“ผมพูดความจริงต่างหาก หรือคุณจะปฏิเสธว่าเวลาคุณจะถึงคุณไม่ครางแบบนี้”
“หยุดพูดเดี๋ยวนี้นะ ถ้าไม่หยุดนัสจะ...จะ...” จู่ๆ นัสรินก็คิดไม่ออกขึ้นมาดื้อๆ ว่าจะขู่อะไรดี ปราณต์ถึงจะกลัว
“จะอะไร” คิ้วเข้มเลิกขึ้นและยิ้มยวนอย่างท้าทาย นั่นยิ่งทำให้คนที่เป็นฝ่ายถูกต้อนเจ็บใจมากกว่าเดิม จึงคว้ามีดที่อยู่ใกล้ๆ แล้วยกขึ้น
“นัสจะแทงคุณด้วยมีดนี่” นัสรินหวังว่าความแหลมคมของมีดจะทำให้ปราณต์กลัวและเลิกตอแยกับเธอ แต่เปล่าเลยเขายังคงยืนนิ่งและท้าทายให้เธอลงมือจริงๆ
“ก็เอาสินัสริน อยากแทงตรงไหนบนตัวผมก็แทงเลย จะแทงที่คอ ที่หัวใจ หรือจะที่ท้องก็ได้นะ ผมขออย่างเดียวอย่าแทงข้างหลังผมอีก”
“คุณอย่านึกว่านัสไม่กล้านะ” ปากขู่ฟ่อ แต่มือสั่นเทา ขอบตาก็เริ่มร้อนผ่าวเมื่อปราณต์ยืนรอราวกับไม่อนาทรต่อความเจ็บปวดที่เธอจะมอบให้แม้แต่นิด
“ก็ไม่คิดว่าจะไม่กล้า ผมแค่บอกให้คุณแทงตามสบาย แทงได้ทุกที่ ยกเว้นข้างหลังผม”
คำพูดอันตอกย้ำว่าเขาไม่อยากถูกแทงข้างหลังอีก บวกกับท่าทีที่ยืนนิ่งไม่ไหวติงของร่างสูงซึ่งอยู่ตรงหน้า ทำให้นัสรินเป็นฝ่ายยอมแพ้เสียเอง เธอวางมีดในมือลงที่เดิม พร้อมกับร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมาจนตัวโยน
“ร้องไห้ทำไม ทำไมไม่แทงผมล่ะ ไม่อยากให้ผมตายหรือไง” เขาถามเสียงอ่อนโยนพร้อมกับเอื้อมมากระชับหัวไหล่และเชยคางขึ้นเพื่อให้ตาที่เปื้อนไปด้วยหยดน้ำตานั้นสบประสานกับเขา โดยไม่รู้หรอกว่าคำพูดและกิริยานั้นยิ่งกรีดหัวใจคนฟังมากแค่ไหน
“นัสไม่ใช่คนใจร้ายที่จะทำร้ายใครได้ลงคอ แม้ว่าคนคนนั้นจะร้ายกาจกับนัสและเป็นคนที่นัสเกลียดมากแค่ไหนก็ตาม”
“เกลียดผมขนาดนั้นเลยเหรอ”
“เกลียดค่ะ…เกลียดมากด้วย...คุณใจร้ายกับนัสแค่ไหนไม่รู้ตัวหรือไง” เสียงนั้นผาดแผ่วไม่ได้หนักแน่นพอจะย้ำให้คำพูดของตัวเองน่าเชื่อถือสักนิด
“ผมก็เกลียดตัวเองเหมือนกัน ที่เวลาอยู่ใกล้ๆ คุณแล้วอดรังแกไม่ได้”
วาจานั้นแม้จะเคร่งขรึมแต่ก็นุ่มนวล จนนัสรินต้องมองเขาอย่างค้นคว้า แต่ปราณต์กลับโน้มหน้าลงมาหา แตะจมูกและปากลงพวงแก้มที่เปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตา จูบซับรอยเปื้อนนั้นออกให้อย่างอ่อนโยนทั้งซ้ายและขวา อ่อนโยนเสียจนเธอพูดอะไรไม่ออก พลางเผลอหลับตาและอยากคิดว่านี่มันเป็นเพียงแค่ความฝัน
แต่ไม่นานนัสรินก็รู้ว่าตอนนี้เธอไม่ได้อยู่ในห้วงของความฝัน แต่อยู่ในโลกของความเป็นจริง เมื่อริมฝีปากหยักเคลื่อนมาทาบลงเรียวปากของเธอ บดเบียดคลึงเคล้นอย่างเร่าร้อนหลอกล่อให้เธอเผยอปากเปิดทางให้เขาแทรกลิ้นหนาผ่านไรฟันเข้ามา เกาะเกี่ยวโลมไล้ลิ้นอ่อนนุ่มของเธอ พร้อมกับความหวานละมุนก่อนหน้านี้ที่ถูกโยนทิ้งไป แปรเปลี่ยนเป็นวาบหวามซ่านสยิวไหลท่วมท้นเข้ามาในกาย รสจุมพิตของปราณต์ในยามนี้บ่งบอกชัดว่าเขาอยู่ในอารมณ์ไหน เขาจูบราวกับไม่เคยจูบ เขาจูบราวกับคนหิวโหยทั้งๆ ที่เขาเพิ่งจะล่อลวงรสจุมพิตและความปรารถนาของเธอไปครอบครองได้สำเร็จเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้เอง
หากกระนั้นนัสรินก็ยังรู้สึกว่าตัวเองช่างอ่อนปวกเปียกและต้องการเขามากมายเหลือเกิน เพียงแค่ถูกจูบเธอเองก็เร่าร้อนเป็นไฟไม่แพ้กัน ลิ้นนุ่มยื่นไปให้เขาจูบไล้อย่างเต็มอารมณ์ เสียงครางหลุดออกมาแผ่วๆ ฟังดูสุขสมจนน่าละอาย กระทั่งส่วนลึกในใจต้องตะโกนร้องเตือนตัวเองว่า จะใจง่ายไปถึงไหน แค่ถูกเขาบังคับให้มาเป็นเครื่องระบายความแค้นของเขามันก็น่าสมเพชมากพอแล้ว อย่าทำตัวให้น่าสมเพชมากกว่าเดิม โดยการตกเป็นทาสอารมณ์ปรารถนาของตัวเองที่มีต่อผู้ชายคนนี้อีกเลย
