น้ำเสียงนั้นเหมือนจะเต็มไปด้วยความโกรธและดูแคลน จบคำปราณต์ก็ก้มลงระดมจูบมาตามใบหน้างดงามอย่างรุนแรงดิบเถื่อน นัสรินพยายามจะเบี่ยงศีรษะหนี แต่ก็ไม่พ้นเพราะปราณต์สอดมือเข้าใต้ท้ายทอยของเธอตรึงเอาไว้ให้อยู่กับที่ ทำให้กลีบปากนุ่มต้องรับแรงบดขยี้จากปากของคนที่กำลังถูกความโกรธครอบงำอย่างเต็มๆ
นัสรินได้แต่ร้องครางประท้วงในลำคอ ทั้งเจ็บกาย ทั้งเจ็บปวดในใจที่ถูกเขากระทำราวกับเป็นผู้หญิงข้างถนนที่ใครจะแสดงกิริยาป่าเถื่อนใส่ที่ไหนเมื่อไหร่ก็ได้ เธอพยายามดิ้นและเบี่ยงหน้าให้พ้นจากปากเขา แต่มือที่ประคองอยู่นั้นกลับแน่นราวกับปลอกเหล็ก และยิ่งเธอดิ้นแรงมากเท่าไหร่ ปราณต์ก็ยิ่งบดขยี้ปากลงมาแรงมากเท่านั้น จนในที่สุดนัสรินก็รู้สึกว่าปากของตัวเองบวมช้ำไปหมด เธอจึงยืนนิ่งให้เขารังแกเอาตามชอบใจ และตอนนั้นปราณต์จึงหยุดการกระทำของตัวเอง
“คนใจร้าย...มากับคนรักแท้ๆ ทำไมไม่ไปยุ่งกับคนรักของตัวเอง...ตามมาระรานนัสทำไม” นัสรินถามเสียงเครือเจือไว้ด้วยความเจ็บปวดเหลือคณา
“ก็เพราะผู้หญิงบางคนมีค่าน่าทะนุถนอม แต่กับบางคนก็มีค่าเพียงเพื่อใช้ระบายอารมณ์ไงล่ะนัสริน”
“แล้วพอใจหรือยังคะ อยากทำอะไรนัสอีกก็เชิญ”
“แน่ใจเหรอว่าอยากถูก ‘เอา’ ตรงนี้”
ถ้อยคำนั้นเป็นถ้อยคำอันหยาบคายอย่างที่นัสรินสุดจะทนฟัง มือเล็กเหวี่ยงใส่ใบหน้าของปราณต์เต็มแรง ก่อนที่สองมือจะระดมทุบรัวๆ ที่หน้าอกกว้างแบบไม่ยั้ง พร้อมทั้งพร่ำบอกในสิ่งที่ตัวเองรู้สึกอยู่ในเวลานี้ออกมาอย่างคนที่อยู่ในภาวะควบคุมตัวเองไม่ได้เช่นกัน
“นัสเกลียดคุณ! นัสเกลียดคุณ! ถ้านัสเป็นผู้หญิงที่ไม่มีค่าก็อย่ามายุ่งกับนัสอีก!”
นัสรินคิดว่าตัวเองตะโกนใส่หน้าเขา แต่คำที่หลุดออกมานั้นกลับเต็มไปด้วยอาการสั่นเครือในน้ำเสียง บ่งบอกว่าตอนนี้เจ้าตัวเจ็บปวดมากแค่ไหน เธอมองเขาด้วยสายตาตัดพ้อ น้อยเนื้อต่ำใจตัวเอง ก่อนจะหมุนตัวหันหลัง และย่ำเท้าเล็กๆ ถี่ๆ วิ่งออกไปจากระเบียงทั้งที่น้ำตาคลอตา
ร่างบางชะงักนิดหนึ่งเมื่อสวนกับหมอเมธาวี แต่ในเวลานี้เธอก็ไม่คิดจะรักษามารยาทหรือหยุดทักทายใคร อีกอย่างก็คิดว่าเมธาวีคงจะออกไปหาปราณต์ที่ระเบียง ความคิดนั้นทำให้เธออยากไปให้ถึงรถเร็ว เพื่อจะได้ร้องไห้ออกมาดังๆ อย่างไม่ต้องอายใคร
มือเล็กเปิดประตูรถมือไม้สั่น ก่อนจะพาตัวเองเข้าไปนั่งหลังพวงมาลัย และปล่อยโฮออกมาอย่างสุดจะกลั้น น้ำใสๆ ไหลอาบลงมาตามสองแก้มราวกับทำนบกั้นน้ำพัง จนใบหน้าที่ตกแต่งมาอย่างประณีตนั้นเลอะไปด้วยคราบน้ำตา นัสรินวางมือและฟุบหน้าลงกับพวงมาลัยรถ ร่างบางสะอึกสะอื้นไปจนตัวโยนอยู่หลายนาทีก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดร้องไห้ได้
ขณะเดียวกันที่ด้านบนของอาคาร ปราณต์กำลังจะขยับตามนัสรินออกไป แต่เขาก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเมธาวีก้าวมาขวางหน้า
“พี่ปราณต์อยู่ที่นี่เอง เมย์ตามหาซะทั่วเลยค่ะ” หมอสาวรุ่นน้องของปราณต์เอ่ยเสียงหวานและยิ้มให้เขา ราวกับไม่รับรู้และไม่สงสัยพฤติกรรมของปราณต์และนัสรินแต่อย่างใด
“ตามหาพี่ทำไมเหรอเมย์ หรือว่าเมย์อยากกลับแล้ว”
