“ถ้าย้อนเวลาได้นัสจะไม่ทำแบบนั้นค่ะ ที่นัสตัดสินใจทำไปแบบนั้นก็เพราะนัส...” กำลังจะบอกว่าเพราะเธอแอบรักเขามาตั้งแต่ได้เห็นหน้าครั้งแรกแล้ว เมื่อปรัชญ์ขอยกเลิกการแต่งงานกับเธอและเสนอให้เธอแต่งงานกับเขาแทน เธอจึงไม่ปฏิเสธ
“เพราะเห็นแก่ตัว เห็นแก่เงิน และเห็นผมเป็นตัวตลกใช่ไหม” ปราณต์ไม่ยอมฟังให้จบก็ชิงพูดแทรกขึ้นตามอารมณ์ที่คั่งค้างอยู่ในใจมาเป็นแรมปี
“นัสไม่สามารถที่จะย้อนเวลากลับไปแก้ไขอะไรได้ แต่นัสก็ชดเชยให้คุณไปหมดแล้วไงคะ”
คำว่าชดเชยในความหมายของนัสรินก็คือการคืนอิสรภาพให้เขา และยอมจากไปเงียบๆ โดยไม่ได้เรียกร้องอะไรจากเขาเลยแม้แต่นิดเดียว ทว่าความหมายของปราณต์มันกลับเป็นคนละอย่าง
“ด้วยการนอนกับผมแค่คืนเดียวอย่างนั้นเหรอ”
“นัสเคยบอกคุณปราณต์แล้วว่านัสไม่ได้ห้ามให้คุณใช้สิทธิ์ความเป็นสามีกับนัส แต่คุณปฏิเสธนัสเองเพราะว่าคุณรังเกียจผู้หญิงอย่างนัส” เธอย้ำเตือนถึงคำพูดของเขาที่เคยพูดกับเธอตั้งแต่คุยกันเรื่องหย่า
“แล้วถ้าตอนนี้ผมเกิดอยากจะใช้สิทธิ์ย้อนหลังล่ะ”
“คุณปราณต์!” นัสรินเผลอเรียกชื่อเขาเสียงเข้ม แม้อะไรๆ ในตัวปราณต์ไม่เคยเปลี่ยนหลังจากที่เธอไม่เจอเขามาเป็นปี แต่ตอนนี้สิ่งที่เธอรู้สึกได้ว่าเขาเปลี่ยนไปจริงๆ ก็สกิลการพูดจาให้เธอเจ็บใจและอับอาย มันเพิ่มขึ้นจากแต่ก่อนหลายเท่าตัว
“ว่าไง?” คิ้วเข้มเลิกขึ้นเหมือนจะยวนอารมณ์ ทั้งๆ ที่หน้าหล่อๆ นั้นยังคงนิ่งขรึมเหมือนหุ่นยนต์
“สิทธิ์ของคุณปราณต์หมดลงตั้งแต่วันที่คุณกับนัสหย่ากันแล้วค่ะ” นัสรินเชิดหน้าและปฏิเสธเสียงแข็งกระด้าง
“ผมก็เพิ่งรู้ตัวว่าโง่ที่ไม่ใช้สิทธิ์จนคุณสึกหรอเสียก่อน ครั้งเดียว...ไม่ใช่สิ ไม่ใช่ครั้งเดียว จะให้ถูกต้องพูดว่า ถึงแม้จะหลายครั้งในคืนเดียว มันก็ไม่ได้ทำให้คุณสึกหรอเท่าที่ควรเลย ถ้าไม่ออกไปกรำศึกต่อหลังจากนั้น ตอนนี้อะไรๆ ก็คงจะเข้าที่เข้าทางหมดแล้วละ เผลอๆ ไอ้ผู้ชายคนใหม่มันก็คงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคุณเคยมีผัวมาก่อน”
แม้เจ็บเกินจะเจ็บกับวาจาเยาะเย้ยถากถางซึ่งหลุดมาแทบจะทุกประโยคที่คุยกัน แต่ทว่าคำพูดที่เพิ่งพ่นออกมาจากปากของปราณต์หมาดๆ เมื่อครู่นี้ มันร้ายกาจเกินกว่าที่นัสรินจะทนนั่งฟังได้อีกต่อไป เธอเงยหน้าขึ้นมองดูเพดาน กะพริบตาถี่ๆ พร้อมกับถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะก้มลงมาเผชิญหน้ากับเขาใหม่
