LOGIN“ถอยออกไปไกลๆ”
“กูกลัว” ฉันไม่อยากออกห่างประตูเลย ในห้องมืดไปหมดมองไม่เห็นอะไรเลย แต่เสียงตะโกนจากข้างนอกทำให้ฉันรู้สึกอุ่นใจมากถึงแม้ว่าน้ำเสียงมันจะไม่น่าฟังก็ตามเถอะ
“หน้ามึงจะแหกเอา”
“อย่าดุมากสิแค่นี้กูก็กลัวมากพอแล้วสัว”
“ถอยไป อยากออกมาเร็วๆ ก็ถอยครับ”
“มึงพูดเพราะทำไมกูขนลุก”
“มึงจะเอายังไง” น้ำเสียงเกรี้ยวกราดโพล่งขึ้นอีกครั้ง
“เค ถอยแล้ว” ฉันยอมถอยห่างจากประตู มือก็กำมือถือแน่น
ปัง!
ฉันรีบยกมือปิดหูเพราะเสียงมันดังมาก
หลังจากวางสายจากสัวไม่นานฉันก็ได้ยินเสียงมันตะโกนเรียกชื่อฉันลั่นตึกไปหมดแล้วก็โชคดีมากๆ ที่ฉันยังไม่เป็นลมตายคาห้องยังมีแรงเหลือที่จะพอเปล่งเสียงให้เจ้าสัวได้ยินออกไป
“เร็วๆ สิวะ”
“ใจเย็นๆ ครับคุณหนู” ได้ยินเสียงพี่ไม้ด้วย กำลังมีคนมาช่วยฉันออกไปจากห้องมืดนี่แล้ว
ปัง!
เสียงดังครั้งสุดท้ายก็ปรากฏแสงสว่าง ฉันรีบวิ่งไปตรงนั้นพร้อมกับอ้าแขนให้เจ้าสัวทันที
“กูไม่ตายแล้วสัว” ฉันพูดกับสัวแบบนั้นแล้วร้องไห้ออกมา
“เออ ไหนล่ะผีกูไม่เห็นมีสักตัว” ฉันร้องไห้แล้วกอดมันแน่น
“ปากดีไอ้บ้า มึงก็กลัวมั้ยล่ะผีอะ” ฉันสวนกลับ
“จะปล่อยกูได้ยัง กอดนานไปละ” ลืมไปว่ามีพี่ไม้อยู่ด้วย ฉันรีบคลายอ้อมแขนออกจากคนตัวสูงแล้วก้าวถอยหลังรักษาระยะห่าง
“ขอบคุณนะคะพี่ไม้ที่มาช่วย”
“ไม่เป็นไรครับ คุณเกี๊ยวเจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ” ฉันรีบส่ายหน้า สักพักไฟในห้องก็สว่างขึ้นจนทำให้ฉันต้องหยีตาปรับการมองเห็นให้คุ้นชิน
“ไม่เจ็บค่ะ” ฉันตอบคำถามพี่ไม้แล้วหันมามองคนตัวสูงที่สภาพตัวมอมแมม
“มองข้ามกูไปได้ยังไง”
“อะไร”
“ขอบคุณ หรือยัง”
“หิวข้าว” ฉันเหนื่อยแล้วก็รู้สึกหมดแรงมาก ช็อกโกแลตที่กินเข้าไปไม่ช่วยให้ดีขึ้นเลยสักนิด ความกลัวดูดกลืนพลังงานฉันไปมากพอสมควร
“งั้นก็ไป กินข้าวก่อนค่อยว่ากัน” เจ้าสัวไม่เซ้าซี้ฉันต่อมันไม่เคยปล่อยให้ฉันอดและต้องหิ้วท้องรอนานๆ ผิดกับฉันที่ปล่อยให้มันรอประจำ
เจ้าสัวเป็นคนขับรถ ส่วนพี่ไม้ก็ขับตามมาด้วยห่างๆ ฉันเป็นคนรีเควสอาหารที่อยากกิน ขอแบบรวดเร็วไม่ต้องมานั่งปิ้งนั่งลวกด้วยตัวเอง แล้วก็จบที่ร้านอาหารไทย ต้ม ผัด แกง ทอด เจ้าสัวสั่งมาครบเต็มโต๊ะจนเลือกกินไม่ถูก