ปราณต์ถามเรียบๆ เพราะตอนมาเมธาวีขอร้องให้เขาไปรับมางานด้วยกัน ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ที่เขาต้องไปส่งเธอ ถ้าเมธาวีจะกลับจริงๆ เขาก็จะไปส่ง แต่หลังจากนั้นเขาคงต้องไปสะสางกับคนของเขาบ้าง ไม่ใช่สิ...จะเรียกว่าสะสางได้ยังไง เห็นแค่นั้นก็รู้แล้วว่าตอนนี้นัสรินคงร้องไห้ขี้มูกโป่ง เขาจะตามไปง้อและปลอบต่างหาก จะไปบอกให้รู้ว่าเมื่อกี้ที่เขาพูดแรงๆ และทำแรงๆ กับเธอก็เพราะหึงหวงจนหน้ามืด คืนนี้เธอสวยมากเขาจึงหวงมากเมื่อเห็นว่าเธอยอมให้หมออรรณพกอดประคองไปในฟลอร์เต้นรำ ทั้งๆ ที่เขาเคยห้ามเอาไว้แล้ว เขาไม่ได้คิดว่านัสรินจะมางานนี้ เพราะเขากับเธอไม่ได้เจอกันหลายวันตั้งแต่เขากลับจากกรุงเทพฯ เพราะเขามัวแต่ยุ่งกับเคสด่วนของคนไข้และงานที่คลินิกทำให้ไม่มีเวลาไปหาเธอเสียที แต่คืนนี้ยังไงก็ต้องตามไปทวงหนี้พร้อมดอกเบี้ยให้สมกับที่โหยหา
“เมย์ยังไม่อยากกลับบ้านหรอกค่ะ แต่อยากออกไปจากงานเลี้ยง เมย์อยากไปนั่งฟังเพลงสบายๆ พี่ปราณต์ไปเป็นเพื่อนเมย์หน่อยนะคะ” เมธาวีเอ่ยชวนเสียงหวาน และมองเขาอย่างรอคอย ทำให้ปราณต์ไม่อาจปฏิเสธคำชวนของเธอได้
“ได้สิ”
“ขอบคุณค่ะพี่ปราณต์” เมธาวียิ้มหวานก่อนจะขยับมาควงแขนของปราณต์ ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินลงบันไดไปยังลานจอดรถด้วยกัน
นัสรินเพิ่งคลายจากอาการสะอื้น ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาป้อยๆ ก่อนจะบิดกุญแจสตาร์ตเครื่องรถเพื่อจะขับกลับ แต่สายตาที่ยังฝ้าฟางด้วยหยดน้ำตา ก็สะดุดกับภาพที่ปราณต์กำลังเดินควงแขนมากับเมธาวีผ่านหน้ารถของเธอไป ความเจ็บปวดเสียใจที่เพิ่งคลายลงก็แล่นกระหน่ำเข้ามาในหัวใจอีกครั้ง น้ำตาที่เพิ่งเหือดแห้งไหลออกมาอีกหนึ่งคำรบ หญิงสาวเมินหน้าหนีจากภาพนั้น พร้อมกับเหยียบคันเร่ง ขับออกไปจากลานหอประชุมเข้าสู่ถนนใหญ่ ทั้งที่สายตายังพร่าเลือน เพราะถูกกลบด้วยหยดน้ำตา
บทที่ 44รถญี่ปุ่นยี่ห้อดังแล่นฉิวไปตามถนนที่ค่อนข้างโล่ง เพราะเป็นเวลากลางคืนซึ่งมีการจราจรบางเบา นัสรินพยายามจะห้ามน้ำตา แต่มันก็ยังไหลรินออกมาตลอดเวลา และแล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น หญิงสาวมัวแต่ว้าวุ่นกับความคิดของตัวเองจนลืมหยุดรถ ทั้งที่ตอนนี้ไฟจราจรตรงหน้าเปลี่ยนจากสีเหลืองเป็นสีแดงแล้ว รถที่แล่นออกไปกลางสี่แยกจึงถูกกระแทกด้วยรถกระบะที่พุ่งออกมาจากอีกฟากถนนอย่างแรง เสียงกระแทกของรถดังโครมสนั่นกลางสี่แยก ท่ามกลางความแตกตื่นตกใจของคนที่เห็นเหตุการณ์ โชคยังดีเหลือคณาที่รถกระบะคันนั้นไม่ได้กระแทกเข้าที่ตอนหน้าของรถ แต่กระแทกเข้าที่ตอนหลังของรถเท่านั้น ทว่าแรงกระแทกก็ทำให้รถของนัสรินเสียหลักและหมุนติ้วๆ ก่อนจะพุ่งไปชนกับเกาะกลางถนน ตอนนั้นเองรถจึงหยุดการเคลื่อนไหวนัสรินรู้สึกมึนงงอยู่ชั่วขณะ เธอพยายามตั้งสติ แต่ก็แพ้ต่อการกระทบกระเทือนทางร่างกาย แม้ว่าถุงลมนิรภัยจะพองตัวออกมาป้องกันการกระแทก แต่เธอก็รู้สึกแน่นหน้าอกราวกับจะขาดอากาศหายใจ จนกระดิกตัวช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ จมูกเหมือนมีของเหลวหนืดข้นไหลออกมา เมื่อยกมืออันสั่นเทาจับดูจึงรู้ว่ามันคือเลือด หรือว่าเธอกำลังจะตาย ความ
