ตอนที่ 3 พ่อคือทุกอย่างของเม็ดทราย
“อะ...อะไรนะ?” เม็ดทรายเผลอหลุดถามเสียงดังออกมาด้วยความตกใจ มือเรียวสวยกำแน่นพร้อมกับเปลือกตาที่ร้อนผ่าวคล้ายมีก้อนน้ำเอ่อคลอหน่วย
“ถ้าไม่ทำก็รีบไสหัวกลับไปซะ ฉันไม่มีเวลามานั่งคุยไร้สาระกับเด็กเมื่อวานซืนอย่างเธอหรอกนะ” แอลฟ่าเอ่ยพร้อมกับจะเดินออกจากห้องทำงาน
หมับ!!
“เดี๋ยวค่ะ” มือเล็กเอื้อมไปรั้งแขนแกร่งของชายแปลกหน้าเอาไว้ก่อนที่เธอถูกสายตาคมมองค้อนกลับ
ทำเอาเธอรีบชักมือกลับทันที
“คะ... คุณจะปล่อยพ่อฉันไปจริง ๆ ใช่ไหม?” เม็ดทรายเอ่ยถามออกไปเสียงสั่นเต็มไปด้วยความลังเลพลางเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น ตอนนี้เธอเพียงเป็นห่วงพ่อ เพราะหากท่านยังถูกขังเอาไว้แบบนั้น เธอจะต้องเสียท่านไปแน่ ๆ ซึ่งแน่นอนว่าเธอยอมให้เป็นแบบนั้นไม่ได้
รอยยิ้มร้ายผุดขึ้นบาง ๆ บนมุมปากหยัก นัยน์ตาสีเทาเข้มมีประกายวาบผ่าน
“แน่นอน คนอย่างฉันไม่ผิดคำพูด ถ้าเธอตกลงยอมใช้หนี้ทั้งหมดแทนพ่อของเธอ!” มือหนาจับปลายคางเม็ดทรายบังคับให้เธอเงยขึ้น
“ฮะ... เฮือก” เม็ดทรายสะดุ้งเล็กน้อย เนื้อตัวเกร็งสั่นด้วยความกลัว แต่ก็ไม่ได้ขยับหนีแต่อย่างใด
“ว่ายังไงล่ะ?” สายตาชายหนุ่มจดจ่ออยู่ที่ริมฝีปากอิ่มสวยตรงหน้า พลางลอบกลืนน้ำลายลงคอ พร้อมกับเอ่ยถามเธอเสียงเข้มอีกครั้ง
ของพ่อเธอ หลากหลายความรู้สึกในใจทำให้เธอรู้สึกลังเล
“ฉะ... ฉัน” ด้วยความกดดันภายในใจ เบ้าตาสีอ่อนกลับมาร้อนผ่าวอีกครั้ง น้ำสีใสเอ่อคลอรอบหน่วยก่อนจะไหลลงมาอาบแก้มเนียนขาวนั้น เม็ดทรายสูดลมหายใจเข้าลึกพลางหลับตาลงแน่นครั้งหนึ่ง ก่อนจะลืมตามองสบคนตรงหน้า
“ค่ะ... ฉันยอม ฉันจะทำเองค่ะ ฉันจะใช้หนี้แทนพ่อทั้งหมด” เม็ดทรายปล่อยน้ำตาออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ ตอบกลับแอลฟ่าด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
อย่างน้อย ๆ มันก็ทำให้พ่อยังได้อยู่กับเธอ มีเพียงพ่อคนเดียวเท่านั้นที่รักและดูแลเธอมาจนทุกวันนี้ พ่อเป็นทุกอย่างสำหรับเธอ และหากไม่มีพ่อแล้ว เธอเองก็ไม่รู้จะอยู่ไปทำไมเหมือนกัน
แอลฟ่ายกยิ้มอย่างพอใจเมื่อได้ยินคำตอบของเม็ดทราย ก่อนจะออกแรงผลักใบหน้าสวยให้ออกห่างเบา ๆ พาให้ร่างบางล้มพับลงไปนั่งกับพื้น เพราะขาไร้เรี่ยวแรงตั้งแต่ได้ยินข้อเสนอนั้นของแอลฟ่าแล้ว
