LOGINวันต่อมา....
ฉันขับรถมาทำงานด้วยอาการเบลอๆ เนื่องจากนอนไม่หลับทั้งคืน เพราะมั่วแต่นอนคิด นั่งคิด กับเรื่องที่รับรู้มาเมื่อวานนี้ หลังจากที่ฉันเลิกงานช่วง 2 ทุ่ม คุณอินทรได้ให้เลขาของเขา นำเอกสารสำคัญมาส่งให้ฉัน และกำชับให้ฉันรีบเปิดอ่านทันที
"หนูมีนา ฉันไม่เคยลืมสัญญา ที่ให้ไว้กับแม่ของหนูเลยนะ และฉันก็คิดว่ามันถึงเวลาแล้ว ที่ต้องทำทุกอย่างให้มันถูกต้อง ตลอดเวลาที่ผ่านมา ถึงหนูมีนา จะไม่เคยร้องขอความช่วยเหลือจากฉันเลยก็ตาม แต่ฉันเองก็อยากจะให้สิ่งที่ดีที่สุดกับหนู เพื่อทดแทนกับสิ่งที่แม่ของหนูได้เคยช่วยเหลือภรรยาของฉัน ฉันอยากให้หนูมีนา แต่งงานกับหลานชายคนเดียวของฉัน เพื่อที่จะได้มีสิทธิ์ในทรัพย์สมบัติของฉันคนละครึ่ง กับหลานชายของฉัน ฉันอยากให้หนูมีนา สุขสบาย ไม่ต้องทนทำงาน เป็นพนักงานบริษัทไปเรื่อยๆ แบบนี้ หวังว่า หนูมีนาจะไม่ปฏิเสธคำขอร้องของฉันนะ"
"อินทร วิรากุล"
ฉันรู้จัก คุณอินทร วิรากุล เนื่องจากก่อนที่แม่ของฉันจะเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ แม่ของฉันเคยบริจาคเกล็ดเลือดช่วยเหลือภรรยาของท่าน ซึ่งในเวลานั้น ถ้าไม่ได้เกล็ดเลือดของแม่ฉัน ภรรยาของท่านก็คงเสียชีวิตไปแล้ว ดังนั้น คุณอินทรจึงคอยแวะเวียน มาเยี่ยมเยือนแม่ฉันกับฉันอยู่เสมอ หรือบางครั้งท่านก็จะให้เลขาของท่านเอาของมาฝาก ถ้าหากท่านไม่สะดวกมาเอง คุณอินทร ท่านเป็นคนดีมาก ท่านคอยช่วยเหลือเรื่องค่าเล่าเรียนของฉัน และฝากฉันให้เข้าทำงานที่บริษัทประกอบยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ เพื่อที่ฉันจะได้มีอนาคตที่ดี มีเงิน สามารถเลี้ยงดูแม่ของฉันให้สุขสบายได้ ถึงแม้ว่าท่านจะเคยหยิบยื่น เงินทองที่มากมาย โอกาสต่างๆ ให้กับครอบครัวของฉัน แต่แม่และฉันก็ไม่เคยคิดที่จะรับ เพราะแม่ของฉันถือว่าเป็นการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน คุณอินทรจึงทำได้เพียงส่งเสียให้ฉัน ได้มีการศึกษาที่ดีๆ ได้ทำงานในที่ดีๆ เท่านั้น
ในวันที่ฉันสูญเสียแม่ด้วยอุบัติเหตุ คุณอินทรก็มาช่วยงานศพแม่ของฉันนะ ท่านค่อยถามไถ่ตลอดว่าให้ท่านช่วยเหลืออะไรไหม อยู่ได้หรือเปล่า เหลือตัวคนเดียวแล้ว เพราะท่านรู้ ว่าฉันกับแม่ไม่มีใครนับญาติด้วย ฉันจึงบอกท่านไป ว่าฉันอยู่ได้ไม่เป็นไร ท่านจึงได้แต่ค่อยดูแลอยู่ห่างๆ
เลขาของท่าน บอกว่าท่านอยากทำทุกอย่างให้มันดีที่สุด ถ้าหากวันหนึ่งท่านไม่มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้แล้ว ท่านจะได้หมดห่วง
ฉันไม่เคยรู้จัก หรือพบเจอหลานชายของท่านเลย ไม่รู้ว่าหลานชายของท่าน จะเป็นยังไง ในตอนแรกฉันก็ปฏิเสธคำขอร้องของ คุณอินทรไปนะ แต่คุณอินทรบอกว่า หากแต่งงานกันไปแล้ว ภายใน 1 ปี ฉันกับหลานชายของท่าน ไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ ท่านก็จะให้เราหย่าขาดกัน และท่านก็จะให้ทรัพย์สมบัติของท่านอีกครึ่งหนึ่งเหมือนเดิม แต่ถ้าอยู่ด้วยกันไปรอด ท่านจะได้ตายตาหลับ เพราะมีคนดูแลฉัน ท่านจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง
.และวันนี้ทั้งวัน ฉันก็นั่งทำงานด้วยสภาพจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย จนซักพัก พี่หวาน เลขาของคุณ ภีมภพ กรรมการผู้จัดการของบริษัท โทรลงมาแจ้งว่าให้พนักงานที่ชื่อ มีนาขึ้นไปพบ คุณภีมภพ ในห้องประชุมใหญ่
"ยายมีนา ทำไมคุณภีมภพ เขาให้แกขึ้นไปพบอ่ะ แกไปทำอะไรผิดมาหรือเปล่า" เสียงของยายจิน เพื่อนร่วมแผนกของฉันถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง
"ไม่รู้เหมือนกันอ่ะ เดียวฉันไปก่อนนะ"
ฉันพูดจบก็ไปขึ้นลิฟต์ เพื่อขึ้นไปยังห้องประชุมใหญ่ ในระหว่างที่รอลิฟต์ ฉันก็นึกคิดนะ ว่าคุณภีมภพ จะเรียกฉันขึ้นไปทำไม ปกติคุณภีมภพ เขาไม่ค่อยวุ่นวายกับพนักงานระดับลูกกระจ๊อกอย่างพวกฉันหรอกนะ ถ้าหากเขามีอะไร เขาจะสื่อสารผ่านหัวหน้าแผนก แต่ละแผนกเท่านั้น
ก็อกๆ
"ขออนุญาติค่ะ"
เมื่อฉันขึ้นมาจนถึงห้องประชุมใหญ่ จึงทำการเคาะประตูห้อง เพื่อขออนุญาติเข้าไป เมื่อฉันเปิดประตูเข้ามา ฉันก็เจอกับผู้ชาย 2 คน ซึ่งคือ คุณภีมภพ และ ผู้ชายคนนั้น คนที่ฉันวิ่งชนเขา และยังเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทอีกด้วย
"สวัสดีค่ะ" ฉันยกมือไหว้ บุคคลทั้ง 2 ที่อยู่ในห้องประชุม
"พี่หวานแจ้งว่า คุณภีมภพ ต้องการพบดิฉัน มีอะไรหรือเปล่าค่ะ"
"ผมไม่มีหรอก แต่คนนี้มี" คุณภีมภพ พูดจบก็หันหน้าไปยังผู้ชายคนนั้น
"เธอเองเหรอที่ชื่อ มีนา คนที่คุณปู่ฉันฝากให้ทำงานที่นี้"
"เอ่อ"
"นี้ พายุ หลานชายคนเดียวของ คุณอินทร คนที่เธอต้องแต่งงานด้วยนะ" คุณภีมภพ เป็นฝ่ายแนะนำฉันให้รู้จักเขา ด้วยท่าทางนึกขำ
"....." เธอคงทราบเรื่องแล้วใช่ไหม ที่ฉันมาวันนี้ ฉันต้องการมาตกลงกับเธอ ฉันต้องการให้เธอปฏิเสธ คุณปู่ไป เธอต้องการเท่าไร บอกฉันมาได้เลย ฉันจะเซ็นเช็คให้เดียวนี้ เพราะฉันไม่สามารถยอมรับสัญญา บ้าๆ นั้นได้ ฉันหวังว่าเธอจะเข้าใจ"
"เงียบทำไม หรือคิดว่าเงินที่ฉันจะให้ มันไม่มากพอ ถ้าเทียบกับสมบัติของคุณปู่ ที่เธอจะได้รับคนละครึ่งกับฉัน"
พอฉันได้ยินแบบนั้น ก็ปรี๊ดดดด สิค่ะ ถึงฉันจะจน แต่ฉันก็ไม่เคยอยากได้ของๆ คนอื่นนะ
"ฉันเข้าใจในสิ่งที่คุณพูด และต้องการค่ะ ไม่ใช่แค่คุณ ตัวฉันเองก็ไม่ได้อยากที่จะแต่งงานกับคุณนักหรอก แล้วไอ้สิ่งที่คุณเสนอให้ฉัน ฉันไม่ต้องการ เอาไว้ฉันจะคุยกับคุณอินทร ให้เข้าใจเอง"
"มีธุระแค่นี้ใช่ไหมค่ะ ฉันจะได้ไปทำงาน ขอตัวนะค่ะ"
ฉันยกมือไหว้คุณภีมภพ ก่อนที่จะเดินออกมาจากห้องประชุมใหญ่
"คิดว่าตัวเองรวยกว่าคนอื่นหรือไง ถึงได้มาพูดจาดูถุกคนอื่นแบบนี้ นิสัยไม่ดีเลย หึ นี้เหรอคนที่ฉันต้องแต่งงานด้วย ให้ตายเถอะ" ฉันเดินหน้าตึง กลับเข้ามาในแผนก โดยที่ใครถามอะไรฉันก็ไม่ตอบอะไรใครทั้งนั้น โมโห มันโมโห อยู่นิ
อีกด้าน....
