ออกจากปากแล้วเกี่ยวม้วนผมทัดหู อย่างไรเสียอาจารย์ก็อยู่ข้างหลัง เขาไม่เห็นหน้าเธอหรอก

“คุณแม่ยังมีอาการปวดท้องอยู่ไหมคะ”

“ปวดหน่วงๆ ตรงแผลน่ะคุณหมอ แต่ไม่มากเท่าวันแรกแล้ว”

“อ๋อค่ะ แล้วมีอาการอื่นไหมคะ”

“ไม่มีจ้ะหมอ”

“ค่ะ” ขนมก้าวถอยหลังออกมาจากเตียงผู้ป่วยหนึ่งก้าว ทำตัวลีบเล็กมาหลบอยู่ด้านหลังเพื่อนอีกคน 'เมื่อไหร่จะราวน์เสร็จ ขอร้องล่ะ เวลาเดินเร็วกว่านี้ได้ไหม' รู้สึกใช้ชีวิตเชื่องช้าตั้งแต่เริ่มวันใหม่เลย ไม่เคยอยากกลับห้องเร็วขนาดนี้มาก่อน

ชาร์ตผู้ป่วยหล่นจากมือขนมเกิดเสียงดัง กลายเป็นว่าเธอคือจุดสนใจของเพื่อนและอาจารย์หมอมากที่สุด

ศิวกรจ้องนักศึกษาสาวพลางก้มลงเก็บปากกาที่กลิ้งมาทางเขาให้เธอ จังหวะที่เงยหน้าขึ้นก็ได้สบตากับอีกฝ่ายตรงๆ สักที

'คุณเค เอ๊ย! อาจารย์กรทำหน้านิ่งเหมือนไม่รู้จักเราเลยแฮะ หรือว่าเขาเป็นพวกไม่จำหน้าผู้หญิงที่เคยขึ้นเตียงด้วยอะ ขอให้ใช่ ขอให้เป็นแบบนั้นเถอะ ไม่งั้นตายแน่ยายขนมเอ้ย…'

“ขอบคุณค่ะอาจารย์”

“ระวังหน่อย เป็นหมอจะมาทำตัวซุ่มซ่ามเวลาราวน์ไม่ได้”

“ค่ะ ขอโทษค่ะ”

ศิวกรพานักศึกษาราวน์ต่อจนเสร็จสรรพ จากนั้นนักศึกษากลุ่มเดียวกับขนมก็ไปนั่งเรียนและเขียนงานส่งอาจารย์

'แปลกแฮะ หรือว่าเขาจำเราไม่ได้จริงๆ'

“แกเป็นอะไร ทำตัวแปลกๆ” เพื่อนมาสะกิดแขนแล้วถาม

“เปล่า”

“ดีนะอาจารย์ไม่หมายหัวแกน่ะ วันนี้ทำตัวงุ้งงิ้งน่ารำคาญมาก”

“ขอโทษ”

“แต่ฉันเห็นตอนแกมองหน้าอาจารย์กรนะ ทำหน้าอย่างกับเห็นผีแน่ะ เป็นอะไรหรือเปล่า”

“เปล่าเลย ไม่ได้เป็นอะไรเลย” ทั้งส่ายหน้าทั้งสะบัดมือ “ฉันแค่กลัวโดนดุน่ะ”

“ถ้ากลุ่มเราโดนอาจารย์กรดุนะ คงถูกหมายหัวตั้งแต่วันแรกที่เริ่มราวน์กับอาจารย์แน่”

ขนมเบะปากคว่ำ ยกมือไหว้ขอโทษเพื่อนไปด้วยความสำนึกผิด เพราะเธอเองแท้ๆ ที่ตีตนไปก่อนไข้ เอาจริงๆ เขาอาจจำเธอไม่ได้ด้วยซ้ำไป แต่เธอดันจำหน้าเขาได้เนี่ยสิปัญหา คนจำไม่ได้ก็สบายไป แต่คนจำได้มันจะใช้ชีวิตอย่างไรให้มีความสุขล่ะ ไม่อยากมาระแวงว่าจะเจอหน้ากันตอนไหน หรือจะปะหน้ากันตอนไหนสักแห่ง โลกก็ช่างกลมเหลือเกิน และถึงเธอกับเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์ในแบบคนรัก แต่ก็ไม่ควรโคจรมาเจอกันในที่แบบนี้อีก เข้าใจแล้วทำไมพี่เอ็มถึงไม่อยากมีหวานใจในที่ทำงาน ความรู้สึกคงไม่ต่างจากเธอมากนัก

ขนมพิมพ์ข้อความส่งไปหารูมเมตด้วยความร้อนอกร้อนใจ พิมพ์ผิดพิมพ์ถูกจนยิ้มอดไม่ไหวจึงโทร. มาหาเสียเลย

(เป็นอะไรของหนม พิมพ์ผิดพิมพ์ถูกเรางงไปหมดแล้วเนี่ย)

“สี่โมงถึงห้อง ห้ามเลท! ห้ามแวะ! มาให้เร็วเลย!”

(เออๆ) ไอคนอยากรู้ก็อยากรู้อยู่หรอก แต่ตัวเองก็ติดงานเหมือนกัน อดใจไว้รอฟังเพื่อนพูดทีเดียวที่ห้องแบบไม่มีอะไรรบกวนจะดีกว่า

ขนมเดินก้มหน้าเดินไปตามทางระหว่างช่องตึก แต่โชคก็ไม่เข้าข้างเธอ เจอกันหนึ่งครั้งเท่ากับเจอกันตลอดไปหรือเปล่า ทำไมต้องเดินมาทางนี้ด้วยนะ ทางอื่นมีตั้งเยอะแยะ

“นักศึกษา”

กึก!