มโนสำนึกนั้นทำให้มือเล็กยกขึ้นผลักไหล่หนา และเบี่ยงริมฝีปากออกจากการจุมพิตอันดูดดื่มอย่างยากลำบาก เพราะทั้งต้องต้านทานต่อความวาบหวามของตัวเอง และต้านทานการรุกเร้าอย่างไม่ขาดช่วงของปราณต์ แต่ก็ทำสำเร็จในที่สุด เขาขยับปากตามคล้ายกับว่าจูบแค่นั้นเขายังไม่พอใจ นัสรินจึงต้องรีบพูดขึ้นเสียงหอบๆ
“พอเถอะค่ะ เดี๋ยวมีคนเข้ามาเห็น”
“แล้วยังไง” เสียงทุ้มกระซิบถามคล้ายกับไม่เดือดร้อนใจสักนิดกับการที่ใครสักคนหรือหลายคนจะเข้ามาเห็นว่าเขากับนัสรินกำลังทำอะไรกันอยู่
“ไม่มีใครเขาทำอะไรแบบนี้ในครัวกันหรอกค่ะ”
“น้อยไปสิไม่ว่า ถ้าไม่เคยเห็นขึ้นไปบนห้องด้วยกันจะเปิดให้ดู”
“นัสไม่ได้โรคจิตที่จะชอบดูคลิปแบบนั้นเหมือนหมอหรอกค่ะ”
“ถ้าคนที่ดูคลิปแบบนี้เป็นโรคจิต ผู้ชายและผู้หญิงอีกครึ่งค่อนโลกก็คงโรคจิตกันหมดละมั้ง คนเราทุกคนล้วนมีต่อมหื่นอยู่ในตัว”
“แต่ไม่ใช่นัสค่ะ นัสไม่ได้หื่น”
“นั่นสินะ ถึงว่าอดได้มาเป็นปีๆ ก็นับว่าเก่ง แล้วเวลาอยากขึ้นมาทำยังไง ช่วยตัวเองเหรอ”
“คุณปราณต์! นัสไม่ใช่คนมักมากแบบผู้ชายบางคนหรอกค่ะ” เธอว่าประชดและมองคนเคยสุภาพที่บัดนี้กลายเป็นคนปากร้ายอย่างเคืองขุ่น
“หมายถึงผมสินะ”
“นัสไม่ได้ระบุค่ะ ใครอยากรับก็รับ”
“ตลอดเวลาที่เราหย่ากันคุณเคยคิดถึงผมบ้างหรือเปล่า”
เขาถามในสิ่งที่นัสรินอึ้งไปชั่วขณะ...คิดถึงสิ คิดถึงอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน แต่ก็พยายามจะตัดใจให้ลืม เพราะรู้ว่าชาตินี้เธอคงไม่มีทางได้สมหวังหรือได้รับแม้แต่เศษเสี้ยวความรักจากเขา
“ไม่เคยค่ะ” ใจคิดอีกอย่าง แต่ปากพูดไปอีกอย่าง
“ตรงข้ามกับผมนะ ผมกลับคิดถึง…คิดถึงเรื่องคืนนั้นของเราอยู่ตลอดเวลา”
นัสรินเกือบจะหัวใจพองโตแล้วเมื่อได้ยินเขาบอกว่าคิดถึง แต่คำพูดต่อมาทำให้เธอรู้ว่าตัวเองก็มีความหมายกับเขาแค่เรื่องบนเตียงเท่านั้น อย่างอื่นคงไม่มีดีอะไรให้คิดถึงสักนิด นอกจากความเกลียดชังที่มอบให้มาตลอดตั้งแต่วันแต่งงาน
“ออกไปให้พ้นหน้านัสเสียทีเถอะค่ะ อย่ามายืนเกะกะรังแกนัสแบบนี้ นัสไม่มีสมาธิทำอาหารหรอก”
“ถ้างั้นไปนั่งรอ ผมจะทำให้กินเอง มือเจ็บอยู่ไม่ใช่เหรอ” เขาบอกด้วยน้ำเสียงห่างเหินและออกคำสั่งอยู่ในที ราวกับไม่ใช่คนที่พูดจาออดอ้อนยั่วเย้าเมื่อครู่นี้ จากนั้นก็เดินไปหยิบพลาสเตอร์ยามาปิดแผลให้
บทที่ 37นัสรินคร้านจะมีเรื่องด้วยจึงไปนั่งรอที่โต๊ะหินอ่อน มองดูปราณต์หยิบนั่นหยิบนี่ใส่กระทะอยู่เงียบๆ ตอนนี้ในห้องครัวไม่มีเสียงใดๆ นอกจากเสียงการเคลื่อนไหวของเขา และเสียงตะหลิวที่เคาะกับกระทะเป็นระยะไม่นานข้าวผัดอเมริกันหน้าตาน่ากินสองจานก็ถูกนำมาวางที่โต๊ะ จากนั้นทั้งเขาและเธอต่างก็นั่งกินเงียบๆ หากแต่หญิงสาวแทบจะกลืนข้าวไม่ลง เพราะมีสายตาคมๆ นั้นจดจ้องมองอยู่ตลอดเวลา เมื่ออิ่มนัสรินก็ทำหน้าที่เก็บจานไปล้างอย่างอ้อยอิ่ง พลางคิดว่าหลังจากนี้จะหลบเลี่ยงปราณต์ยังไง เธออยากมีเวลาอยู่กับตัวเองก่อน ไม่ใช่อยู่ในสายตาของเขาทุกย่างก้าวแบบนี้ แต่ปราณต์ก็ไม่ให้เวลาเธอคิด เมื่อเธอล้างจานไม่เสร็จเสียที เขาก็เป็นฝ่ายดึงจานจากมือเล็ก จัดการล้างเสียเองและเสร็จภายในไม่กี่พริบตา จากนั้นเขาก็หันหน้ามาเผชิญกับคนที่ยืนมองอยู่ข้างๆ พร้อมกับจับข้อมือของเธอเอาไว้มั่น“คราวนี้ก็ไม่มีอะไรแล้ว เราขึ้นห้องกันเถอะ”ขึ้นห้อง...เขาคงไม่พาขึ้นไปเฉยๆ หรอกกระมัง ในเมื่อเขาประกาศความต้องการของตัวเองออกจะชัด ว่าเขาพาเธอมาที่นี่ทำไม“คุณขึ้นไปก่อนเถอะค่ะ นัสขอเดินย่อยอาหารสักพัก” นั่นเป็นข้ออ้างเดียวที่เธอคิดออกในเ