บทที่ 45ตาคู่สวยหลับลงเพราะไม่อยากรับรู้เรื่องของเขาอีกแล้ว หากแต่คนมาเยี่ยมกลับเข้าใจว่าเธอต้องการพักผ่อน จึงบอกให้เธอหลับและออกไปจากห้องคล้อยหลังทุกคนน้ำตาหยดใสๆ ก็ไหลรินออกมาจากหางตา เพื่อระบายความเจ็บปวดลึกๆ ในหัวใจที่ตัวเองพยายามจะเก็บซ่อนเอาไว้ก่อนหน้านี้ แต่น้ำตาที่เพิ่งไหลออกมาได้ไม่นานนั้นก็ถูกเช็ดด้วยมือบางข้างที่ไม่มีสายน้ำเกลือเสียบอย่างรวดเร็ว เมื่อมีเสียงกุกกักดังขึ้นที่หน้าประตู คล้ายกับมีคนกำลังจะเข้ามา เธอไม่อยากให้ใครเห็นความอ่อนแอของตัวเองจึงรีบเช็ดน้ำตาให้แห้งร่างสูงของคนที่ก้าวเข้ามายืนข้างเตียง ทำให้นัสรินต้องเมินหน้าหนี พร้อมกับพูดขึ้นอย่างอดประชดประชันไม่ได้“มาดูเหรอคะว่าสมบัติส่วนตัวมีส่วนไหนบุบสลายหรือเปล่า ถ้ามาดูแค่นั้นก็สบายใจได้ค่ะ นัสยังอยู่ครบสามสิบสองประการ สามารถใช้งานได้อีกนาน”“ผมสบายใจตั้งแต่แรกแล้วละ เพราะผมเป็นหมอเจ้าของไข้ของคุณ”ปราณต์ยิ้มเยือนอย่างที่เธอไม่อยากเห็น นั่นคงเป็นเพราะตอนนี้นอกจากที่เธอติดหนี้แค้นในเรื่องมัดมือชกเขาให้แต่งงานด้วยแล้ว เธอยังติดหนี้บุญคุณที่เขาช่วยชีวิตของเธอเอาไว้อีก“ฮึ” นัสรินทำเสียงในลำคออย่างเจ็บใจตัวเอง“ขั
บทที่ 46วันนี้เป็นวันที่สามที่นัสรินได้รับอนุญาตจากหมอให้ออกจากโรงพยาบาล อาการของเธอเป็นปกติเกือบจะร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว กิตติหัวหน้าของเธอโทร.มาไถ่ถามอาการ และบอกว่าบริษัทจัดเตรียมรถคันใหม่สำหรับให้เธอขับไปทำงานเรียบร้อยแล้ว ส่วนคันเก่าและรถของคู่กรณีก็ส่งซ่อมโดยใช้สิทธิ์เคลมกับประกัน นัสรินจึงไม่ต้องรับผิดชอบค่าเสียหายใดๆ แต่เธอก็ยังรู้สึกผิดกับความประมาทของตัวเองจนทำให้ทรัพย์สินของบริษัทเสียหาย และทำให้คนอื่นพลอยเดือดร้อนไปด้วยอยู่ดี ดังนั้นเมื่อร่างกายไหว เธอจึงไม่รีรอที่จะเดินทางไปพบคู่กรณี กล่าวขอโทษกับความประมาทของตัวเอง พร้อมกับมอบเงินเล็กๆ น้อยๆ เป็นค่าทำขวัญ ฝ่ายคู่กรณีจะไม่รับเพราะเห็นว่าเธอเจ็บหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาล ส่วนเขาแค่เพียงรถเสียหายเท่านั้น แต่นัสรินก็คะยั้นคะยอให้รับจนได้ ทั้งสองฝ่ายจึงจบปัญหากันด้วยดีหลังจากนั้นนัสรินก็ออกไปทำงานตามปกติ เธอตั้งใจจะทำงานให้เต็มที่ เพื่อที่อย่างน้อยก็จะได้ชดเชยให้กับบริษัทบ้างตามที่ตัวเองมีกำลังจะทำได้ร่างบางนั่งลงที่โต๊ะทำงานของตัวเอง โดยก่อนเข้ามาทั้งแม่บ้านและรปภ.ต่างก็ไถ่ถามด้วยความห่วงใย นัสรินได้แต่บอกเธอเองไม่เป็นอะไรมาก แ
บทที่ 47“ถามแต่ออยว่าแต่คุณปราณต์เถอะค่ะ มาทำอะไรที่นี่คะ อย่าบอกนะว่ามาหายัยนัส”“ครับตอนแรกก็ตั้งใจว่าอย่างนั้น เขาลืมของไว้ในรถผมก็เลยจะเอามาให้”“เอ...คุณกับยัยนัสนี่มันยังไงกันคะ ออยได้ยินมาว่าคุณกับยัยนัสหย่ากันแล้วไม่ใช่เหรอ หรือว่าจะรีเทิร์นคะ” พินทุสรถามตรงๆ อย่างไม่คิดจะอ้อมค้อมใดๆ“เรื่องมันยาวน่ะครับ ยืนพูดตรงนี้คุณก็คงจะยืนฟังขาแข็ง แล้วนี่คุณออยกำลังจะไปไหนครับ” ปราณต์เปลี่ยนประเด็นโดยไม่ให้คนฟังรู้ว่าเขายังอยู่ในประเด็น“พอดีออยหิวน่ะค่ะ ก็เลยว่าจะขับรถไปหาอะไรกินแถวๆ นี้หน่อย ชวนยัยนัสแต่เห็นว่าต้องเคลียร์งานต่อ ออยก็เลยต้องไปคนเดียว”“งั้นไปรถผมดีกว่า ผมเป็นเจ้าถิ่น ขอเลี้ยงเพื่อนเก่าของอดีตภรรยา หวังว่าคุณคงไม่รังเกียจ”“เอางั้นก็ได้ค่ะ ออยชิลชิลไม่ได้ซีเรียสเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว ท่าทางคุณปราณต์ก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร ไม่อย่างนั้นครั้งหนึ่งยัยนัสคงไม่ยอมแต่งงานด้วยง่ายๆ หรอกค่ะ”ปราณต์แค่ยิ้มนิดๆ ไม่ได้พูดหรืออธิบายอะไรในตอนนั้น แต่ยังไงเสียเขาก็ต้องพูดจาแบบเปิดใจกับผู้หญิงตรงหน้านี้อยู่แล้วนัสรินเหลือบตามองเวลาที่หน้าจอแล็ปท็อปอย่างร้อนใจด้วยความเป็นห่วงเพื่อน พินทุส
