"ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร" คิ้วหนาของพลตรีนายแพทย์วันเวย์ถึงกับขมวดเข้าแทบจะชิดกัน
"ผมว่าจะรอให้ถึงเวลาที่เหมาะสมค่อยแนะนำเธอให้พ่อกับแม่รู้จัก แต่ในเมื่อคุณพ่อไม่หยุดผมก็ขอแนะนำเธอวันนี้เลยแล้วกัน"
"เรย์ ลูกหมายความว่ายังไง" แม่พอจะเดาความหมายของลูกออกแล้ว แต่อยากจะถามเพื่อความแน่ใจ และในขณะที่ถามสายตาของนางมองไปที่ผู้เป็นสามี เพราะกลัวว่าพ่อจะโมโหให้ลูกก่อน
"ถ้าไม่ใช่ผู้หญิงคนนี้ ผมจะไม่แต่งงานกับใคร"
"???" เครื่องหมายคำถามผุดขึ้นมาแทบจะพร้อมกัน และหนึ่งในนั้นรวมผู้หญิงที่เขากำลังพูดถึงอยู่ด้วย
"พ่อไม่เชื่อ" ท่านผ่านโลกมาก็มาก ทำไมจะไม่สังเกตผู้หญิงคนนี้ตอนที่เข้ามาในลิฟต์ เพราะเธอไม่ได้กดชั้นไหนเลย นั่นแสดงว่าเธอต้องขึ้นมาที่ชั้นเดียวกับท่าน และท่านก็เริ่มสแกนว่าเธอคนนี้มีธุระอะไรที่ต้องขึ้นมาถึงชั้นผู้บริหาร ซึ่งท่าทางของเธอไม่ได้บ่งบอกเลยว่าสนิทสนมหรือคุ้นเคยกับชั้นนี้
"ผมก็ไม่ได้ขอให้พ่อเชื่อนี่"
"เอาเป็นว่านัดคืนนี้ของเรายังคงเป็นเวลาเดิม"
"พ่อ?" ชายหนุ่มรีบเดินตามพ่อกับแม่ออกไป ไม่คิดว่าท่านจะพูดทิ้งท้ายแล้วก็เดินออกไปแบบนี้
"เดี๋ยวแม่จะคุยกับพ่อเอง" ขณะที่พูดกับลูกชายสายตานางยังมองเข้าไปดูผู้หญิงที่อยู่ในห้องของลูก
"ฝากด้วยนะครับแม่ และก็บอกพ่อด้วยว่าผมไม่ไป" ที่จริงเขาก็พูดให้พ่อได้ยินนั่นแหละแต่แค่ฝากแม่ไป
พอประตูลิฟต์ปิดลงนายแพทย์เซอร์เวย์ก็เดินกลับมาที่ห้องทำงานของตัวเอง
"จะยืนอยู่อีกนานไหม"
"คะ? เออ..ค่ะ " หญิงสาวคิดว่าเขาไล่ให้ออกจากห้องพอนึกได้ก็เดินมาที่ประตู
"นั่นคุณจะไปไหน"
"คุณไม่ได้ไล่ฉันเหรอคะ"
"กลับมานั่งนี่"
"ค่ะ" หญิงสาวร่างระหงรีบสาวเท้าเดินกลับมา
"บอกรายละเอียดเกี่ยวกับผู้บริจาคมา"
"รายละเอียดเกี่ยวกับผู้บริจาคหรือคะ?" เธอกำลังสับสน เขาต้องคุยเรื่องเมื่อสักครู่ก่อนไม่ใช่เหรอ แต่เข้าเรื่องนี้ก็ดีเหมือนกัน "คนที่อวัยวะเข้ากับแม่ฉันได้ เป็นคนบ้านใกล้กันค่ะ"
"คนบ้านใกล้ แต่ไม่ใช่ญาติ?"