บทที่ 38ขณะที่นัสรินกำลังขุ่นเคืองคนพูด ร่างสูงก็ขยับมายืนซ้อนหลัง ทำเอานัสรินตัวแข็งทื่อกลัวว่าปราณต์จะมาทำอะไรอย่างที่ตัวเองนึกหวาดหวั่น ไม่ใช่ว่าเธอจะรังเกียจหรือไม่ไยดีต่อไฟปรารถนาของเขา ตรงกันข้ามเธอกลับโหยหามันอยู่ตลอดเวลา เพียงแต่เธอรู้สึกแย่กับตัวเองที่ร่างกายนี้เป็นที่ปรารถนาของเขา หากแต่หัวใจของเธอเขากลับไม่คิดแม้แต่จะเหลียวแล“เมื่อไหร่จะเลิกประวิงเวลา ไหนว่าอาบน้ำเสร็จจะไปนอนรอบนเตียง” เขาทวงถามถึงคำพูดที่เธอพูดใส่หน้าเขาก่อนจะเข้าไปอาบน้ำ“ผมนัสยังไม่แห้งนี่คะ จะให้ไปนอน หมอนคุณก็เปียกแย่” เสียงหวานตอบพลางใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กเช็ดมือราวกับไม่สนใจคำพูดของเขา ทั้งๆ ที่ตอนนี้หัวใจเต้นแรงโลดไปหมด“หมอนเปียก ผมไม่ซีเรียสหรอก แต่ผมจะซีเรียสถ้าหากว่าส่วนอื่นของคุณ ‘เปียก’ โดยที่ผมไม่ได้เป็นคนทำ”คำพูดของเขาทำให้ร่างบางที่นั่งตัวแข็งทื่ออยู่ตอนแรกลุกพรวดพราดขึ้นจากเก้าอี้ และหันหน้าไปเผชิญกับคนชอบหาเรื่องและพูดจาสองแง่สองง่ามด้วยสายตาเคืองขุ่น“หมอลามก! นัสไม่เคยเป็นแบบนั้น”“งั้นก็แสดงว่า ‘เปียก’ เฉพาะกับผมน่ะสิ” คิ้วเข้มเลิกขึ้นอย่างยียวนแววตาก็ไหวระริกอย่างคนที่กำลังขำแต่หน้ากลั
บทที่ 39“หิวหรือเปล่า อยากกินอะไรมั้ย” ปราณต์หันมาถามหลังออกจากร้านเสื้อผ้าแล้ว“ไม่ค่ะ” นัสรินตอบสั้นๆ ไม่อยากพูดอะไรกับเขาในตอนนี้“ถ้าอย่างนั้นก็กลับ”มือข้างหนึ่งตวัดมากระชับมือของเธอแล้วจูงให้เดินตาม อีกมือถือถุงเสื้อผ้าที่เขาบอกพนักงานขายให้รวมใส่ถุงแค่สามถุงเพื่อจะได้ไม่พะรุงพะรัง แล้วเดินเคียงคู่กันออกไปยังรถ ทำให้นัสรินอดคิดไม่ได้ ตอนนี้ท่าทางที่เขากำลังปฏิบัติกับเธอคงทำให้คนมองเข้าใจว่า เธอกับเขาเป็นคู่รักหรือสามีภรรยาที่มาเดินเที่ยวห้างซื้อของด้วยกันในวันหยุด มีแต่เธอเท่านั้นที่รู้ดีว่ามันไม่ใช่ทั้งสองอย่าง ตอนนี้เธอเป็นเมียเก็บและนางบำเรอของเขาเต็มตัวแล้วนัสรินแปลกใจอย่างมากเมื่อเห็นว่าปราณต์ไม่ได้ขับรถกลับบ้านของเขาอย่างที่เธอคิด แต่เบนจุดหมายไปทางอื่นเหมือนกับว่าเขามีธุระจะทำต่อ ทั้งๆ ที่ก่อนออกจากห้างเขาบอกเธอว่าจะพากลับตาคู่สวยมองถนนเส้นนั้นอย่างคุ้นเคย เพราะมันเป็นถนนที่ไปยังบ้านของเธอ และเมื่อปราณต์ขับรถมาจอดที่หน้าบ้านของเธอจริงๆ เธอก็หันไปมองเขาอย่างหวาดหวั่น“คุณพานัสมาที่นี่ทำไมคะ” นัสรินรีบถามอย่างร้อนใจ กลัวว่าเขาจะทำอะไรห่ามๆ ให้เธอได้อับอายขายหน้าพ่อแม่อีก