“โอเคค่ะ นัสยอมแพ้ นัสจะไม่ขายยาและจะไม่อยู่ให้คุณปราณต์ดูถูกมากไปกว่านี้อีกแล้ว คุณปราณต์อยากทำอะไรหรืออยากกินอะไรต่อก็เชิญตามสบายค่ะ อ้อ...อาหารมื้อนี้นัสเลี้ยงนะคะ”
พูดจบนัสรินก็หยิบเอาเงินฉบับละพันสองใบในกระเป๋าออกมาวางบนโต๊ะ ก่อนจะลุกพรวดพราดขึ้นและก้าวฉับๆ ออกไปจากร้าน โดยไม่สนใจว่าร่างสูงลุกขึ้นและก้าวตามมาติดๆ
เมื่อเดินมาถึงลานจอดรถของร้าน ต้นแขนกลมกลึงก็ถูกมือใหญ่เอื้อมมาจับไว้แน่น พร้อมกับที่ปราณต์บังคับให้เธอต้องหันมาเผชิญหน้ากันอีกครา
“เดี๋ยวก่อนนัสริน”
“จะเอายังไงกับนัสอีกคะ” เสียงหวานเอ่ยถามห้วนกระด้าง เชิดหน้าขึ้นเผชิญหน้ากับเขาอย่างไม่มีอะไรต้องเกรงใจกันอีกต่อไป
“ผมไม่ชอบให้ใครเอาเงินฟาดหัว ถ้าจะเอาอะไรสักอย่างฟาดผมก็ควรจะเป็นปากของคุณ”
จบคำร่างบางก็ถูกกระชากเข้าไปกอด ก่อนที่ริมฝีปากหยักซึ่งนัสรินเคยชื่นชมว่าสวยราวกับปากผู้หญิงบดขยี้ลงมาบนเรียวปากของเธออย่างรุนแรงป่าเถื่อน
นัสรินแตกตื่นใจเป็นที่สุด ไม่คิดว่าจู่ๆ ตัวเองจะถูกปราณต์กอดจูบเช่นนั้น เธอเบี่ยงหน้าหลบการรุกรานนั้นพร้อมกับร้องห้ามเป็นพัลวัน
“อย่าค่ะ...คุณปราณต์...ปล่อยนัส...”
คำห้ามปรามของเธอ ไม่ต่างอะไรกับการบอกเขาให้จาบจ้วงหนักกว่าเดิม เพราะตอนนี้สองมือของปราณต์ยกขึ้นประคองข้างแก้มนวลตรึงเอาไว้ เพื่อไม่ให้เธอเบี่ยงหน้าหลบไปไหนได้อีก จากนั้นนัสรินก็รู้สึกเหมือนโลกหยุดหมุนไปชั่วขณะเมื่อริมฝีปากของคนที่กำลังโกรธกรุ่นทาบลงมาปิดปากของเธอในที่สุด และที่ร้ายไปกว่านั้นก็คือลิ้นสากหนาร้อนๆ ที่เธอยังจำรสสัมผัสได้ไม่รู้ลืม ชำแรกผ่านเรียวปากอิ่มเต็มของเธออย่างรวดเร็ว ความรู้สึกหลากหลายแล่นพล่านเข้ามารวมตัวกันอยู่ที่ท้องน้อย ปราณต์จูบแรงมาก จูบจนเธอเจ็บร้าวไปหมดทั้งปาก แต่ทันทีที่ลิ้นสัมผัสกับลิ้น ความเจ็บร้าวนั้นก็มลายหายไป เหลือไว้แต่ความวาบหวามรัญจวนอย่างไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้น ก็แน่ละ...