"ค่ะ" ถ้าเป็นญาติเธอคงไม่วุ่นวายขนาดนี้
"คุณช่วยให้ข้อมูลผมมากกว่านี้หน่อยได้ไหม ผมไม่มีเวลามาสอบถามคุณทีละประโยคนะ"
"คุณหมอจะช่วยทำการผ่าตัดให้แม่ฉันเหรอคะ"
"ใช่"
"จริงเหรอคะคุณหมอ"
"อย่าเพิ่งดีใจ คุณคงรู้ของฟรีไม่มีในโลก"
"ฉันยินดีช่วยคุณหมอเต็มที่ค่ะ คุณหมอต้องการให้ฉันช่วยอะไรบอกมาได้เลยค่ะ"
"เรื่องนั้นผมต้องบอกแน่" ขณะที่พูดสายตาคมเพ่งเล็งสำรวจใบหน้าของหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าพร้อมกับสำรวจทรวดทรงองค์เอวของเธอ
หญิงสาวเริ่มประหม่าเมื่อถูกจ้องมองนานเข้า แต่เธอก็ยังคงยืนให้เขามอง
"พรุ่งนี้คุณไปทำเรื่องที่ฝ่ายการเงิน"
"ทำเรื่องที่ฝ่ายการเงินเหรอคะ?"
"ผมต้องได้เปิดห้องผ่าตัดใหญ่"
"เออ.."
"มีอะไรอีก" สีหน้าเธอบ่งบอกมากว่ามีปัญหาเรื่องเงินอีก
"คุณหมอก็รู้ว่าอวัยวะนี้คือฉันต้องใช้เงินจ่ายคนที่บริจาค"
"อย่าบอกนะว่าคุณไม่มีเงินพอค่าผ่าตัด?"
"ฉันยินดีจะหามาให้คุณหมอค่ะ แต่ขอให้คุณหมอช่วยแม่ฉันก่อนได้ไหมคะ" เธอได้เงินจากการขายบ้านก็จริง แต่ถ้าเงินไม่มากขนาดนั้นใครจะขายอวัยวะให้เธอล่ะ
"นี่โรงพยาบาลเอกชนนะคุณไม่ใช่สถานสงเคราะห์"
"ฉันยินดีช่วยคุณหมอทุกเรื่องจริงๆ นะคะ แม้แต่ชีวิตของฉันถ้าคุณหมอต้องการฉันก็ให้ได้"
"ผมไม่เชื่อลมปากของคนหรอก" เพราะมันเป็นแค่ลมที่พ่นออกมาจากปาก
"คุณหมอจะให้ฉันเซ็นเป็นลายลักษณ์อักษรไว้ก็ได้ค่ะ เอกสารนั้นแล้วแต่คุณหมอจะร่างมันขึ้นมา ขอแค่อย่างเดียว คุณหมอยอมผ่าตัดให้แม่ฉัน"
"ยอมเซ็นทุกอย่างแน่นะ"
"ค่ะ"
"เข้าข้างในกัน" เกษมราษฎร์เอื้อมมือมาให้อีกฝ่ายจับมือท่านไว้ เพื่อจะได้ก้าวเดินเข้าไปด้านในพร้อมกัน"ท่านทำอะไรคะ" นางยอมเดินตามแรงที่อีกฝ่ายจูง แต่ก็อดที่จะถามไม่ได้"บอกแล้วไงว่าไม่อยากปล่อยเวลาให้เสียไปเปล่าๆ แต่งงานกันนะ""อู๊วววว" เสียงโห่แสดงความยินดีดังขึ้นเมื่อเกษมราษฎร์คุกเข่าลงต่อหน้าผู้หญิงที่กำลังจะเป็นเจ้าสาวในคืนนี้ ท่านเคยพูดไว้แล้วถึงแม้ว่าจะพูดแค่กับตัวเอง ถ้ามีโอกาสได้ทำเพื่อเธอ..