บทที่ 48“มันไม่เร็วไปหน่อยเหรอออย”“ก็เร็วนะ...แต่อย่างที่เราบอกนั่นแหละ หมอปราณต์เพิ่งจะขอคบ ยังไม่ได้ขอเป็นแฟน เราก็เลยคิดว่าจะลองคุยดู”“ออยคิดว่าออยรู้จักเขาดีแค่ไหน”“ก็เพราะยังไม่รู้จักดีนี่แหละ เลยอยากจะลองคบหาศึกษานิสัยใจคอดู”“ออยไม่ถือใช่มั้ยที่เขาเคยเป็นสามีเรา” คราวนี้นัสรินถามตรงๆ บ้าง“โอ๊ย...ไม่ถือหรอก เราชิลชิลกับเรื่องนี้ เธอเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับวงร็อกในตำนานมั้ย มันเป็นเรื่องรักสามเส้าน่ะนะ ผู้หญิงคนเดียวในวงแต่งกับอีกคนเพราะรักกัน แต่มีผู้ชายอีกคนในวงแอบรักผู้หญิงคนนั้น พอทั้งคู่แต่งงานกันได้ไม่นาน ก็หย่ามาแต่งกับอีกคนในวง ทั้งสามคนก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้เลย เพราะฉะนั้นเรื่องแค่นี้เราเลยไม่คิดว่าจะมีปัญหา อีกอย่างเราเพิ่งรู้นะว่าหมอปราณต์กับเธอไม่ได้แต่งงานกันเพราะความรัก แต่แต่งเพราะถูกผู้ใหญ่บังคับ ถึงว่าสิเราก็สงสัยอยู่ตั้งนานว่าเธอกับเขาทำไมหย่ากันเร็วนัก ทั้งๆ ที่เพิ่งแต่งกันได้สามเดือน การแต่งงานที่ไม่ได้เกิดจากพื้นฐานของความรักมันก็แบบนี้แหละ เพราะอย่างนี้ไงเราถึงคิดว่าจะเปิดใจคบกับหมอปราณต์ดู เราเสียดายน่ะถ้าจะต้องตัดโอกาสตัวเองจากผู้ชายดีๆ คนหนึ่ง
บทที่ 49“ถ้าอย่างนั้นก็เป็นห่วงต่อไป เพราะผมจะไม่หยุด”“ออยผิดอะไร ทำไมคุณจะต้องดึงเพื่อนนัสมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย”“ผิดตรงที่เขาเป็นเพื่อนกับคุณไงล่ะ เพราะฉะนั้นก็เลยต้องยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปโดยปริยาย หรือคุณจะปฏิเสธว่าไม่ได้ชวนเขามาอยู่ด้วยเพื่อกีดกันไม่ให้ผมไปหาได้อย่างสะดวก”นัสรินอึ้งและชะงักไปครู่หนึ่ง ไม่คิดว่าปราณต์จะรู้ทันความคิดของตน แต่ก็ยังยืนกรานเสียงแข็งเป็นกระต่ายขาเดียว“อย่ามาหาเรื่องกันนะคะ มันไม่ใช่อย่างที่คุณว่าเสียหน่อย ออยอยากมาเที่ยวเชียงใหม่ นัสก็แค่ชวนมา”“คุณออยคงเสียใจน่าดู ถ้าได้รู้ว่าเหตุผลที่แท้จริงของการชวนของคุณ ว่ามันคืออะไร”“อย่ามาทำตัวเป็นบ่างช่างยุให้เพื่อนต้องผิดใจกันเพราะผู้ชายคนเดียวเลยนะคะ คุณหมอว่างมากหรือไง”ปราณต์ไม่ตอบในทันที แต่ลุกจากโต๊ะแล้วเดินอ้อมไปยืนใกล้ๆ อีก นัสรินซึ่งกลัวเขาจะทำอะไรเหมือนเมื่อครู่ รีบดีดตัวจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ ปราณต์จึงนั่งลงบนเก้าอี้ที่ยังอุ่นๆ นั้น แล้วตวัดแขนคว้าเอวเล็กมานั่งลงบนตักแทน“ปล่อยนะคะคุณปราณต์!” นัสรินดิ้นขลุกขลัก ไม่คิดว่าอยู่ดีๆ ก็ต้องมาถูกเขากอดในลักษณะนี้“ไม่ปล่อย นั่งคุยกันแบบนี้น่าจะ
