LOGINบ้านวิรากุล.....
"เป็นยังไงบ้าง ตาลม วันนี้เข้าไปประชุมที่บริษัทวันแรก"
แม่ของผมเอ่ยถามขึ้นหลังจากที่ผมเดินเข้ามาในบ้าน หลังจากที่ผมไปประชุมผู้ถือหุ้น ที่บริษัทประกอบยานยนต์ ซึ่งครอบครัวผมเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด ในบริษัท
"ก็ดีครับแม่ แล้วนี้ ที่บ้านมีแขกเหรอครับ ทำไมจัดเตรียมอาหารเต็มโต๊ะขนาดนี้"
"ก็วันนี้หนูเอม กับพ่อและแม่ของเขาจะมาทานข้าวที่บ้านเราไง แม่เป็นคนเชิญเขามาเอง จะได้พูคุยเรื่องแต่งงานกันด้วย"
"จริงเหรอครับ"
".ใช่สิ แล้วเรื่องนั้น ลูกจะเอายังไง ดูท่าคุณปู่ จะไม่ฟังอะไรเลยนะ แล้วนี้กว่าคุณพ่อเราจะกลับมาจากต่างประเทศอีกตั้ง 2 เดือน ไม่มีใครช่วยพูดกับคุณปู่ ให้ยกเลิกข้อตกลงบ้าๆ นั้นนะ"
"เดียวผมจะคุยกับคุณปู่เองครับ ผมจะไม่ยอมแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้นเด็ดขาด"
ผมเดินลัดเลาะจากบ้านใหญ่ เพื่อที่จะไปบ้านของคุณปู่ ซึ่งตั้งอยู่ในอาณาจักร เดียวกันกับบ้านใหญ่ ที่พ่อกับแม่ผมอาศัยอยู่นั้นเอง คุณปู่ของผมท่านอาศัยอยู่ที่บ้านสวนที่เต็มไปด้วยดอกไม้นานาชนิด ซึ่งบ้านหลังนี้เป็นบ้านที่ท่านรักมาก เพราะเป็นบ้านที่ท่านสร้างให้กับคุณย่า ท่านทั้ง 2 อาศัยอยู่ที่นี้ ในช่วงบั้นปลายชีวิต จนคุณย่าสิ้นจากไป คุณปู่ก็ยังยืนยันที่จะอยู่บ้านสวนดอกไม้นี้ต่อไป เพราะท่านจะพูดเสมอว่าท่านอยากจะอยู่ในที่ ที่คุณย่าชอบ
บ้านสวนดอกไม้ ....
"เป็นไงบ้าง วันนี้ ได้ข่าวว่าเข้าบริษัทวันแรกนิ"
อินทร เอ่ยถามหลานชายคนเดียวของท่าน ในขณะที่ยืนรดน้ำต้นดอกกุหลาบของผู้เป็นภรรยา ที่ล่วงลับไปแล้วนั้น
"ทุกอย่างเรียบร้อยดีครับ"
"วันนี้คุณปู่จะไปทานข้าวที่บ้านใหญ่ไหมครับ วันนี้คุณแม่จัดเตรียมอาหารไว้เยอะเลย"
"แขกของแม่แกมาอีกหล่ะสิ นี้คงจะมากดดันปู่ ให้ยกเลิกสัญญานั้นอีกใช่ไหมหล่ะ"
"คุณปู่ครับ คุณปู่ก็รู้ ว่าผมกับเอมรักกัน แล้วคุณปู่จะมาบังคับให้ผมแต่งงานกับใครก็ไม่รู้ ทำไมครับ ถ้าคุณปู่สงสารผู้หญิงคนนั้น คุณปู่ก็ให้สิ่งอื่นทดแทนไปก็ได้นิครับ"
"ไม่ได้ ฉันสัญญา กับแม่ของ หนูมีนาเอาไว้ ก่อนที่เขาจะตาย ว่าฉันจะดูแลหนูมีนา ตอบแทนที่แม่เขาเคยช่วยชีวิตย่าของแกไง แกจำไม่ได้เหรอ ถ้าแกจำไม่ได้ แกก็ลองไปถามพ่อกับแม่แกดู ว่าตอนนั้นใครเป็นคนให้ชีวิตใหม่กับย่าแก"