"เอาเรื่องเหมือนกันนะ ดูท่าแล้ว"
พี่ภีมเอ่ยขึ้นหลังจากที่ผู้หญิงคนนั้นเดินออกไปจากห้องประชุม
"แล้วไง ผมไม่สนหรอก ผมจะทำทุกทางเพื่อที่จะไม่ต้องมาแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้ และสมบัติของปู่ผม ผมก็จะไม่แบ่งใครทั้งนั้นแหละ"
"เอ่อ เอาใจช่วยแล้วกัน"
"แล้วนี้จะกลับเลยไหม หรือจะไปดูสาวๆ ที่แผนกของมีนา"
"พี่ภีม !!!! ผมไม่ตลก คนยิ่งกลุ้มๆ อยู่"
"เอาน่า อย่าพึ่งคิดมากดูท่าเขาก็ไม่ได้อยากแต่งงานกับแกเลยนะ รอให้เขาไปคุยกับคุณปู่ก่อนก็ได้"
"ผมกลับหล่ะ มีนัดกับเอม จะพาเอมไปซื้อของกับคุณแม่"
"อืมๆ"
บ้านสวนดอกไม้....
"เรียบร้อยใช่ไหม" เสียงของ อินทรเอ่ยถาม ทนายและเลขาคนสนิทของท่าน
"เรียบร้อยครับท่าน ทั้งพินัยกรรม และ ข้อมูลที่ท่านให้นักสืบไปสืบมา ผมรวบรวมมาให้ท่านแล้วครับ นี้ครับ"
หลังจากที่ พายุ หลานชายของท่านมาหาเขา เพื่อที่จะปฏิเสธการแต่งงานกับหนูมีนา เขาก็ได้ให้ทนายทำพินัยกรรมใหม่ขึ้นมา และได้ว่าจ้างนักสืบ ไปหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับครอบครัวของ เอมมิกา คนที่หลานชายของเขารักนักรักหนา และลูกสะใภ้เขา อย่าง พิมพา ก็อยากจะเกี่ยวดองกับฝั่งนั้นจนตัวสั่น
เขารู้มาว่า พ่อแม่ของเอมมิกา ติดการพนันหนักมาก ทรัพย์สมบัติต่างๆ ก็เอาออกมาเร่ขาย เพื่อนำเงินไปเล่นการพนัน แถมลูกสาวอย่างเอมมิกา ก็ไม่ได้เป็นอย่างที่หลานชายและลูกสะใภ้ของเขาคิดเลยซักนิด.
เขาต้องทำอะไรซักอย่าง.......