บทที่ 40ทันทีที่กลับมาทำงานเชียงใหม่ในเช้าวันจันทร์ นัสรินก็ได้รับโทรศัพท์จากกิตติ บอกว่าทางโรงพยาบาลจะจัดงานเลี้ยงราตรีสโมสรเพื่อระดมทุนซื้อเครื่องมือแพทย์ บริษัทของเธอในฐานะซัพพลายเออร์จึงต้องไปร่วมงานดังกล่าวและนำทุนส่วนหนึ่งไปมอบให้เพื่อแสดงไมตรีจิต และนัสรินก็ถูกมอบหมายจากกิตติให้ไปร่วมงานดังกล่าวนัสรินรับปากแต่ก็คิดหนัก เพราะคาดว่าต้องเจอปราณต์ในงานนั้นแน่ๆ แต่อีกใจก็ปลอบตัวเองว่า คนในงานน่าจะเยอะอยู่พอสมควร หากเธอหลบเลี่ยงดีๆ ก็คงหนีสายตาของปราณต์พ้น ดังนั้นตอนนี้จึงเหลือเพียงเรื่องเดียวที่ยังเป็นปัญหาก็คือเรื่องชุดที่จะใส่ไปร่วมงาน เธอไม่ได้เตรียมชุดเพื่อจะออกงานกลางคืนมาด้วย เพราะไม่คิดว่าจะต้องได้ไป ดังนั้นหลังจากเคลียร์งานที่โต๊ะเสร็จ นัสรินจึงขับรถไปยังห้างสรรพสินค้าชื่อดังในเชียงใหม่ เพื่อหาชุดราคาจับต้องได้สักชุดสำหรับใส่ไปร่วมงานร่างบางเดินแค่มองสำรวจ ยังไม่ได้แวะร้านไหน เพราะอยากดูโดยรวมก่อน เดินดูชุดร้านนั้นร้านนี้ผ่านกระจกหน้าร้านไปเรื่อยๆ ก็คิดถึงเสื้อผ้าที่ปราณต์พาไปซื้อ ชุดที่เขาซื้อให้มีแต่ชุดแพงๆ วันนั้นเขาหมดไปหลายหมื่นเหมือนกัน ทว่าเธอก็ทิ้งชุดพวกนั้นไว้ในร
บทที่ 41“จะไปงานอะไรคะแม่เลี้ยง”“หนูนัสจะไปงานเลี้ยงราตรีสโมสรของโรงพยาบาล น่าจะจัดที่หอประชุมจังหวัดนั่นแหละ แต่ฉันอยากให้ลูกสะใภ้ของฉันสวยและเด่นที่สุดในงาน คุณวรรณจัดให้ได้ไหม”“ไม่มีปัญหาค่ะแม่เลี้ยง เชิญวัดตัวค่ะคุณนัส”“คุณแม่คะ...” นัสรินกำลังจะเอ่ยแย้งเมื่อได้ยินเช่นนั้น แต่แม่เลี้ยงลักษิกาไม่เปิดโอกาสให้ปฏิเสธใดๆ“แม่เองก็ถูกเชิญให้ไปงานนี้เหมือนกัน กำลังคิดอยู่ว่าจะให้ใครไปแทน เห็นหนูนัสว่าจะไปแม่ก็เลยคิดออก ถือว่าแม่ขอร้องก็แล้วกันนะ แม่จะให้หนูนัสเอาซองของแม่ไปด้วย ถือว่าเป็นตัวแทนของบริษัทด้วย ของแม่ด้วย พอดีช่วงนี้แม่ขี้เกียจออกงาน แก่แล้วก็อยากอยู่กับลูกกับหลานสบายๆ บ้าง”เมื่อถูกขอร้องแกมบังคับเช่นนั้น นัสรินจึงจำต้องยอมให้เจ้าของห้องเสื้อวัดตัวและเลือกแบบชุดให้ตามที่เห็นสมควร พอวัดตัวและเลือกแบบชุดเสร็จแม่เลี้ยงก็สั่งกำชับวรรณาว่า ขอให้เร่งตัดชุดและนำชุดไปส่งให้กับนัสรินที่อพาร์ตเมนต์ของเธอหลังจากวรรณากลับไปแล้ว แม่เลี้ยงลักษิกาก็ไปเปิดเซฟ เขียนเช็คใส่ซองสำหรับบริจาคสมทบทุนให้กับโรงพยาบาล พร้อมกับถือกล่องกำมะหยี่เล็กๆ ติดมือมาด้วยกล่องหนึ่ง“นี่เป็นซองที่แม่จะฝากไป
บทที่ 42“ไปเต้นรำกันมั้ยครับคุณนัสริน” หมออรรณพเอ่ยชวน ซึ่งนัสรินตั้งใจจะปฏิเสธ แต่พอเหลือบไปเห็นว่าตอนนี้ปราณต์กับเมธาวีควงกันออกไปเต้นรำ เธอจึงตอบรับคำเชิญของหมออรรณพภาพที่นายแพทย์หนุ่มหล่อเนื้อหอมอย่างปราณต์ โอบกอดเมธาวีขยับไปตามจังหวะเพลง ทำให้เมธาวีกลายเป็นที่อิจฉาของผู้หญิงทั้งงาน เพราะปราณต์เป็นผู้ชายที่หล่อที่สุดในงานนี้ แถมทุกคนก็รู้ดีว่าเขาเป็นทายาทคนโตของแม่เลี้ยงระดับเศรษฐีนีอันดับต้นๆ ของเชียงใหม่ จึงไม่แปลกที่เขาจะเป็นที่หมายปองของสาวๆ นัสรินเองก็เป็นอีกคนหนึ่งที่มองไปยังคู่เต้นรำนั้นอย่างอดไม่ได้ หมออรรณพซึ่งพอจะมองออกว่าหญิงสาวที่กำลังเต้นรำกับตนอยู่ตอนนี้ ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ให้ความสนใจกับหมอปราณต์ เขาจึงรีบพูดหยั่งเชิงพร้อมกับกันท่าไปในคราวเดียวกัน“คุณนัสรินกำลังมองคู่ของหมอปราณต์กับหมอเมธาวีอยู่เหมือนกันเหรอครับ”“ค่ะ...” นัสรินไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไรเพราะตัวเองก็กำลังมองไปยังทั้งคู่อยู่จริงๆ จึงได้แต่ยอมรับสั้นๆ“ไม่แปลกหรอกครับที่คุณนัสรินจะมอง คู่นี้หล่อสวยแถมรวยทั้งคู่ ผมได้ยินทุกคนในงานพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าคู่นี้ช่างสมกันเหลือเกิน ไม่นานก็น่าจะมีข่าวดี”“งั้น