แอลฟ่าหันไปพยักหน้าให้ลูกน้องที่ยืนอยู่ เพียงเท่านั้นชายในชุดสูทสีดำก็รู้ว่าเจ้านายต้องการอะไร เร่งค้อมตัวให้แอลฟ่าหนึ่งครั้งแล้วเดินออกไปจากห้อง ทำให้ตอนนี้ภายในห้องทำงานเหลือเพียงแค่เขากับเม็ดทรายอีกครั้ง
“ถ้าเสร็จธุระแล้วก็ออกไปซะ อย่ามานั่งบีบน้ำตาปั้นหน้าให้ดูน่าสงสารอยู่ในห้องของฉัน” หวังว่าเธอจะทำได้อย่างปากพูดนะ เพราะถ้าเธอผิดคำพูด ฉันจะส่งทั้งเธอและพ่อของเธอลงนรกไปด้วยกันแทน”
“...” เม็ดทรายเงยหน้ามองคนใจร้ายทั้งน้ำตา พยายามใช้มือเล็กปาดเช็ดน้ำตาที่ไหลไม่ขาดสายออก
“อ้อ แล้วอย่าลืมไปตรวจร่างกายและฝังยาคุมให้เรียบร้อยล่ะ อย่าให้ความโง่ของเธอมาสร้างปัญหาให้กับผับของฉัน อีกเจ็ดวันจะมีคนไปรับเธอที่บ้าน”
“...”
“ฉันขอเตือนเธอเอาไว้ก่อนนะ อย่าทำอะไรโง่ ๆ อย่างการคิดจะหนี เพราะเธอไม่มีวันหนีฉันพ้น” ร่างสูงพ่นควันบุหรี่ร้อนออกมา และย้ำเสียงหนักช่วงท้าย เพราะมันไม่ใช่การบอกกล่าวแต่เป็นคำเตือน
เพราะเห็นมานักต่อนัก การรับปากว่าจะทำอย่างนั้นอย่างนี้ มันก็เป็นแค่ลูกไม้ตื้น ๆ ที่พวกลูกหนี้คิดเอามาใช้ เพราะคิดว่าจะหนีเจ้าหนี้พ้น แน่นอนว่าแอลฟ่าเจอมาหมดทุกรูปแบบ
“ค่ะ ฉันไม่หนีแน่ ๆ” เม็ดทรายเอ่ยตอบสั้นๆ
ไม่นานก็มีลูกน้องอีกคนเดินเข้ามาภายในห้อง และเดินนำเม็ดทรายไปส่งที่ด้านหลังของร้าน ทันทีที่มาถึงก็ต้องเบิกตากว้างกับภาพตรงหน้า เมื่อเห็นลูกน้องสองคนหิ้วปีกผู้เป็นพ่อที่อยู่ในสภาพอ่อนแรงโยนไปกับพื้นหินหลังร้านไม่ออมแรง
“พะ...พ่อ!!!” เม็ดทรายรีบวิ่งเข้าไปพยุงตัวท่านในทันที “ทำไมพวกเขาถึงทำกับพ่อขนาดนี้ด้วย? ฮึก ทำไมพวกเขาไม่มีความเป็นมนุษย์เลย” เสียงสะอื้นไห้ของหญิงสาวดังขึ้นมาอีกครั้ง
“พ่อไม่เป็นไร เม็ดทราย... พ่อไม่เป็นไรลูก” อนันต์ยิ้มทั้งน้ำตาเมื่อได้มีโอกาสเห็นหน้าลูกสาวของตัวเองอีกครั้ง ตลอดหลายวันที่ผ่านมายังนึกรู้สึกผิดและเป็นห่วงเม็ดทรายไม่หาย เพราะรู้ว่าแอลฟ่าจะส่งคนไปทำอะไรกับเม็ดทรายบ้าง
เช้าวันต่อมา
ณ โรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่ง
“หมอเรียกแล้วค่ะพ่อ” เม็ดทรายรีบพยุงแขนพ่อเดินเข้าไปในห้องตรวจหมายเลขสิบเก้าตามที่เจ้าหน้าที่ประกาศแจ้งทันที ซึ่งเมื่อเปิดประตูเข้าไป ก็มีคุณหมอท่านหนึ่งนั่งรออยู่