ขนมยืดหลังตรง มือแนบข้างลำตัวราวกับว่าถูกผู้บังคับบัญชาสั่งอย่างไรอย่างนั้น

“ขะ ขาอาจารย์”

“ของหล่น”

“ขะ ของ” เธอรีบก้มหน้าสำรวจบนร่างกายตัวเอง แล้วค้นในกระเป๋าผ้า “ของ…” อา… ขนมเม้มปากแน่น ค่อยๆ เอี้ยวหน้าไปมองของที่หล่นอยู่บนพื้น เจ้าพวงกุญแจโง่เอ๊ย ทำไมไปหล่นตรงนั้นทำไมไม่ไปหล่นที่อื่น “ขอบคุณค่ะ” ขนมเอากระเป๋าปิดหน้าแล้วเดินไปหยิบพวงกุญแจก่อนจะรีบก้าวฉับ ๆ ออกมาจากจุดนั้น คิดว่าเดินพ้นสายตาอีกฝ่ายแล้วเธอก็รีบหลบเข้ามุมเสา ถอนหายใจพรืดหนึ่งยาวๆ พลางชะเง้อมองว่าเขาเดินตามมาหรือเปล่า

ทำไมต้องมาเจอเขาในเวลาแบบนี้ด้วยวะ ทำไมไม่ชะล่าใจเลยนะยายขนม

ศิวกรสั่นหน้าเล็กน้อย เห็นท่าทางแปลกๆ ของนักศึกษาแล้วรู้สึกปวดหัว

“อาจารย์คะ วันนี้ไม่มีราวน์คนไข้โอพีดีนะคะ คุณอนงค์กลับบ้านแล้ว คุณเจนจิราก็กลับแล้ว เหลือคุณพิกุลที่ยังอยู่ค่ะ”

“ขอชาร์ตคุณพิกุลหน่อยครับ”

“ค่ะ”

นายแพทย์หนุ่มอ่านประวัติการรักษา แล้วเงยหน้ามองหน้าพยาบาล

“เอ่อขอพูดอะไรหน่อยได้ไหมคะอาจารย์”

“ครับ”

“คุณพิกุลเธอเหมือนจะแกล้งป่วยเลยค่ะ”

“แกล้งป่วยยังไง” ศิวกรปิดชาร์ตคนไข้แล้วจ้องหน้าพยาบาลสาว

“ก็เธอชอบแกล้งพยาบาลเข้าเวรรอบดึก ด้วยอาการชักตาเหลือกค่ะ”

“อืม แล้วมีญาติมาเฝ้าไหม”

“ไม่มีค่ะ”

“อืม เดี๋ยวผมไปดูเอง” ศิวกรเดินถือชาร์ตคนไข้รายนี้ไปยังเตียงผู้ป่วย “สวัสดีครับคุณพิกุล อาการเป็นไงครับวันนี้”

“ปวดท้องมาก เหมือนจะคลอดลูกเลยค่ะ”

“รู้สึกปวดเบ่งหรือว่าปวดหน่วงครับ” ศิวกรตรวจหญิงสาว คิ้วหนายกสูงเป็นเชิงถาม เพราะเบื้องต้นไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเลย “คนไข้…มีอะไรในใจอยากจะบอกหมอไหม”

“…”

“มีอะไรปรึกษาหมอได้นะครับ ยินดีให้คำปรึกษา มีอะไรไม่สบายใจก็พูดกับหมอได้นะ ถือซะว่าหมอเป็นเพื่อนคนหนึ่งก็ได้” เขาเลื่อนเก้าอี้มานั่งข้างเตียงผู้ป่วย พยาบาลที่มาพร้อมกับเขาหลบไปยืนแอบฟังอยู่หลังเคาน์เตอร์ “ถ้าคุณพิกุลเก็บเอาทุกเรื่องไปคิด มันจะเกิดภาวะเครียดมดลูกบีบตัวอาจเป็นอันตรายกับเด็กในท้องนะครับ”

“ฉัน…” น้ำตาเธอไหลออกมาอย่างสุดจะกลั้นไว้ไม่ได้ คุณพิกุลเล่าเรื่องทุกอย่างให้ศิวกรฟัง และได้รู้ว่าสามีเธอมีบ้านเล็กและไม่มาดูแลเธอขณะที่ตั้งครรภ์อยู่ และอาการที่เธอเป็นก็แค่การเรียกร้องความสนใจจากคนอื่น

“คนเราเกิดมามีแค่หนึ่งชีวิต เราควรจะรักชีวิตให้มากๆ กว่าการเอาชีวิตไปผูกไว้ที่คนอื่นนะครับ หากคิดว่าเขาเป็นคนอื่นแล้วก็อย่าให้เขามาทำลายชีวิตเราอีกเลยครับ นึกถึงเจ้าตัวเล็กเข้าไว้ เขาคงไม่อยากให้แม่เขาร้องไห้แบบนี้บ่อยๆ หรอก”

“ขอบคุณนะคะ”

“ยินดีครับ”

16:30

ขนมก้าวฉับ ๆ ไปยังห้องพักตัวเอง พอเปิดประตูเข้ามาได้ก็กระโดดขึ้นเตียง ฟุบหน้าลงกับหมอนแล้วกรี๊ดออกมาจนสุดเสียง

“ทำไมโลกมันแคบแบบนี้วะ ทำไมต้องมาเจอ…คุณเค ไม่ใช่ อาจารย์กร โอ๊ย! คันปาก! จะเรียกแบบไหนดีล่ะ” นี่ถ้าเพื่อนรู้ว่าเธอขึ้นครูมาแล้วนะ อึ้ย! ไม่อยากจะคิด

ไม่นานยิ้มก็มา ตรงเวลาเป๊ะมาก คงอยากรู้เรื่องเธอจนตัวสั่นสินะถึงได้รีบกลับห้องน่ะ

“ยังไง เกิดอะไรขึ้นเหรอ เล่ามาให้ละเอียดยิ๊บเลยนะ”

“จำได้ไหมที่ฉันเคยบอกว่าไปเยเย่กับผู้ชายมา”

“อืม จำได้ดิ ก็เพิ่งอาทิตย์ที่แล้วปะวะ”

“อือ”

“แล้วไง?”