ใช่ ผู้หญิงคนนั้น คนที่เคยบริจาคเกล็ดเลือดให้ย่าผม ตอนที่ย่าผมป่วยหนัก
"แล้วไงครับ ผมต้องเอาทั้งชีวิตของผมไปผูกไว้กับผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้เหรอครับ แล้วคนรักของผมหล่ะ เขาผิดอะไร"
ผมเอ่ยบอกคุณปู่ ด้วยน้ำเสียงที่แข็งกระด้าง แววตาผมบ่งบอกว่าตอนนี้ผมโมโหมาก โมโหแต่ก็ยังไม่สามารถล้มเลิกสัญญาบ้าๆ ของคุณปู่ได้
"แกคิดว่าผู้หญิงคนนั้น กับครอบครัวเขา รักแกจริงเหรอ"
"คุณปู่พูดอะไร เอมรักผม และผมก็รักเอมคนเดียว ผมจะไม่ยอมทำตามสัญญาของคุณปู่แน่นอน"
"ก็รอดู ว่าเขาจะรักแกจริงไหม"
"คุณท่าน กับ คุณลม ค่ะ คุณนายให้มาตามไปทานข้าวได้แล้วค่ะ" เสียงของแม่บ้านที่ดูแลคุณปู่ เอ่ยขึ้น ทำให้ผมเลิกคุยเรื่องสัญญาบ้าๆ นั้น และเอ่ยขึ้นกับคุณปู่
"ไปทานข้าวกันดีกว่าครับ"
ผมเลือกที่จะหยุดคุยเรื่องสัญญากับคุณปู่ ผมไม่อยากให้บรรยากาศ ที่โต๊ะอาหารอึดอัด โดยเฉพาะ วันนี้ วันที่ครอบครัวคนรักของผมมาทานข้าวด้วยที่บ้าน
เมื่อผมและคุณปู่เดินเข้ามาถึงห้องอาหาร ก็พบกับ เอม และพ่อแม่ของเอม ที่นั่งรอที่โต๊ะรับประทานอาหาร
"สวัสดีค่ะ คุณปู่ วันนี้เอมทำ สาคูใส้หมูที่คุณปู่ชอบ มาฝากด้วยนะค่ะ"
เอมมิกา เอ่ยขึ้น เพื่อเอาใจคุณปู่ของของคนรักของตัวเอง เธอรู้ว่าอำนาจทุกอย่างขึ้นอยู่กับคุณปู่ ดังนั้นเธอจึงพยายามทำทุกอย่าง เพื่อให้คุณปู่ของลม รักและเอ็นดูเธอ อยากได้เธอมาเป็นหลานสะใภ้หมื่นล้าน ซึ่งเป็นตำแหน่งที่สาวๆ หลายคนใฝ่ฝัน อยากคว้าเอาไว้ แต่จนแล้ว จนรอด ต่อให้เธอพยายามแค่ไหน คุณปู่ก็ไม่ได้รู้สึกอยากได้เธอ เป็นหลานสะใภ้ซักที ครอบครัวของเธอจึงหันเห ไปทางแม่ของ ลมแทน เพราะ แม่ของเธอ และลม เป็นเพื่อนสนิทกัน
"ขอบใจ"
"งั้นเราเริ่มทาน กันเลยไหมครับ เดียวอาหารเย็นก่อน"
ลมเอ่ยบอกกับทุกคน เพราะรู้สึกถึงความหมางเมินของคุณปู่ ที่มีต่อ คนรักของตัวเอง
"ปู่ลืมถามแก วันนี้ไปบริษัท แกเจอน้องเขาหรือยัง" หลังจากที่คุณปู่พูดจบ ทำให้ทุกคนที่อยู่บนโต๊ะอาหารมีสีหน้างุนงง ว่าคุณปู่กำลังเอ่ยถึงใคร
"คุณปู่หมายถึงใครครับ"
"หนูมีนาไง คนที่แกต้องแต่งงานด้วย"
"คุณพ่อค่ะ เอาไว้เดียวเราค่อยคุยกันเรื่องนี้ดีกว่าไหมค่ะ ตอนนี้ พิม ว่าเราทานข้าวกันก่อนดีกว่าค่ะ"
