รถม้าโดยสารแล่นอย่างเชื่องช้าบนถนนที่เต็มไปด้วยฝุ่นและหลุมบ่อ เสียงล้อบดกับกรวดดังครืดคราดราวกับเพลงเศร้าของคนจรจัด เมรี่นั่งอยู่ริมหน้าต่าง มองดูทิวทัศน์ชนบทที่ค่อยๆ เปลี่ยนผ่านจากทุ่งหญ้าเขียวขจีไปเป็นป่าทึบที่ปกคลุมด้วยหมอกยามเช้าตรู่ แม้จะเดินทางมาได้เพียงไม่กี่ชั่วโมง ความตื่นเต้นระคนหวาดกลัวก็ยังคงเกาะกุมอยู่ในใจของเธอ
ผู้โดยสารคนอื่นๆ ในรถม้าส่วนใหญ่เป็นชายวัยกลางคน แต่งกายภูมิฐาน ดูเหมือนเป็นพ่อค้าหรือนักธุรกิจที่กำลังเดินทางไปติดต่อธุระในเมืองหลวง เมรี่พยายามเก็บตัวเงียบที่สุด เธอแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่เรียบง่ายที่สุดเท่าที่จะหาได้ เพื่อไม่ให้เป็นจุดเด่น เธอรู้ว่าการเป็นเด็กสาวเพียงลำพังบนรถม้าที่เต็มไปด้วยบุรุษแปลกหน้าเช่นนี้เป็นเรื่องที่ไม่ปลอดภัยนัก ระหว่างทาง รถต้องหยุดพักที่โรงเตี๊ยมเล็กๆ แห่งหนึ่งริมถนน เมรี่ลงจากรถเพื่อยืดเส้นยืดสายและหาอะไรรองท้อง เธอสั่งซุปอุ่นๆ ถ้วยหนึ่ง แล้วไปนั่งเงียบๆ ที่มุมหนึ่งของห้องโถง "สุภาพบุรุษท่านนั้น ดูประหลาดไหม?" เสียงกระซิบของชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆ ลอยมาเข้าหูเมรี่ ชายอีกคนพยักหน้าเห็นด้วย เมรี่แอบชำเลืองมองไปยังชายที่ถูกพูดถึง เขาเป็นชายร่างสูงใหญ่ มีหนวดเคราครึ้ม แต่งกายด้วยเสื้อโค้ทตัวยาวสีเข้มและหมวกปีกกว้างที่ปิดบังใบหน้าส่วนใหญ่ ทำให้ยากที่จะมองเห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขา ชายคนนั้นนั่งอยู่คนเดียวที่โต๊ะมุมห้อง ไม่พูดไม่จา และจ้องมองออกไปนอกหน้าต่างตลอดเวลา "ดูท่าทางมีลับลมคมใน" ชายอีกคนกระซิบ "หรืออาจจะเป็นพวกที่หนีคดีมา" เมรี่พยายามจะมองหาเบาะแสจากท่าทางของชายคนนั้น แต่เขาก็นั่งนิ่งเสียจนไม่มีอะไรน่าสงสัย แม้จะรู้สึกแปลกๆ เธอก็เลือกที่จะไม่ใส่ใจ เพราะเป้าหมายหลักของเธอคือการเดินทางไปลอนดอนอย่างปลอดภัย เมื่อรถม้าเริ่มออกเดินทางอีกครั้ง เมรี่ก็กลับไปนั่งที่เดิม เสียงม้าก้าวเดินกระทบพื้นดินดังหนักแน่น จังหวะการเคลื่อนไหวของรถม้าทำให้เธอรู้สึกง่วงงุน และเผลอหลับไปในที่สุด เธอสะดุ้งตื่นขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงโครมครามดังสนั่น รถทั้งคันโยกอย่างรุนแรง เมรี่ตัวกระแทกกับผนังรถม้าอย่างแรง ก่อนที่ทุกสิ่งจะหยุดนิ่ง "เกิดอะไรขึ้น!" เสียงคนตะโกนดังระงม เมรี่พยายามลุกขึ้น แต่ก็รู้สึกวิงเวียนไปหมด