ร่างสูงใหญ่ นั่งกุมขมับอยู่ในห้องทำงานใหญ่ของตนเอง ในหัวของเขา พยายามนึกคิดว่าเอมมิกาจะหนีไปอยู่ที่ไหน จะไปต่างประเทศตามที่เธอบอกไว้ในจดหมายจริงหรือเปล่า หรือเธอจะแอบไปอยู่ที่ไหนซักแห่งในประเทศเกือบ 2 สัปดาห์ที่ผ่าน ผมได้พยายามตามหาเอม ไม่ว่าจะในประเทศ หรือต่างประเทศ จ้างนักสืบฝีมือดีๆ ก็ยังไม่มีใครสามารถตามหาคนรักของผมเจอซักที ตอนนี้ผมมืดแปดด้าน ไม่รู้จะไปตามหาที่ไหน โทรไปสอบถามพ่อกับแม่ของเธอ ก็ได้รับคำตอบกลับมาด้วยประโยคเดิมๆ คือ เอมไม่ติดต่อกลับมาที่บ้านเลย ไม่รู้ว่าตอนนี้เอมจะเป็นยังไงบ้าง จะเสียใจมากแค่ไหนในทุกๆ วันกิจวัตรประจำวันของผมคือ ทำงาน และตามหาเอม เท่านั้น ตั้งแต่วันที่ผมไปส่งคุณปู่ขึ้นเครื่องเพื่อเดินทางไปรักษาตัวที่ต่างประเทศ ตัวผมเองก็ไม่ได้กลับบ้านอีกเลย มีแต่โทรไปสอบถามความเป็นอยู่ของแม่ผมเท่านั้น เหตุผลหลักๆ คือผมไม่อยากเห็นหน้าผู้หญิงคนนั้น คนที่เข้ามาทำลายความสุขในชีวิตผม ผมเกลียด ผมไม่อยากที่จะมองหน้าเลยด้วยซ้ำ ทุกครั้งที่ผมเข้าบริษัท ผมก็จะไม่เดินไปถามไถ่สารทุกข์ สุขดิบ ของพนักงานแต่ละแผนกเหมือนแต่ก่อน เพราะผมไม่อยากเจอหน้าของผู้หญิงคนนั้นในบริษัท ไม่มีใครท
บ้านวิรากุล....ฉันขับรถมาถึง บ้านวิรากุลในช่วงเกือบค่ำ ก่อนหน้านั้นคุณปู่ ได้โทรถามฉัน ว่าฉันถึงไหนแล้ว จะมาทันทานข้าวเย็นด้วยกันไหม ฉันจึงบอกท่านไปว่าใกล้ถึงแล้ว น่าจะทันเวลาอาหารเย็นพอดี ที่จริงท่านจะให้แม่บ้านและคนรถมาช่วยฉันขนของนะ แต่ฉันปฏิเสธท่านไป เพราะของมันไม่เยอะ ฉันไม่ได้ขนย้ายไปทั้งหมด บางส่วนฉันก็เอาไว้ที่บ้านนั้นแระ เผื่อวันไหน ฉันกลับมานอนค้างที่บ้าน จะได้ไม่ต้องลำบากขนไป ขนมาเมื่อฉันเดินเข้ามาในบ้าน ฉันก็ยกมือไหว้ คุณปู่ และคุณแม่ ของคุณพายุ ทันที"สวัสดีค่ะ ขอโทษนะค่ะ ที่ทำให้ทุกคนรอ""มาวันแรก ก็เสียมารยาทเลยนะ ไม่รู้จักกาละเทศะ ปล่อยให้ผู้ใหญ่รออยู่ได้" นางพิมพาเอ่ยตำหนิ ลูกสะใภ้ ที่นางไม่ต้องการขึ้น"มาๆ หนูมีนามานั่งตรงนี้ จะได้ทานข้าวกัน" คุณปู่เอ่ยบอกฉัน ให้ฉันเดินไปนั่งที่เก้าอี้ ข้างๆ คุณพายุพรึบ!!"ผมขอตัวนะครับ ทานไม่ลง"ฉันยังเดินไปไม่ถึงเก้าอี้ข้างๆ คุณพายุเลยด้วยซ้ำ เขาก็ลุกขึ้น แล้วเดินออกไปจากโต๊ะรับประทานอาหารทันที นี้เขาคงรังเกียจฉันมากเลยสินะ แม้กระทั่งทานข้าว เขายังไม่อยากทานด้วยเลย มื้อแรกของการทานข้าวที่ วิรากุล ก็อึดอัดใจเสียแล้วหลังจากที่ทาน