พิมพา เอ่ยตัดบท ด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก เนื่องจากวันนี้ ครอบครัวเพื่อนรักของตัวเอง ที่นางมุ่งมั่นจะได้เกี่ยวดองกัน มาทานข้าวด้วย
"หึ"
"เอ่อ ผมได้ยินลูกเอม บอกว่าท่าน มีอาการปวดขาบ่อยๆ ให้ลูกเอมมาช่วยนวดให้ไหมครับ ลูกเอมนวดเก่งนะครับ"
พ่อของเอมมิกา พยายามพูดเอาใจ ผู้มีอำนาจสูงสุดของครอบครัวนี้ เพื่อที่ลูกสาวของตน จะได้เข้ามาเป็นสะใภ้หมื่นล้าน พวกตนก็จะได้สุขสบายไปด้วย เนื่องจากตอนนี้สถานการณ์ การเงินของครอบครัวของตนไม่สู้ดีนัก เนื่องจาก เขาและภรรยา ติดการพนัน ทำให้มีหนี้สินท่วมหัว แต่คนภายนอกไม่รู้หรอกนะ เพราะพวกเขาปิดเงียบ พยายามสร้างสถานการณ์ ว่า รวย มีเงินทองมากมาย
"ไม่เป็นไร ฉันมีพยาบาลดูแลอยู่ ไม่ต้องให้ลูกสาวของคุณมาลำบากหรอก"
"เอมไม่ลำบากเลยค่ะ เอมเต็มใจค่ะ คุณปู่"
"ฉันอิ่มแล้ว ขอตัวก่อนนะ อยากเอนหลังซักพัก"
"คุณปู่จะไม่รับ สาคูใส้หมู ก่อนเหรอค่ะ เอมอุตส่าห์ตั้งใจทำมาให้" เอมมิกาเอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้า ท่าทาง น้อยใจ
"ไม่หล่ะ พยาบาลให้ลดของมันอยู่ เอาไว้ให้ ตาลมกับพิมพา ทานเถอะ" พอคุณปู่พูดเสร็จ ท่านก็ลุกออกไปจากโต๊ะรับประทานอาหารทันที ด้วยท่าทางที่ไม่สนใจใครเลย
"ไม่เป็นไรนะ เดียวผมทานเอง" ผมหันมาบอกเอมด้วยคำพูดอ่อนโยน และอีกอย่าง คือผมไม่อยากให้คนรักของตัวเองต้องรู้สึกเสียใจไปมากกว่านี้ แค่เรื่องที่คุณปู่บังคับให้ผมต้องแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้น เอมก็เสียใจมากพอแล้ว
เวลาต่อมา...
หลังจากที่ทุกคนทานข้าวเสร็จ ครอบครัวของเอมก็ขอตัวกลับ ส่วนผมกับแม่ก็เดินออกมาส่งแขกที่หน้าบ้าน หลังจากนั้นแม่ผมก็เอ่ยขึ้น
"แม่คงต้องเร่งให้พ่อเรารีบกลับจากต่างประเทศแล้วหล่ะ ดูท่าคุณปู่ของลูก จะไม่ยอมรับหนูเอมเลย มีแต่จะเดินหน้า ให้ลูกแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้น"
"ที่คุณปู่ถามผม ว่าเจอผู้หญิงคนนั้นหรือยัง แสดงว่าผู้หญิงคนนั้นทำงานอยู่บริษัทเราเหรอครับ ถ้าเป็นแบบนั้น แสดงว่าคุณปู่คงดูแล ให้ความช่วยเหลือมาซักพักแล้วแน่นอน แต่ที่คุณปู่พึ่งเอ่ยถึงสัญญาบ้าๆ นั้น ก็คงเห็นว่าผมจะแต่งงานกับเอมแน่เลยครับ.