“วันนี้หนมราวน์กับอาจารย์ศิวกร”

“อ๋อ อาจารย์โดเบอร์แมน แล้วยังไง” วินาทีแรกยิ้มทำหน้าสงสัย แต่พอสมองคิดอะไรขึ้นได้หลังจากนั้นสีหน้าและท่าทางเธอก็เปลี่ยนไปกะทันหัน “ฉิบหาย! ยะ อย่าบอกนะว่า”

“…อืม~”

“เหี้ย! เหี้ยของแท้ นะ นี่หนมกับอะ อาจารย์กร” ยิ้มใช้ภาษามือในการสื่อคำนั้นแทน

“อืม~ เป็นเขาแหละ เขาตัวเป็น ๆ ตัวโต ๆ เลย”

“แน่ใจนะ”

“แน่ซะยิ่งกว่าแน่อีก” เธอจำได้แม้กระทั่งขี้แมลงวันเล็กๆ บนปลายจมูกเขาได้

ยิ้มย่นหัวคิ้วเข้าหากัน เธอบีบมือขนมแน่น

“สาธุเอาเด้อสาว ฉันก็มืดแปดด้านเหมือนกัน”

“ฮือ~ ตาย ตายแน่ ๆ” ขนมล้มตัวนอนหงาย สะบัดเท้าไปมาด้วยอาการคิดไม่ออกว่าจะไปทางไหนต่อ “หรือว่า” เธอกระเด้งตัวขึ้นมา “แกล้งทำเป็นไม่รู้จักเขาเลยดีไหม วันนี้เจอกันเขาก็เหมือนจะจำหนมไม่ได้”

“แน่ใจเหรอ”

“แน่ใจสิ อาจารย์เหมือนจะจำไม่ได้นะ เขาไม่มีทีท่าเอะใจหรือตกใจเลย ทำหน้านิ่งมาก”

“เปล่า ยิ้มหมายถึงหนมอะจะแกล้งทำเป็นไม่รู้จักเขาไหวเหรอ ก็สองคน…”

“ยิ้ม~ อา!! ทำไงดี”

“แต่อย่าเพิ่งตีโพยตีพายไปเลย คุณเคเขาอาจจะจำหนมไม่ได้จริงๆ ก็ได้นะ”

“คุณเคอะไรล่ะ เขาชื่อกร อาจารย์กร”

“เคชื่อในวงการแหละ” ยิ้มไหวไหล่

“หรือว่าหนมต้องทำเป็นไม่รู้จักเขาดี” รู้จักกันพอผิวเผินเองนี่นา แถมคืนนั้นเราสองคนต่างรู้กันดีว่าจบแค่บนเตียง “เข้าใจแล้ว หนมจะยิ้มแล้วลุกขึ้นเชิดหน้า ยิ้มกว้างๆ แล้วกล่าวทักทายเขาในนามนักศึกษาแพทย์คนหนึ่ง”

“ดี ดีมาก! เยี่ยมเลย” ยิ้มลุกขึ้นปรบมือให้เพื่อนสาวอย่างให้กำลังใจ “ให้มันได้แบบนี้ ไม่เสียแรงที่ยิ้มปั้นมากับมือ!” เสียงปรบมือยังดังเรื่อย ๆ กระทั่งขนมนั่งขัดสมาธิหลังงอทำหน้าเหมือนพรุ่งนี้โลกจะแตก

“จะพยายาม”

วันต่อมา วันนี้ไม่มีราวน์เช้า เธอจึงมีเวลาแต่งหน้าทำผมให้ตัวเองดูดีขึ้นมาหน่อย หลังจากหน้าสดไปราวน์มาหลายวัน

“เอ๊ะ! หรือว่าที่เขาจำเราไม่ได้เพราะไม่ได้แต่งหน้า แหงเลย ต้องใช่แน่เลย”

“อะไร”

“หนมว่าอาจารย์จำหนมไม่ได้จริงๆ แหละ เพราะหนมหน้าสดไปทำงานไง วันที่ไปนั่งดื่มอะหนมแต่งหน้าแบบจัดเต็มมากเลยนะยิ้ม”

“เออ ก็น่าจะมีส่วนนะ แล้ววันนี้แต่งหน้า?”

“แต่งบางๆ แต่งเบาๆ สวยแบบกระซิบพอเดี๋ยวพี่เอ็มแซว”

“พี่เอ็มนี่สนิทกับหนมมากนะ แกจะจีบหนมปะ” ยิ้มเบียดกายลงมาแย่งเก้าอี้ตัวกลมหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง “นี่ถ้าพี่เอ็มจีบหนมนะ ยิ้มว่าหนมถูกเปย์หนักแน่”

“พับความคิดนั้นไว้เลยจ้ะ หนมเพิ่งถามแกมาเลยว่าอยากมีแฟนสายงานเดียวกันไหม แกตอบว่าไม่อยากมีแฟนในสายงานเดียวกัน ไม่พิศวาสเลยล่ะ แกเบื่อไม่อยากเห็นหน้ากันบ่อยๆ”

“ก็จริง เจอหน้ากันทุกวันคงเบื่อแย่เลย มันต้องเว้นช่องว่างให้คิดถึงกันบ้างเนอะ”

“อืม ว่าแต่ตัดหน้าม้าโอเคปะ”

“อืม น่ารักดี”

“โอเคเลย” วันนี้ขนมใส่ชุดนักศึกษาและมัดผมหางม้าแต่งหน้าเบาๆ “เราไปทำงานละ แล้วเย็นนี้จะรีบกลับมาหา”

“จ้ะ”

ขนมสะพายกระเป๋าผ้าใบโปรดเดินตามทางเล็กๆ ลัดเลาะมาจนถึงโรงพยาบาลมหา'ลัย เท้าเรียวหยุดชะงักรีบหลบเข้ามุมอับสายตาทันที

“อะไรวะเนี่ย ตั้งแต่เช้าเลยเหรอ” ว้าวุ่นกันตั้งแต่หัวรุ่งเลยเหรอเนี่ย “เขาจำเราไม่ได้ เขาจำเราไม่ได้หรอก ท่องไว้ขนม ท่องเอาไว้ว่าเขาจำเราไม่ได้ ยิ้มกว้างๆ ยิ้มซะ” ระหว่างที่เธอเรียกความมั่นใจให้ตัวเองอยู่นั้น พี่เอ็กซ์เทิร์นที่รู้จักกันก็ยืนมองเธออยู่

“หนม”

“อะ อ้าวพี่มด”

“พี่เห็นเรายืนหลับตาปี๋แล้วคุยคนเดียวนานละ เป็นอะไรหืม”

“ปะ เปล่าค่ะ”

“หึหึ มีราวน์เช้าเหรอคะ”

“เปล่าค่ะพี่มด”

“อ๋อ งั้นพี่ไปละนะ”

“ค่า…” ขนมโบกมือให้รุ่นพี่แล้วสูดหายใจ เดินตามทางเดินไปยังตึกหนึ่ง “สวัสดีค่ะ” เธอยิ้มทักทายคนรู้จักจนเข้ามาในลิฟต์

“เดี๋ยวครับ”

“..!!”

หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบ เพราะคนที่เข้ามาในลิฟต์ด้วยกันคือศิวกร

“สวัสดีค่ะอาจารย์” ทำตัวให้ปกติสุข ยิ้มกว้างๆ แล้วทักทายเขาก่อน ศิวกรมองเงาสะท้อนที่ประตูลิฟต์ ชายหนุ่มเอี้ยวหน้ามาขานรับโดยไม่มองหน้าหญิงสาวเพราะกำลังจ้องเวลาบนข้อมืออยู่

ขนมยืนชิดผนังลิฟต์ด้านหลัง กอดซองเอกสารที่ถือติดมือมาแน่น ลิฟต์ก็ขึ้นช้าเหลือเกิน ขึ้นไปเร็วๆ หน่อยไม่ได้เหรอ

เสียงแจ้งเตือนถึงชั้นที่กดเขาดังขึ้น ศิวกรเดินออกไปก่อน ส่วนขนมยืนนิ่ง พอประตูลิฟต์ปิดตัวลงเธอก็แทบทรุดนั่งลงกับพื้น ตั้งใจมาสู้หน้าเขาแท้ๆ แต่พอเจอแบบไม่ทันตั้งตัวก็เล่นเอาเข่าอ่อนเหมือนกันนะ

“แต่แปลกแฮะ แต่งตัวเนี้ยบมาก ใส่สูทผูกเนกไทหล่อเชียว”

15:40

ผ่านไปอีกหนึ่งวัน แต่วันนี้ฝนตั้งเค้าตั้งแต่บ่ายโมงเลย ไม่รู้ว่าเลิกงานแล้วจะตกไหม เพราะไม่ได้พกร่มมาด้วยเนี่ยสิ

“ยิ้มกลับห้องยังนะ ให้ยิ้มมารับดีกว่า” ว่าแล้วก็พิมพ์ข้อความส่งไปหาเพื่อนรัก แต่รอนานมากยิ้มก็ไม่อ่านข้อความ กระทั่งฝนเทลงมาอย่างหนัก “จนได้สินะ” หญิงสาวมองเม็ดฝนโปรยปรายลงมาพลางกวาดสายตาไปรอบๆ ทุกอย่างขาวโพลนหมดเลย ไม่มีวี่แววว่าจะหยุดตกด้วย แล้วดันมาตกตอนเลิกงานพอดีเนี่ยนะ

หญิงสาวนั่งกอดเข่ามองฝนตกอย่างใจลอย นับหนึ่งถึงร้อยและภาวนาให้ฝนหยุดตกทีเถอะ

“ได้ผลแฮะ” รอยยิ้มบางๆ ปรากฏบนใบหน้าสวยเมื่อฝนเริ่มซาลง แต่ก็ไม่ได้หยุดตกซะทีเดียว ยังโปรยปรายลงมาเรื่อยๆ แต่ไม่หนักเหมือนช่วงแรกแล้ว “พอวิ่งไปได้อยู่” ขนมจัดการถอดรองเท้าเตรียมจะวิ่งกลับหอ เธอตั้งท่าเตรียมจะวิ่งแล้วแท้ๆ แต่กลับมีมือใครก็ไม่รู้มาจับแขนเอาไว้

เขากางร่มให้เธอและยังจับแขนไม่ยอมปล่อย

“จะวิ่งตากฝนไปอย่างนี้…” ใบหน้าคมสันแหงนมองท้องฟ้า แล้วเหลือบสายตามามองหน้าขนม “คงไม่ดีมั้ง”

“อะ อาจารย์กร”

'ฉันสามารถวิ่งหนีไปตอนนี้ได้ไหม'

ขนมกะพริบตาปริบๆ ก้มมองแขนที่ถูกจับไว้แน่น

'ยิ้มสู้ ยิ้มสิวะ ยิ้มยิ้มแล้วทักทายเขาปกติเลย เหมือนที่ซ้อมหน้ากระจกในห้องน้ำไง'

“อาจารย์ก็จะกลับตอนนี้เหรอคะ” เธอยังปรับโทนเสียงได้ไม่ดีเท่าไร เสียงเลยแหบบ้างสูงบ้างจนศิวกรขมวดคิ้วมอง

“เสียงเป็นอะไรนักศึกษา”

“เปล่าค่ะๆ เอ่อปล่อย…” ขนมและศิวกรมองไปที่แขนเรียวพร้อมกัน ชายหนุ่มคลายมือออกแล้วยื่นร่มมาทางหญิงสาวมากขึ้น “ไปก่อนนะคะ”

“เดี๋ยว”

“…”?

