“เมาแล้วเรื้อน” แม้ปากจะพูดออกไปอย่างนั้นแต่ก็ยอมให้คนตัวเล็กทำอะไรได้ตามใจ โดยที่พยายามเบือนสายตาคมออกไปมองทางอื่น
เพราะกลัวจะเผลอสบตากับเธอเข้า
และถ้าได้เผลอสบตาแบบที่คิดเขาก็กลัวว่าจะอดใจไม่ไหว กลัวจะทำอะไรเหมือนที่สระว่ายน้ำอีกเป็นครั้งที่สอง
“ไม่เคยสังเกตใกล้ ๆ เลย หล่อเหมือนกันนะเนี่ย” ดวงตาหวานฉ่ำปรือ สำรวจไปทั่วไปหน้าหล่อเหลาอย่างใกล้ชิด
“ไม่ใช่ว่ารู้อยู่แล้วเหรอว่ากูหล่อ” ยิ่งเธอชม หัวใจก็ยิ่งกระตุกเต้นระรัว เหมือนมันจะหลุดออกจากอก
“หล่อจนใจสั่นเลย คิ้วหน้า ตาได้ จมูกโด่งพุ่ง ผิวหน้าก็ดี ขาวเนียน ปากนิดอวบอิ่ม” ไม่พูดเปล่านิ้วเรียวยังลูบไล้ไปทั่วใบหน้า ในขณะที่เอ่ยก็ไล้ไปส่วนตามส่วนต่าง ๆ
อึก เสียงกลืนน้ำลายลงคอดังอึกของคนตัวเล็กทำให้คินท์ต้องเบนสายตามามองยังคนใต้ร่าง
แค่สัมผัสจากมือเรียวนุ่ม ก็ทำเขากระสับกระส่ายทำตัวไม่ถูกแล้ว
เมื่อหันสายตามามองยังคนตัวเล็กก็พบกับสายตาที่พร้อมจะเขมือบเขาเข้าไปทั้งตัว
พรึบ! คินท์ผละตัวขึ้นพยายามจะลุก
หมับ! แต่ช้ากว่ามือเล็กที่ดึงเอาไว้จนคินท์เสียหลักคร่อมร่างบางไว้ด้วยศอกทั้งสองข้าง
เป็นอันว่าตอนนี้เขาแนบชิดกับร่างบางจนอกอวบชิดกับอกแกร่ง
“ทำอะไร” คิ้วหนาขมวดเข้าหากันจ้องมองคนด้านล่างอย่างสงสัยในการกระทำของเธอ และอีกอย่าง เขาก็กลัวตัวเองจะเผลอทำอะไรขึ้นมาเสียมากกว่าถ้าเขายังใกล้เธอจนลมหายใจรดกันแบบนี้
“กูฝันอยู่หรือไง ถึงได้เจอลูกรักพระเจ้า หล่อแตกแตนมาก” แก้มใสยังตกอยู่ในภวังค์ความหล่อของเพื่อนชายไม่หาย
ยิ่งเข้าใกล้ก็ยิ่งเห็นใบหน้าขาวเนียนไร้ที่ติชัดเจนขึ้น
มือเล็กลูบกรอบหน้าเรียว ผ่านสันกราม ผ่านใบหูอย่างเบามือ จนคนที่โดนกระทำขนลุกซู่ชูชัน
และเมื่อมือเล็กลูบผ่านลำคอแกร่ง หยุดอยู่ลูกกระเดือกที่นูนขึ้นลงเมื่อคินท์กลืนน้ำลายลงคอ
“พอ” คินท์กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากเพราะการกระทำของเพื่อนสาว
สัมผัสที่วาบหวามไม่รู้ว่าเธอจงใจหรือไม่ตั้งใจ แต่ตอนนี้มันทำให้เขาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป
หมับ มือแกร่งจำเข้าที่ข้อแขนเรียวที่กำลังไล้ลูบสัมผัสเล่นลูกกระเดือกของเขาอยู่
“คินท์” ดวงตาคมคู่สวยแหงนมองดวงตาคมตรงหน้า
“อืม กูเอง กู คินท์จำไว้ด้วย” สิ้นเสียงเอ่ยพูดของคินท์
“อื้อ” ริมฝีปากหนาก็ประกบเข้ากับริมฝีปากบางในทันที
เขาขบเม้มริมฝีปากบางของเพื่อนสาวอย่างนุ่มนวล สลับบนและล่าง เมื่อคนตัวเล็กไม่ขัดขืน ลิ้นร้อนจึงค่อย ๆ แทรกเข้าไปควานหาความหวานด้านใน
มือแกร่งที่กำข้อมือเรียวอยู่ก็จับเธอกดไว้กับเตียงนุ่มเหนือหัวพร้อมกันทั้งสองข้าง
ลิ้นร้อนแทรกพัวพันลิ้นหวานไปมาอย่างอ่อนโยน
เมื่อพอใจแล้วจึงผละออก และสบตากับเพื่อนสาวใต้ร่าง
ทั้งคู่สบตากัน
คินท์ลุ้นกับปฏิกิริยาของแก้มใสเมื่อเขาได้จูบเธอเป็นครั้งที่สองแถมยังดูดดื่มมากกว่าครั้งแรก
และคำพูดของแก้มใสที่พูดออกมาต่อจากนี้ก็ทำให้หัวใจของเขากระตุกเต้นแรง
“ทำไมกูต้องเอาแต่คิดถึงจูบของมึงด้วย” ดวงตาหวานหยาดเยิ้มจ้องมองคนตรงหน้าในขณะที่เอ่ยพูดอย่างจริงจัง
จ๊วบ! สิ้นประโยคของแก้มใส คินท์ก็ไม่รอช้า ประกบจูบริมฝีปากบางอย่างดูดดื่มและเร่าร้อน
แก้มใสส่งสัญญานที่ดีให้แล้วว่าเธอเองก็ยินดีและยินยอมต้องการรับสัมผัสจากเขาอีกครั้ง
มีหรือที่เขาจะยอมพลาดโอกาสนี้ไป
จุ๊บ! ทั้งคู่พัวพันลิ้นแลกกันไปมาอย่างพึงพอใจในกันและกัน
มือแกร่งที่ล็อกข้อมือเล็กเอาไว้ก็เลื่อนขึ้นไปประสานกับมือนุ่มของแก้มใสทั้งสองข้าง
ระหว่างที่ริมฝีปากประกบจูบกันอย่างดูดดื่ม มือที่ประสานกันอยู่ก็บีบแน่นเข้าหากันผ่อนหนักเบาตามแรงอารมณ์
ใบหน้าหวานและใบหน้าหล่อสลับไปมาซ้ายขวาเพื่อลิ้มรสความหอมหวานของกันและกันอย่างดูดดื่ม
ลิ้นร้อนพัวพันตวัดหยอกล้อกันไปมาอย่างอย่างไม่มีใครยอมใคร
ยิ่งนานอารมณ์ก็ยิ่งพุ่งสูงขึ้น ความต้องการก็มากขึ้นตาม อยากได้มากกว่าจูบ
“พอแค่นี้” คินท์ละริมฝีปากออก ใบหน้าหล่อร้อนฉ่า หายใจหอบติดขัด แม้จะอยากทำมากกว่านี้แต่ก็ต้องหักห้ามใจไม่ให้เลยเถิดไปไกล
ดวงตาหวานจ้องมองคนด้านบนอย่างนึกเสียดาย เมื่อเห็นว่าคินท์หยุดชะงักและจ้องมองเธออย่างคนกำลังนึกคิด ในแววตาก็ดูสับสน
พรึบ!