“กินให้เต็มที่แล้วมาคุยกัน”
ฉันตั้งใจกินจริงจังโดยไม่สนใจว่าเจ้าสัวจะคุยเรื่องอะไร คิดในใจว่าคงเป็นเรื่องทั่วๆ ไปนั่นแหละ คงหาวิธีแก้เผ็ดยัยพวกนั้นได้แล้วหรือเปล่า
ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงฉันก็อิ่ม วางช้อนและส้อมลง
“มีอะไรจะคุยว่ามา”
“อิ่มแล้วหรือไง”
“อือ อิ่มแล้ว”
“เรื่องวันนี้ กูไม่โอเคแล้วกูก็ไม่ชอบด้วย” ฉันก็ไม่ชอบแล้วก็ไม่โอเคเหมือนกัน ครั้งนี้มันรุนแรงกับสภาวะจิตใจฉันมากๆ ฉันกลัวความมืดที่สุดในโลกเลย
“กูก็ไม่ชอบ” น้ำเสียงของสัวเอาเรื่องและมีความโมโหปะปนจนทำให้ฉันกลัว
"มึงโดนแกล้งกี่รอบแล้ว" ฉันนิ่งและเงียบก้มหน้านับนิ้วก็ไม่พอให้นับอีก "ตอบ!" คราวนี้ฉันสะดุ้งให้กับน้ำเสียงเกรี้ยวกราดของสัว
"ไม่รู้"
"เป็นเพื่อนแล้วแม่งอิจฉากันมากงั้นก็มาเป็นแฟนเลย"
"ฮะ"
"เป็นแฟน มาเป็นแฟนกู"
ช็อก! ขอเป็นแฟนได้ฮาร์ดคอมาก ฉันไม่รู้ว่ามันคิดอะไรถึงพูดออกมาแบบนี้
“แล้วมึง คิดเหรอว่ามันจะดีขึ้น” ฉันถามกลับ
“มึงก็ลองสิ ขนาดเป็นแค่เพื่อนกูยังหวงมึงขนาดนี้เลย” ก็จริง
“ถ้ามันแย่กว่าเดิม”
“ให้โอกาสกูหน่อยสิ ที่ผ่านมามึงก็เห็น” ฉันเลิ่กลั่กนะ เรื่องถูกแกล้งมันก็มีมาเรื่อยๆ ไม่ใช่ว่าไม่สู้แต่คนพวกนั้นไม่ยอมหยุดต่างหาก
“เห็นอะไร ที่ผ่านมามึงทำตัวทรงผัวมากสัว”
“ก็แค่กับมึง ไม่ได้เรี่ยราดสักหน่อย” เจ้าสัวเคยมีแฟน ความสัมพันธ์เหมือนวิ่งผ่านน้ำ บ่นกับฉันทุกวันไม่มีวันไหนเลยที่เห็นมันยิ้มมีความสุข
“ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะสัว”
“ก็ไม่ได้เล่นปะ”
“ถ้าเธอให้ฉันเป็นเพื่อนเล่นอย่าเล่นเกินกว่านั้นได้มั้ย”
เพลงนี้แวบเข้ามาในหัวฉันทันที ตอนนี้ฉันไม่มีใครสัวก็ไม่มีใคร เจ้าสัวเป็นถึงลูกชายมาเฟียมีทั้งราศีบารมีและอำนาจไม่มีใครกล้าแตะต้อง ทั้งเรื่องในอดีตและก็ปัจจุบัน
เจ้าสัวไม่ชอบคั่วหญิง ไม่เจ้าชู้แล้วก็ขี้รำคาญพวกที่ชอบมากรี๊ดๆ ใส่ แล้วก็ผู้หญิงชอบอ่อยแรงๆ ด้วย สัวไม่ชอบเลยสักนิด
“ขอคิดก่อนได้มั้ย”
“ได้ งั้นคืนนี้กูไปนอนกับมึงด้วยดีกว่าจะได้ช่วยคิด”
“ไม่ต้อง”
“เผื่อไฟดับกูจะได้ต่อยผีให้มึง”