"พรุ่งนี้ผมจะเข้าบริษัท เพื่อไปคุยกับผู้หญิงคนนั้นให้รู้เรื่องเองครับ"
ร่างสูงใหญ่ นั่งกุมขมับอยู่ในห้องทำงานใหญ่ของตนเอง ในหัวของเขา พยายามนึกคิดว่าเอมมิกาจะหนีไปอยู่ที่ไหน จะไปต่างประเทศตามที่เธอบอกไว้ในจดหมายจริงหรือเปล่า หรือเธอจะแอบไปอยู่ที่ไหนซักแห่งในประเทศเกือบ 2 สัปดาห์ที่ผ่าน ผมได้พยายามตามหาเอม ไม่ว่าจะในประเทศ หรือต่างประเทศ จ้างนักสืบฝีมือดีๆ ก็ยังไม่มีใครสามารถตามหาคนรักของผมเจอซักที ตอนนี้ผมมืดแปดด้าน ไม่รู้จะไปตามหาที่ไหน โทรไปสอบถามพ่อกับแม่ของเธอ ก็ได้รับคำตอบกลับมาด้วยประโยคเดิมๆ คือ เอมไม่ติดต่อกลับมาที่บ้านเลย ไม่รู้ว่าตอนนี้เอมจะเป็นยังไงบ้าง จะเสียใจมากแค่ไหนในทุกๆ วันกิจวัตรประจำวันของผมคือ ทำงาน และตามหาเอม เท่านั้น ตั้งแต่วันที่ผมไปส่งคุณปู่ขึ้นเครื่องเพื่อเดินทางไปรักษาตัวที่ต่างประเทศ ตัวผมเองก็ไม่ได้กลับบ้านอีกเลย มีแต่โทรไปสอบถามความเป็นอยู่ของแม่ผมเท่านั้น เหตุผลหลักๆ คือผมไม่อยากเห็นหน้าผู้หญิงคนนั้น คนที่เข้ามาทำลายความสุขในชีวิตผม ผมเกลียด ผมไม่อยากที่จะมองหน้าเลยด้วยซ้ำ ทุกครั้งที่ผมเข้าบริษัท ผมก็จะไม่เดินไปถามไถ่สารทุกข์ สุขดิบ ของพนักงานแต่ละแผนกเหมือนแต่ก่อน เพราะผมไม่อยากเจอหน้าของผู้หญิงคนนั้นในบริษัท ไม่มีใครท
บ้านวิรากุล....ฉันขับรถมาถึง บ้านวิรากุลในช่วงเกือบค่ำ ก่อนหน้านั้นคุณปู่ ได้โทรถามฉัน ว่าฉันถึงไหนแล้ว จะมาทันทานข้าวเย็นด้วยกันไหม ฉันจึงบอกท่านไปว่าใกล้ถึงแล้ว น่าจะทันเวลาอาหารเย็นพอดี ที่จริงท่านจะให้แม่บ้านและคนรถมาช่วยฉันขนของนะ แต่ฉันปฏิเสธท่านไป เพราะของมันไม่เยอะ ฉันไม่ได้ขนย้ายไปทั้งหมด บางส่วนฉันก็เอาไว้ที่บ้านนั้นแระ เผื่อวันไหน ฉันกลับมานอนค้างที่บ้าน จะได้ไม่ต้องลำบากขนไป ขนมาเมื่อฉันเดินเข้ามาในบ้าน ฉันก็ยกมือไหว้ คุณปู่ และคุณแม่ ของคุณพายุ ทันที"สวัสดีค่ะ ขอโทษนะค่ะ ที่ทำให้ทุกคนรอ""มาวันแรก ก็เสียมารยาทเลยนะ ไม่รู้จักกาละเทศะ ปล่อยให้ผู้ใหญ่รออยู่ได้" นางพิมพาเอ่ยตำหนิ ลูกสะใภ้ ที่นางไม่ต้องการขึ้น"มาๆ หนูมีนามานั่งตรงนี้ จะได้ทานข้าวกัน" คุณปู่เอ่ยบอกฉัน ให้ฉันเดินไปนั่งที่เก้าอี้ ข้างๆ คุณพายุพรึบ!!"ผมขอตัวนะครับ ทานไม่ลง"ฉันยังเดินไปไม่ถึงเก้าอี้ข้างๆ คุณพายุเลยด้วยซ้ำ เขาก็ลุกขึ้น แล้วเดินออกไปจากโต๊ะรับประทานอาหารทันที นี้เขาคงรังเกียจฉันมากเลยสินะ แม้กระทั่งทานข้าว เขายังไม่อยากทานด้วยเลย มื้อแรกของการทานข้าวที่ วิรากุล ก็อึดอัดใจเสียแล้วหลังจากที่ทาน