บทที่ 50“เมื่อไหร่จะเลิกอ้างสิทธิ์บ้าๆ นี่เสียที” นัสรินแหวออกมาอย่างสุดจะทนฟังถ้อยคำเช่นนั้น เขาจะมาเรียกเธอว่าเมียทำไม เธอก็แค่เครื่องสนองอารมณ์การแก้แค้นของเขา ส่วนเขามีแฟนอยู่แล้วและตอนนี้ก็ทำท่าจะจีบเพื่อนของเธออีก“ก็บอกแล้วว่าเมื่อผมเบื่อ ซึ่งไม่น่าจะเร็วๆ นี้ ตอนนี้เกมเพิ่งเริ่มแถมยังสนุกมากขึ้นแล้วนัสริน” ปราณต์กล่าวประโยคนั้นด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมลงอีกครั้ง ความเป็นกันเอง ขี้เล่น เมื่อครู่นี้เหมือนจะเลือนหายไปตามความคิดของนัสริน ทำเอาหัวใจดวงน้อยแห้งเฉาไปด้วย เธอนึกโกรธตัวเองอยู่ไม่น้อย ที่ไม่ว่าปราณต์จะพูดจะทำอะไรเธอก็มีอารมณ์ร่วมกับเขาอย่างง่ายดาย“ถ้าอย่างนั้นก็ปล่อยนัสค่ะ นัสจะไปกินข้าว กินเยอะๆ ให้อ้วนไปเลย คุณจะได้เบื่อเร็วๆ”“ไม่เป็นไรกินให้เต็มที่เลย ผมมีวิธีรีดไขมันก็แล้วกัน แล้วนี่ทำไมไม่ใส่เสื้อผ้าที่ผมซื้อให้”“นัสยังไม่ได้ซักนี่คะ” นัสรินคร้านจะยืนกรานว่าไม่อยากให้เขามาบงการเรื่องการแต่งตัว เพราะรู้ดีว่าต้องถูกปราณต์เล่นงานเอาอีกแน่ๆ จึงได้แต่บอกปัดๆ“เอาละพรุ่งนี้ผมจะมาใหม่ หวังว่าจะได้เห็นคุณใส่ชุดใดชุดหนึ่งที่ผมซื้อให้ ถ้าผมยังเห็นคุณใส่ชุดวับๆ แวมๆ อยู่แบ
บทที่ 51เสื้อผ้าที่ส่งซักตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็นถูกนำมาส่งตั้งแต่เช้าตรู่ ในสภาพซักรีดเรียบร้อยหอมกรุ่นน่าสวมใส่ หากทว่านัสรินกลับไม่คิดจะแตะต้องมัน ทั้งๆ ที่เมื่อวานตั้งใจว่าวันนี้จะใส่ตามที่ปราณต์บังคับ มือเรียวบางหยิบเอาเสื้อผ้าของตัวเองออกมาจากตู้แล้วใส่อย่างเมินเฉยต่อคำสั่งของปราณต์ “เดี๋ยวนี้เธอดูสวยและเปรี้ยวขึ้นมากนะนัส ถามจริงสวยขนาดนี้ไม่มีคนมาจีบเหรอ”พินทุสรที่เพิ่งตื่นนอนถามขึ้นขณะที่นัสรินกำลังยืนแต่งตัวอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง“ไม่มีหรอกออย ใครจะมาชอบแม่หม้ายอย่างเรา”“สมัยนี้ใครเขาสนเรื่องแบบนี้กันล่ะ”“ก็คงมีอยู่นั่นแหละ ผู้ชายส่วนใหญ่รับไม่ได้หรอก อีกอย่างถึงแม้ผู้ชายคนนั้นจะรับได้ ทางครอบครัวเขาก็คงไม่เห็นด้วยถ้าจะให้คบหากับผู้หญิงที่มีตำหนิแล้วอย่างเรา”“แต่เราว่าเธอไม่เปิดโอกาสให้ตัวเองมากกว่า เอามั้ยเดี๋ยวเราหาฝรั่งหล่อๆ ให้ จะได้ไม่ต้องมานั่งกังวลว่าครอบครัวเขาจะคิดเล็กคิดน้อยเรื่องที่เธอเคยแต่งงานมาก่อน” พินทุสรเอ่ยอาสาและคะยั้นคะยออย่างกระตือรือร้น“ไม่เอาหรอก” นัสรินปฏิเสธแบบจะไม่คิด ทำเอาพินทุสรขมวดคิ้วมุ่นด้วยความขัดใจ“ทำไมล่ะ”“เรายังไม่อยากมีใครตอนนี้”“
บทที่ 89เสียงกริ่งหน้าบ้านที่ดังขึ้นอย่างถี่รัว ทำให้ร่างสูงใหญ่ที่กำลังนอนกอดตระกองภรรยาสาวอยู่ในอ้อมแขนอย่างมีความสุขต้องยันกายลุกขึ้น พลางมุ่นคิ้วเข้าหากันอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ ใครมากดกริ่งแบบนี้” นัสรินถามสามีอย่างพลอยตกใจไปด้วย เพราะตั้งแต่อยู่บ้านหลังนี้มาไม่เคยมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นมาก่อน “เดี๋ยวผมไปดูก่อน นัสรออยู่นี่นะ” ปราณต์เดินออกไปชะเง้อดูที่ระเบียง แสงที่สาดสะท้อนมาจากไฟหน้าบ้าน ทำให้เขาเห็นได้ชัดว่าคนกดเป็นใคร หนำซ้ำคนกดยังส่งเสียงร้องเรียกเขาราวกับกำลังมีเรื่องร้อนใจสุดๆ อีกต่างหาก“พี่ปราณต์! พี่ปราณต์!”ร่างสูงกลับเข้าห้อง แล้วบอกภรรยาที่นั่งรออยู่บนเตียง เพื่อให้เธอคลายความกังวลว่าคนที่กำลังกดกริ่งหน้าบ้านและส่งเสียงเรียกเขาอยู่นั้นเป็นใคร“ตะวันน่ะ”บอกเสร็จปราณต์ก็ออกจากห้อง โดยมีนัสรินก้าวตามลงไป ทั้งสองเดินออกไปยังหน้าบ้านด้วยกัน และปราณต์ก็กดกุญแจรีโมตเปิดประตูรั้วให้รังสิมันต์“มีอะไรตะวัน”“พี่ปราณต์ต้องช่วยผมนะ เด็กคนนั้นโดนแก้วบาดมือ เลือดไหลเยอะมาก ตอนนี้เด็กนั่นอยู่ในรถผม” รังสิมันต์ไม่ได้เอ่ยชื่อของจันทริกาออ