เธอหันไปมองรอบๆ ผู้โดยสารคนอื่นๆ ก็ดูสับสนไม่แพ้กัน "มีคนมาขวางทางรถเรา!" สารถีตะโกนจากด้านนอก "ทุกคนระวังตัว!" หัวใจของเมรี่เต้นรัว นี่ไม่ใช่การโจมตีธรรมดา เธอรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง เธอค่อยๆ เปิดหน้าต่างออกมอง ก็เห็นชายฉกรรจ์สี่ห้าคน สวมผ้าคลุมหน้ามิดชิด ถือปืนพกและมีด ยืนขวางถนนอยู่เบื้องหน้า "ส่งของมีค่าทั้งหมดมา!" ชายคนหนึ่งที่ดูเหมือนเป็นหัวหน้าตะโกน เสียงของเขาห้าวและแหบแห้ง "ไม่เช่นนั้นพวกเจ้าจะไม่ได้ไปไหน!" ผู้โดยสารทุกคนต่างหวาดกลัวและเริ่มส่งของมีค่าให้โจรโดยดี ไม่มีใครกล้าขัดขืน เมรี่กำถุงเหรียญทองของเธอไว้แน่นในกระเป๋าเสื้อ เธอรู้ว่านี่คือเงินเดียวที่เธอมี และมันเป็นสิ่งจำเป็นในการเดินทางไปลอนดอน เธอจะต้องไม่ยอมให้ใครมาเอาไปเด็ดขาด! ขณะที่โจรคนหนึ่งกำลังจะเดินเข้ามาในรถม้า เมรี่ก็สังเกตเห็นชายร่างสูงใหญ่ที่นั่งอยู่มุมรถม้าคนเดิม เขาไม่ได้แสดงท่าทีหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย ดวงตาของเขากลับฉายแววเย็นชาและไร้อารมณ์ เขาส่งสายตาไปยังมุมหนึ่งของรถม้า ราวกับกำลังส่งสัญญาณบางอย่าง เมรี่มองตามสายตาของเขา เธอเห็นซองหนังสีเข้มซองหนึ่งซ่อนอยู่ใต้เบาะที่นั่งของชายคนนั้น ซองนั้นดูไม่น่าจะมีของมีค่าอะไร แต่มันถูกซ่อนไว้อย่างแนบเนียน โจรคนนั้นก้าวเข้ามาในรถม้า ดวงตาของเขาไล่มองหาของมีค่า "มีใครยังไม่ได้ส่งของมาอีกไหม!" เมรี่ตัวสั่นเล็กน้อย เธอหยิบสร้อยคอไข่มุกเทียมราคาถูกที่เธอซื้อมาจากตลาดออกมา แล้วยื่นให้โจรด้วยมือที่สั่นเทา "นี่ค่ะ...มีแค่นี้ค่ะ" โจรรับสร้อยคอไปโยนทิ้งอย่างไม่ใยดี "หึ! มีแค่นี้เองรึ? ไม่น่าสนใจเลย!" เขาหันไปทางชายร่างสูงใหญ่ที่นั่งนิ่งๆ "เจ้าล่ะ! ไม่มีอะไรจะให้ข้าเลยรึไง!" ชายคนนั้นเงยหน้าขึ้น ดวงตาของเขาฉายแววเย้ยหยัน "ข้าไม่มีอะไรจะให้พวกเจ้าหรอก นอกจากความตาย" ทันใดนั้นเอง ชายร่างสูงใหญ่ก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเกินกว่าที่ใครจะคาดคิด เขากระชากซองหนังที่ซ่อนอยู่ใต้เบาะออกมาอย่างรวดเร็ว ในมือของเขาปรากฏมีดสั้นเล่มหนึ่งที่ส่องประกายวาววับในความมืด เขากระโจนเข้าใส่โจรที่อยู่ใกล้ที่สุด โจรคนนั้นกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจและล้มลงไปกองกับพื้นในทันที เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเกินกว่าที่ใครจะตั้งตัว