คุณหมอกวาดสายตาอ่านแผ่นกระดาษรายงานการตรวจตรงหน้า ก่อนจะหันไปเปิดจอคอมเผยภาพที่ได้จากการเอกซเรย์ปอดและฉายแสงจากเครื่องรังสี
“จากที่เอกซเรย์ดูตอนนี้เชื้อมะเร็งลุกลามขึ้นจากก่อนหน้านี้เยอะมากเลยนะครับ” สีหน้าของเม็ดทรายเต็มไปด้วยความกังวล ริมฝีปากเม้มแน่นเพราะรู้สึกกลัว
“แล้วเรายังมีทางรักษาไหมคะหมอ” เม็ดทรายจับมือของพ่อแน่นในขณะเอ่ยถาม หัวใจเต้นรัวรอลุ้นคำตอบจากคุณหมอ
“ทางรักษายังมีอยู่ครับ หลังจากนี้คนไข้จะต้องเข้ารับคีโม เพื่อหยุดการเติบโตของเชื้อมะเร็ง และจะต้องแอดมิตอยู่ที่โรงพยาบาลจนกว่าอาการโดยรวมจะดีขึ้นครับ”
“ตกลงค่ะคุณหมอ” เม็ดทรายตอบกลับคุณหมออย่างไม่ลังเล
“แต่พ่อไม่รักษาหรอกเม็ดทราย ค่าใช้จ่ายต้องสูงเกินไป...เราไม่มีเงิน” อนันต์หันไปบอกลูกสาว ค่าใช้จ่ายในการรักษาแม้จะเป็นโรงพยาบาลรัฐก็ยังสูงอยู่ดี ไหนจะยังต้องหาเงินใช้หนี้อีก
“พ่อไม่เห็นต้องห่วงเรื่องนั้นเลย อย่าลืมสิเรามีประกันสังคมนะ พ่อต้องรักษาและอยู่กับเม็ดทรายไปนาน ๆ นะคะ นะคะพ่อ”
“ถ้าพ่อรักษาตัว แล้วใครจะไปทำงานหาเงินมาจ่ายหนี้ล่ะ ไหนจะค่าเทอมมหา’ ลัยของหนูอีก” อนันต์ส่ายหน้าให้กับลูกสาว และยังคงยืนกรานที่จะไม่รักษา
“คุณลุงรักษาเถอะครับ ถึงคุณลุงออกไปทำงานตอนนี้ก็ทำได้ไม่นานหรอก เพราะมะเร็งมันลุกลามไปเยอะแล้ว หมอว่ารักษาให้หายดีก่อน แล้วค่อยออกไปทำงานไม่ดีกว่าเหรอครับ” คุณหมอช่วยโน้มน้าวคนไข้ตรงหน้าอีกแรง แม้จะไม่ได้อยากรับรู้เรื่องราวในครอบครัวคนอื่น แต่ก็ไม่อาจปล่อยคนไข้ออกไปแบบนี้ได้ทั้งที่ยังมีทางรักษาอยู่
“ประกันสังคม หากเรารักษาตัวเขาจะมีเงินชดเชยที่เราไม่ได้ทำงานให้ส่วนหนึ่งด้วยนะครับ คุณลุงไม่ต้องกังวลนะครับ” เม็ดทรายคลี่ยิ้มหันไปขอบคุณคุณหมอซ้ำ ๆ
“แต่ลูกสาวของผม...” อนันต์หันมามองเม็ดทรายทั้งน้ำตา
ทั้งหมดมันเป็นเพราะความโลภและความคิดน้อยของเขา ก่อนหน้านี้เพราะเคยเข้าไปเล่นพนันบอลแล้วก็ชนะ ได้เงินมาก้อนหนึ่ง เงินก้อนนั้นมากพอที่จะส่งเสียเม็ดทรายจนเรียนจบมัธยม และยังมีเหลือมาซื้อบ้านหลังเล็ก ๆ อยู่ด้วยกัน
ตอนนั้นทุกอย่างดูดีไปหมด เมื่อเงินที่ได้มาเริ่มหมด อนันต์จึงคิดกลับเข้าไปเล่นใหม่อีกครั้ง เพราะคิดว่ายังไงเขาก็จะได้เงินมาใช้ ทว่าคราวนี้เขากลับไม่ได้โชคดีเหมือนคราวก่อน เสียครั้งหนึ่งแล้วก็คิดเข้าข้างตัวเองว่าอาจจะยังพอมีหวัง แทนที่จะหยุดอนันต์กลับไปขอกู้เงินมาลงเล่น และเริ่มกู้มากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะหวังว่าจะชนะพนัน เอาเงินที่ได้มาเป็นค่าเทอมเรียนต่อมหา’ ลัยให้กับลูกสาว
กว่าที่อนันต์จะรู้ตัวว่าเขาก้าวขาพลาดไปแล้ว ก็ตอนที่เขามีหนี้ก้อนโตจนต้องเอาบ้านไปจำนอง เอารถไปจำนำแลกเศษเงินมาใช้หนี้ไปวัน ๆ กระนั้นมันก็ยังไม่มากพอ
เม็ดทรายรู้เรื่องทั้งหมดก็ต้องมีหมายศาลมาแปะอยู่ที่หน้าบ้าน ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่เคยนึกโกรธพ่อเลย เพราะเธอรู้ดีว่า ทุกอย่างที่ท่านทำไปมันเป็นเพราะท่านกำลังทำเพื่ออนาคตของเธอ แม้ว่าทางที่ท่านเลือกเดินมันจะเป็นทางที่ผิด และเม็ดทรายก็คิดแค่ว่า การซ้ำเติมกันมันไม่ใช่ทางแก้ปัญหา
“พ่อ...รักษาตัวก่อนเถอะนะ เรื่องเรียนมหา’ ลัยหนูตั้งใจจะหยุดไว้ก่อนอยู่แล้ว ตอนนี้หนูอยากให้พ่อรักษาตัวให้หายก่อน ส่วนเรื่องหนี้ หนูคุยกับเจ้าหนี้แล้ว เขายอมให้เราทยอยผ่อนจ่ายเขาไปก่อนค่ะ เพราะงั้นพ่อไม่ต้องกังวลนะคะ หนูจะหางานทำ และทยอยจ่ายหนี้เขาเอง” เม็ดทรายกล่อมผู้เป็นพ่ออีกครั้ง
“คนอย่างเขาเนี่ยนะ...ที่ใจดียอมให้ลูกผ่อนจ่ายหนี้เขา” อนันต์ถามย้ำอีกครั้ง เขาไม่เชื่อที่เม็ดทรายพูดสักนิด ด้วยรู้ดีว่ามาเฟียอย่างแอลฟ่าโหดร้ายแค่ไหน และหากคนอย่างแอลฟ่ายอมให้ผ่อนจ่ายหนี้จริง ๆ เขาก็คงไม่อยู่ในสภาพที่เนื้อตัวมีแต่รอยฟกช้ำแบบนี้หรอก
ตอนที่ 30 วันที่รอคอยแอลฟ่าไม่ได้พูดอะไร ทันทีที่เธอโผล่เข้ากอด ร่างสูงก็ยกมือโอบกอดเธอไว้แนบกายในทันที เขาปล่อยให้เม็ดทรายร้องไห้จนพอใจ มือหนาค่อยๆ ยกขึ้นลูบผมของเธอเบาๆ ราวกับปลอบประโลมในวินาทีนั้น เม็ดทรายรู้สึกเหมือนมีใครสักคนอยู่เคียงข้างเธอ แม้เธอจะทั้งกลัว ทั้งโกรธ ทั้งเคืองเขาในหลายเรื่อง แต่ในตอนนี้คนที่อันตรายและใจร้ายที่สุดอย่างผู้ชายคนนี้นี่แหละ ที่เธออยากจะโผล่เข้ากอดและร้องไห้ ปล่อยความอ่อนแอออกมาทั้งหมดอย่างไม่อายอีกต่อไปแล้วแอลฟ่ายืนแน่นิ่ง ปล่อยให้ร่างเล็กในอ้อมแขนสะอื้นไห้จนตัวโยน มือของเขายกขึ้นช้า ๆ ลูบไล้ลงบนแผ่นหลังของเธอเบา ๆ ร่างบางสั่นสะท้านราวกับไม่อาจแบกรับความเจ็บปวดไว้ได้อีกแล้ว“ฉันได้คุยกับพ่อแค่ไม่กี่คำเอง...อะ...