“ผมเพิ่งบอกไปหยก ๆ ว่าอย่าตากฝน”

“แค่นี้เองค่ะ กระหม่อมหนูไม่บางขนาดนั้นหรอก” ยังจะมารั้งกันไว้อีก นี่ถ้าปล่อยให้วิ่งไปตั้งแต่แรกป่านนี้นะถึงหอแล้ว

“เอาร่มไป”

“ไม่เป็นไรค่ะ”

“เอาร่มไป” น้ำเสียงติดดุเชิงบังคับกลบเสียงฝนหมดเลย ขนมจำใจยกมือขึ้นมารับร่มจากเขาแล้วถือโอกาสนั้นขอบคุณแล้วก็วิ่งจู๊ดออกไปเลย

ศิวกรขมวดคิ้วมองตามร่างบาง ก่อนจะพึมพำตามหลัง

“เป็นอะไร เจอหน้าอย่างกับเห็นผี”

ด้านขนมวิ่งกระหืดกระหอบมาถึงใต้หอพัก กางร่มมาแหละแต่เปียกตั้งแต่หัวจนถึงเท้า น้ำหยดติ๋ง ๆ เลย กำลังจะเดินขึ้นหอพัก ยิ้มกลับวิ่งสวนลงมาพอดี เธอหยุดชะงักมองหน้าขนมแล้วเลื่อนสายตาลงต่ำ

“ลูกหมาตกน้ำที่ไหนวะเนี่ย”

“ยิ้มไม่อ่านไลน์”

“ขอโทษ เพิ่งว่างก็เลยรีบลงมา” ในมือยิ้มถือร่มอยู่สองอัน เธอคงตั้งใจจะไปรับขนมจริงๆ น่ะแหละ แต่ขนมมาก่อนไง ยิ้มเพิ่งสังเกตว่าขนมมีร่มมาด้วยนี่ “ร่มก็มี เปียกได้ไงอะหนม”

“ร่ม” เออ ร่มในมือเธอเนี่ยแหละ แต่เมื่อกี้วิ่งใส่เกียร์หมามาไง ไม่สนร่มมันแล้ว

“ร่มใคร ยืมพี่พยาบาลมาเหรอ”

“เปล่า”

ยิ้มยกคิ้วสูงเชิงตั้งคำถาม

“แล้วไหงเปียกหมดตัวแบบนี้ กางร่มอิท่าไหนมาอะ”

“ไม่ได้กางเลย วิ่งมา”

“ฮะ? วิ่งตากฝนมาเหรอ” ถึงว่าขนมหอบหายใจรัวๆ ราวกับเพิ่งวิ่งมา ที่แท้ก็วิ่งตากฝนกลับหอนี่เอง “ยังไง”

“ร่มอาจารย์กร”

“อ๋อ ฮะ!! วะ ว่าอะไรนะ”

“ร่มเขา เขาเดินมาจับแขนหนมไว้แล้วให้ร่มมา หนมเลยรีบวิ่งกลับหอ”

“ไปๆ ขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดก่อน เดี๋ยวไม่สบาย” ไอความเป็นห่วงก็ส่วนหนึ่ง แต่ความอยากเผือกนี้น่าจะแรงกล้ากว่าจึงรีบพาเพื่อนขึ้นห้องเพื่อมาซักถามว่าเหตุการณ์มันเป็นมาอย่างไรกันแน่

หลายนาทีต่อมา ขนมโยกไปซ้ายทีขวาทีเพราะยิ้มกำลังเช็ดผมให้เธออยู่

“ไหนเล่ามาสิ มันเป็นยังไง” เธอต้องการขยายความให้มากกว่านี้ไง ขนมเล่ามาแค่นั้นใครจะไปรู้ว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง

“วันนี้หนมเจอเขาแต่เช้าเลย แล้วก็เข้าลิฟต์ด้วยกัน แล้วก็ตอนฝนตก หนมถอดรองเท้าแล้วนะ ตั้งท่าจะวิ่งออกมาแล้วแต่โดนจับแขนเอาไว้แน่นเลย แล้วอาจารย์ก็พูดว่า จะวิ่งตากฝนไปอย่างนี้คงไม่ดีมั้ง” ประโยคที่เธอจำจากศิวกรมา ขนมเล่าพร้อมทำท่าทางเลียนแบบเขา

“แค่นี้เหรอ”

“อืม”

“แล้วมีท่าทางแบบไหนไหม แบบทำหน้าเหมือนจำหนมได้อะ”

ขนมสั่นหน้าพรืดหนึ่ง

“ไม่มีอะไรแปลกไปจากวันแรกที่เจอเขาเลย” เพราะการแสดงออกว่าเขาไม่รู้จักเธอก็ทำให้ขนมมั่นใจเต็มร้อยแล้วว่าเขาน่ะจำเธอไม่ได้แน่นอน! “หนมว่าเขาคงเป็นพวกไม่จำหน้าคนมั้ง อาจจะเคย…ทำเรื่องอย่างว่ากับสาวเยอะ”

“เสือผู้หญิงปะน่ะ ถ้าใช่นี่อาจารย์โคตรจะแบดบอยเลยนะ ขนาดในโรงพยาบาลยังโซฮอตอะ”

จริงสินะ ไปไหนมาไหนก็มีคนเอ่ยถึงตลอดเลย แถมหน้าตาก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไร หล่อเลยล่ะ หุ่นก็เพอร์เฟกต์ กล้ามงี้เป็นมัดๆ ซิกต์แพ็กอีก…

“นี่ คิดอะไรอยู่เหรอ ทำหน้าตาซะอดคิดลึกไปด้วยเลยเนี่ย” ยิ้มรีบทักเพราะเห็นขนมซีดปาก

“ก็ภาพมันผุดขึ้นมาในหัวอะ”

“แล้วเป็นไง”

“โน หนมไม่พูดหรอก” ให้มันเป็นภาพในหัวเธอก็พอ “ขอบคุณนะ”

“แล้วร่มจะเอาไปคืนเขายังไงอะ ถ้าเอาไปคืนก็ต้องเจอหน้ากันจังๆ อีก”

“เออ ลืมนึกไปเลย” เธอมองร่มที่ยิ้มเอาไปห้อยไว้ระเบียงด้านนอก “ในเมื่อเขาไม่รู้จักเรา เราก็ไม่รู้จักกันไง จบเลย ง่ายๆ”

“ก็ดี ถ้าหนมทำได้อย่างปากว่า”

รูมเมตยกยิ้มมุมปาก เธอน่ะรู้ทันเพื่อนรักดีว่าปากดีไปอย่างนั้นแหละ ทำไม่ได้จริงๆ หรอก ขนาดว่าเจอกันวันแรกยังตัวสั่นปากสั่นขนาดนั้น

“แล้วจะกินอะไร วันนี้ฝนตกไม่อยากออกไปหาอะไรกินเลย”