ชายร่างสูงใหญ่เคลื่อนไหวราวกับนักล่าผู้ชำนาญ เขาไม่สนใจเสียงหวีดร้องของคนอื่นๆ เขาจู่โจมโจรทีละคนอย่างเงียบเชียบและรวดเร็ว ราวกับเงาในความมืด เมรี่เบิกตากว้าง เธอไม่เคยเห็นการต่อสู้ที่รวดเร็วและโหดร้ายเท่านี้มาก่อน ชายคนนั้นไม่ใช่คนธรรมดา เขาเป็นนักฆ่า หรือไม่ก็เป็นนักสืบที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี ไม่นานนัก โจรทั้งห้าคนก็ล้มลงไปกองกับพื้น บางคนบาดเจ็บ บางคนหมดสติ ชายร่างสูงใหญ่เก็บมีดสั้นของเขาอย่างเงียบเชียบ แล้วกลับไปนั่งที่เดิม ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น บรรยากาศในรถม้าเต็มไปด้วยความเงียบงัน ทุกคนต่างตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น "ท่าน...ท่านเป็นใครกันคะ?" เมรี่รวบรวมความกล้าถามออกไป เสียงของเธอสั่นเล็กน้อย ชายคนนั้นหันมามองเมรี่ ใบหน้าของเขาครึ่งหนึ่งยังคงถูกบดบังด้วยหมวกปีกกว้าง แต่เมรี่เห็นแววตาที่คมกริบของเขาได้อย่างชัดเจน "ข้าแค่ทำในสิ่งที่จำเป็นต้องทำ" เขาตอบด้วยเสียงทุ้มต่ำ "พวกโจรเหล่านี้ไม่ควรจะได้รับโอกาสในการทำร้ายใครอีก" "แต่ท่าน...ท่านฆ่าพวกเขาเลยหรือคะ?" เมรี่ถามด้วยความรู้สึกผสมปนเประหว่างความกลัวและความสงสัย "บางครั้ง...ความจำเป็นก็เรียกร้องให้เราต้องกระทำในสิ่งที่โหดร้าย เพื่อปกป้องสิ่งที่มีค่ามากกว่า" ชายคนนั้นตอบอย่างเรียบเฉย เมรี่เงียบไป เธอไม่รู้จะพูดอะไรต่อ เธอรู้สึกได้ว่าชายคนนี้มีความลับมากมายซ่อนอยู่ และเขาก็ไม่ใช่คนที่จะเข้าถึงได้ง่ายๆ เมื่อสารถีรวบรวมสติได้ เขาก็รีบขับรถม้าออกไปจากที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว ผู้โดยสารคนอื่นๆ ต่างก็เงียบกริบ ไม่มีใครกล้าพูดอะไรอีกเลย เมรี่ใช้เวลาที่เหลือบนรถม้าจมอยู่กับความคิด เธอพยายามทำความเข้าใจสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น ชายคนนี้ไม่ใช่แค่ผู้โดยสารธรรมดา แต่เขาคือผู้ที่รู้และเข้าใจวิธีการจัดการกับสถานการณ์อันตรายได้อย่างเหนือความคาดหมายรุ่งอรุณของลอนดอนมาถึงช้าๆ แสงสีส้มอ่อนๆ สาดส่องผ่านผืนฟ้าที่ยังคงมืดมิด เมรี่ เฟรเดอริค และเอดิสันนั่งประชุมกันอยู่ที่โต๊ะกลางบ้านพักลับของเอดิสัน แผนการที่จะเผชิญหน้ากับ เซอร์เรจินัลด์ แบล็กวูด และ 'เงาแห่งลอนดอน' ถูกวาดขึ้นมาอย่างละเอียดรอบคอบ"เซอร์เรจินัลด์มักจะใช้เวลาช่วงเช้าที่บ้านพักส่วนตัวของเขาในย่านเมย์แฟร์ครับ" เอดิสันอธิบายขณะชี้ไปยังจุดหนึ่งบนแผนที่ลอนดอนที่กางอยู่บนโต๊ะ "ที่นั่นมีการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดมาก แต่ผมคิดว่าเราสามารถใช้จังหวะที่เขากำลังเดินทางไปทำงานเพื่อเข้าถึงตัวเขาได้"เฟรเดอริคพยักหน้า "เราต้องทำให้แน่ใจว่าเราจะมีหลักฐานเพียงพอที่จะมัดตัวเขาได้ เมรี่...เธอจำรายละเอียดเกี่ยวกับแก๊ส 'ควันสีม่วง' และ 'แก๊สควบคุมจิตใจ' ได้ดีแค่ไหน?"เมรี่หยิบสมุดบันทึกที่เธอแอบนำออกมาจากโกดังออกมา "ฉันจดรายละเอียดทั้งหมดไว้ค่ะ สูตรเคมี วิธีการผลิต และผลกระทบต่อมนุษย์""ดีมากครับ" เอดิสันกล่าว "นี่คือหลักฐานสำคัญที่เราจะใช้ในการเปิดโปงเขา""แล้วอเล็กซานเดอร์ล่ะคะ?" เมรี่ถามด้วยความเป็นห่วง "เราจะหาเขาเจอได้อย่างไร?"เอดิสันถอนหายใจ "ผมคิดว่าอเล็กซานเดอร์อาจจะถูกควบคุมตัวไ
เรือลำเล็กของเอดิสันแล่นตัดผิวน้ำที่มืดมิดของแม่น้ำเทมส์ เสียงเครื่องยนต์ดังกระทบกับความเงียบของยามค่ำคืนที่ปกคลุมลอนดอน เมรี่นั่งอยู่ข้างเฟรเดอริค พยายามสำรวจบาดแผลและร่องรอยการถูกทรมานบนร่างกายของพี่ชาย เฟรเดอริคซูบผอมลงไปมาก ดวงตาของเขาลึกโหล แต่ก็ยังคงฉายแววความมุ่งมั่นที่ไม่เคยจางหาย"พี่ไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ?" เมรี่กระซิบถาม น้ำเสียงของเธอสั่นเครือด้วยความเป็นห่วงเฟรเดอริคยิ้มจางๆ "ฉันไม่เป็นอะไรมากหรอกเมรี่ แค่เหนื่อยหน่อยเท่านั้น" เขาจับมือเมรี่เบาๆ "ไม่คิดเลยว่าเธอจะมาช่วยฉันถึงที่นี่""หนูจะไม่ทิ้งพี่ไว้แน่ค่ะ" เมรี่ตอบ "เราจะต้องหาอเล็กซานเดอร์ให้เจอ และเปิดโปงแผนการของ 'เงาแห่งลอนดอน' ให้ได้"เอดิสันซึ่งกำลังบังคับเรืออยู่ หันมามองพวกเขา "ผมคิดว่าเราปลอดภัยแล้วครับในตอนนี้ แต่เรายังวางใจไม่ได้ พวกนั้นจะตามล่าเราอย่างแน่นอน""คุณมีแผนจะไปไหนต่อคะคุณเอดิสัน?" เมรี่ถาม"ผมจะพาพวกคุณไปที่บ้านพักลับของผมครับ" เอดิสันตอบ "เป็นสถานที่ที่ปลอดภัย และไม่มีใครรู้จัก"เรือลำเล็กแล่นมาถึงท่าน้ำส่วนตัวแห่งหนึ่งที่ซ่อนตัวอยู่หลังพุ่มไม้หนาทึบ เอดิสันผูกเรือไว้กับเสา แล้วพาเมรี่และเฟรเดอริ