บทที่ 88แสงไฟสีเหลืองอมส้มที่ส่องสว่างทั่วอาณาบริเวณของบ้านเดี่ยวสองชั้นหลังใหญ่ ยิ่งทำให้บ้านซึ่งถูกออกแบบและปลูกสร้างอย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ดูโดดเด่นสวยสะดุดตามากยิ่งขึ้นในยามค่ำคืนเช่นนี้ หากแต่ภายใต้ความสว่างไสวและสวยงามที่ห้อมล้อมบ้านหลังใหญ่ในยามนี้ คนเป็นเจ้าของกลับกำลังอยู่ในห้วงของอารมณ์ซึ่งสวนทางกับบรรยากาศอันแสนสวยงามของบ้านโดยสิ้นเชิง เพราะถูกครอบงำด้วยความโมโหต่อ ‘เด็กในปกครอง’ ที่หายตัวไปตั้งแต่ตอนบ่าย และป่านนี้แล้วก็ยังไม่กลับมาร่างสูงลุกขึ้นเดินไปมาสลับกับมาทรุดตัวลงนั่งบนโซฟา ซึ่งความหนานุ่มสมราคาของมันกลับไม่ได้ทำให้ความเดือดพล่านในอารมณ์ของรังสิมันต์ลดลงเลยแม้แต่นิด มือใหญ่สมสัดส่วนกับรูปร่างเอื้อมไปหยิบขวดวิสกี้ราคาแพงระยับมาเทลงบนแก้ว ก่อนจะกระดกน้ำสีอำพันนั้นลงไปในลำคอพรวดเดียวหมด จากนั้นก็กระแทกแก้วลงกับโต๊ะเพื่อระบายอารมณ์ โดยมี ‘เมสซี่’ แมวพันธุ์แร็กดอลล์ตัวโปรดนั่งอยู่บนโซฟาข้างๆ บ่อยครั้งที่ตาสีฟ้าของมันเหลือบมองเจ้านายตัวเอง และลุกขึ้นมาคลอเคลีย ตามประสาแมวขี้เล่น แต่พอรู้ว่าเจ้านายกำลังอารมณ์ไม่ดี มันก็กลับไปนั่งที่ของมันแล้วหมอบลงเงียบๆ อย่างไม่กล้าก
บทที่ 87“นั่งด้วยกันมั้ย” ปราณต์เอ่ยชวน“ไม่ดีกว่าครับ ไม่อยากเป็นก้างขวางคอคนที่กำลังอยู่ข้าวใหม่ปลามัน” รังสิมันต์ปฏิเสธก่อนจะหันไปทางกวินภพเพื่อหาพวก “จริงมั้ยวะอิสร์”“แกมันก็ชอบหาเรื่องกวนตีนชาวบ้านไปทั่ว” กวินภพไม่ได้เออออแต่พูดขัดคอขึ้นมาซะงั้น“เฮ้ย...แกเป็นนักธุรกิจพันล้านนะเว้ยอิสร์ พูดคำหยาบกวนตงกวนตีนแบบนี้ได้ไง เสียภาพพจน์นักธุรกิจหนุ่มหล่อมาดเนี๊ยบหมด”“แกมันบ้าว่ะตะวัน” หนุ่มกรุงเทพฯ ส่ายหน้ายิ้มๆ กับความเจ้าคารมและช่างกวนอารมณ์ชาวบ้านของรังสิมันต์“พี่ก็ว่างั้นละอิสร์”“เฮ้อ...ตอนแรกว่าจะไม่อยู่เป็นก้างขวางคอ เปลี่ยนใจดีกว่านั่งกับพี่ปราณต์เลยแล้วกัน” รังสิมันต์แกล้งกวนอารมณ์พี่ชายต่อ ด้วยการจะขยับเข้าไปนั่งลงบนเก้าอี้ตัวที่ว่างอยู่ แต่ยังไม่ทันได้นั่งนัสรินซึ่งไปเข้าห้องน้ำก็กลับมาเสียก่อน ทำให้ทั้งสองหนุ่มต้องหันไปทักทายกับหญิงสาวตามมารยาท“สวัสดีครับพี่สะใภ้” รังสิมันต์ทักทายขึ้นก่อนอย่างขี้เล่น ทำให้คนถูกทักเหวอแกมอายนิดๆ เพราะไม่ค่อยคุ้นกับคำเรียกแบบนั้นสักเท่าไหร่“สวัสดีค่ะ” เสียงหวานเอ่ยทักทายพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้ เพราะประเมินว่าทั้งสองน่าจะอายุมากกว่าตน“ตะวั
บทที่ 86“แน่นอนสิที่รัก ถ้าไม่รู้ใจคุณแล้วผมจะเป็นผัวคุณได้ยังไง ว่าไงจะบอกหรือเปล่าว่าหมายถึงใคร”“นัสหมายถึงหมอเมย์ค่ะ” ในที่สุดนัสรินก็ยอมรับว่าเธอต้องการจะถามเขาว่าเคยพาเมธาวีมาที่นี่หรือไม่“ถ้าบอกว่าเคยล่ะ”“ก็ไม่แปลกใจค่ะ” ปากว่าไม่แปลกใจ หน้าก็ยังดูยิ้ม แต่แววตาและน้ำเสียงนั้นแปร่งไปจนฟังได้ชัด“คราวนี้จะยอมรับได้หรือยังหือว่าคุณหึงผมกับเมย์” คุณหมอผู้ลองใจเมียเริ่มต้อนให้เธอยอมรับความจริงกับเขาเสียที“ยอมรับก็ได้”“ทำไมถึงจำเพาะเจาะจงว่าเป็นเมย์”“ไม่รู้สิคะ อาจเป็นเพราะว่านัสเคยเห็นกับตาว่าคุณกับหมอเมย์สนิทสนมกันแค่ไหนมั้ง”“ผมไม่ได้คิดอะไรกับเมย์เกินกว่าน้องสาว สาบานได้เลย แต่ผมก็ดีใจนะที่รู้ว่าทำให้คุณหึง”“วันที่นัสไปตรวจที่คลินิกว่าท้องหรือเปล่า นัสเจอหมอเมย์ด้วยค่ะ เธอบอกว่าเธอเลิกกับคุณปราณต์แล้ว”“หือ...