“แต่อัยไม่อยากได้ยิน” ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าความตายเป็นสิ่งธรรมดาของชีวิต ในเมื่อเธอเองก็สูญเสียพ่อแม่พร้อมกันจากอุบัติเหตุทางรถ
แต่ในความธรรมดาของการตายนั้น การจากพรากมันช่างโหดร้ายสำหรับชีวิตของคนที่ต้องอยู่ต่อไป
“อ้าวไม่พูดก็ได้” ป้าภาลัยยิ้มแล้วเอื้อมมาลูบผมเธอเบาๆ ทำให้อัยลินยิ้มออกมาได้
“ถ้ายังงั้นก็กลับหอได้แล้ว”
“อ้าว ลินว่าจะค้าง ตั้งใจจะมานอนเป็นเพื่อนคุณป้านะคะ”
“ไม่เป็นไร อัยกลับไปเถอะ ป้าขี้เกียจฟังยัยดาบ่นหาเรื่องอัยน่ะ” จริงๆ เหนือกว่าเรื่องที่ว่า ก็คือเรื่องลูกเขยตัวดีก็ด้วย เพราะจากสายตาของคนผ่านร้อนผ่านหนาวมานาน มองสายตาของภากรณ์ปราดเดียวก็รู้ว่ากำลังคิดชั่วกับอัยลิน
เตือนลูกสาวไปแล้ว แต่กลับโวยวายหาว่าแม่ใส่ร้ายสามีตนเอง และคิดว่าอัยลินเป็นคนฟ้องเสียอีก
การที่ให้อัยลินย้ายไปอยู่หอ และอยู่ห่างจากบ้านหลังนี้คงเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับการปกป้องอัยลินจากลูกเขยชั่ว
ก็หวังว่าสักวันอัยลดาจะตาสว่าง แม้วันนั้นนางจะไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้วก็ตาม
“ถ้าอย่างงั้นอัยก็ไม่รบกวนเวลาพักผ่อนคุณป้าแล้ว แต่ถ้ามีอะไรก็โทร. บอกอัยนะคะ”
“ได้สิ รีบกลับก่อนจะมืดค่ำเถอะ”
“ค่ะ” แล้วเธอก็กอดคุณป้า แล้วยกมือไหว้ ก่อนจะเดินกลับห้องนอนตัวเอง เพื่อจะหยิบกระเป๋าถือ และหยิบเสื้อผ้าที่เหลืออยู่ในห้องกลับหอพักด้วย คิดว่าหากคุณป้าไม่ได้เรียกหา เธอก็คงไม่กล้ากลับมาที่บ้านหลังนี้อีก
ตอนที่อัยลินเดินออกจากประตูรั้วเล็กนั้น รถของภากรณ์แล่นมาจอดหน้าบ้านทันที เขาโผล่หน้าออกมาทักทาย
“น้องอัย กลับแล้วเหรอ ทำไมไม่อยู่กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันก่อนล่ะ”
อัยลินไม่ตอบอะไร รีบเดินออกไปจากบริเวณหน้าบ้าน สายตาก็มองหาแท็กซี่ ที่อาจจะวิ่งผ่านมาพอดี แต่เดินมาได้ไม่นาน ภากรณ์กลับเลี้ยวรถตามมา เรียกให้ขึ้นรถ แต่เธอไม่สนใจ และตัดสินใจโบกมือเรียกวินมอเตอร์ไซค์ที่วิ่งผ่านมาพอดี
ทำให้ภากรณ์หัวเสียเป็นอย่างมาก พร้อมกับอาฆาตในใจ
อีเด็กเวร สักวันกูจะเอามึงทำเมียให้ได้!