“ไข่ต้มดีไหมล่ะ หรือว่าลงไปกดตู้เซเว่นข้างล่างดี?” ทั้งสองฝากท้องกับตู้สะดวกซื้อบ่อยมาก เพราะวันที่เร่งรีบกลับสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวยแบบนี้น่ะ

ตกดึกมาขนมกับยิ้มอ่านหนังสืออยู่ในห้อง ยิ้มเอาเสื่อปูนอนบนพื้นส่วนขนมนอนอ่านอยู่บนเตียง สายตาจ้องตัวหนังสือแต่หัวกำลังคิดว่าจะเอาร่มไปคืนเขาอย่างไรดี

“หนม ยิ้มนอนแล้วนะ ตาไม่ไหวจริงๆ” ยิ้มลุกขึ้นแล้วก้าวขึ้นมาล้มตัวนอนข้างขนม เพียงไม่กี่นาทีลมหายใจสม่ำเสมอก็ดังขึ้น ขนมจึงปิดไฟแล้วนอนเลย

เช้าวันต่อมา วันนี้ขนมมีราวน์เลยต้องมาแต่เช้า เธอสวมชุดสครับสีฟ้าอ่อนเดินถือร่มตรงไปยังห้องพักนักศึกษาแพทย์ ในใจก็ภาวนาให้เจอศิวกรเสียตอนนี้เลย จะได้ไม่ต้องพูดกับเขาในวอร์ดอีก

“อาจารย์” สมพรปากเธอจริงๆ แต่เขาดูเร่งรีบมาก อาจารย์ก้าวสองทีก็มาถึงตัวเธอแล้ว แต่เขาดันเดินผ่านไปเนี่ยสิ “อาจารย์คะ หนูเอาร่มมาคืน”

“ฝากไว้ก่อน”

“อะ…” ไม่ทันได้รั้งเขาไว้ ศิวกรก็เดินทำหน้าคร่ำเคร่งเข้าไปในวอร์ดก่อน “สงสัยมีเคสด่วนแฮะ” ขนมก้มมองร่มแล้วเอาไปตั้งพิงผนังในห้องพักนักศึกษาแพทย์ กะเอาไว้ว่าตอนเย็นจะคืนเขากับมือเอง

เริ่มราวน์กันเองกับเพื่อนในกลุ่มโดยมีพี่เอ็กซ์เทิร์นช่วยอีกแรงหนึ่ง ขนมถือชาร์ตผู้ป่วยเดินมาหยุดยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์พยาบาล

“พี่ อาจารย์กรไม่ว่างสอนเหรอคะวันนี้น่ะ”

“อ๋อ อาจารย์มีโออาร์น่ะ เห็นว่าคนไข้ประสบอุบัติเหตุแล้วท้องอยู่”

“อ๋อค่ะ” ขนมส่งยิ้มให้พี่พยาบาลแล้วเดินตามกลุ่มเพื่อนไป พักเที่ยงเธอก็หลบมานั่งอ่านหนังสือ ได้แซนด์วิชทูน่าที่ฝากเพื่อนซื้อถึงได้อยู่ท้อง “อะ อาจารย์! อาจารย์คะ” เงยหน้าขึ้นมาสบจังหวะศิวกรเดินออกมาพอดี สงสัยเพิ่งออกจากฟิลด์มั้ง สีหน้าเขาดูเหนื่อยๆ

“ว่าไงนักศึกษา”

“ร่มน่ะค่ะ ให้หนม เอ่อหนูเอาไว้ไหนดีคะ”

“ไหนล่ะ?”

“อ้าว ลืมเอาไว้ในห้องพักนักศึกษาแพทย์ค่ะ รอเดี๋ยวได้ไหมคะ”

“คงไม่ได้ ผมมีเคส”

“อ๋อ…ค่ะ”

“เอาไปให้ผมร้านกาแฟตอนสี่โมงครึ่งแล้วกัน”

“คะ?” ยังไม่ทันถามเลยว่าร้านกาแฟตรงไหน แถวหน้าโรงพยาบาลคาเฟกับร้านอาหารเยอะมาก “ใครจะไปรู้ว่าร้านกาแฟตรงไหน” ร่มเจ้าปัญหาจริงๆ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เพียงหัวใจได้มีรัก   Special : 5

    Special : 5ผ่านวันรับใบวุฒิบัตรมาได้หนึ่งอาทิตย์ ขนมกับศิวกรก็เข้าพิธีหมั้นหมายกันโดยมีญาติผู้ใหญ่และเพื่อนของทั้งสองฝ่ายมาร่วมงานด้วย“นี่ไปแอบคบกันตอนไหนวะ พี่งงหมดแล้วเนี่ย” พี่เอ็มนั่งดื่มไปตั้งข้อสงสัยไปด้วย เขาเกาหัวเบาๆ มองขนมกับศิวกร “อา! หรือว่าจะเป็นตอนนั้น” นึกกลับไปเมื่อปีก่อนๆ โน้น เขายังจำได้อยู่ว่าอาจารย์กรชอบทำเสียงดุใส่เขาเมื่อถามถึงขนม ซ้ำยังทักมาถามหาขนมกับเขาบ่อยมาก “ทำไมไม่เอะใจบ้างวะ”“อะไรพี่เอ็ม” ยิ้มสะกิดแขนพี่ชาย“ก็พี่โง่อะยิ้ม ไม่รู้ว่ายายน้องสาวตัวดีคบกับอาจารย์กร”“เหรอ”“ยิ้ม อย่าบอกนะว่ายิ้มรู้เห็นเป็นใจ”ยิ้มไม่ได้ตอบกลับเพียงคำพูด แต่เธอยังสะบัดผมใส่รุ่นพี่อย่างผู้ชนะด้วย“รู้มาตลอดค่ะ และเป็นผู้กุมความลับดีมาโดยตลอด”“โห” พี่เอ็มปรบมือและยกนิ้วให้รุ่นน้อง “หรือว่าที่อาจารย์แกย้ายไปทำงานโรงพยาบาลเอกชนก็เพราะยายหนม”“ถูกค่ะ อาจารย์แกไม่อยากให้เพื่อนยิ้มกังวลใจเรื่องเพื่อนในที่ทำงาน แกเลยย้ายไปทำงานที่อื่นเอง เพราะอยากเห็นแฟนยิ้มมากกว่าหัวคิ้วชนกัน”“โห พ่อหนุ่มคลั่งรัก ยายหนมโชคดีเป็นบ้า”ทั้งยิ้มและพี่เอ็มมองไปที่สองหนุ่มสาวซึ่งกำลังนั่งร่วมพิธีหมั้น