จะทำให้ผู้หญิงทุกคนบนโลกนี้ต้องอิจฉาเธอ"ลุกขึ้นเถอะค่ะท่าน""คุณตอบตกลงมาก่อนสิ""ท่านเพิ่งขอหมั้นไปวันก่อนเองนะคะ""ถ้าคุณไม่ตกลงผมก็จะอยู่แบบนี้""ตกลงก็ได้ค่ะ" จากเสียงโห่ร้องกลายเป็นเสียงกรี๊ดลั่นจนโรงแรมแทบจะแตก เมื่อฝ่ายหญิงตอบตกลงแต่งงานด้วยเกษมราษฎร์ลุกขึ้นโดยที่ไม่ต้องให้ใครมาช่วยพยุง ถึงแม้จะอายุและเยอะแล้วแต่ร่างกายของท่านก็ยังแข็งแรง เพราะการเป็นทหารต้องได้ฝึกฝนอยู่ตลอดเวลา"ดีใจด้วยนะครับ" รามสูรเข้ามาแสดงความยินดี เขาดีใจมากที่จะเห็นแม่มีความสุขสักที ตั้งแต่จำความได้เลยมั้งที่เห็นแม่ต้องเฝ้ารอพ่อกลับบ้านทุกวันและลูกๆ คนที่เหลือก็เข้ามาแสดงความยินดี รวมทั้งแขกในงาน วันนี้ท่าน
เย็นวันเดียวกันนั้น.. พุดตาลเรียกลูกชายและลูกสะใภ้มาทานข้าวเย็นร่วมกัน"สวัสดีครับท่าน" รามสูรมาพร้อมกับภรรยา และลูกชาย พอมาถึงก็เห็นว่าท่านพลเอกเกษมราษฎร์ ก็นั่งอยู่ในห้องรับแขกด้วย"มาครบกันแล้วใช่ไหม นั่งก่อนสิลูก"พอลูกชายนั่งลงเกษมราษฎร์ก็ขอเป็นคนพูดเอง ท่านบอกทุกคนว่าขอเข้ามาอยู่ร่วมครอบครัวด้วย ทีแรกเกษมราษฎร์ก็ช่างใจอยู่ กลัวลูกๆ ของพุดตาลจะไม่ชอบใจ เพราะถึงยังไงพ่อของพวกเขาก็มีทีท่าว่าจะกลับมา"ยินดีต้อนรับครับ ผมเองต่างหากที่ต้องฝากคุณแม่ไว้กับท่าน" พี่ชายคนโตเป็นคนเอ่ยพูดก่อน"ขอบใจมากนะลูก" ใจจริงพุดตาลก็อยากจะอยู่กับลูกและหลานแบบนี้ไปจนแก่เฒ่า แต่มันคงเป็นไปไม่ได้แล้ว เมื่อสามีหย่าขาดจากผู้หญิงคนนั้น ยังไงท่านก็ต้องกลับมาวนเวียนจนทำให้ชีวิตอยู่ไม่เป็นสุขแน่ นางก็เลยตัดสินใจตัดกรรมกันไปแต่เพียงแค่นี้"ผมจะประกาศให้สังคมรับรู้เรื่องของเราในเร็ววันนี้""เรื่องนี้แล้วแต่ท่านค่ะ" นางคิดว่าให้คนรับรู้ไว้ก็ดี เรื่องถูกนินทาหนีไม่พ้นอยู่แล้ว ใครจะนินทาก็ช่าง ขอให้ตัวเองอยู่แบบสบายใจก็พอร่วมทานข้าวเย็นกันเสร็จ ลูกชายทั้งสองก็ขอตัวกลับเพราะมันดึกแล้ว ส่วนเพลิงไม่อยากจะกลับก็ต้องได
"ใจเย็นก่อนสิคะมาเหนื่อยๆ น้ำก็ยังไม่อาบ""ขอชื่นใจก่อน" ริมฝีปากหนากระซิบพูดในขณะที่จมูกยังสูดดมคนตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมกอด"คิดถึงคุณเหมือนกันค่ะ" รักครั้งแรกของเธอมันช่างสวยงามนัก แต่เมขลาหวังว่าจะหยุดผู้ชายคนนี้ไว้ได้แค่เธอ เพราะถ้าเขามีตำแหน่งที่สูงขึ้น เขาจะเป็นเหมือนคนที่ให้กำเนิดเธอไหม"เป็นอะไร" เพลิงสัมผัสได้ว่าอารมณ์ของเธอไม่เหมือนตอนที่เรียกเขาขึ้นมาข้างบนเลย"อนาคตข้างหน้าอะไรมันก็ไม่แน่นอนค่ะ เผื่อคุณก้าวไปในตำแหน่งที่สูงกว่านี้..""