หลังจากที่ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยความทุลักทุเล คุณอินทร ก็พาฉัน เดินมาที่บ้านสวนดอกไม้ของท่าน ฉันมองไปรอบๆ บ้านสวนหลังนี้ มันสวยมาก ร่มรื่น มีดอกไม้นานาชนิด โดยเฉพาะกุหลาบ ที่มีทุกสายพันธุ์ เลยก็ว่าได้ มองไปส่วนไหนก็เจอแต่ดอกไม้และต้นไม้ที่ท่านปลูกไว้"ชอบดอกไม้เหรอเรา" เสียงของคุณอินทรเอ่ยถามฉัน ขึ้น หลังจากที่ฉันไม่ได้เดินตามท่านเข้าไปในบ้าน มัวแต่หยุดมองต้นไม้ ดอกไม้ ที่ปลูกอยู่รอบๆ บ้านของท่าน"ใช่ค่ะ หนูชอบ คุณท่านปลูกเองเลยเหรอค่ะ""บางทีก็ปลูกเอง บางทีก็คนสวน แต่พวกต้นไม้ตรงมุมนั้น ภรรยาของฉันเป็นคนปลูกเอง เขาเป็นคนชอบต้นไม้ และดอกไม้นะ" คุณอินทรเอ่ยบอกฉัน ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม เมื่อท่านเอ่ยถึงภรรยาที่สุดที่รักของท่าน"ต่อไปให้เรียกฉันว่า ปู่ นะ เพราะหนูจดทะเบียนสมรสกับหลานชายฉันแล้ว ถือว่าเป็น วิรากุล เต็มตัวแล้ว""ค่ะ คุณปู่""อีก 3 วัน ปู่จะเดินทางไปรักษาตัวที่ต่างประเทศ ปู่อยากให้หนูย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านวิรากุล พรุ่งนี้เลยนะ ปู่จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงหนู""แล้วคุณปู่จะไปรักษาตัว นานแค่ไหนค่ะ"ฉันเอ่ยถามท่านด้วยสีหน้าที่เป็นกังวล คิดไม่ตก เพราะเหมือน สามีตามนิตินัยของฉัน และแม่สาม
2 วันต่อมา....อะไรนะครับ !!"เอมไปต่างประเทศ ไปทำไมครับ แล้วทำไมเอมไม่บอกผมเลย"หลังจากที่เขา เดินทางกลับจากไปดูงานที่สัมปทานป่าไม้ ที่อยู่ทางภาคใต้ เขาก็ได้รับข่าวร้าย ว่าคนรักของเขา หนีไปพักใจที่ต่างประเทศ"แล้วเอมไปประเทศไหนครับ ไปอยู่กับใคร ผมจะไปตามเอมกลับมาเอง""ยายเอมไม่ได้บอกพ่อกับแม่ไว้ว่าจะไปอยู่ประเทศไหน ทิ้งแต่จดหมายนี้ไว้" แม่ของหญิงสาวเอ่ยไปพร้อมกับบีบน้ำตา เพื่อให้แฟนหนุ่มของลูกสาวนางเห็นอกเห็นใจ และเลิกสงสัย ในการหายตัวไปของลูกสาวนาง เพราะในความเป็นจริงแล้วนั้น ลูกสาวของนางหนีไปอยู่เมืองนอกกับคู่ขาคนล่าสุด ที่ต่างประเทศนั้นเองตลอดระยะทางที่เขาขับรถจากบ้านของแฟนสาว เพื่อที่จะไปบ้านของตัวเอง เขาพยายามติดต่อเพื่อนหรือคนรู้จักของแฟนสาวเขาทุกคน เพื่อที่จะสอบถามว่าแฟนสาวของเขาไปอยู่ที่ไหน มีใครพบเจอไหม แต่นั้นก็ไม่มีใครสามารถให้คำตอบกับเขาได้เลยซักคน เมื่อเขานึกย้อนกลับไปถึงใจความในจดหมายที่แฟนสาวของเขาได้เขียนระบายเอาไว้ นั้นคือคุณปู่และผู้หญิงคนนั้น ต้องการให้เธอหลีกทางให้กับงานแต่งงาน ระหว่างเขา และผู้หญิงคนนั้น หากเธอไม่ทำตาม คนที่จะเดือดร้อนก็คือตัวของเขาเอง เธอจึงไม่