เมื่อลงมาถึงด้านล่าง พวกเขาก็พบกับทางเดินแคบๆ ที่ทอดไปสู่ห้องขังหลายห้อง เสียงไอค่อกแค่กและเสียงครวญครางดังแว่วมาจากห้องขังบางห้อง"เฟรเดอริคอยู่ที่ไหนกันนะ?" เมรี่พึมพำพวกเขาเดินสำรวจไปทีละห้อง จนกระทั่งมาถึงห้องขังห้องหนึ่งที่อยู่สุดทางเดิน เมรี่มองลอดลูกกรงเข้าไป และเห็นชายร่างผอมบางคนหนึ่งนอนซมอยู่บนพื้น ใบหน้าของเขาซูบผอมและซีดเซียว แต่เมรี่จำได้ทันที...นั่นคือเฟรเดอริค!"เฟรเดอริค!" เมรี่กระซิบเรียก เสียงของเธอสั่นเครือด้วยความดีใจและโล่งใจเฟรเดอริคเงยหน้าขึ้นมองเมรี่ ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจและไม่เชื่อ"เมรี่! เป็นเธอจริงๆ หรือนี่!" เฟรเดอริคถาม เสียงของเขาแหบพร่าและอ่อนแรง "เธอมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?""ฉันมาช่วยพี่ไงคะ!" เมรี่ตอบ น้ำตาคลอเบ้า "พี่ไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ?""ฉันไม่เป็นไร" เฟรเดอริคตอบ "แต่ฉันไม่คิดเลยว่าจะได้เจอเธอที่นี่" เขาเหลือบมองเอดิสัน "แล้วชายผู้นี้คือใคร?""เขาคือคุณเอดิสัน เกรย์สันค่ะพี่" เมรี่แนะนำ "เขาเป็นนักสืบ และเขาก็ช่วยหนูตามหาพี่ด้วยค่ะ"เอดิสันโค้งคำนับเล็กน้อย "ยินดีที่ได้รู้จักครับมิสเตอร์เฟรเดอริค""แล้วพวกเขากำลังจะทำอะไรกับพี่คะ
ลมหนาวพัดโชยมาปะทะใบหน้าของเมรี่ กลิ่นเค็มของน้ำทะเลและกลิ่นคาวปลาคละคลุ้งไปทั่วท่าเรือลอนดอน ในยามวิกาลเช่นนี้ ท่าเรือยังคงคึกคักไปด้วยแสงไฟจากเรือที่จอดเทียบท่าและเสียงเครื่องจักรที่ทำงาน เมรี่และเอดิสันยืนหลบอยู่ในมุมมืดของตรอกแคบๆ แห่งหนึ่ง สอดส่องสายตาไปยังโกดังเก่าที่ลอร์ดแอชตันบอกว่าเป็นที่คุมขังเฟรเดอริคโกดังหลังนั้นตั้งอยู่โดดเดี่ยวริมน้ำ ผนังอิฐสีเข้มดูเก่าแก่และทรุดโทรม หน้าต่างบางบานถูกปิดตายด้วยไม้กระดานผุๆ แต่บางบานก็เปิดแง้ม เผยให้เห็นแสงไฟสลัวๆ ที่ลอดออกมา เอดิสันก้มลงมองแผนที่ที่กางอยู่บนมือของเขา"ตามข้อมูลของลอร์ดแอชตัน โกดังแห่งนี้มีทางเข้าออกหลายทางครับ" เอดิสันกระซิบ "แต่ทางเข้าหลักถูกเฝ้าอย่างแน่นหนา เราจะต้องหาทางเข้าไปทางอื่น""แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเฟรเดอริคอยู่ที่ไหนในโกดังแห่งนี้คะ?" เมรี่ถาม ดวงตาของเธอกวาดมองไปรอบๆ อย่างระมัดระวัง"เราจะต้องเข้าไปข้างใน และหาเบาะแสครับ" เอดิสันตอบ "ผมเชื่อว่าเฟรเดอริคจะต้องทิ้งร่องรอยบางอย่างไว้ให้เราได้ติดตาม"เสียงฝีเท้าของชายสองคนดังใกล้เข้ามา เมรี่และเอดิสันรีบซ่อนตัวอยู่หลังลังไม้ขนาดใหญ่ ชายสองคนนั้นแต่งกายด้วยเ