อย่าคิดอะไรที่มันจะไม่เกิดขึ้น" แค่นี้เขาก็รู้แล้วว่าเธอคงกลัวว่าเขาจะทำตัวเหมือนพ่อ"คุณรู้เหรอคะว่าฉันกำลังคิดอะไรอยู่""ผมรักคุณ คำนี้ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนได้ฟังมันจากปากผม และผมก็จะพูดให้คุณฟังเพียงคนเดียว""ขอบคุณนะคะ" ขอบคุณเขาทั้งน้ำตา แต่ก่อนตอนที่ไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อ ยังมีความสุขมากกว่านี้เลย แต่พอรู้ว่าพ่อมีนิสัยยังไง เมขลาก็เริ่มกลัวผู้ชายรอบข้าง[โรงแรมหรู]ที่พลเอกเกษมราษฎร์พาพุดตาลมาทานข้าวที่โรงแรม เพราะรู้แล้วว่านางคงไม่กลับไปหาอะไรเดิมๆอีก ท่านต้องทำให้นางเห็นว่าท่านสามารถที่จะพานางก้าวไปในทุกๆที่ได้"ทำไมคุณรู้ว่าฉันชอบกิน เออ..
"ทำอะไรกัน"คนที่กำลังโอบกอดกันถึงกับตกใจปล่อยมือออก"ท่าน?""นายคงไม่อยากจะอยู่ในกรมแล้วใช่ไหม""อย่าทำอะไรผู้กองนะคะ" ถึงแม้เธอจะตัวเล็กกว่ามาก แต่หญิงสาวก็ใจกล้าก้าวออกมายืนบังชายคนรักไว้"เรารู้ไหมว่ามันไม่สมควร""จะสมควรหรือไม่ มันอยู่ที่เราสองคนค่ะ""อย่าลืมสิว่าเราเป็นลูกของใคร""หึ.. แล้วฉันเป็นลูกของใครล่ะคะ""มันสมควรแล้วเหรอที่จะมาพูดต่อล้อต่อเถียงกับพ่อ""พ่อ?" เมขลาอยากจะพูดอะไรอีกตั้งมากมาย แต่มันจุกในอกเสียก่อน"มีอะไรกัน" แม่บ้านรีบเข้าไปตามคุณผู้หญิงออกมาดู กลัวว่าจะมีเรื่อง"คุณมาก็ดีแล้ว ผมจะเร่งเรื่องให้ลูกไปเรียนต่อต่างประเทศ""เรียนต่อต่างประเทศ?" เพลิงพูดพร้อมกับมองหน้าเมขลา แล้วมองไปที่ท่านพลเอกเรวทัต"ฉันไม่ไปค่ะ""ลูกไม่อยากเรียน" พุดตาลคิดว่านางคงต้องได้ออกหน้าเองแล้วล่ะ"อายุแค่นี้ยังเรียนได้อีกตั้งเยอะ ทำไมถึงคิดสั้น""อะไรคือการคิดสั้นคะ""ก็ที่เห็นอยู่นี่ไง""คนนี้ผู้กองเพลิงท่านก็คงจะรู้จักแล้ว เขาเป็นคนรักของฉัน ไม่สิ.." ถ้าพูดแค่คนรักมันคงไม่จบตรงนี้แน่ เมขลาก็เลยให้สถานะใหม่กับเพลิง "เขาเป็นพ่อของลูกในท้องฉันเองค่ะ""???" ไม่ใช่แค่พลเอกเรวทัตและพุดตา