ฉันยังมองไม่ออกเลยว่าถ้าเราสองคนเป็นแฟนกันมันจะเป็นยังไง
“ไม่”
“งั้นมึงไปนอนกับกู” ฉันถอนหายใจแล้วมองบน
“ไม่ไป”
“ผ้าเช็ดตัวแม่บ้านเตรียมไว้ให้แล้ว เสื้อผ้าด้วย ส่วนชุดนักศึกษาอยู่ในตู้รีดแล้ว”
ฉันไม่ได้อยากมาหรอกนะแต่เพราะลมฟ้าลมฝนด้านนอกทำให้ฉันใจไม่ดีเลยไม่กล้ากลับห้อง ถ้าเกิดฟ้าผ่าไปดับขึ้นมาจะแย่เอา
ของใช้ส่วนตัวของฉันถูกจัดเตรียมเอาไว้พร้อมทุกอย่างโดยคุณแม่บ้านที่ดูแลเพ้นเฮ้าท์นี้
“สัว”
“อะไร”
“ถ้าเราเป็นแฟนกัน มึงคิดว่าเราจะรักกันมั้ยวะ”
“เป็นแฟนกันก็ต้องรักกันดิวะ”
“รักกันยังไง”
“รักกันจากสิ่งดีๆ ที่มีให้กันไง โง่ เรื่องแค่นี้คิดไม่ได้” ฉันยืนนิ่งแล้วคิดตาม ก็ใช่ แต่ว่าเราสองคนเป็นเพื่อนกันไงฉันยังมองไม่เห็นเลยว่าจะรักกันได้ยังไง
“ถ้าเธอไม่เคยที่จะรู้สึกเหมือนที่ใจฉันรู้สึก แค่เพื่อนเล่น ฉันก็เป็นให้เธอไม่ไหว จะได้พร้อมทำใจรอให้เธอบอกว่าเป็นเพื่อนกันเท่านั้น หยุดเล่นเกินเพื่อนเล่น”
“กูไม่ได้โง่ ก็แค่คิดว่าถ้าวันหนึ่ง เราต้องเลิกกัน”
“กูไม่เลิก แล้วก็จะตามรังควานมึงไปทุกที่ จำไว้ เกี๊ยวสมองน้อย”
“ไอ้สัว ปากมึงนี่นะ” ฉันไล่ตีไอ้คนตัวสูงที่ชอบหลอกด่าแต่ก็ไม่เคยสู้ได้สักที
_______________
มาไกลแค่นี้ก็ดีแล้ว ฉันยิ้มให้กับตัวเองอีกครั้งที่กล้าตัดสินใจทำแบบนั้นออกไป ตัดความสัมพันธ์ตอนนี้ดีกว่ารอให้มันเรื้อรังกัดกินหัวใจให้เจ็บปวดไปมากกว่านี้“หิวมั้ย”“ไม่อ่ะเจ้ ขอบใจนะที่ขับรถไปรับ”“ไม่เป็นไร ถ้าไม่หิวก็ไปอาบน้ำเข้านอนซะ ดึกแล้วพรุ่งนี้ไปเรียนหรือเปล่า”“ไปสิ เอ่อ เจ้ เกี๊ยวอยากไปฝึกงานเมืองนอกอ่ะ เจ้ช่วยแนะนำหน่อยสิ”“ก็ไหนบอกไม่ไปไง เป็นอะไรเกี๊ยว มีเรื่องอะไรเล่าให้เจ้ฟังได้มั้ย” ฉันนิ่งและเงียบไปอีกครั้ง หลังจากบอกเลิกสัวฉันก็รีบเก็บผ้าแล้วโทรให้เจ๊หมวยมารับที่คอนโด เพราะคิดว่าสัวมันต้องบุกมาแน่ๆ แล้วตอนนี้ฉันกำลังหาวิธีไปจากที่นี่โอกาสประจวบเหมาะปีสี่ฉันต้องฝึกงานพอดีถ้าทำเรื่องทันฉันก็จะไปเมืองนอก“เกี๊ยวเลิกกับสัวแล้ว”“ไปคบกันตอนไหนวะ” ไม่อธิบายตั้งแต่แรกเลยทำให้เจ๊ตกใจ“สักพักแล้วล่ะ ช่างมันเหอะ เลิกแล้ว”“เลิกยังไงทำไมต้องหนี เราเลิกแล้วเขายอมเลิกหรือเปล่าทำไมไม่ลองคุยกันก่อน”“เจ้ ถ้าเราไม่ได้รับการปกป้องจากแฟนตัวเองเลยแบบนี้เจ้จะยังยอมคบคนแบบนี้อยู่มั้ย”“พูดยากนะ แต่ถ้าเป็นเจ้ก็คง ขอบาย”“เกี๊ยวรู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่าเลยอ่ะ ไอ้รักมันก็รักนะ แต่เกี๊ยวไม่อย