บ้าน เอมมิกา....“ ยายเอม เรื่องแต่งงานไปถึงไหนแล้ว แกจะได้แต่งกับ ตาลมหรือเปล่า ตอนนี้เงินทองเราแทบจะไม่เหลือแล้วนะ ไหนจะเจ้าหนี้ก็มาทวงที่บ้านทุกวัน” “ ที่เราเป็นแบบนี้ ก็เพราะ พ่อกับแม่ ไม่ใช่เหรอค่ะ ถ้าพ่อกับแม่ไม่ไปเข้าบ่อน พวกเราจะอยู่ในสภาพนี้ไหม” “แกจะมาบ่นให้มันได้อะไรขึ้นมา ฉันให้แก ไปเร่งรัดให้ฝั่งนั้นรีบมาสู่ขอแก เพื่อที่แกจะได้เข้าไปเป็นสะใภ้หมื่นล้าน จะได้เอาเงินมาหมุน แค่นี้ก็ยังทำไม่ได้ ไหนบอกว่า ตาลม รักแกนัก รักแกหนาไง แล้วทำไมป่านนี้ ยังไม่มาสู่ขอซักที” “คุณพ่อกับคุณแม่ก็ทราบ ว่าทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับใคร ถ้าไม่มีปู่ของเขาคอยขัดขวาง ป่านนี้ เอมก็ได้แต่งงานกับลมไปแล้ว ไม่ต้องมาคอยนั่งเอาอก เอาใจ คนนั้น คนนี้อยู่แบบนี้หรอกค่ะ พ่อกับแม่คิดว่าเอม อยากทำนักหรือไง” “แล้วตอนนี้คุณปู่ของลม ก็ยังมาบังคับให้ลม แต่งงานและจดทะเบียนสมรส กับอีบ้าที่ไหนอีกก็ไม่รู้ มันเลยทำให้ทุกอย่างยิ่งยากไปหมด” “เมื่อไหร่จะตายๆ ไปซักที อยู่ไปก็ขัดขวางความสุขของคนอื่น” เอมมิกาบ่นออกมา ด้วยท่าที ที่ไม่ต้องรักษากิริยา หรือแอ๊บอีกต่อไป ทุกครั้งที่เธอไปเจอครอบครัวของ พายุ หรือแม้กระทั้ง พายุเอง
วันต่อมา....ฉันขับรถมาทำงานด้วยอาการเบลอๆ เนื่องจากนอนไม่หลับทั้งคืน เพราะมั่วแต่นอนคิด นั่งคิด กับเรื่องที่รับรู้มาเมื่อวานนี้ หลังจากที่ฉันเลิกงานช่วง 2 ทุ่ม คุณอินทรได้ให้เลขาของเขา นำเอกสารสำคัญมาส่งให้ฉัน และกำชับให้ฉันรีบเปิดอ่านทันที"หนูมีนา ฉันไม่เคยลืมสัญญา ที่ให้ไว้กับแม่ของหนูเลยนะ และฉันก็คิดว่ามันถึงเวลาแล้ว ที่ต้องทำทุกอย่างให้มันถูกต้อง ตลอดเวลาที่ผ่านมา ถึงหนูมีนา จะไม่เคยร้องขอความช่วยเหลือจากฉันเลยก็ตาม แต่ฉันเองก็อยากจะให้สิ่งที่ดีที่สุดกับหนู เพื่อทดแทนกับสิ่งที่แม่ของหนูได้เคยช่วยเหลือภรรยาของฉัน ฉันอยากให้หนูมีนา แต่งงานกับหลานชายคนเดียวของฉัน เพื่อที่จะได้มีสิทธิ์ในทรัพย์สมบัติของฉันคนละครึ่ง กับหลานชายของฉัน ฉันอยากให้หนูมีนา สุขสบาย ไม่ต้องทนทำงาน เป็นพนักงานบริษัทไปเรื่อยๆ แบบนี้ หวังว่า หนูมีนาจะไม่ปฏิเสธคำขอร้องของฉันนะ""อินทร วิรากุล"ฉันรู้จัก คุณอินทร วิรากุล เนื่องจากก่อนที่แม่ของฉันจะเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ แม่ของฉันเคยบริจาคเกล็ดเลือดช่วยเหลือภรรยาของท่าน ซึ่งในเวลานั้น ถ้าไม่ได้เกล็ดเลือดของแม่ฉัน ภรรยาของท่านก็คงเสียชีวิตไปแล้ว ดังนั้น คุณอินทรจึ