บทที่ 43น้ำเสียงนั้นเหมือนจะเต็มไปด้วยความโกรธและดูแคลน จบคำปราณต์ก็ก้มลงระดมจูบมาตามใบหน้างดงามอย่างรุนแรงดิบเถื่อน นัสรินพยายามจะเบี่ยงศีรษะหนี แต่ก็ไม่พ้นเพราะปราณต์สอดมือเข้าใต้ท้ายทอยของเธอตรึงเอาไว้ให้อยู่กับที่ ทำให้กลีบปากนุ่มต้องรับแรงบดขยี้จากปากของคนที่กำลังถูกความโกรธครอบงำอย่างเต็มๆนัสรินได้แต่ร้องครางประท้วงในลำคอ ทั้งเจ็บกาย ทั้งเจ็บปวดในใจที่ถูกเขากระทำราวกับเป็นผู้หญิงข้างถนนที่ใครจะแสดงกิริยาป่าเถื่อนใส่ที่ไหนเมื่อไหร่ก็ได้ เธอพยายามดิ้นและเบี่ยงหน้าให้พ้นจากปากเขา แต่มือที่ประคองอยู่นั้นกลับแน่นราวกับปลอกเหล็ก และยิ่งเธอดิ้นแรงมากเท่าไหร่ ปราณต์ก็ยิ่งบดขยี้ปากลงมาแรงมากเท่านั้น จนในที่สุดนัสรินก็รู้สึกว่าปากของตัวเองบวมช้ำไปหมด เธอจึงยืนนิ่งให้เขารังแกเอาตามชอบใจ และตอนนั้นปราณต์จึงหยุดการกระทำของตัวเอง“คนใจร้าย...มากับคนรักแท้ๆ ทำไมไม่ไปยุ่งกับคนรักของตัวเอง...ตามมาระรานนัสทำไม” นัสรินถามเสียงเครือเจือไว้ด้วยความเจ็บปวดเหลือคณา“ก็เพราะผู้หญิงบางคนมีค่าน่าทะนุถนอม แต่กับบางคนก็มีค่าเพียงเพื่อใช้ระบายอารมณ์ไงล่ะนัสริน”“แล้วพอใจหรือยังคะ อยากทำอะไรนัสอีกก็เชิญ”“
บทที่ 44รถญี่ปุ่นยี่ห้อดังแล่นฉิวไปตามถนนที่ค่อนข้างโล่ง เพราะเป็นเวลากลางคืนซึ่งมีการจราจรบางเบา นัสรินพยายามจะห้ามน้ำตา แต่มันก็ยังไหลรินออกมาตลอดเวลา และแล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น หญิงสาวมัวแต่ว้าวุ่นกับความคิดของตัวเองจนลืมหยุดรถ ทั้งที่ตอนนี้ไฟจราจรตรงหน้าเปลี่ยนจากสีเหลืองเป็นสีแดงแล้ว รถที่แล่นออกไปกลางสี่แยกจึงถูกกระแทกด้วยรถกระบะที่พุ่งออกมาจากอีกฟากถนนอย่างแรง เสียงกระแทกของรถดังโครมสนั่นกลางสี่แยก ท่ามกลางความแตกตื่นตกใจของคนที่เห็นเหตุการณ์ โชคยังดีเหลือคณาที่รถกระบะคันนั้นไม่ได้กระแทกเข้าที่ตอนหน้าของรถ แต่กระแทกเข้าที่ตอนหลังของรถเท่านั้น ทว่าแรงกระแทกก็ทำให้รถของนัสรินเสียหลักและหมุนติ้วๆ ก่อนจะพุ่งไปชนกับเกาะกลางถนน ตอนนั้นเองรถจึงหยุดการเคลื่อนไหวนัสรินรู้สึกมึนงงอยู่ชั่วขณะ เธอพยายามตั้งสติ แต่ก็แพ้ต่อการกระทบกระเทือนทางร่างกาย แม้ว่าถุงลมนิรภัยจะพองตัวออกมาป้องกันการกระแทก แต่เธอก็รู้สึกแน่นหน้าอกราวกับจะขาดอากาศหายใจ จนกระดิกตัวช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ จมูกเหมือนมีของเหลวหนืดข้นไหลออกมา เมื่อยกมืออันสั่นเทาจับดูจึงรู้ว่ามันคือเลือด หรือว่าเธอกำลังจะตาย ความ
บทที่ 89เสียงกริ่งหน้าบ้านที่ดังขึ้นอย่างถี่รัว ทำให้ร่างสูงใหญ่ที่กำลังนอนกอดตระกองภรรยาสาวอยู่ในอ้อมแขนอย่างมีความสุขต้องยันกายลุกขึ้น พลางมุ่นคิ้วเข้าหากันอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ ใครมากดกริ่งแบบนี้” นัสรินถามสามีอย่างพลอยตกใจไปด้วย เพราะตั้งแต่อยู่บ้านหลังนี้มาไม่เคยมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นมาก่อน “เดี๋ยวผมไปดูก่อน นัสรออยู่นี่นะ” ปราณต์เดินออกไปชะเง้อดูที่ระเบียง แสงที่สาดสะท้อนมาจากไฟหน้าบ้าน ทำให้เขาเห็นได้ชัดว่าคนกดเป็นใคร หนำซ้ำคนกดยังส่งเสียงร้องเรียกเขาราวกับกำลังมีเรื่องร้อนใจสุดๆ อีกต่างหาก“พี่ปราณต์! พี่ปราณต์!”ร่างสูงกลับเข้าห้อง แล้วบอกภรรยาที่นั่งรออยู่บนเตียง เพื่อให้เธอคลายความกังวลว่าคนที่กำลังกดกริ่งหน้าบ้านและส่งเสียงเรียกเขาอยู่นั้นเป็นใคร“ตะวันน่ะ”บอกเสร็จปราณต์ก็ออกจากห้อง โดยมีนัสรินก้าวตามลงไป ทั้งสองเดินออกไปยังหน้าบ้านด้วยกัน และปราณต์ก็กดกุญแจรีโมตเปิดประตูรั้วให้รังสิมันต์“มีอะไรตะวัน”“พี่ปราณต์ต้องช่วยผมนะ เด็กคนนั้นโดนแก้วบาดมือ เลือดไหลเยอะมาก ตอนนี้เด็กนั่นอยู่ในรถผม” รังสิมันต์ไม่ได้เอ่ยชื่อของจันทริกาออ