เธอยังตัดใจจากเขาไม่ได้ ยังไม่มีวันไหนที่ลืมเขาได้ พอโดนเขาจูบเข้าหน่อยก็ตัวอ่อนระทวย แล้วเขาเล่ารู้สึกเช่นไร คงจะรู้สึกแค่อยากลงโทษ อยากเอาคืน อยากแก้แค้น และทำให้เธอเจ็บปวดอับอายเสียกระมัง ความคิดเช่นนั้นทำให้หญิงสาวพยายามเตือนสติข่มกลั้นอารมณ์รัญจวนที่ไม่ควรเกิดขึ้นของตัวเองเอาไว้อย่างสุดความสามารถ แล้วฉาบความรู้สึกที่ว่า ปราณต์ทำไปเพราะต้องการที่จะระบายอารมณ์โกรธของเขาเท่านั้น
หมอหนุ่มถอนปากออกมา เมื่อร่างบางไม่ดิ้นรนต่อสู้ ไม่ร้องโวยวายเหมือนช่วงแรก แต่กลับยืนนิ่งให้เขาจูบเหมือนกับหุ่นยนต์ที่ไม่มีชีวิตจิตใจ
“พอใจหรือยังคะ ถ้ายังก็เชิญเลย อยากทำอะไรนัสอีกก็ทำ” เธอมองด้วยสายตาว่างเปล่าแต่เจือไว้ด้วยความเจ็บปวดอย่างรุนแรงต่อการกระทำของเขา
“นัสริน...ผม...” นึกอยากจะเอ่ยปากขอโทษ แต่ปากมันก็หนักจนพูดไม่ออก
“ถ้าคุณพอใจแล้วนัสก็ขอตัว และก็ขอโทษที่การมาของนัสทำให้คุณขุ่นเคืองใจ แต่นัสสัญญาว่าจะไม่มาให้คุณเห็นหน้าอีก ชาตินี้เราจะไม่มีวันได้พบกันอีก คุณสบายใจได้เลย”
พูดจบนัสรินก็เดินไปโบกแท็กซี่ทั้งที่น้ำตายังคลอเต็มเบ้า โชคดีที่แท็กซี่ในเชียงใหม่มีค่อนข้างเยอะ จึงแล่นมาได้จังหวะที่เธอกำลังอยากจะหนีหน้าปราณต์โดยไวที่สุดพอดี
นัสรินบอกปลายทางกับคนขับว่าให้ไปส่งที่สนามบิน ตาที่ฝ้าฟางด้วยม่านน้ำตาบางๆ ตอนนี้มองออกไปนอกหน้าต่างรถ บอกกับตัวเองว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะเหยียบย่างมาที่นี่ และคงจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะได้เจอหน้าผู้ชายที่ตัวเองรัก ซึ่งไม่ว่าเวลาจะเปลี่ยนไปนานเท่าไหร่เขาก็ยังคงใจร้ายเช่นเดิม
บทที่ 89เสียงกริ่งหน้าบ้านที่ดังขึ้นอย่างถี่รัว ทำให้ร่างสูงใหญ่ที่กำลังนอนกอดตระกองภรรยาสาวอยู่ในอ้อมแขนอย่างมีความสุขต้องยันกายลุกขึ้น พลางมุ่นคิ้วเข้าหากันอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ ใครมากดกริ่งแบบนี้” นัสรินถามสามีอย่างพลอยตกใจไปด้วย เพราะตั้งแต่อยู่บ้านหลังนี้มาไม่เคยมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นมาก่อน “เดี๋ยวผมไปดูก่อน นัสรออยู่นี่นะ” ปราณต์เดินออกไปชะเง้อดูที่ระเบียง แสงที่สาดสะท้อนมาจากไฟหน้าบ้าน ทำให้เขาเห็นได้ชัดว่าคนกดเป็นใคร หนำซ้ำคนกดยังส่งเสียงร้องเรียกเขาราวกับกำลังมีเรื่องร้อนใจสุดๆ อีกต่างหาก“พี่ปราณต์! พี่ปราณต์!”