เมื่อนั่งวินมาถึงปากซอยอัยลินก็กำลังรอแท็กซี่อยู่ริมถนน ในช่วงค่ำแบบนี้ รถติดตามปกติ และแท็กซี่ก็หายาก กระทั่งผ่านไปนับสิบนาที จู่ๆ รถตู้คันหรูที่คุ้นตาก็จอดข้างๆ กระจกที่นั่งด้านหลังก็เลื่อนลง
“จะไปไหนหนูอัย”
“สวัสดีค่ะลุงวิช พอดีหนูจะกลับหอ” เธอตอบคำถามบิดาของรชต ซึ่งเธอก็คุ้นเคยอีกฝ่ายมาตั้งแต่เด็ก ไม่ต่างจากทุกคนในครอบครัวของรชต
“ขึ้นรถมาสิ เดี๋ยวลุงจะไปส่ง”
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูเรียกแท็กซี่กลับเองได้”
“ขึ้นมาเถอะ ลุงจะธุระต่างจังหวัดพอดี แวะไปส่งหนูอัยได้ พอดีลุงมีเรื่องอยากคุยกับหนูด้วย”
“อ๋อค่ะ” อัยลินจึงก้าวขึ้นรถตู้ นั่งเคียงข้างบิดาเพื่อนสนิท ก่อนคนขับจะเคลื่อนรถออกจากบริเวณริมถนน
“คุณลุงมีอะไรจะคุยกับหนูคะ” ถามไปแล้วก็รู้สึกใจไม่ดี เพราะกลัวว่ามันจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ลึกซึ้งของเธอกับรชต หากคนในครอบครัวของเขารู้ เธอกลัวว่าความรู้สึกเอ็นดูที่ทุกคนมีให้เธอจะเลือนหาย
ถึงเธอจะเป็นเพื่อนสนิทของรชตมาตั้งแต่ยังเด็ก แต่เธอก็รู้ถึงฐานะที่แตกต่างของเธอกับเพื่อน แม้จะไม่ต่างสุดขอบโลก เพราะเธอเป็นเด็กกำพร้าที่แม้ครอบครัวคุณป้าจะไม่ได้ยากจน แถมยังเลี้ยงดูเธออย่างดี ไม่เคยอดอยากหรือขาดแคลนอะไร แต่เธอก็เป็นเพียงเด็กกำพร้าคนหนึ่งเท่านั้น
ในขณะที่รชตนั้นมาจากครอบครัวที่ร่ำรวย เป็นเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังที่มีสาขาอยู่ในจังหวัดใหญ่ทั่วประเทศ และบิดาของเขาก็เป็นแพทย์ศัลยกรรมด้านหัวใจเด็กชื่อดังอันดับต้นๆ ของเมืองไทย ซึ่งตอนนี้วางมือจากการผ่าตัด แต่ดูแลบริหารโรงพยาบาลอย่างเดียว
ในวัยเด็กนั้นท่านเคยป่วยเป็นโรคหัวใจพิการตั้งแต่กำเนิด ผ่านการผ่าตัดหัวใจมา กระทั่งมุ่งมั่นจะเป็นแพทย์ศัลยกรรมหัวใจเด็ก และท่านทำได้สำเร็จ
มารดาของรชตเคยเป็นพยาบาล หลังแต่งงานมีลูกก็ทำหน้าที่แม่บ้านเต็มตัว รชตมีพี่สาวคนหนึ่ง ตอนนี้แต่งงานกับเศรษฐีนักธุรกิจชาวอเมริกัน และใช้ชีวิตอยู่อเมริกามานานหลายปี
“หนูอัยก็รู้ใช่ไหมว่าลุงคาดหวังกับร็อกมาก เพราะเขาเป็นลูกชายคนเดียว ที่ลุงจะฝากดูแลธุรกิจของครอบครัว รวมทั้งความหวังที่เขาจะเป็นแพทย์ศัลยกรรมที่มีความสามารถ”
“หนูรู้ค่ะ”
“แต่ตอนนี้ร็อกดื้อ อาจารย์ที่คณะโทร. มาคุยกับลุง เขาไม่ตั้งใจเรียน เหม่อเรียน และขาดเรียนบ่อย ถามว่ามีปัญหาอะไรก็บอกไม่มี ลุงก็เลยอยากถามหนูอัยดูว่าพอจะรู้ไหมว่าเขามีปัญหาอะไร”
:::::::::::::::::::::::::::::::::