ฉันเพิ่งกอดเขาเองอะ” เม็ดทรายพึมพำทั้งน้ำตา ซุกใบหน้ากับแผงอกแกร่งของเขา ความร้อนจากร่างกายของเขาทำให้เธอรู้สึกอุ่นขึ้น แม้จะรู้ดีว่าผู้ชายคนนี้คือคนที่ทำร้ายเธอมาโดยตลอด แต่ในตอนนี้ เขากลับเป็นที่พึ่งสุดท้ายที่เธอมีแอลฟ่ายกมือขึ้นลูบผมของเธอช้า ๆ ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ปล่อยให้เธอปลดปล่อยความเสียใจออกมาเต็มที่ ดวงตาคมมองไปข้างหน้าอย่างว่าง
ตอนที่ 29 อ้อมกอดซาตานไม่มีคำปลอบโยนใดในวินาทีนั้นจะช่วยบรรเทาความปวดร้าวในใจเม็ดทรายได้ เธอผูกพันกับพ่อมากเพียงใด ตั้งแต่จำความได้เธอก็มีแค่พ่อ พ่อเคยบอกว่าที่เธอสวยและมีหน้าคล้ายลูกครึ่งแบบนี้ เป็นเพราะแท้จริงแล้ว แม่ของเธอเป็นสาวรัสเซียที่ทำงานในบาร์แห่งหนึ่ง และเคยคบกับพ่อในช่วงเวลาสั้น ๆ ก่อนจะคลอดเธอทิ้งไว้และหนีไปโดยตามหาตัวไม่เจออีกเลยนับจากนั้น ซึ่งพ่อก็ไม่คิดจะทิ้งเธอ แม้ว่าเธอจะไม่ได้เกิดจากความรัก แต่พ่อก็อดทนเลี้ยงดูเธอมาอย่างสุดความสามารถ ของผู้ชายที่เสเพลคนหนึ่ง ที่พยายามจะปรับเปลี่ยนทุกอย่างเพื่อลูกสาว แต่ก็ไม่ได้มากพอที่จะเป็นพ่อที่ดีที่สุดได้แต่เขาก็ภูมิใจที่เลี้ยงเม็ดทรายมาได้จนถึงวันที่เม็ดทราย พึ่งพาตัวเองได้แล้วแบบทุกวันนี้“หนูรักพ่อนะ...หวังว่าพ่อจะรับรู้ได้” เม็ดทรายร้องไห้และพึมพำเบา ๆ ...เสียงสะอื้นของเม็ดทรายดังก้องอยู่ในห้องโถงผู้ป่วย แม้จะมีผู้คนเดินผ่านไปมา แต่ราวกับโลกทั้งใบหยุดนิ่ง เธอรู้สึกเหมือนหัวใจแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ ไม่มีคำใดจะบรรยายความเจ็บปวดที่เธอรู้สึกได้และทันใดนั้น เสียงฝีเท้าหนักแน่นก็ดังขึ้นใกล้ๆ เม็ดทรายเงยหน้าขึ้นมอง ทั้งน้ำตาพร่าม
ตอนที่ 28 การสูญเสียบนเครื่องบินส่วนตัวเสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มอีกครั้งเมื่อนักบินเร่งเครื่องขึ้นสู่ท้องฟ้า เม็ดทรายนั่งกอดกระเป๋าใบเล็กที่มีของใช้เล็กน้อย พวกยาแก้แพ้ท้อง ยาดมต่าง ๆ สายตาคู่นั้นเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง เบื้องล่างคือท้องทะเลงดงามที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นจุดเริ่มต้นชีวิตนางบำเรอของเธอ ทว่าเวลานี้มันกลับเป็นเพียงฉากหลังที่เหมือนตอกย้ำว่าชีวิตเธอไม่สามารถคาดหวังอิสรภาพได้ง่าย ๆ “วันนี้ฉันต้องไปคุยงาน...