ร่างสูงกลับเข้าห้อง แล้วบอกภรรยาที่นั่งรออยู่บนเตียง เพื่อให้เธอคลายความกังวลว่าคนที่กำลังกดกริ่งหน้าบ้านและส่งเสียงเรียกเขาอยู่นั้นเป็นใคร“ตะวันน่ะ”บอกเสร็จปราณต์ก็ออกจากห้อง โดยมีนัสรินก้าวตามลงไป ทั้งสองเดินออกไปยังหน้าบ้านด้วยกัน และปราณต์ก็กดกุญแจรีโมตเปิดประตูรั้วให้รังสิมันต์“มีอะไรตะวัน”“พี่ปราณต์ต้องช่วยผมนะ เด็กคนนั้นโดนแก้วบาดมือ เลือดไหลเยอะมาก ตอนนี้เด็กนั่นอยู่ในรถผม” รังสิมันต์ไม่ได้เอ่ยชื่อของจันทริกาออ
บทที่ 88แสงไฟสีเหลืองอมส้มที่ส่องสว่างทั่วอาณาบริเวณของบ้านเดี่ยวสองชั้นหลังใหญ่ ยิ่งทำให้บ้านซึ่งถูกออกแบบและปลูกสร้างอย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ดูโดดเด่นสวยสะดุดตามากยิ่งขึ้นในยามค่ำคืนเช่นนี้ หากแต่ภายใต้ความสว่างไสวและสวยงามที่ห้อมล้อมบ้านหลังใหญ่ในยามนี้ คนเป็นเจ้าของกลับกำลังอยู่ในห้วงของอารมณ์ซึ่งสวนทางกับบรรยากาศอันแสนสวยงามของบ้านโดยสิ้นเชิง เพราะถูกครอบงำด้วยความโมโหต่อ ‘เด็กในปกครอง’ ที่หายตัวไปตั้งแต่ตอนบ่าย และป่านนี้แล้วก็ยังไม่กลับมาร่างสูงลุกขึ้นเดินไปมาสลับกับมาทรุดตัวลงนั่งบนโซฟา ซึ่งความหนานุ่มสมราคาของมันกลับไม่ได้ทำให้ความเดือดพล่านในอารมณ์ของรังสิมันต์ลดลงเลยแม้แต่นิด มือใหญ่สมสัดส่วนกับรูปร่างเอื้อมไปหยิบขวดวิสกี้ราคาแพงระยับมาเทลงบนแก้ว ก่อนจะกระดกน้ำสีอำพันนั้นลงไปในลำคอพรวดเดียวหมด จากนั้นก็กระแทกแก้วลงกับโต๊ะเพื่อระบายอารมณ์ โดยมี ‘เมสซี่’ แมวพันธุ์แร็กดอลล์ตัวโปรดนั่งอยู่บนโซฟาข้างๆ บ่อยครั้งที่ตาสีฟ้าของมันเหลือบมองเจ้านายตัวเอง และลุกขึ้นมาคลอเคลีย ตามประสาแมวขี้เล่น แต่พอรู้ว่าเจ้านายกำลังอารมณ์ไม่ดี มันก็กลับไปนั่งที่ของมันแล้วหมอบลงเงียบๆ อย่างไม่กล้าก
บทที่ 87“นั่งด้วยกันมั้ย” ปราณต์เอ่ยชวน“ไม่ดีกว่าครับ ไม่อยากเป็นก้างขวางคอคนที่กำลังอยู่ข้าวใหม่ปลามัน” รังสิมันต์ปฏิเสธก่อนจะหันไปทางกวินภพเพื่อหาพวก “จริงมั้ยวะอิสร์”“แกมันก็ชอบหาเรื่องกวนตีนชาวบ้านไปทั่ว” กวินภพไม่ได้เออออแต่พูดขัดคอขึ้นมาซะงั้น“เฮ้ย...