เห็นว่าทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า เรวทัตก็เลยยังไม่พูดอะไรอีก เพราะคดีเก่ายังไม่เคลียร์"อยู่พร้อมหน้ากันก็ดีแล้ว พ่อจะย้ายกลับมาอยู่บ้านหลังนี้แล้วนะ"เรวทัตพูดจบ ลูกๆ ต่างก็มองดูหน้าคนเป็นแม่มันคงเป็นเวรกรรมของนางที่เคยสร้างไว้กับผู้ชายคนนี้ตั้งแต่ชาติปางก่อน ชาตินี้ก็เลยต้องได้ตามมาชดใช้กรรม หนีไปไหนก็คงจะหนีไม่พ้นแล้ว"บ้านหลังนี้เป็นบ้านของคุณ คุณจะมาอยู่ใครจะว่าอะไรได้ล่ะคะ"เรวทัตอยากได้ยินคนตรงหน้าเรียกว่าคุณพี่เหมือนเดิม แต่คงต้องใช้เวลา เพราะตัวเองทำไว้กับนางเยอะ"หือ รามิล" มองเข้าไปด้านในก็เห็นลูกสะใภ้คนโตกำลังอุ้มหลานชายเดินออกมา เรวทัตก็เลยเดินเข้าไปหาหลานพอคนเป็นพ่อไปแล้ว ลูกๆ ที่ยังยืนอยู่ตรงนั้นต่างก็มองดูหน้าแม่อีกครั้ง นาทีนี้ไม่มีใครน่าสงสารเท่าท่านอีกแล้ว"แม่ไม่เป็นอะไรหรอก เข้าไปข้างในกันเถอะ" แค่นี้นางก็รู้แล้วว่าสามีคงจะหย่าจริง เพราะถ้าไม่งั้นคงไม่บอกว่าจะกลับมานอนบ้านหลังนี้ นางรนหาที่เอง คิดว่าท่านจะไม่กล้าหย่าดาราสาวสวยคนนั้นทุกคนเข้าไปแล้ว เมขลาก็หันกลับมากุมมือเพลิงไว้ "เรายังจะเป็นเหมือนเดิม อย่าคิดมากนะคะ" เมขลารู้ดีว่าเพลิงคิดว่าตัวเองต่ำต้อย"ผมจะไม่ถอ
"ผมมาคิดทบทวนเรื่องของเราดูแล้ว""ท่านไม่สบายหรือเปล่าคะ" แพรวพราวเริ่มใจไม่ดี แต่ก็ยังคงส่งรอยยิ้มหวานๆ ให้ แบบใจดีสู้เสือ"เราหย่ากันเถอะ""คุณพี่!!""ผมจะให้ทุกอย่างที่คุณอยากได้ ผมขอแค่ให้คุณเซ็นใบหย่า""ไม่มีทางค่ะ กว่าเราจะฝ่าฟันความรักของเรามาด้วยกันได้ ทำไมคุณพี่ถึงทำแบบนี้กับแพรวคะ""ผมให้เกียรติคุณถึงได้มาคุยก่อน หรืออยากจะคุยผ่านทนายของผมล่ะ""แพรวรักท่าน ยอมอุ้มท้องลูกของท่าน ถึงแม้จะถูกใครตราหน้าว่าเป็นผู้หญิงไม่ดี""เรื่องลูกผมก็ยังจะส่งเสียเลี้ยงดู""แพรวไม่ได้ต้องการแบบนั้นสักหน่อย ใครคะ..ท่านมีใครใหม่อีกเหรอคะ""เรื่องนั้นไม่เกี่ยว เรามาคุยเรื่องของเราก่อน""เรื่องของเรา แพรวไม่หย่า!""ผมมาคุยกับคุณดีๆ แล้วนะ หลังจากนี้คุณก็คุยกับทนายของผมแล้วกัน และสิ่งที่คุณอยากได้ก็อย่าฝันว่าจะได้""ท่านอย่าบอกนะว่าจะกลับไปหามันอีก""ผมเพิ่งรู้ว่ารักภรรยา""รักภรรยาอย่างนั้นเหรอคะ แล้วที่ผ่านมาล่ะผู้หญิงนับสิบนับร้อยยังจะเรียกว่ารักภรรยาได้อยู่อีกเหรอคะ!" แต่ดูเหมือนเรวทัตจะไม่ฟังอะไรอีก เพราะตอนนี้เดินไปที่รถแล้ว "กรี๊ดดดด!!""คุณแม่เป็นอะไรคะ" มโนราห์ได้ยินเสียงร้องก็รีบลงมาดู"