ส่วนเธอถ้าเยี่ยมพ่อเสร็จแล้วก็รอที่นั้น เสร็จงานแล้วฉันถึงจะมารับเอง” เขาเอ่ยขึ้นสั้น ๆ พอเครื่องแตะรันเวย์สนามบินดอนเมืองก็มีรถยนต์คันดำสุดหรูมาจอดรอรับ ทั้งสองแยกขึ้นคนละคัน โดยเขาก็ไม่ลืมที่จะสั่งการให้ลูกน้องสองคนพาเม็ดทรายไปส่งที่โรงพยาบาลและจับตาดูเธอแบบไม่คาดสายตา เพราะ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ไปด้วยแต่เธอก็ไม่มีสิทธิ์หนีหรือมีอิสระอะไรอยู่ดีโรงพยาบาลรัฐบาลแห่งหนึ่งเธอกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามทางเดินที่คุ้นเคยไปยังห้องพักฟื้นผู้ป่วยระยะสุดท้าย เสียงฝีเท้าเร่งเร้าของเธออาจไม่ดังมากนัก แต่กลับรู้สึกว่ามันสะท้อนกึกก้องในอก วินาทีแรกที่เธอเห็นพ่อของตัวเอง เธอแทบจะจำเขาไม่ได้เล
ตอนที่ 27 ท้องไม่รู้ตัวสามวันผ่านไปขณะที่เม็ดทรายกำลังนอนหลับอยู่บนเตียง อาการไข้ของเธอทุเลาเบาลงเยอะ และเธอยังต้องทานยาบำรุงมากมายที่ทางหมอและพยาบาลจัดเตรียมาให้ หลังจากที่เม็ดทรายรู้ว่าตัวเองกำลังท้องขึ้นมาจริง ๆ เธอก็ยิ่งรู้สึกหวาดกลัวแอลฟ่ามากขึ้นทุกที แต่ตั้งแต่ที่เธอตื่นขึ้นมาในโรงพยาบาลนี้ เธอก็ไม่เห็นหน้าของเขาอีกเลยเช่นกัน“คุณตื่นแล้วเหรอคะ พอดีเลยคุณหมออนุญาตให้คุณออกจากโรงพยาบาลได้วันนี้” พยาบาลสาวเข้ามาประคองเม็ดทรายเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำ ก่อนจะพาเธอกลับมานั่งบนวีลแชร์ และเข็นเธอออกจากห้องพักเพื่อนำไปส่งที่รถตู้สีดำที่จอดรออยู่ตรงหน้า“ฉันจะต้องไปที่ไหนคะ” เม็ดทรายหันไปถาม เพราะจนถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่เข้าใจสถานการณ์ที่กำลังเผชิญเท่าไรนัก“กลับบ้านไงคะ... สามีของคุณ ให้คนรถขับมารอแล้ว” เม็ดทรายได้ยินก็นิ่งคิดชั่วครู่ เธอไม่กล้าที่จะขึ้นไปบนรถ เพราะกลัวว่าแอลฟ่าจะพาเธอไปทำร้ายมากกว่า “เออ...ฉันไม่ไปได้ไหม?” เม็ดทรายทำท่าจะเดินหันหลังกลับ แต่พอหันกลับไปทางคุณพยาบาลก็เดินหายไปแล้ว เหลือแค่เพียงลูกน้องของแอลฟ่าเพียงเท่านั้น“ไม่ได้ครับ...นายรออยู่” เขาเดินมาดักหน้า