เลิกกัน?” ปราณต์เลิกคิ้วเข้มขึ้น “ฟังอะไรผิดหรือเปล่านัส”“เธอบอกแบบนั้นจริงๆ นะคะ แต่มาบอกทีหลังว่าเลิกหวังในตัวคุณแล้ว เพราะคุณรักคนอื่นอยู่” นัสรินเล่าให้ฟังตามความจริง พลางคิดถึงเหตุการณ์และสีหน้าของเมธาวีในวันนั้นอย่างจำได้แม่น“ขนาดเมย์ยังรู้ว่าผมรักใคร แล้วทำไม
บทที่ 85ปราณต์เป็นฝ่ายขยับมาถือกระเป๋าสะพายของภรรยาที่วางอยู่บนโต๊ะ พร้อมกับโอบเอวเล็กที่ตอนนี้ขยายขึ้นเล็กน้อย ทำให้นัสรินซึ่งยังงงอยู่เล็กน้อยเพราะไม่คิดว่าคนทั้งสองจะรู้จักกันต้องขยับตาม แต่ก็ไม่ลืมที่จะร่ำลาหมอพัทธระตามมารยาทอันดี “ขอบคุณคุณหมอมากนะคะ เดี๋ยววันหลังนัสจะเตรียมสัญญามาให้เซ็น วันนี้นัสขอตัวก่อน” “ครับคุณนัสริน แล้วพบกันครับ” หญิงสาวยกมือขึ้นไหว้ จากนั้นก็ก้าวตามสามีออกไปขึ้นรถ ปราณต์เดินเงียบๆ แต่ยิ้มในหน้า ซึ่งจากประสบการณ์ที่อยู่ด้วยกันมาพักหนึ่ง ทำให้นัสรินพอจะรู้ว่าเวลาที่ปราณต์เป็นแบบนี้นั่นคือเขากำลังอยู่ในภาวะอารมณ์ดีแบบสุดๆ “ยิ้มอะไรนักหนาคะ พอใจมากหรือไง” นัสรินถามคนที่ซ่อนยิ้มในหน้าอย่างอดไม่ได้ จากสายตาและวาจาที่ฟังดูนุ่มละมุนผิดปกติของหมอพัทธระเมื่อครู่นี้ เธอก็พอจะรู้ว่าเขาคิดยังไงกับสามีของตน “ก็พอใจสิ” “แล้วเป็นไงคะ หมอพัทธระหล่ออย่างที่นัสบอกหรือเปล่า” “หล่อ...แต่ที่ฟังดูน้ำเสียงของนัสเหมือนกำลังหึงผมอยู่นะ อย่าหึงเลยน่า ผมชอบผู้หญิง” คราวน
บทที่ 84วันนี้เป็นวันครบรอบสามเดือนที่บริษัทส่งตัวนัสรินมาทำงานที่เชียงใหม่พอดี ซึ่งตามกำหนดเดิมเธอจะต้องกลับไปทำงานที่กรุงเทพฯ และมีตัวแทนจากบริษัทคนใหม่มาทำงานแทนเธอ แต่จนป่านนี้ทางบริษัทก็ยังไม่ส่งใครมา แถมเธอยังต้องทำงานที่นี่ต่อ ซึ่งคราวนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่ทำชั่วคราวแล้ว หากแต่ต้องประจำอยู่ที่นี่อย่างถาวรนัสรินยังจำวันที่ตัวเองโทร.ไปแจ้งข่าวกับกิตติ ว่าเธอประสงค์จะลาออกจากงาน ตอนนั้นหัวหน้าของเธอดูเป็นเดือดเป็นร้อนมาก เพราะยังหาคนที่ทำงานเก่งอย่างเธอมาแทนยังไม่ได้ แต่เมื่อรู้ว่านัสรินจะลาออกไปแต่งงาน และอยู่ที่เชียงใหม่กับสามี กิตติก็ขอร้องให้เธอทำงานให้ต่อ โดยเสนอจะเพิ่มเงินเดือนให้ สุดท้ายนัสรินก็จำต้องรับปาก โดยไม่ต้องเพิ่มเงินเดือนให้เธอ ความจริงเธอไม่ได้อยากลาออกเลยสักนิด แต่ที่ต้องบอกหัวหน้าไปเช่นนั้น ก็เพราะปราณต์ขอร้องแกมบังคับ และเมื่อเขาได้รู้ว่าเธอตัดสินใจจะทำงานต่อ หมอหน้าหล่อก็งอนไปหลายวันเหมือนกันนัสรินออกมาจากออฟฟิศก่อนเวลาเลิกเงิน เพราะมีนัดกับลูกค้าซึ่งเป็นหมอของโรงพยาบาลเอกชน เรียวปากอิ่มคลี่ยิ้มออกมาบางๆ ก่อนจะเอ่ยปากขอตัวกับหมอหนุ่มที่ตัวเองกำลังคุยงานด้วยอย