เธอจึงจัดการพลิกเขาลงและขึ้นคร่อมนั่งทับที่หน้าท้องแกร่งกักขังเขาไว้ใต้อาณัติ
พร้อมก้มลงไปจูบดูดดื่มที่ริมฝีปากนุ่มของคนด้านล่างอย่างเอาแต่ใจ
“ใช่ เสียว อยากอ้าให้ฟินท์เอาอะ ใส่เลยได้ไหม”“ได้สิ” เมื่อเขาพูดจบก็ทาบริมฝีปากกดลงไปยังริมฝีปากอิ่มสวยของหญิงสาว เลียไล้ริมฝีปากของเธออย่างนุ่มนวล ก่อนจะสอดลิ้นใหญ่เข้าไปในโพรงปากหวานฉ่ำสอดลึกเข้าไปแล้วตวัดลิ้นไล้ไปทั่วจนเอวาครางอู้อี้ออกมา พร้อมทั้งดิ้นสู้ราวกับม้าพยศ แต่ไม่นานเธอก็ต่อสู้แรงของเขาไม่ได้ แม้จะออกแรงต้านเท่าไหร่ก็ไม่มีผลทำให้เขาหยุด นอกจากจะจูบเร่าร้อนยิ่งขึ้น จูบของเขารุกรานเธอมากขึ้น คนตัวโตดูดปากเธออย่างเร่าร้อน จูบแลกลิ้นจนเธอตัวอ่อนระทวยท่อนลำแข็งขืนจนชายหนุ่มปวดหนึบไปทั่ว ในเวลานี้สาวน้อยใต้ร่างกำลังมองสบสายตากับเขา เมื่อร่างกายของเธออ่อนระทวยก็ยิ่งว่าง่าย แล้วยังหน้าแดงก่ำเมื่อเผลอปรายสายตามองไปยังท่อนดุ้นขนาดยักษ์ที่ตั้งลำชี้โด่อยู่ตรงหน้าเธอ“อื้อ” เขาค่อย ๆ สาวท่อนเนื้อ ขณะที่มือแกร่งอีกข้างก็บีบเฟ้นหน้าอกของเธอทั้งสองข้างสลับกันไปมาจนมันเกิดตุ่มไตขึ้นมาตามแรงความต้องการ“ดูน้องชายของฉันสิ แข็งไปหมด มันอยากใส่เข้าไปในตัวเธอแล้วเอวา” เขาเอ่ยพร้อมรูดชักท่อนดุ้นของตัวเองจนมันเหยียดขยายใหญ่ขึ้นอย่างเต็มที่ ส่วนปลายยอดบานเบอะมีหยดน้ำใสหยดออกมา เขาโน้มหน้าลงมาซ
“ปากเก่ง” ชายหนุ่มชมแต่มือเริ่มอยู่ไม่สุข“ปล่อยนะฟินท์!!” เธอขู่ฟ่อ แต่เขาดันไม่กลัวแมวอย่างเธอ“ไม่ปล่อย” คนตัวโตไม่พูดเปล่าแต่กระชับอ้อมแขนเป็นอาณัติสัญญาณว่าคำพูดเขาศักดิ์สิทธิ์เสมอ“แต่ลูกอึดอัด นี่ดูสิ ดิ้นใหญ่เลย” เมื่อคิดว่าเถียงอย่างไรก็ไม่ชนะ หญิงสาวเลยยกเรื่องลูกในท้องมาเป็นข้ออ้างแทน ซึ่งก็ได้ผล ทันทีที่เธอเอ่ยขึ้นมา แขนแกร่งของชายหนุ่มก็คลายออก แต่ถึงกระนั้นก็ยกมือข้างหนึ่งมาวางไว้บนหน้าท้องของเธอที่ตอนนี้แบนราบเหมือนไม่ได้ตั้งครรภ์“ไหน ไม่เห็นดิ้นเลย” ชายหนุ่มพูดแล้วก็รอปฏิกิริยาจากก้อนน้อยในท้องแม่ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีแรงสั่นสะเทือนเกิดขึ้นเลย เขาจึงเปลี่ยนเป้าหมายมาหาเรื่องแม่ของเจ้าก้อนแทนด้วยการหอมฟอดใหญ่ลงบนแก้มนิ่มฟอด“แก้มนุ่มจัง” สูดกลิ่นแก้มนิ่มเสร็จก็อวยเจ้าของแก้มไปหนึ่งเปราะ อีกทั้งยังตาปรอย คิดถึงบทรักอันร้อนรุ่มในคืนนั้นจนค่อย ๆ เริ่มไต่มือลงบนบ่าเล็กอย่างย่ามใจ เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กไม่ว่าอะไรก็เริ่มซุกไซ้ตามซอกคอหอมกรุ่น“อื้อ” หญิงสาวย่นคอหนี“อื้ออะไร ฉันยังไม่ได้รุกเลย เสียวแล้วเหรอ” อีกฝ่ายถามด้วยแววตานึกสนุก แต่พอเห็นว่าหญิงสาวเริ่มหน้าแดง เขาเลยหย