“ร็อก ลูกเป็นยังไงบ้าง” อัยลินถามขึ้นด้วยน้ำเสียงและสีหน้าเป็นกังวล“ไม่มีอะไรน่าห่วงหรอก แต่ลูกต้องรักษาด้วยวิธีจี้คลื่นวิทยุ เพราะเป็นวิธีที่รักษาโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะได้ดีมาก เธอไม่ต้องกลัว การจี้คลื่นหัวใจไม่ใช่การผ่าตัด หมอจะสอดสายสวนขนาดเล็ก ผ่านทางหลอดเลือดดำหรือแดง นำทางสายสวนไปยังตำแหน่งของเซลล์หัวใจที่สร้างสัญญาณไฟฟ้าผิดปกติ และใช้พลังงานคลื่นวิทยุความถี่สูงหรือพลังงานความเย็น ในการจี้ทำลายเซลล์นั้น ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย และหมอที่ดูแลลูกเป็นหมอที่เก่งมากๆ” เขาบอกเพื่อให้เธอคลายกังวลตั้งแต่ลูกป่วย อัยลินก็หาข้อมูลเรื่องการรักษามาบ้าง การจี้คลื่นวิทยุไม่ใช่การผ่าตัด แต่คนเป็นแม่ก็ยังไม่สามารถวางใจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์อยู่ดี“ต่อไปนี้เรื่องลูกปล่อยให้เป็นธุระฉันแล้วกันนะ” ท้ายประโยคนั้นเขาบอกเสียงเข้ม แววตาที่มองเธอมีแววคาดโทษ“ขอโทษนะที่ไม่ได้บอกเรื่องลูก คือ...”“แน่นอนฉันไม่ปล่อยเธอไว้แน่ แต่ไว้คุยกันทีหลัง!” เขาบอกแค่นั้น แล้วหมุนกายจากไปรชตผู้เย็นชาได้กลับมาอีกครั้งอัยลินคุยโทรศัพท์กับพัทและพราวอยู่ครึ่งชั่วโมง ทั้งสองกำลังจะเดินทางมาเยี่ยมน้องเรนเธอนั่งอยู่หน้าห้องฉุกเ
เรื่องของพ่อลูกชายหนุ่มทิ้งตัวบนเตียง ซึ่งห้องพักผ่อนเขาอยู่หลังห้องทำงานนั่นเอง เพิ่งประชุมกับคณะกรรมบริหารโรงพยาบาลเสร็จ ทั้งที่เขาเองก็บึ่งรถจากโรงพยาบาลที่ยังเป็นเรสสิเด้นซ์ด้านศัลยศาสตร์อยู่ชีวิตในแต่ละวันเหนื่อยแทบขาดใจ แต่หนทางสู่การเป็นศัลยแพทย์โรคหัวใจเด็กก็ยังอยู่อีกไกล แต่ก็ไม่ได้ท้อ แต่เพียงแค่อยากมีอะไรให้เยียวยาหัวใจที่เหนื่อยล้าบ้าง สักนิดก็ยังดีชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู มีสายเข้านับไม่ถ้วนที่เขาไม่ได้รับ แต่สายที่รอคอนั้นไม่มีเลย ทั้งที่คุยกันวันนั้นก็ผ่านมานับเดือนแล้วอัย เธอใจร้ายเกินไปแล้วนะ ใจคอจะไม่ให้ฉันเจอลูกเลยเหรอ!งั้นก็อย่าหาว่าฉันใจร้ายแล้วกัน!เขาคิดอย่างขุ่นเคืองทว่าเสียงริงโทนที่เขาตั้งไว้สำหรับใครบางคนก็ดึงขึ้น หัวใจเขากระตุก ยิ้มมุมปาก แล้วปล่อยให้เสียงนั้นดังต่อไปเรื่อยๆ กระทั่งเสียงนั้นหายไปเองดังอยู่แบบนั้นสองครั้ง ครั้งที่สามเขาจึงกดรับสาย“ถ้าเธอโทร. มาช้ากว่านี้ฉันจะ...”“ร็อก ช่วยลูกด้วย ฮือๆ”“เกิดอะไรขึ้น!”“ลูกเป็นลมอีกแล้ว ฮือๆ”“ลูกใคร!”“ลูกของอัยไง และก็ลูกของร็อกด้วย!”รชตอยากให้อัยลินบอกว่าลูกของเธอนั้นเป็นลูกใคร แต่ไม่คิดว่าจะ