หลังจากที่ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยความทุลักทุเล คุณอินทร ก็พาฉัน เดินมาที่บ้านสวนดอกไม้ของท่าน ฉันมองไปรอบๆ บ้านสวนหลังนี้ มันสวยมาก ร่มรื่น มีดอกไม้นานาชนิด โดยเฉพาะกุหลาบ ที่มีทุกสายพันธุ์ เลยก็ว่าได้ มองไปส่วนไหนก็เจอแต่ดอกไม้และต้นไม้ที่ท่านปลูกไว้"ชอบดอกไม้เหรอเรา" เสียงของคุณอินทรเอ่ยถามฉัน ขึ้น หลังจากที่ฉันไม่ได้เดินตามท่านเข้าไปในบ้าน มัวแต่หยุดมองต้นไม้ ดอกไม้ ที่ปลูกอยู่รอบๆ บ้านของท่าน"ใช่ค่ะ หนูชอบ คุณท่านปลูกเองเลยเหรอค่ะ""บางทีก็ปลูกเอง บางทีก็คนสวน แต่พวกต้นไม้ตรงมุมนั้น ภรรยาของฉันเป็นคนปลูกเอง เขาเป็นคนชอบต้นไม้ และดอกไม้นะ" คุณอินทรเอ่ยบอกฉัน ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม เมื่อท่านเอ่ยถึงภรรยาที่สุดที่รักของท่าน"ต่อไปให้เรียกฉันว่า ปู่ นะ เพราะหนูจดทะเบียนสมรสกับหลานชายฉันแล้ว ถือว่าเป็น วิรากุล เต็มตัวแล้ว""ค่ะ คุณปู่""อีก 3 วัน ปู่จะเดินทางไปรักษาตัวที่ต่างประเทศ ปู่อยากให้หนูย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านวิรากุล พรุ่งนี้เลยนะ ปู่จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงหนู""แล้วคุณปู่จะไปรักษาตัว นานแค่ไหนค่ะ"ฉันเอ่ยถามท่านด้วยสีหน้าที่เป็นกังวล คิดไม่ตก เพราะเหมือน สามีตามนิตินัยของฉัน และแม่สาม
2 วันต่อมา....อะไรนะครับ !!"เอมไปต่างประเทศ ไปทำไมครับ แล้วทำไมเอมไม่บอกผมเลย"หลังจากที่เขา เดินทางกลับจากไปดูงานที่สัมปทานป่าไม้ ที่อยู่ทางภาคใต้ เขาก็ได้รับข่าวร้าย ว่าคนรักของเขา หนีไปพักใจที่ต่างประเทศ"แล้วเอมไปประเทศไหนครับ ไปอยู่กับใคร ผมจะไปตามเอมกลับมาเอง""ยายเอมไม่ได้บอกพ่อกับแม่ไว้ว่าจะไปอยู่ประเทศไหน ทิ้งแต่จดหมายนี้ไว้" แม่ของหญิงสาวเอ่ยไปพร้อมกับบีบน้ำตา เพื่อให้แฟนหนุ่มของลูกสาวนางเห็นอกเห็นใจ และเลิกสงสัย ในการหายตัวไปของลูกสาวนาง เพราะในความเป็นจริงแล้วนั้น ลูกสาวของนางหนีไปอยู่เมืองนอกกับคู่ขาคนล่าสุด ที่ต่างประเทศนั้นเองตลอดระยะทางที่เขาขับรถจากบ้านของแฟนสาว เพื่อที่จะไปบ้านของตัวเอง เขาพยายามติดต่อเพื่อนหรือคนรู้จักของแฟนสาวเขาทุกคน เพื่อที่จะสอบถามว่าแฟนสาวของเขาไปอยู่ที่ไหน มีใครพบเจอไหม แต่นั้นก็ไม่มีใครสามารถให้คำตอบกับเขาได้เลยซักคน เมื่อเขานึกย้อนกลับไปถึงใจความในจดหมายที่แฟนสาวของเขาได้เขียนระบายเอาไว้ นั้นคือคุณปู่และผู้หญิงคนนั้น ต้องการให้เธอหลีกทางให้กับงานแต่งงาน ระหว่างเขา และผู้หญิงคนนั้น หากเธอไม่ทำตาม คนที่จะเดือดร้อนก็คือตัวของเขาเอง เธอจึงไม่