นั่งมองมือถือแล้วถอนหายใจอยู่พักใหญ่ ความคิดในหัวตีกันวุ่นวายไปหมด สถานะของเราตอนนี้คือเป็นแฟนกัน แล้วยังไงต่อ อยู่ๆ ก็มีผู้หญิงโผล่มาโดยที่ฉันไม่รู้เลยว่าเธอคนนั้นเป็นใคร แต่คนอื่นรู้ แล้วฉันก็รู้จากคนอื่นอีกที ฉันรู้สึกแย่มากๆ กับเรื่องนี้ จะหนีต่อไปก็คงไม่รอดเพราะสัวคงไม่ปล่อยไว้แน่ตี๊ดครืด ครืดพอเปิดเครื่องเสียงแจ้งเตือนก็เด้งเข้ารัวๆ สายที่ไม่ได้รับ ร้อยกว่าสายเป็นตัวเลขสีแดงเห็นเด่นชัดอยู่ที่มุมด้านซ้าย นั่นไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นเลยเชื่อมั้ย อาการฉันค่อนข้างหนักพอสมควรเกิดเรื่องแบบนี้ยิ่งทำให้รู้ใจตัวเอง ฉันก็รักสัวมากเหมือนกันครืด ครืดมือถือในมือสั่นเตือนว่ามีสายโทรเข้า รูปภาพแจ้งเตือนหน้าจอของปลายสายทำให้ฉันลังเลอีกครั้ง“อือ” สิ่งที่ฉันทำระหว่างยกโทรศัพท์แนบหูคือจิกเล็บลงบนเนื้อต้นขาของตัวเอง ให้รู้สึกตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาเตือนสติตัวเองว่านี่คือเรื่องจริง“ขึ้นไปหาได้มั้ย ตอนนี้อยู่ข้างล่าง” ฉันรีบลุกจากโซฟาแล้วเดินไปเปิดประตูกระจกหลังห้องชะโงกหน้าลงไปมองข้างล่างทันที รถเจ้าสัวจอดอยู่ข้างล่าง ข้างๆ นั้นมีเจ้าของรถยืนมองขึ้นมาด้านบนนั่นทำให้ฉันรีบเดินเข้าห้องแล้วปิดประ
“กลัวเขาไม่รู้หรือไงว่าเราเป็นแฟนกัน” ฉันเบะปากแล้วก้มมองชุดที่ตัวเองใส่เพราะมันบังเอิญโทนสีเดียวกับเสื้อเจ้าสัว“ก็มันมีแค่สีนั้น”“เกี๊ยว ดีกันได้แล้ว กูมีแค่มึงจริงๆ”“แล้วนี่ยังไม่ดีหรือไง ให้ตามมาด้วยเนี่ยเรียกว่าดีได้หรือยัง”“หงุดหงิดไรวะ เมนส์มาหรือไง พูดดีๆ ก็ได้ วันนี้อยากได้อะไรเต็มที่พี่เลี้ยงเองน้อง”“แน่ใจ”“นี่ใคร”ฉันเริ่มยิ้มออก ไม่ใช่เพราะผู้ชายเอาเงินมาล่อหลอกหรอกนะ ที่ยิ้มก็เพราะความหน้ามึนของมันต่างหาก ถ้าไม่ได้คบกับสัวฉันก็ยังนึกไม่ออกเลยว่าแฟนในอนาคตหน้าตาจะเป็นยังไง เพราะแต่ละคนที่เข้ามาถูกเจ้าสัวกันท่าออกไปหมด ชีวิต น่าสงสารสิ้นดีร้านแรกที่ถูกดึงเข้าไปคือร้านชั้นใน ไม่ใช่ฉันที่เป็นคนดึง“เลือก”“กูไม่อยากได้ ของกูยังมีอยู่”“กูอยากได้แบบนั้น” มันชี้นิ้วไปที่ชั้นลูกไม้สีแดงเพลิง “ไอ้บ้า!”