สามวันต่อมาขณะที่อัยลินกำลังชั่งใจว่าควรจะบอกรชตไปตรงๆ ว่าน้องเรนคือลูกชายของเขาดีหรือไม่ อีกฝ่ายก็มาปรากฎตัวในออฟฟิศของเธอในฐานะลูกค้า ที่ต้องการตกแต่งห้องพักภายในคอนโดฯ มิเนียม โดยเจาะจงมัณฑนากรที่ชื่ออัยลินเท่านั้น แม้ภาดล เจ้าของบริษัท 99 อินทีเรีย จะบอกเธอติดโปรเจกต์ของวรรณวิสาอยู่ก็ตาม“ผมรอได้ครับ บอกตรงๆ ผมติดใจการตกแต่งของคุณอัยก็จากเห็นห้องของคุณวิกกี้นี่แหละ”“อ๋อ แบบนี้นี่เอง ถ้าคุณร็อกรอให้อัยทำงานให้คุณวิกกี้เสร็จก่อนก็โอเคครับ” เพราะเรื่องอะไรจะต้องขัดใจลูกค้า ไม่ใช่ลูกค้าธรรมดาเสียด้วยสิ เพราะเป็นว่าที่เจ้าบ่าวของวรรณวิสา“ครับไม่มีปัญหา”แต่คนที่มีปัญหาคืออัยลิน เพราะเหมือนยิ่งอยากหนีให้ไกลห่าง แต่เขาดันขยับเข้ามาใกล้ ไหนจะเรื่องลูก ไหนจะเรื่องใจที่มันหวั่นไหวกับคนที่กำลังจะแต่งงานกับคนอื่นเธอจะทำยังไงดีเมื่อเขาล่ำลากลับ อัยลินอาสาเดินมาส่งเขาถึงลานจอดรถ“ร็อกจะทำอะไร!” เธอถามสีหน้าเคร่งเครียด“ก็จะแต่งห้องพักใหม่ไง ทำไมล่ะ หรือเธอไม่อยากให้ฉันเปลี่ยนอะไรในห้องนั้น” เขาพูดพร้อมยิ้มมุมปาก“ร็อก อย่าเฉไฉได้ไหม”“โอเค ไม่เฉไฉ แต่เธอน่ะกำลังทำแบบนั้นอยู่หรือเปล่า” เขา
อย่าให้ต้องร้าย!อัยลินนั่งครุ่นคิดด้วยใจสับสนหลังกลับมาจากห้องพักของวรรณวิสา ส่วนลูกชายนั้นหลังจากทำการบ้านเสร็จ เจ้าตัวกำลังนั่งดูการ์ตูนเรื่องโปรด“เป็นอะไรทำหน้าเครียด” พราวที่เพิ่งออกมาจากห้องนอนตนเองเดินมานั่งข้างๆ อัยลินอัยลินยังนิ่งเงียบ เพราะไม่แน่ใจว่าควรบอกเพื่อนหรือเปล่า“น่า มีอะไรก็บอกมาเหอะ หรือได้แก้งาน แต่ไม่น่าจะเป็นงั้น เพราะอีกแค่สิบเปอร์เซ็นงานก็เสร็จแล้ว หรือว่าที่เจ้าบ่าวเขาไม่พอใจการตกแต่งห้องหอ” พราวไม่กล้าเอ่ยชื่อว่าที่เจ้าบ่าวคนนั้นตรงๆ กลัวกระทบใจอัยลิน“ไม่ใช่”“แล้วมันเรื่องอะไรล่ะ”“ก็...” สุดท้ายก็ต้องเล่า เพราะทนความคาดคั้นของพราวไม่ไหว อีกอย่างเธอก็ต้องการคำปรึกษา“โอ๊ย ถึงขั้นที่เขารู้ว่าน้องเรนไม่ใช่ลูกพี่พัท ก็คงต้องบอกความจริงเขาแล้วไหม”“แต่ว่าเขากำลังจะแต่งงานนะ ถ้าบอกไป มันอาจทำให้ความสัมพันธ์ทั้งสองไม่เหมือนเดิมหรือเปล่า”“ทำไม แกคิดว่าหากเขารู้ว่าแกมีลูกกับเขา เขาจะเลิกกับคุณวิกกี้มาอยู่กับแกเหรอ”“เปล่า ฉันไม่คิดแบบนั้น” คนอย่างรชต ไม่ใช่คนจะหวนกลับมางอนง้อคนที่ทำให้เจ็บปวดมาก่อน“แล้วคิดแบบไหน”“ถ้าบอกเขา คุณวิกกี้ก็น่าจะรู้ คิดดูสิผู้หญิง