บทที่ 88แสงไฟสีเหลืองอมส้มที่ส่องสว่างทั่วอาณาบริเวณของบ้านเดี่ยวสองชั้นหลังใหญ่ ยิ่งทำให้บ้านซึ่งถูกออกแบบและปลูกสร้างอย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ดูโดดเด่นสวยสะดุดตามากยิ่งขึ้นในยามค่ำคืนเช่นนี้ หากแต่ภายใต้ความสว่างไสวและสวยงามที่ห้อมล้อมบ้านหลังใหญ่ในยามนี้ คนเป็นเจ้าของกลับกำลังอยู่ในห้วงของอารมณ์ซึ่งสวนทางกับบรรยากาศอันแสนสวยงามของบ้านโดยสิ้นเชิง เพราะถูกครอบงำด้วยความโมโหต่อ ‘เด็กในปกครอง’ ที่หายตัวไปตั้งแต่ตอนบ่าย และป่านนี้แล้วก็ยังไม่กลับมาร่างสูงลุกขึ้นเดินไปมาสลับกับมาทรุดตัวลงนั่งบนโซฟา ซึ่งความหนานุ่มสมราคาของมันกลับไม่ได้ทำให้ความเดือดพล่านในอารมณ์ของรังสิมันต์ลดลงเลยแม้แต่นิด มือใหญ่สมสัดส่วนกับรูปร่างเอื้อมไปหยิบขวดวิสกี้ราคาแพงระยับมาเทลงบนแก้ว ก่อนจะกระดกน้ำสีอำพันนั้นลงไปในลำคอพรวดเดียวหมด จากนั้นก็กระแทกแก้วลงกับโต๊ะเพื่อระบายอารมณ์ โดยมี ‘เมสซี่’ แมวพันธุ์แร็กดอลล์ตัวโปรดนั่งอยู่บนโซฟาข้างๆ บ่อยครั้งที่ตาสีฟ้าของมันเหลือบมองเจ้านายตัวเอง และลุกขึ้นมาคลอเคลีย ตามประสาแมวขี้เล่น แต่พอรู้ว่าเจ้านายกำลังอารมณ์ไม่ดี มันก็กลับไปนั่งที่ของมันแล้วหมอบลงเงียบๆ อย่างไม่กล้าก
บทที่ 87“นั่งด้วยกันมั้ย” ปราณต์เอ่ยชวน“ไม่ดีกว่าครับ ไม่อยากเป็นก้างขวางคอคนที่กำลังอยู่ข้าวใหม่ปลามัน” รังสิมันต์ปฏิเสธก่อนจะหันไปทางกวินภพเพื่อหาพวก “จริงมั้ยวะอิสร์”“แกมันก็ชอบหาเรื่องกวนตีนชาวบ้านไปทั่ว” กวินภพไม่ได้เออออแต่พูดขัดคอขึ้นมาซะงั้น“เฮ้ย...แกเป็นนักธุรกิจพันล้านนะเว้ยอิสร์ พูดคำหยาบกวนตงกวนตีนแบบนี้ได้ไง เสียภาพพจน์นักธุรกิจหนุ่มหล่อมาดเนี๊ยบหมด”“แกมันบ้าว่ะตะวัน” หนุ่มกรุงเทพฯ ส่ายหน้ายิ้มๆ กับความเจ้าคารมและช่างกวนอารมณ์ชาวบ้านของรังสิมันต์“พี่ก็ว่างั้นละอิสร์”“เฮ้อ...ตอนแรกว่าจะไม่อยู่เป็นก้างขวางคอ เปลี่ยนใจดีกว่านั่งกับพี่ปราณต์เลยแล้วกัน” รังสิมันต์แกล้งกวนอารมณ์พี่ชายต่อ ด้วยการจะขยับเข้าไปนั่งลงบนเก้าอี้ตัวที่ว่างอยู่ แต่ยังไม่ทันได้นั่งนัสรินซึ่งไปเข้าห้องน้ำก็กลับมาเสียก่อน ทำให้ทั้งสองหนุ่มต้องหันไปทักทายกับหญิงสาวตามมารยาท“สวัสดีครับพี่สะใภ้” รังสิมันต์ทักทายขึ้นก่อนอย่างขี้เล่น ทำให้คนถูกทักเหวอแกมอายนิดๆ เพราะไม่ค่อยคุ้นกับคำเรียกแบบนั้นสักเท่าไหร่“สวัสดีค่ะ” เสียงหวานเอ่ยทักทายพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้ เพราะประเมินว่าทั้งสองน่าจะอายุมากกว่าตน“ตะวั
บทที่ 86“แน่นอนสิที่รัก ถ้าไม่รู้ใจคุณแล้วผมจะเป็นผัวคุณได้ยังไง ว่าไงจะบอกหรือเปล่าว่าหมายถึงใคร”“นัสหมายถึงหมอเมย์ค่ะ” ในที่สุดนัสรินก็ยอมรับว่าเธอต้องการจะถามเขาว่าเคยพาเมธาวีมาที่นี่หรือไม่“ถ้าบอกว่าเคยล่ะ”“ก็ไม่แปลกใจค่ะ” ปากว่าไม่แปลกใจ หน้าก็ยังดูยิ้ม แต่แววตาและน้ำเสียงนั้นแปร่งไปจนฟังได้ชัด“คราวนี้จะยอมรับได้หรือยังหือว่าคุณหึงผมกับเมย์” คุณหมอผู้ลองใจเมียเริ่มต้อนให้เธอยอมรับความจริงกับเขาเสียที“ยอมรับก็ได้”“ทำไมถึงจำเพาะเจาะจงว่าเป็นเมย์”“ไม่รู้สิคะ อาจเป็นเพราะว่านัสเคยเห็นกับตาว่าคุณกับหมอเมย์สนิทสนมกันแค่ไหนมั้ง”“ผมไม่ได้คิดอะไรกับเมย์เกินกว่าน้องสาว สาบานได้เลย แต่ผมก็ดีใจนะที่รู้ว่าทำให้คุณหึง”“วันที่นัสไปตรวจที่คลินิกว่าท้องหรือเปล่า นัสเจอหมอเมย์ด้วยค่ะ เธอบอกว่าเธอเลิกกับคุณปราณต์แล้ว”“หือ...