“ทำไม”“มึงเริ่มรู้สึกอยากใส่ชั้นในผู้หญิงตั้งแต่เมื่อไหร่ มีอะไรปรึกษากูได้นะสัว กูไม่โกรธถ้ามึงจะเปลี่ยนใจไปชอบเพศเดียวกัน LGBTQ มีเยอะไปน่ารักดี ไม่ต้องกลัวกูเสียใจนะ กูโอเค”“เป็นตุเป็นตะ ไม่ได้อยากใส่เอง กูจะให้มึงซื้อไปใส่” ฉันรีบส่ายหน้ารัวๆ ใส่แบบนั้นนอนกับมันทุกคืนก
“หยุดพูดมากแล้วถอยออกไปสักที”“โอเค ก็ได้ กูยอมทุกอย่างแล้ว” เจ้าสัวยกมือขึ้นทั้งสองข้างแล้วถอยหลังก้มไปหยิบผ้าขนหนูยื่นให้ฉัน“กูจะไม่คุยกับมึงสองเดือน” ฉันยื่นมือไปดึงผ้าขนหนูจากมือของเจ้าสัวแล้วรีบเอาพันรอบตัวเดินออกจากห้องน้ำทันที“จะไปไหน กูขอโทษ” เจ้าสัวยังเดินตามไม่ปล่อยให้ฉันเป็นอิสระ“ง่ายไปมั้ย ถ้าจะหวังฟันหาคนอื่นแก้ขัดก็ได้”“เกี๊ยวกูจริงจัง”“จริงจังกับหวังฟันมึงไปคิดมาว่าข้อไหนสำคัญกับมึง”“กูหวังทั้งสองอย่างนั่นแหละ ทั้งอยากฟันแล้วก็จริงจังกับมึงมากด้วย จะโกรธก็โกรธ หายโกรธแล้วค่อยคุยกับกูก็ได้เพราะยังไงกูก็ยืนยันว่าอยากฟันมึง”“ไอ้สัว”“เรียกทำไม อยากรู้อะไรอีก”“เด็กเปรต”“เออ ด่าอีกกูชอบ ด่าเลย” ลมหายใจฟึดฟัดของฉันไม่ทำให้มันกลัวได้เลยหรือไง หน้าด้านหน้ามึนเกินเบอร์มาก ฉันขี้เกียจต่อปากต่อคำก็เลยหันหลังเดินเข้าห้องน้ำอีกครั้ง คราวนี้ปิดประตูเสียงดังปัง!เพื่อบ่งบอกว่าไม่พอใจที่สุดฉันใช้เวลาอาบน้ำเกือบครึ่งชั่วโมง ที่จริงเสร็จนานแล้วแหละแต่ยังไม่อยากออกมาพอออกมาแล้วชะโงกหน้าไปมองก็ยังเห็นว่าไอ้ตัวดียังไม่นอน แสงไฟจากมือถือยังส่องหน้าอยู่“อาบน้ำนานจังวะ”“เรื่องของกู
หลายสัปดาห์ต่อมา“เฮือก!”“สัว สัว เป็นอะไร สัวตื่น ตื่น”“เกี๊ยว กูฝันร้ายอีกแล้ว” ฉันเชื่อแล้วฉันก็ตกใจมากที่เห็นมันเป็นแบบนี้“มึงจะนอนคนเดียวไม่ได้เลยหรือไง”“มึงคิดว่าไง ทุกครั้งที่กูนอนคนเดียวมันก็เป็นแบบนี้ตลอดเลย” ใบหน้าเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อน้ำเสียงตื่นกลัวก็พอบอกได้แล้วว่าเป็นไปตามอย่างที่มันพูด“ทีแรกกูจะไม่กลับมา”“ถ้ามึงไม่กลับมากูก็คงไม่ได้นอนทั้งคืน