ตอนที่ 26 จมลงทะเลริมชายหาดผ่านไปไม่กี่นาทีลูกน้องสองคนก็ล็อกแขนหิ้วปีกเจย์ อดีตลูกน้องคนสนิท ที่มาในสภาพถูกบอบช้ำอย่างหนักหน่วง ฟุ่บ!! ทันทีที่เจย์เห็นแอลฟ่าเขารีบคลานเข้าไปหาเขาในทันที“มึงบอกว่ามึงไม่ได้ทำ แล้วใครเป็นคนตัดสายกล้องวงจรปิดในบ้าน ใครเป็นคนลบข้อมูลทั้งหมดออกไป...ใคร?? ถ้าไม่ใช่มึง?” แอลฟ่ากำหมัดแน่นและถามอย่างพยายามใจเย็นมากที่สุด“ผมไม่รู้นาย...ผม” เจย์ส่ายหน้าอย่างไม่รู้มาก่อนจริง ๆ เพราะในบ้านหลังนี้มีเขาเป็นคนดูแลที่สูงสุดรองจากแอลฟ่า ผัวะ แอลฟ่าสะบัดเจย์ออก ก่อนจะเดินเข้าไปกระชากคอเสื้อแล้วต่อยหนัก ๆ จนเจย์ล้มลงบริเวณมุมปากที่มีรอยช้ำเดิมอยู่แล้วก็แตกอีกครั้งจนมีเลือดสีสดซิบออกอีกครั้ง“มึงไม่ยอมรับเรื่องกล้อง...ก็ไม่เป็นไร” แอลฟ่าหยิบมีดเล่มสั้นที่เขาเคยให้เจย์ไว้เป็นของขวัญขึ้นมาจ่อที่ใบหน้าของเขา“งั้นกูจะถามมึงอีกครั้งว่า… มึงแอบทำแบบนี้กับคนของกูกี่ครั้งแล้ว?” น้ำเสียงหนาเอ่ยถามแบบหน้าตาย “นาย...ผมสาบานได้ ผมไม่เคยล่วงเกินเม็ดทรายเลย...ผมไม่เคยทำอะไรเธอเลยจริง ๆ นาย” เจย์เอ่ยเช่นเดิมซ้ำ ๆ นั่นกลับทำให้แอลฟ่ายิ่งโกรธ มือสากกระชากคอเสื้อเจย์ลากลงไปในทะเ
ตอนที่ 25 บทลงโทษของคนทรยศเสียงคลื่นทะเลยามบ่ายสาดกระทบชายฝั่งขึ้นระลอกแล้วระลอกเล่า น้ำทะเลวันนี้ขึ้นสูงกว่าปกติ ลมทะเลเองก็พัดแรงขึ้นราวกับกำลังมีพายุลูกใหญ่สายลมเย็นแรง ๆ พัดกระทบใบหน้าสวยปลุกให้คนที่กำลังหลับรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในทันที ก่อนที่คลื่นลูกใหญ่จะซัดปะทะเข้าร่างบางจนแผ่นหลังสวยของเธอพาดไปกับขอนไม้ใหญ่ที่รั้งอยู่“อื้อ...อื้อ...พอ...พอแล้ว หนูเจ็บ...อื้อ” หญิงสาวค่อย ๆ ลืมตาสู้แสงแดดจ้าอย่างช้า ๆ กระทั่งเมื่อภาพทุกอย่างตรงหน้าเริ่มชัดเจนมากขึ้น เธอถึงได้รู้ว่าตอนนี้ตัวเธอกำลังถูกมัดอยู่กับเสาไม้ต้นใหญ่ที่ปกติใช้ผูกเรือตกปลาเล็ก ๆ แต่ตอนนี้กลับใช้มันล่ามตัวของเธอเอาไว้แทน“นี่มันอะไรกัน...ทำไมถึงอยู่ตรงนี้ได้…อื้อ” เม็ดทรายเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนล้าเต็มทน เชือกหนาผูกมัดรอบกายของเธอและเมื่อเธอกวาดสายตาหันมองรอบ ๆ หญิงสาวก็แทบจะเป็นลมไปอีกครั้ง เพราะเธอถูกจับมามัดที่กลางทะเลจริง ๆ และระดับน้ำมันก็เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ “ชะช่วย...ด้วย...ช่วยด้วย” เม็ดทรายพยายามเปล่งเสียงที่แผ่วเบาออกไป สายตาของเธอมันแทบมองไม่เห็นอะไรเลยเพราะแดดที่ร้อนจ้าและคลื่นที่ซัดเข้าใบหน้าของเธอแทบไม่ได้ห