สุดท้ายแล้วบรรยากาศบนรถก็อึมครึมจนมาถึงคอนโด เอวานิ่งเงียบ ไม่ขยับเขยื้อน อีกคนเลยตวัดสายตามามอง“จะไม่ลงใช่ไหม”“ลง แต่ไม่อยู่ด้วย จะกลับบ้าน” พูดจบ หญิงสาวก็เปิดประตูรถออกไปทันทีฟินท์ได้สติรีบเปิดประตูแล้ววิ่งไปฉุดเธออย่างรวดเร็ว เอวาไม่พูดอะไรแต่น้ำตาไหลพราก สีหน้าเจ็บปวดสุดจะระงับไว้ได้เรื่องเด็ก ถ้าเขาไม่รับไว้ก็ไม่เห็นจะเป็นไร อย่างน้อยก็ยังมีแม่แบบเธอที่พร้อมจะเลี้ยงด้วยความรักอยู่แล้ว แต่การที่มาหาว่าเธอสำส่อนนี่มันเกินจะรับ!“เอวา เราขอโทษ ฮึก” ฟินท์ร่ำร้องพูดพร้อมกับกอดร่างของหญิงสาวเอาไว้ น้ำตาลูกผู้ชายที่หญิงสาวไม่เคยได้เห็นมาก่อนไหลจนอาบหน้า แต่เพราะความเจ็บปวดทำให้เธอใจแข็งเพราะเธอเองก็ร้องไห้เหมือนกันเจ็บเหมือนกัน“ปล่อยเราเถอะ เราไม่ไหวแล้ว” น้ำเสียงของเธออ่อนโรยแรงเกินกว่าที่จะทำใจยอมรับได้ หากไม่ปล่อยมือวันนี้ สุดท้ายเมื่อความคิดของคนสองคนไม่ลงรอยกัน มันก็จบอยู่ดี“ไม่ ๆ เราไม่ปล่อย เราขอโทษ เรื่องเมื่อกี้เราแค่ตกใจ เราขอโทษ เราปากหมาเองที่พูดอะไรออกไปแบบนั้น เราไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ เอวา ขอร้องเถอะ อย่าหันหลังไปแบบนี้เลยนะ ขอร้อง” เสียงอ้อนวอนที่ฟังแล้วเสียดแทงใจจ
แต่ครั้นมานั่งในรถสองต่อสอง คนที่ปั้นหน้าดุเมื่อกี้ก็เอ่ยถามอย่างห่วงใย“เมื่อกี้ เอวาโกรธเราไหม” ประโยคง้องอนจากคนตัวสูงที่ทำเอาคนฟังถึงกับยิ้มไม่หุบ“เปล่าหรอก เรารู้ว่าเธอหวง” ตอบไปแล้วก็หลบสายตาคมอยู่ดี โชคยังดีที่วันนี้เธอมีแมสปิดหน้า มิเช่นนั้นหน้าแดง ๆ ของเธอคงมีเรื่องให้ฟินท์ได้ล้อไปอีกหลายเดือน“รู้ตัวก็ดี แล้วอย่าทำให้หึงจนหน้ามืดอีก ไม่งั้นเธอเจ็บตัวแน่เอวา”“เอาแมสออกได้แล้ว”หลายสิ่งหลายอย่างค่อย ๆ ปรับระดับไปในทางที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ เอวารู้สึกว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่เธอมีความสุขที่สุดในชีวิต จากที่เคยลำบากมาตลอดชีวิต ก็กลับดีขึ้น ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะชายหนุ่มที่นั่งข้างเธอคอยหยิบยื่นน้ำใจมาให้ตลอดแต่ก็นั่นแหละ การยืนด้วยขาตัวเอง มันจะดีกว่ายืนด้วยขาของคนอื่นถ้าเลือกได้ เธอก็จะทำงานต่อไป“ฟินท์” เอวาตัดสินใจเรียกชายหนุ่ม“ว่า” คนถูกเรียกขานรับ หากแต่ไม่ได้เงยหน้าจากมือถือที่คงไม่พ้นเรื่องเกมโปรดที่ฟินท์มักจะชอบเล่นอยู่เป็นประจำพอเอาเข้าจริงหญิงสาวก็ลังเล ใบหน้ายับยู่ คล้ายว่าไม่อาจตัดสินใจได้ว่าสิ่งที่เธอจะเล่าให้ชายหนุ่มฟังนั้นสมควรหรือไม่ เธอทิ้งช่วงอยู่นานจนกระทั่งคนที่ร