เลิกกัน?” ปราณต์เลิกคิ้วเข้มขึ้น “ฟังอะไรผิดหรือเปล่านัส”“เธอบอกแบบนั้นจริงๆ นะคะ แต่มาบอกทีหลังว่าเลิกหวังในตัวคุณแล้ว เพราะคุณรักคนอื่นอยู่” นัสรินเล่าให้ฟังตามความจริง พลางคิดถึงเหตุการณ์และสีหน้าของเมธาวีในวันนั้นอย่างจำได้แม่น“ขนาดเมย์ยังรู้ว่าผมรักใคร แล้วทำไม
บทที่ 85ปราณต์เป็นฝ่ายขยับมาถือกระเป๋าสะพายของภรรยาที่วางอยู่บนโต๊ะ พร้อมกับโอบเอวเล็กที่ตอนนี้ขยายขึ้นเล็กน้อย ทำให้นัสรินซึ่งยังงงอยู่เล็กน้อยเพราะไม่คิดว่าคนทั้งสองจะรู้จักกันต้องขยับตาม แต่ก็ไม่ลืมที่จะร่ำลาหมอพัทธระตามมารยาทอันดี “ขอบคุณคุณหมอมากนะคะ เดี๋ยววันหลังนัสจะเตรียมสัญญามาให้เซ็น วันนี้นัสขอตัวก่อน” “ครับคุณนัสริน แล้วพบกันครับ” หญิงสาวยกมือขึ้นไหว้ จากนั้นก็ก้าวตามสามีออกไปขึ้นรถ ปราณต์เดินเงียบๆ แต่ยิ้มในหน้า ซึ่งจากประสบการณ์ที่อยู่ด้วยกันมาพักหนึ่ง ทำให้นัสรินพอจะรู้ว่าเวลาที่ปราณต์เป็นแบบนี้นั่นคือเขากำลังอยู่ในภาวะอารมณ์ดีแบบสุดๆ “ยิ้มอะไรนักหนาคะ พอใจมากหรือไง” นัสรินถามคนที่ซ่อนยิ้มในหน้าอย่างอดไม่ได้ จากสายตาและวาจาที่ฟังดูนุ่มละมุนผิดปกติของหมอพัทธระเมื่อครู่นี้ เธอก็พอจะรู้ว่าเขาคิดยังไงกับสามีของตน “ก็พอใจสิ” “แล้วเป็นไงคะ หมอพัทธระหล่ออย่างที่นัสบอกหรือเปล่า” “หล่อ...แต่ที่ฟังดูน้ำเสียงของนัสเหมือนกำลังหึงผมอยู่นะ อย่าหึงเลยน่า ผมชอบผู้หญิง” คราวน
บทที่ 84วันนี้เป็นวันครบรอบสามเดือนที่บริษัทส่งตัวนัสรินมาทำงานที่เชียงใหม่พอดี ซึ่งตามกำหนดเดิมเธอจะต้องกลับไปทำงานที่กรุงเทพฯ และมีตัวแทนจากบริษัทคนใหม่มาทำงานแทนเธอ แต่จนป่านนี้ทางบริษัทก็ยังไม่ส่งใครมา แถมเธอยังต้องทำงานที่นี่ต่อ ซึ่งคราวนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่ทำชั่วคราวแล้ว หากแต่ต้องประจำอยู่ที่นี่อย่างถาวรนัสรินยังจำวันที่ตัวเองโทร.ไปแจ้งข่าวกับกิตติ ว่าเธอประสงค์จะลาออกจากงาน ตอนนั้นหัวหน้าของเธอดูเป็นเดือดเป็นร้อนมาก เพราะยังหาคนที่ทำงานเก่งอย่างเธอมาแทนยังไม่ได้ แต่เมื่อรู้ว่านัสรินจะลาออกไปแต่งงาน และอยู่ที่เชียงใหม่กับสามี กิตติก็ขอร้องให้เธอทำงานให้ต่อ โดยเสนอจะเพิ่มเงินเดือนให้ สุดท้ายนัสรินก็จำต้องรับปาก โดยไม่ต้องเพิ่มเงินเดือนให้เธอ ความจริงเธอไม่ได้อยากลาออกเลยสักนิด แต่ที่ต้องบอกหัวหน้าไปเช่นนั้น ก็เพราะปราณต์ขอร้องแกมบังคับ และเมื่อเขาได้รู้ว่าเธอตัดสินใจจะทำงานต่อ หมอหน้าหล่อก็งอนไปหลายวันเหมือนกันนัสรินออกมาจากออฟฟิศก่อนเวลาเลิกเงิน เพราะมีนัดกับลูกค้าซึ่งเป็นหมอของโรงพยาบาลเอกชน เรียวปากอิ่มคลี่ยิ้มออกมาบางๆ ก่อนจะเอ่ยปากขอตัวกับหมอหนุ่มที่ตัวเองกำลังคุยงานด้วยอย