แกเป็นนักธุรกิจพันล้านนะเว้ยอิสร์ พูดคำหยาบกวนตงกวนตีนแบบนี้ได้ไง เสียภาพพจน์นักธุรกิจหนุ่มหล่อมาดเนี๊ยบหมด”“แกมันบ้าว่ะตะวัน” หนุ่มกรุงเทพฯ ส่ายหน้ายิ้มๆ กับความเจ้าคารมและช่างกวนอารมณ์ชาวบ้านของรังสิมันต์“พี่ก็ว่างั้นละอิสร์”“เฮ้อ...ตอนแรกว่าจะไม่อยู่เป็นก้างขวางคอ เปลี่ยนใจดีกว่านั่งกับพี่ปราณต์เลยแล้วกัน” รังสิมันต์แกล้งกวนอารมณ์พี่ชายต่อ ด้วยการจะขยับเข้าไปนั่งลงบนเก้าอี้ตัวที่ว่างอยู่ แต่ยังไม่ทันได้นั่งนัสรินซึ่งไปเข้าห้องน้ำก็กลับมาเสียก่อน ทำให้ทั้งสองหนุ่มต้องหันไปทักทายกับหญิงสาวตามมารยาท“สวัสดีครับพี่สะใภ้” รังสิมันต์ทักทายขึ้นก่อนอย่างขี้เล่น ทำให้คนถูกทักเหวอแกมอายนิดๆ เพราะไม่ค่อยคุ้นกับคำเรียกแบบนั้นสักเท่าไหร่“สวัสดีค่ะ” เสียงหวานเอ่ยทักทายพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้ เพราะประเมินว่าทั้งสองน่าจะอายุมากกว่าตน“ตะวั
บทที่ 86“แน่นอนสิที่รัก ถ้าไม่รู้ใจคุณแล้วผมจะเป็นผัวคุณได้ยังไง ว่าไงจะบอกหรือเปล่าว่าหมายถึงใคร”“นัสหมายถึงหมอเมย์ค่ะ” ในที่สุดนัสรินก็ยอมรับว่าเธอต้องการจะถามเขาว่าเคยพาเมธาวีมาที่นี่หรือไม่“ถ้าบอกว่าเคยล่ะ”“ก็ไม่แปลกใจค่ะ” ปากว่าไม่แปลกใจ หน้าก็ยังดูยิ้ม แต่แววตาและน้ำเสียงนั้นแปร่งไปจนฟังได้ชัด“คราวนี้จะยอมรับได้หรือยังหือว่าคุณหึงผมกับเมย์” คุณหมอผู้ลองใจเมียเริ่มต้อนให้เธอยอมรับความจริงกับเขาเสียที“ยอมรับก็ได้”“ทำไมถึงจำเพาะเจาะจงว่าเป็นเมย์”“ไม่รู้สิคะ อาจเป็นเพราะว่านัสเคยเห็นกับตาว่าคุณกับหมอเมย์สนิทสนมกันแค่ไหนมั้ง”“ผมไม่ได้คิดอะไรกับเมย์เกินกว่าน้องสาว สาบานได้เลย แต่ผมก็ดีใจนะที่รู้ว่าทำให้คุณหึง”“วันที่นัสไปตรวจที่คลินิกว่าท้องหรือเปล่า นัสเจอหมอเมย์ด้วยค่ะ เธอบอกว่าเธอเลิกกับคุณปราณต์แล้ว”“หือ...เลิกกัน?” ปราณต์เลิกคิ้วเข้มขึ้น “ฟังอะไรผิดหรือเปล่านัส”“เธอบอกแบบนั้นจริงๆ นะคะ แต่มาบอกทีหลังว่าเลิกหวังในตัวคุณแล้ว เพราะคุณรักคนอื่นอยู่” นัสรินเล่าให้ฟังตามความจริง พลางคิดถึงเหตุการณ์และสีหน้าของเมธาวีในวันนั้นอย่างจำได้แม่น“ขนาดเมย์ยังรู้ว่าผมรักใคร แล้วทำไม