บทที่ 83พระอาทิตย์ยามเย็นเริ่มเคลื่อนคล้อยลอยต่ำลงเรื่อยๆ บ่งบอกว่าอีกไม่นานตะวันจะลาลับขอบฟ้าไปแล้ว และความมืดมนของรัตติกาลก็จะมาเยือนในไม่ช้า หากแต่บรรยากาศทั่วคุ้มลักษิกาในยามนี้กลับเต็มไปด้วยความสว่างไสว อันเกิดจากความสุขและปีติยินดี เมื่อข่าวที่ว่าปราณต์กับนัสรินกำลังจะแต่งงานกันอีกครั้ง และตอนนี้ทั้งคู่ก็มีลูกด้วยกันแล้ว แพร่กระจายไปทั่วคุ้มลักษิกาอย่างรวดเร็วปราณต์ตัดสินใจปิดคลินิกอีกวันเพื่ออยู่ทานข้าวเย็นกับครอบครัวตามคำสั่งของมารดา ธรินดาเข้าครัวทำอาหารที่พี่สะใภ้ชอบให้อย่างเต็มใจ ขณะที่ปรัชญ์กับปราณต์นั่งคุยกันตามประสาพี่น้องในห้องนั่งเล่น ส่วนแม่เลี้ยงลักษิกาก็เล่นกับหลาน นัสรินจึงถือโอกาสเดินไปที่เนินเขาหลังคุ้มลักษิกา เพื่อดูแปลงกุหลาบและพระอาทิตย์ตกดินตาคู่สวยมองพระอาทิตย์ดวงโตที่กำลังทอดตัวลงหาเส้นขอบฟ้า พร้อมกับปล่อยความคิดของตัวเองให้ล่องลอยไป ลมหนาวเริ่มพัดพรายมากระทบกาย แต่ยามนี้หัวใจเธอกลับเต็มไปด้วยความอบอุ่น และมันก็อุ่นยิ่งขึ้นเมื่อมีอ้อมกอดของคนที่รักโอบล้อมเข้ามา“มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ” นัสรินเอียงหน้ามาถามคนที่ยืนโอบกอดตัวเองอยู่ทางด้านหลังเบาๆ“คิดอะไรอยู
บทที่ 82“มันน่าโกรธมั้ยล่ะ ผมเป็นหมอแทนที่จะได้รู้เป็นคนแรกว่าเมียตัวเองท้อง แต่กลับเป็นหมอคนอื่นที่รู้ก่อน คุณก็รู้นี่นัสว่าผมอยากมีลูกกับคุณแค่ไหน” ปราณต์เอ่ยออกมาเสียงขรึมๆ“ก็ตอนนั้นคุณกับนัสยังไม่เข้าใจกันนี่คะ อีกอย่างคุณก็ทำให้นัสเข้าใจว่าคุณกับออยมีอะไรลึกซึ้งกันไปแล้ว นัสเลยไม่อยากให้ลูกกลายมาเป็นปัญหาของใคร”“ตอนนั้นผมเข้าใจ แต่เราเข้าใจและคืนดีกันมากี่วันแล้วนัส นัสคิดจะปิดผมไปอีกนานแค่ไหน และมีเหตุผลอะไรที่คุณไม่ยอมบอกผม”“โธ่...ก็นัสยังไม่กล้าบอกนี่คะ อย่าทำหน้าทำเสียงแบบนั้นใส่นัสสิคะ นัสใจไม่ดี”“ถูกต้องแล้วที่คุณจะใจคอไม่ดี เพราะตอนนี้ผมโกรธคุณอยู่ และโกรธมากด้วย” ปราณต์ทำเสียงเข้มใส่ ทำให้คนถูกโกรธยิ่งใจฝ่อ“แล้วทำยังไงคุณถึงจะหายโกรธคะ”“ก็ต้องง้อสิ ไม่ง้อจะให้หายโกรธได้ยังไง”นัสรินขยับตัวเข้าหาพร้อมกับยกแขนขึ้นโอบกอดที่ต้นคอของเขา ก่อนจะเขย่งเท้าขึ้นแล้วประกบปากตัวเองลงบนปากของเขา จากนั้นเธอก็เริ่มจูบและปราณต์ก็จูบตอบอย่างร้อนแรง กึ่งลงโทษกึ่งปรารถนาปนเปอยู่ในรสจุมพิตนั้น“หายโกรธนัสหรือยังคะ” เสียงหวานเอ่ยถามอย่างงอนง้ออีกครั้งหลังจากที่ปากของทั้งคู่ผละห่างจากกัน
บทที่ 81“ทำไมถึงซื้อไว้ล่ะคะ ที่จริงมีบ้านสวยๆ กว่าบ้านหลังนี้อีกเยอะแยะ หรือถ้าคุณจะสร้างใหม่ก็สร้างได้สบายๆ อยู่แล้ว”“ไม่รู้สิ คงเป็นเพราะว่ามีสิ่งเดียวที่ผู้ชายใจร้ายอย่างผมทำได้เพื่อระลึกถึงคุณมั้ง” ปราณต์พูดด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าเขาไม่ได้โกหกแต่อย่างใด แววตายามเมื่อนึกถึงความหลังครั้งนั้น ฉายแววเคว้งคว้างสับสนออกมาจนนัสรินรู้สึกได้“นัสก็ผิดค่ะที่เห็นแก่ตัว ถ้าคุณจะเกลียดนัสก็ไม่แปลกหรอก”“แต่ถ้าผมใจกว้าง เปิดใจยอมรับว่าที่นัสทำลงไปก็เพราะรักผม ป่านนี้เราอาจจะมีลูกด้วยกันแล้วก็ได้” ปราณต์พูดถึงลูกอีกครั้ง นัสรินจึงเบี่ยงตัวออกจากอ้อมแขนของเขา เพราะเธอยังปิดบังเรื่องที่ตัวเองท้องอยู่ แต่ปราณต์ไม่ยอมให้นัสรินหนีไปไหน เขาย่อตัวช้อนอุ้มร่างบางพาเดินไปนอนที่เตียงด้วยกัน“คุณปราณต์อุ้มนัสมาขึ้นเตียงทำไมคะ” นัสรินถามพลางหน้าแดงซ่าน เมื่อครู่ยังคุยกันดีๆ อยู่แท้ๆ แต่เผลอแป๊บเดียวเธอก็ขึ้นมานอนอยู่บนเตียงโดยมีร่างสูงใหญ่ของเขานอนอยู่แนบชิดเสียแล้ว“ก็พามาพิสูจน์ว่าเตียงเล็กไปหรือเปล่าสำหรับเราสองคน”“วันนั้นก็พิสูจน์ไปแล้วไม่ใช่เหรอคะ”“วันนั้นผมเมา จำอะไรไม่ค่อยได้ ต้องทำตอนมีสติ” คน