  • เพียงหัวใจได้มีรัก   Special : 4

    Special : 4กลับจากเชียงคานแล้วศิวกรก็พาขนมไปหาเพื่อนเขาที่โรงพยาบาล และได้อยู่พูดคุยกันประมาณหนึ่งชั่วโมงศิวกรก็พาเธอกลับเพราะเพื่อนมีเคสด่วนเข้ามาพอดี“พี่หมอใจดีจังเลยนะคะ พูดก็เพราะ หล่อมากด้วย”“หล่อๆ แบบนั้นยังหาแฟนไม่ได้เลยนะ”“ใช่เหรอคะ พี่หมอเนี่ยนะหาแฟนไม่ได้ ไม่น่าเชื่อเลย”“เพราะความหล่อเป็นเหตุไง”“จริงอะ”“จริง สมัยเรียนมันมีสาวสวยมาขอเฟซเยอะนะ แต่มันจีบสาวไม่เป็นไง เลยได้กินแห้วตลอด พอมีสาวมาจีบเยอะหน่อยคนอื่นก็มองว่ามันเจ้าชู้ สรุปก็คือโสดไม่มีคนกล้าจีบและมันไม่จีบใคร”“โห…ความหล่อเป็นเหตุนะเนี่ย แล้วคุณหมอกรล่ะคะ มีสาวสวยมาจีบเยอะไหม” ขนมหันตัวมามองเขาด้วยรอยยิ้ม“สมัยเรียนก็พอตัวอยู่ แต่ช่วงนั้นเรียนหนักไปหน่อย เลยไม่ได้คุยกับใครแบบจริงจัง"“ดีนะเนี่ย ถ้าพี่กรคุยกับสาวแบบจริงจังหนมคงไม่มีโอกาสได้เป็นแฟนพี่แน่ๆ”“ไม่แน่นะ” อะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้น ขนาดว่าโลกใบนี้กลมและใหญ่มากแค่ไหนเขาและเธอยังมาเจอกันได้เลย “แต่จะยังไงก็ช่างเถอะ มันเป็นอดีตไปแล้วครับ เพราะตอนนี้พี่มีเราแล้ว ไม่ต้องการอะไรแล้วจริงๆ”คำพูดแสนหวานพานพาให้หัวใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นจังหวะ พวงแก้มทั้งสองข้างแดง

  • เพียงหัวใจได้มีรัก   Special : 3

    Special : 3ตกเย็นขนมก็เข้าครัวทำกับข้าวให้ทุกคนได้กิน และวันนี้เธอมีลูกมือคือศิวกร เขานั่งพับเพียบเด็กยอดผักให้เธอเอาไปผัดกินกับน้ำพริก ท่าทางน่าเอ็นดูของศิวกรทำเอาขนมอดที่จะยิ้มไม่ได้ และเธอได้แอบถ่ายรูปเขาส่งให้แม่เปรมดูด้วย“พี่กร”“ครับ?” ชายหนุ่มเงยหน้ามอง “ว่าไง เรียกพี่แล้วไม่พูด”“เอ็นดูอา…พ่อหนุ่มเมืองกรุงเข้าครัว นั่งเด็ดผักเรียบร้อยมาก”“หึหึ แล้วเย็นนี้พี่จะได้กินอะไร”“กับข้าวง่ายๆ ค่ะ มีน้ำพริกปลาทูแมงดานา ผัดผักของพี่กร แล้วก็ไข่เจียวของป้า มีหมูแดดเดียวทอดด้วย แล้วก็ผักสดกินกับน้ำพริกค่ะ”“โห แต่ละอย่างน่ากินทั้งนั้นเลย”“จะทำให้สุดฝีมือเลยค่ะ” ขนมมองซ้ายมองขวา เมื่อไม่เห็นป้าอยู่บริเวณนี้เธอจึงโน้มหน้าลงไปหอมแก้มแฟนหนุ่มอย่างอดใจไม่ไหว “น่ารัก” ภาพผู้ชายตัวโตๆ ผิวขาวเนียนนั่งพับเพียบเด็ดผักมันน่ารักน่าเอ็นดูจริงๆ ขนาดแม่เขายังเอ่ยปากเลยว่าน่าเอ็นดูลูกตัวเอง “ไหนๆ ก็มาเที่ยวเลยแล้ว พี่กรอยากไปเที่ยวไหนไหมคะ เช่นเชียงคานกับภูเรือ”“มันมีที่เที่ยวอะไรบ้าง ที่เราพูดมาน่ะ”“ถ้าไปเชียงคานก็ไปเดินเล่นถนนคนเดินค่ะ ไปพักที่นั่นได้ ที่พักริมน้ำโขงเลย ส่วนภูเรือก็คงไปเที่ยวดูดอ