รชตรอจังหวะที่จะเข้าไปคุยกับอัยลิน กระทั่งเห็นวรรณวิสาเดินออกไปคุยโทรศัพท์ที่ระเบียงห้อง เขาจึงเดินเข้าไปหา อัยลินซึ่งกำลังคุยกับคนงานคนหนึ่ง ส่วนอีกห้าคนกำลังยุ่งกับงานตนเองรชตยืนอยู่ตรงประตูห้อง รอให้เธอคุยกับคนงานเสร็จ รชตพยักหน้าเรียก เธอจึงเดินมาหาอย่างเลี่ยงไม่ได้ และเพื่อไม่ให้การพูดคุยเป็นจุดสนใจของคนงาน“ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ เลิกงานแล้วไปเจอกันที่บ้านของฉัน”“เราไม่มีอะไรต้องคุยกันนะ” อัยลินปฏิเสธทันควัน“ฉันมีเรื่องจะถามเธอจริงๆ นะ”“ถ้าเป็นเรื่องในอดีต มันไม่มีอะไรต้องคุยแล้ว เผื่อร็อกยังไม่รู้ ฉันมีลูกกับพี่พัทแล้ว”“แน่ใจเหรอว่าเป็นลูกเขา”คำพูดของรชตทำให้อัยลินนิ่งงัน ทว่าแววตาหวาดหวั่นของเธอก็ทำให้จุดยิ้มมุมปาก เขารู้จักอัยลินมาตั้งแต่ยังเด็ก ปฏิกิริยาผิดปกติของเธอนั้นไม่ได้รอดพ้นสายตา“ใจคอจะไม่พาฉันไปทำความรู้จักกับลูกชายเธอหน่อยเหรอ”“ไม่จำเป็นหรอก!” เธอตอบกลับเสียงห้วน แต่หลบสายตาคาดคั้นของเขา“อัย ฉันให้อภัยเธอได้นะ ที่เธอหักอกฉัน แต่เรื่องอื่นฉันไม่แน่ใจ!”“ทำไม ร็อกจะทำอะไร!”“เธอก็รู้ ที่ผ่านมา เธอเป็นข้อยกเว้นทุกอย่าง ที่ฉันไม่เคยทำอะไรร้ายๆ ใส่ ไม่ว่าเธอจะ
“ทำไม มึงสงสัยเป็นลูกมึงเหรอ”กริชถือเป็นเพื่อนสนิทของรชตสมัยเรียนอยู่เมืองไทย กริชจึงพอจะเข้าใจความสัมพันธ์ของเขากับอัยลินที่มากกว่าเพื่อนสนิทธรรมดา โดยที่รชตเองก็ไม่เคยบอกรายละเอียดอะไรกับกริชหรือใคร นอกจากคนในครอบครัวเท่านั้น“มึงช่วยได้ไหม”“ถ้าให้เพื่อนกูสืบจากพี่กันต์ คิดว่าไม่ได้หรอกมึง ถ้ามึงสงสัยก็น่าจะมาถามอัยดูเอง ตอนนี้มึงก็รู้แล้วนี่ว่าอัยเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวมาตั้งแต่ลูกเกิด จนถึงตอนนี้ก็น่าจะยังโสดหรือเปล่าก็ไม่รู้ สวยขนาดนั้น”ประโยชน์สุดท้ายของกริชเหมือนยิ่งทำให้ใจของรชตร้อนรนขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ทั้งที่นิ่งสงบใจมานาน ตั้งแต่กริชส่งข่าวว่าเจอพัทอุ้มเด็กคนหนึ่ง โดยมีอัยลินเด็กเคียงข้างหรือมันถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องไปเผชิญหน้ากับอัยลิน แม้ว่าเด็กคนนั้นจะเป็นลูกของเขาหรือไม่ก็ตาม แต่อย่างน้อยตอนนี้อัยลินก็ยังเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวไม่ใช่หรืออัยลินหันไปมองที่ทางเข้าทันทีเมื่อได้ยินเสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้นพร้อมเสียงพูดคุย เธอคิดว่าเจ้าของห้องเพนท์เฮ้าส์หรูชั้นสูงสุดของตึก คงมาพร้อมกับเลขาเช่นทุกครั้งที่มาดูความคืบหน้าการตกแต่งภายในห้องพัก ซึ่งอีกไม่ถึงสิบเปอร์เซ็นต์ก็จะ