ความลับในห้องทำงานจังหวะที่ลอร์ดแอชตันกำลังให้ความสนใจกับแขกคนอื่นๆ เอดิสันก็ฉวยโอกาสพาเมรี่เข้าไปในห้องทำงานของเขาได้อย่างแนบเนียน ห้องทำงานโอ่อ่าและเต็มไปด้วยหนังสือและเอกสารมากมาย มีกลิ่นหนังและกระดาษเก่าๆ คลุ้งอยู่ในอากาศ"เรามีเวลาน้อยมากครับมิสแบล็ควู้ด" เอดิสันกล่าว "เราต้องหาเอกสารที่เกี่ยวข้องกับ 'เงาแห่งลอนดอน' และข้อมูลเกี่ยวกับการหายตัวไปของมิสซิสอลิซาเบธให้ได้มากที่สุด"เมรี่พยักหน้า เธอเริ่มค้นหาเอกสารบนโต๊ะทำงาน ขณะที่เอดิสันกำลังค้นหาในตู้หนังสือและลิ้นชักต่างๆ"คุณเอดิสันคะ หนูเจออะไรบางอย่างค่ะ!" เมรี่กระซิบ เธอหยิบสมุดบันทึกเล่มหนึ่งขึ้นมา มันเป็นสมุดบันทึกส่วนตัวของลอร์ดแอชตัน"คุณเห็นอะไรบ้าง?" เอดิสันถาม"เขาเขียนบันทึกเกี่ยวกับการทดลองบางอย่างค่ะ" เมรี่ตอบ "มันเป็นสูตรเคมีที่ซับซ้อนมาก และมีคำว่า 'ควันสีม่วง' และ 'หายตัวไป' ปรากฏอยู่หลายครั้ง"เอดิสันเดินเข้ามาดูสมุดบันทึก เขาสังเกตเห็นว่ามีบางหน้าถูกฉีกออกไปอย่างระมัดระวัง"ดูเหมือนว่าลอร์ดแอชตันกำลังทำการทดลองอะไรบางอย่างที่ผิดกฎหมายนะครับ" เอดิสันกล่าว "และผมก็เชื่อว่ามันเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของภรรยาของเข
เสียงเพลงบรรเลงเบาๆ คลอเคล้าไปกับเสียงสนทนาของผู้คนในงานเลี้ยงที่คฤหาสน์แอชตันยังคงดำเนินต่อไปอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย เมรี่พยายามรักษากิริยาท่าทางที่สง่างาม แม้ภายในใจจะเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่จะไขปริศนาการหายตัวไปของมิสซิสอลิซาเบธ แบล็ควู้ด ภรรยาของลอร์ดแอชตัน เธอรู้สึกว่านี่คือเบาะแสสำคัญที่เชื่อมโยงไปถึงเฟรเดอริค และ 'เงาแห่งลอนดอน' ได้"คุณเอดิสันคะ ฉันจะหาข้อมูลเกี่ยวกับการหายตัวไปของมิสซิสอลิซาเบธได้จากที่ไหนคะ?" เมรี่กระซิบถามเอดิสันขณะที่พวกเขากำลังยืนอยู่ใกล้กับภาพวาดของมิสซิสอลิซาเบธเอดิสันมองไปรอบๆ ก่อนจะตอบด้วยเสียงแผ่วเบา "ดูเหมือนว่าเธอจะถูกกล่าวถึงน้อยมากในงานเลี้ยงนี้ครับ ไม่มีใครอยากพูดถึงเรื่องนี้เลย" เขาเหลือบมองไปที่ลอร์ดแอชตัน "ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจนัก หากเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับ 'เงาแห่งลอนดอน' จริงๆ""แล้วเราจะทำอย่างไรกันดีคะ?" เมรี่ถาม"เราจะต้องแยกกันสืบครับ มิสแบล็ควู้ด" เอดิสันกล่าว "ผมจะพยายามหาทางเข้าไปในห้องทำงานของลอร์ดแอชตัน ส่วนคุณ...ลองหาโอกาสพูดคุยกับคนรับใช้เก่าๆ ที่นี่ดูสิครับ พวกเขาอาจจะรู้เรื่องราวบางอย่างที่ไม่มีใครรู้"เมรี่พยักหน้า เธอเข้าใจดีถึ