  • เพียงหัวใจได้มีรัก   Special : 2

    Special : 2มาถึงสนามบินแล้วศิวกรก็ลากกระเป๋าพาขนมไปเช็กอินหน้าเคาน์เตอร์ เพราะไม่มีของโหลดใต้เครื่องจึงง่ายต่อการเช็กอิน“พี่กลับเลยก็ได้ค่ะ เดี๋ยวหนมเข้าไปข้างในแล้ว”“เดี๋ยวก่อน” ขนมโดนรั้งไว้จนตัวเธอถลากลับมาหาแฟนหนุ่ม ศิวกรยกมือขึ้นมาลูบผมเบาๆ มองสบตากับเธอนานนับนาทีโดยไม่เอื้อนเอ่ยคำใดออกจากปาก หากแต่ใช้ภาษากายสื่อสารกับเธอเท่านั้น และเขารู้ว่าขนมเข้าใจในสิ่งที่เขาสื่อกับเธอ“ไม่ต้องห่วงหนมนะ ถึงบ้านแล้วจะรีบโทร. หาพี่กรคนแรกเลยค่ะ”“โอเค มีสติตลอดล่ะ เดินไปไหนมาไหนก็ระวังด้วย อย่าเผลอเอากระเป๋าสะพายวางไว้ทั่ว เดี๋ยวของสำคัญหายเข้าใจไหม”“ค่ะ ไปแล้วนะคะ” ขนมโบกมือให้เขา “แล้วเจอกันนะคะ”“ครับผม เดินทางปลอดภัยครับ”หลังจากส่งขนมที่สนามบินเสร็จเขาก็ขับรถตรงไปยังโรงพยาบาลมหา'ลัยทันที แม้ยังเช้าอยู่แต่ก็มาหาอะไรรองท้องก่อนเข้าประชุมยาวๆ จนถึงเที่ยง“สวัสดีครับอาจารย์” เอ็มเดินสวนออกมาจากวอร์ดพอดีจึงกล่าวทักทายศิวกรพร้อมกับยกมือไหว้“หวัดดีครับ เพิ่งออกจากโออาร์เหรอเรา”“ครับอาจารย์ ยายขนมไม่อยู่ผมเวรเยินมาก”“เกี่ยวอะไรกับขนม” ศิวกรหรี่ตาถามชายหนุ่ม เอ็มจึงรีบอธิบายให้กว้างขึ้น“ก็น

  • เพียงหัวใจได้มีรัก   Special : 1

    Special : 1สามเดือนต่อมา ขนมนั่งพับเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเดินทางเตรียมกลับไปหาป้าในช่วงปิดเทอม แม้เป็นการปิดเทอมสั้นๆ แต่เธอก็อยากกลับไปเยี่ยมป้า หลังจากไม่ได้กลับไปเยี่ยมท่านนานเกือบปี ซึ่งตอนนี้ยิ้มก็กลับบ้านแล้ว เธอกับศิวกรไปส่งขึ้นรถเมื่อช่วงตีห้านี้เองครืด~โทรศัพท์เธอสั่นเพียงหนึ่งครืดขนมก็เลื่อนจอรับสายแฟนหนุ่ม“กำลังเก็บกระเป๋าค่ะ แล้วพี่กรราวน์เสร็จแล้วเหรอคะ”(เพิ่งราวน์เสร็จตะกี้เลย แล้วเราเลือกได้หรือยังว่าจะนั่งรถหรือว่าขึ้นเครื่องไปดี)“พี่กรจองตั๋วเครื่องบินไว้ให้แล้วนี่นา หนมไม่เปลี่ยนไปนั่งรถหรอกค่ะ หนมเสียดายเงิน”(อยากเจอแล้วเนี่ย ขายเวรให้ไอ้ณุดีไหมนะ)“ไม่ต้องเลยค่ะ แต่ว่าพี่กรบอกจะตามหนมไปทีหลังนี่นา หนมไปอยู่ตั้งหลายวันไม่ต้องรับหรอกค่ะ”(ก็มันคิดถึงเรานี่ ไม่เคยห่างกันนานขนาดนี้เลย กว่าพี่จะตามเราไปก็เป็นอาทิตย์เลย)“หึหึ เป็นเอามากนะคะแดดดี้”(เอาไว้เจอกันนะ เดี๋ยวพี่ลงเวรแล้วจะรีบไปรับนะครับ)“ค่ะๆ เดี๋ยวหนมเก็บกระเป๋าก่อนค่ะ” เธอวางสายจากศิวกรแล้วจึงเร่งเก็บกระเป๋าให้เสร็จ แล้วจะออกไปซื้อของฝากไปฝากป้าหลังจากศิวกรลงเวรแล้วเขาก็รีบมารับแฟนสาวที่หอใน เอากระเป๋า

  • เพียงหัวใจได้มีรัก   บทที่ 25 บทส่งท้าย

    บทที่ 25 บทส่งท้ายย่างเข้าสู่เดือนที่สองของสถานะแฟน ศิวกรทำหน้าที่แฟนได้ดีมากๆ ไม่ขาดตกบกพร่องสักเรื่องเลย และความสัมพันธ์ของเขาและเธอก็ยังเป็นความลับที่มีคนรู้แค่สามคนเท่านั้นครืด..โทรศัพท์สั่นอยู่ในกระเป๋าเสื้อทำให้ขนมหยุดฝีเท้าแสนจะเร่งรีบแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดอ่านข้อความจากศิวกร ในข้อความบอกเอาไว้ว่าเขาจะรอเธออยู่ร้านกาแฟในช่วงบ่าย ซึ่งเธอก็ตอบกลับไปว่าโอเคแล้วรีบไปดูเคสกับรุ่นพี่พอเสร็จจากเคสแต่ว่าเลยเวลาที่ศิวกรนัดเอาไว้เธอจึงรีบสาวเท้าเดินไปร้านกาแฟ ในใจก็ภาวนาให้ศิวกรไม่รอเธออยู่ในร้านกาแฟเถอะ ขอให้เขากลับไปก่อน เพราะมันนานมาก ทว่าพอเปิดประตูเข้ามากลับเห็นชายหนุ่มนั่งกอดอกยกแก้วกาแฟร้อนจิบอยู่ในโต๊ะประจำของเขากับเธอด้านในสุด“พี่กร”“มาแล้วเหรอ พี่สั่งเค้กไว้ให้เราด้วย กินเลยไหมคะ”“ทำไมยังนั่งรออีกเนี่ย น่าจะกลับห้องพักไปนะคะ”“ไม่เป็นไร พี่ว่างเลยสั่งกาแฟมากินรอเรา”“กี่แก้วแล้วเนี่ย”“แก้วเดียว เพิ่งสั่งครับ”“พอดีหนมติดเคสค่ะ ไม่เสร็จง่ายเลยกินเวลาไปนานเลย” เธอรีบบอกเขาพร้อมกับวางโทรศัพท์มือถือไว้บนโต๊ะ “เสร็จแล้วก็รีบมาหาพี่กร ทีแรกหนมคิดเอาไว้ว่าพี่คงกลับไปแล้วเสี

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status