บทที่ 85ปราณต์เป็นฝ่ายขยับมาถือกระเป๋าสะพายของภรรยาที่วางอยู่บนโต๊ะ พร้อมกับโอบเอวเล็กที่ตอนนี้ขยายขึ้นเล็กน้อย ทำให้นัสรินซึ่งยังงงอยู่เล็กน้อยเพราะไม่คิดว่าคนทั้งสองจะรู้จักกันต้องขยับตาม แต่ก็ไม่ลืมที่จะร่ำลาหมอพัทธระตามมารยาทอันดี “ขอบคุณคุณหมอมากนะคะ เดี๋ยววันหลังนัสจะเตรียมสัญญามาให้เซ็น วันนี้นัสขอตัวก่อน” “ครับคุณนัสริน แล้วพบกันครับ” หญิงสาวยกมือขึ้นไหว้ จากนั้นก็ก้าวตามสามีออกไปขึ้นรถ ปราณต์เดินเงียบๆ แต่ยิ้มในหน้า ซึ่งจากประสบการณ์ที่อยู่ด้วยกันมาพักหนึ่ง ทำให้นัสรินพอจะรู้ว่าเวลาที่ปราณต์เป็นแบบนี้นั่นคือเขากำลังอยู่ในภาวะอารมณ์ดีแบบสุดๆ “ยิ้มอะไรนักหนาคะ พอใจมากหรือไง” นัสรินถามคนที่ซ่อนยิ้มในหน้าอย่างอดไม่ได้ จากสายตาและวาจาที่ฟังดูนุ่มละมุนผิดปกติของหมอพัทธระเมื่อครู่นี้ เธอก็พอจะรู้ว่าเขาคิดยังไงกับสามีของตน “ก็พอใจสิ” “แล้วเป็นไงคะ หมอพัทธระหล่ออย่างที่นัสบอกหรือเปล่า” “หล่อ...แต่ที่ฟังดูน้ำเสียงของนัสเหมือนกำลังหึงผมอยู่นะ อย่าหึงเลยน่า ผมชอบผู้หญิง” คราวน
บทที่ 84วันนี้เป็นวันครบรอบสามเดือนที่บริษัทส่งตัวนัสรินมาทำงานที่เชียงใหม่พอดี ซึ่งตามกำหนดเดิมเธอจะต้องกลับไปทำงานที่กรุงเทพฯ และมีตัวแทนจากบริษัทคนใหม่มาทำงานแทนเธอ แต่จนป่านนี้ทางบริษัทก็ยังไม่ส่งใครมา แถมเธอยังต้องทำงานที่นี่ต่อ ซึ่งคราวนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่ทำชั่วคราวแล้ว หากแต่ต้องประจำอยู่ที่นี่อย่างถาวรนัสรินยังจำวันที่ตัวเองโทร.ไปแจ้งข่าวกับกิตติ ว่าเธอประสงค์จะลาออกจากงาน ตอนนั้นหัวหน้าของเธอดูเป็นเดือดเป็นร้อนมาก เพราะยังหาคนที่ทำงานเก่งอย่างเธอมาแทนยังไม่ได้ แต่เมื่อรู้ว่านัสรินจะลาออกไปแต่งงาน และอยู่ที่เชียงใหม่กับสามี กิตติก็ขอร้องให้เธอทำงานให้ต่อ โดยเสนอจะเพิ่มเงินเดือนให้ สุดท้ายนัสรินก็จำต้องรับปาก โดยไม่ต้องเพิ่มเงินเดือนให้เธอ ความจริงเธอไม่ได้อยากลาออกเลยสักนิด แต่ที่ต้องบอกหัวหน้าไปเช่นนั้น ก็เพราะปราณต์ขอร้องแกมบังคับ และเมื่อเขาได้รู้ว่าเธอตัดสินใจจะทำงานต่อ หมอหน้าหล่อก็งอนไปหลายวันเหมือนกันนัสรินออกมาจากออฟฟิศก่อนเวลาเลิกเงิน เพราะมีนัดกับลูกค้าซึ่งเป็นหมอของโรงพยาบาลเอกชน เรียวปากอิ่มคลี่ยิ้มออกมาบางๆ ก่อนจะเอ่ยปากขอตัวกับหมอหนุ่มที่ตัวเองกำลังคุยงานด้วยอย