วันรุ่งขึ้น เอวารีบอาบน้ำแต่งตัวออกจากบ้าน เพราะวันนี้น้องสาวของเธอมีกำหนดผ่าตัดแล้ว หลังจากหมอรอให้น้องสาวของเธอร่างกายแข็งแรงขึ้นก่อนเข้าห้องผ่าตัดที่มีโอกาสจะเสียชีวิตมีสูงอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าร่างกายแย่ ทุกอย่างมีความเสี่ยงที่จะเป็นศูนย์ได้ทุกเมื่อแม้จะมีเงินที่ฟินท์โอนให้เป็นเงินเดือนทุกเดือน แต่ก็ใช่ว่าจะเหลือมากพอสำหรับสามชีวิต แม่ของเธอ แม้ว่าเธอจะใจแข็งไม่ดูดำดูดีและปล่อยให้ท่านสำนึกผิดแต่มันก็แค่นั้น…อย่างไรแม่ก็คือผู้ให้กำเนิด ต่อให้ดีเลวอย่างไร เธอในฐานะลูกก็ย่อมไม่มีวันเปลี่ยนความจริงที่ว่า ผู้หญิงที่ไม่เอาถ่านคนนั้นคือแม่ของตัวเองวันนี้เธอตั้งใจว่าจะไปสมัครงานแม่บ้านที่บริษัทอีกที่ ถึงตำแหน่งงานจะต่ำต้อย แต่ทว่านั่นไม่ใช่เป้าหมาย เพราะแท้จริงแล้วการมีเงินให้นอนนิ่งในบัญชีเยอะ ๆ ต่างหากที่เป็นความปรารถนาอย่างแท้จริง ในเวลานี้แปดโมงเช้าของวันต่อมา เธอก็ไปสมัครงานเป็นแม่บ้านและนั่งกรอกข้อมูลหน้าโต๊ะฝ่ายบุคคล หลังจากสอบสัมภาษณ์ไปราวสิบห้านาที เจ้าหน้าที่ก็เอ่ยขึ้น“วันนี้พร้อมทำงานเลยไหมคะ พอดีบริษัทขาดคน”“ได้ค่ะพี่” เอวาพูดพลางยกมือไหว้ อีกฝ่ายยิ้มก่อนถาม
บาสออกไปแล้ว แต่ชายหนุ่มอีกคนยังอมยิ้มแก้มแดง เวลาถูกเธอแสดงความเป็นเจ้าของนี่มันดีแบบนี้นี่เองทุกอย่างเหมือนจะดี เอวาก็ยิ้มหน้าบาน ส่วนฟินท์นั้นก็ใช่ย่อย คีบอาหารใส่จานของหญิงสาวไม่หยุดมือ แต่แล้วความสุขก็พังลงด้วยความหึงหวงอีกครั้ง เมื่อป้องปราบเดินเข้ามาในร้าน“เอวา!”“อ้าวป้อง มากินข้าวเหมือนกันเหรอ”“ใช่ แต่มาคนเดียว ที่จริงเราโทรหาเอวานะ ไม่ได้ยินเสียงเหรอ” อดีตแฟนเก่าที่ทำท่าจะรื้อความสัมพันธ์ใหม่เอ่ยขึ้นฟินท์หน้าตึง วางตะเกียบลงทันที ยิ่งไปกว่านั้น ไอ้หมอนั่นยังเดินมาทักทายแฟนของเขาแบบถึงเนื้อถึงตัวจนถ้าไม่เห็นแก่หน้าเอวาละก็ ป่านนี้ร้านคงพังราบไปแล้ว“เอ่อ เราเปิดระบบสั่นไว้”“ถึงว่าไม่รับสาย”“จะขัดคออีกนานไหม” ฟินท์ขัดขึ้นสองคนที่เหลือเลยหันมามองเขา“โทษที เราไม่เห็นนายน่ะ” ป้องปราบตอบหน้ากวน ๆ“สงสัยตาบอด นี่ถามจริงมึงจะแทงข้างหลังกูเหรอ” เขาถามน้ำเสียงเครียด“ก็เปล่านะ ตรงไหนที่ว่าแทง” ป้องปราบทวนคำ“วันก่อนกูเห็นเอวาลงจากรถมึง” เขาเฉลย“อ้อ เห็นเหรอ นึกว่าไม่อยู่ซะอีก”“พอเถอะ อย่าทะเลาะเลย อายคนอื่นเขา”การกระทำของชายหนุ่มทั้งคู่ที่เหมือนจะกำลังเปิดศึกกันอยู่ ทำเอาหญ