สะดุ้งตื่นอยู่แบบนี้”“เรื่องมันก็นานมากแล้ว มึงยังไม่ลืมอีกเหรอ”“มันอยู่ในใจกู ฝังไปแล้วมั้งแต่พออยู่กับมึงกลับไม่เป็นอะไรเลย” เพราะแบบนี้หรือเปล่ามันถึงขาดฉันไม่ได้ตามติดยิ่งกว่าเงา“ถ้าวันนึง เราต้องเลิกกัน มึงจะอยู่ยังไง”“แล้วทำไมต้องเลิกวะ” มันทำเสียงหงุดหงิดใส่“ก็ไม่รู้ ถามเอาไว้ก่อนไง เผื่อมึงเข้าใจปะ อย่าหลับหูหลับตาดิสัว”“ก็คง แดกยาให้มันตายๆ ไป” ฉันเข้าใจสิ่งที่สัวเป็นอยู่ในตอนนี้ เหตุการณ์เลวร้ายที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเด็กสิบขวบมันยากที่จะลืมเลือน“บ้าหรือไง ป๊าม๊าเสียใจแย่เลย”“ป๊ากับม๊าคงดีใจมากกว่าที่ไม่เห็นกูทรมานอีก”เหตุการณ์คืนนั้นเจ้าสัวจำมันได้ดี คืนวันเกิดเหตุในห้องนอนชั้นบน เป็นวันพายุเข้า ฝนตก ลมแรง
กิจกรรมไม่ได้ติดขัดดำเนินต่อไปได้เรื่อยๆ จนเสร็จสิ้นภารกิจที่พวกเราตั้งใจเอาไว้ พี่เคสเป็นรุ่นพี่ที่มืออาชีพมาก บรีฟน้องๆ เก่งและทำให้เรื่องร้ายที่พวกเราพบเจอบรรเทาลงจนเราโฟกัสแค่เรื่องงาน“พี่เกี๊ยว คิดว่าพี่แคทจะเอาคืนเรามั้ยคะ”“เรื่องที่พี่แคททำ มันเรื่องใหญ่มากนะ”แล้วตอนนี้พวกเราก็อยู่ในห้องประชุมของมหาวิทยาลัย เรื่องมันไม่ได้จบแค่นั้น ผู้ปกครองของน้องน้ำและน้องๆ ที่ในคืนนั้นร่วมชะตากรรมด้วยกันในป่าไม่ยอมความและจบเรื่องง่ายๆ ส่วนฉันป๊าของเจ้าสัวส่งเลขาส่วนตัวและทนายความมาจัดการเรื่องนี้ให้ สุดวีไอพีจนอธิการบดีต้องเข้าร่วมตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองฉันอยากให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ให้กับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นรุ่นพี่และรุ่นน้องที่กำลังจะก้าวขึ้นมาเป็นรุ่นพี่ในอนาคต ตัดเรื่องส่วนตัวออกไปแล้วกัน ไม่ว่าจะยังไงก็แล้วแต่ก็ไม่ควรเอาเรื่องความปลอดภัยมาล้อเล่นกันแบบนี้ กฎมีไว้ให้รักษา ถ้าเกิดคืนนั้นฉันกับน้องๆ เป็นอะไรไปขึ้นมาอีพี่แคทจะรับผิดชอบยังไงไหว“น้ำได้ข่าวมาว่า ผู้ปกครองของพี่แคทไม่มีใครมาเลยค่ะ”“ติดธุระหรือเปล่า” ที่ต้องถามเพราะป๊าเจ้าสัวก็ติดธุระเหมือนกันแต่ส่งทีมงานมืออาชีพมาแทน“คง