บทที่ 83พระอาทิตย์ยามเย็นเริ่มเคลื่อนคล้อยลอยต่ำลงเรื่อยๆ บ่งบอกว่าอีกไม่นานตะวันจะลาลับขอบฟ้าไปแล้ว และความมืดมนของรัตติกาลก็จะมาเยือนในไม่ช้า หากแต่บรรยากาศทั่วคุ้มลักษิกาในยามนี้กลับเต็มไปด้วยความสว่างไสว อันเกิดจากความสุขและปีติยินดี เมื่อข่าวที่ว่าปราณต์กับนัสรินกำลังจะแต่งงานกันอีกครั้ง และตอนนี้ทั้งคู่ก็มีลูกด้วยกันแล้ว แพร่กระจายไปทั่วคุ้มลักษิกาอย่างรวดเร็วปราณต์ตัดสินใจปิดคลินิกอีกวันเพื่ออยู่ทานข้าวเย็นกับครอบครัวตามคำสั่งของมารดา ธรินดาเข้าครัวทำอาหารที่พี่สะใภ้ชอบให้อย่างเต็มใจ ขณะที่ปรัชญ์กับปราณต์นั่งคุยกันตามประสาพี่น้องในห้องนั่งเล่น ส่วนแม่เลี้ยงลักษิกาก็เล่นกับหลาน นัสรินจึงถือโอกาสเดินไปที่เนินเขาหลังคุ้มลักษิกา เพื่อดูแปลงกุหลาบและพระอาทิตย์ตกดินตาคู่สวยมองพระอาทิตย์ดวงโตที่กำลังทอดตัวลงหาเส้นขอบฟ้า พร้อมกับปล่อยความคิดของตัวเองให้ล่องลอยไป ลมหนาวเริ่มพัดพรายมากระทบกาย แต่ยามนี้หัวใจเธอกลับเต็มไปด้วยความอบอุ่น และมันก็อุ่นยิ่งขึ้นเมื่อมีอ้อมกอดของคนที่รักโอบล้อมเข้ามา“มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ” นัสรินเอียงหน้ามาถามคนที่ยืนโอบกอดตัวเองอยู่ทางด้านหลังเบาๆ“คิดอะไรอยู
บทที่ 82“มันน่าโกรธมั้ยล่ะ ผมเป็นหมอแทนที่จะได้รู้เป็นคนแรกว่าเมียตัวเองท้อง แต่กลับเป็นหมอคนอื่นที่รู้ก่อน คุณก็รู้นี่นัสว่าผมอยากมีลูกกับคุณแค่ไหน” ปราณต์เอ่ยออกมาเสียงขรึมๆ“ก็ตอนนั้นคุณกับนัสยังไม่เข้าใจกันนี่คะ อีกอย่างคุณก็ทำให้นัสเข้าใจว่าคุณกับออยมีอะไรลึกซึ้งกันไปแล้ว นัสเลยไม่อยากให้ลูกกลายมาเป็นปัญหาของใคร”“ตอนนั้นผมเข้าใจ แต่เราเข้าใจและคืนดีกันมากี่วันแล้วนัส นัสคิดจะปิดผมไปอีกนานแค่ไหน และมีเหตุผลอะไรที่คุณไม่ยอมบอกผม”“โธ่...ก็นัสยังไม่กล้าบอกนี่คะ อย่าทำหน้าทำเสียงแบบนั้นใส่นัสสิคะ นัสใจไม่ดี”“ถูกต้องแล้วที่คุณจะใจคอไม่ดี เพราะตอนนี้ผมโกรธคุณอยู่ และโกรธมากด้วย” ปราณต์ทำเสียงเข้มใส่ ทำให้คนถูกโกรธยิ่งใจฝ่อ“แล้วทำยังไงคุณถึงจะหายโกรธคะ”“ก็ต้องง้อสิ ไม่ง้อจะให้หายโกรธได้ยังไง”นัสรินขยับตัวเข้าหาพร้อมกับยกแขนขึ้นโอบกอดที่ต้นคอของเขา ก่อนจะเขย่งเท้าขึ้นแล้วประกบปากตัวเองลงบนปากของเขา จากนั้นเธอก็เริ่มจูบและปราณต์ก็จูบตอบอย่างร้อนแรง กึ่งลงโทษกึ่งปรารถนาปนเปอยู่ในรสจุมพิตนั้น“หายโกรธนัสหรือยังคะ” เสียงหวานเอ่ยถามอย่างงอนง้ออีกครั้งหลังจากที่ปากของทั้งคู่ผละห่างจากกัน
บทที่ 81“ทำไมถึงซื้อไว้ล่ะคะ ที่จริงมีบ้านสวยๆ กว่าบ้านหลังนี้อีกเยอะแยะ หรือถ้าคุณจะสร้างใหม่ก็สร้างได้สบายๆ อยู่แล้ว”“ไม่รู้สิ คงเป็นเพราะว่ามีสิ่งเดียวที่ผู้ชายใจร้ายอย่างผมทำได้เพื่อระลึกถึงคุณมั้ง” ปราณต์พูดด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าเขาไม่ได้โกหกแต่อย่างใด แววตายามเมื่อนึกถึงความหลังครั้งนั้น ฉายแววเคว้งคว้างสับสนออกมาจนนัสรินรู้สึกได้“นัสก็ผิดค่ะที่เห็นแก่ตัว ถ้าคุณจะเกลียดนัสก็ไม่แปลกหรอก”“แต่ถ้าผมใจกว้าง เปิดใจยอมรับว่าที่นัสทำลงไปก็เพราะรักผม ป่านนี้เราอาจจะมีลูกด้วยกันแล้วก็ได้” ปราณต์พูดถึงลูกอีกครั้ง นัสรินจึงเบี่ยงตัวออกจากอ้อมแขนของเขา เพราะเธอยังปิดบังเรื่องที่ตัวเองท้องอยู่ แต่ปราณต์ไม่ยอมให้นัสรินหนีไปไหน เขาย่อตัวช้อนอุ้มร่างบางพาเดินไปนอนที่เตียงด้วยกัน“คุณปราณต์อุ้มนัสมาขึ้นเตียงทำไมคะ” นัสรินถามพลางหน้าแดงซ่าน เมื่อครู่ยังคุยกันดีๆ อยู่แท้ๆ แต่เผลอแป๊บเดียวเธอก็ขึ้นมานอนอยู่บนเตียงโดยมีร่างสูงใหญ่ของเขานอนอยู่แนบชิดเสียแล้ว“ก็พามาพิสูจน์ว่าเตียงเล็กไปหรือเปล่าสำหรับเราสองคน”“วันนั้นก็พิสูจน์ไปแล้วไม่ใช่เหรอคะ”“วันนั้นผมเมา จำอะไรไม่ค่อยได้ ต้องทำตอนมีสติ” คน