บ้าน เอมมิกา....“ ยายเอม เรื่องแต่งงานไปถึงไหนแล้ว แกจะได้แต่งกับ ตาลมหรือเปล่า ตอนนี้เงินทองเราแทบจะไม่เหลือแล้วนะ ไหนจะเจ้าหนี้ก็มาทวงที่บ้านทุกวัน” “ ที่เราเป็นแบบนี้ ก็เพราะ พ่อกับแม่ ไม่ใช่เหรอค่ะ ถ้าพ่อกับแม่ไม่ไปเข้าบ่อน พวกเราจะอยู่ในสภาพนี้ไหม” “แกจะมาบ่นให้มันได้อะไรขึ้นมา ฉันให้แก ไปเร่งรัดให้ฝั่งนั้นรีบมาสู่ขอแก เพื่อที่แกจะได้เข้าไปเป็นสะใภ้หมื่นล้าน จะได้เอาเงินมาหมุน แค่นี้ก็ยังทำไม่ได้ ไหนบอกว่า ตาลม รักแกนัก รักแกหนาไง แล้วทำไมป่านนี้ ยังไม่มาสู่ขอซักที” “คุณพ่อกับคุณแม่ก็ทราบ ว่าทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับใคร ถ้าไม่มีปู่ของเขาคอยขัดขวาง ป่านนี้ เอมก็ได้แต่งงานกับลมไปแล้ว ไม่ต้องมาคอยนั่งเอาอก เอาใจ คนนั้น คนนี้อยู่แบบนี้หรอกค่ะ พ่อกับแม่คิดว่าเอม อยากทำนักหรือไง” “แล้วตอนนี้คุณปู่ของลม ก็ยังมาบังคับให้ลม แต่งงานและจดทะเบียนสมรส กับอีบ้าที่ไหนอีกก็ไม่รู้ มันเลยทำให้ทุกอย่างยิ่งยากไปหมด” “เมื่อไหร่จะตายๆ ไปซักที อยู่ไปก็ขัดขวางความสุขของคนอื่น” เอมมิกาบ่นออกมา ด้วยท่าที ที่ไม่ต้องรักษากิริยา หรือแอ๊บอีกต่อไป ทุกครั้งที่เธอไปเจอครอบครัวของ พายุ หรือแม้กระทั้ง พายุเอง
วันต่อมา....ฉันขับรถมาทำงานด้วยอาการเบลอๆ เนื่องจากนอนไม่หลับทั้งคืน เพราะมั่วแต่นอนคิด นั่งคิด กับเรื่องที่รับรู้มาเมื่อวานนี้ หลังจากที่ฉันเลิกงานช่วง 2 ทุ่ม คุณอินทรได้ให้เลขาของเขา นำเอกสารสำคัญมาส่งให้ฉัน และกำชับให้ฉันรีบเปิดอ่านทันที"หนูมีนา ฉันไม่เคยลืมสัญญา ที่ให้ไว้กับแม่ของหนูเลยนะ และฉันก็คิดว่ามันถึงเวลาแล้ว ที่ต้องทำทุกอย่างให้มันถูกต้อง ตลอดเวลาที่ผ่านมา ถึงหนูมีนา จะไม่เคยร้องขอความช่วยเหลือจากฉันเลยก็ตาม แต่ฉันเองก็อยากจะให้สิ่งที่ดีที่สุดกับหนู เพื่อทดแทนกับสิ่งที่แม่ของหนูได้เคยช่วยเหลือภรรยาของฉัน ฉันอยากให้หนูมีนา แต่งงานกับหลานชายคนเดียวของฉัน เพื่อที่จะได้มีสิทธิ์ในทรัพย์สมบัติของฉันคนละครึ่ง กับหลานชายของฉัน ฉันอยากให้หนูมีนา สุขสบาย ไม่ต้องทนทำงาน เป็นพนักงานบริษัทไปเรื่อยๆ แบบนี้ หวังว่า หนูมีนาจะไม่ปฏิเสธคำขอร้องของฉันนะ""อินทร วิรากุล"ฉันรู้จัก คุณอินทร วิรากุล เนื่องจากก่อนที่แม่ของฉันจะเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ แม่ของฉันเคยบริจาคเกล็ดเลือดช่วยเหลือภรรยาของท่าน ซึ่งในเวลานั้น ถ้าไม่ได้เกล็ดเลือดของแม่ฉัน ภรรยาของท่านก็คงเสียชีวิตไปแล้ว ดังนั้น คุณอินทรจึ







