"แม่คะ แม่สู้ไปกับอายอีกสักยกนะคะ ตอนนี้อายทำสำเร็จแล้ว" มือเรียวเอื้อมไปกุมมือของแม่ที่นอนหายใจได้เพราะเครื่องช่วย ถ้าภายใน 3 วันแม่ของเธอไม่ได้รับการผ่าตัด ท่านอาจจะไม่ฟื้นกลับมาอีกเลย
01 : 00 น.ห้องผ่าตัดใหญ่เริ่มมีความเคลื่อนไหว ทุกอย่างนายแพทย์เซอร์เวย์ต้องได้จัดการแบบเงียบๆ แม้แต่หน้าห้องผ่าตัดก็ไม่มีสัญญาณบอกว่าตอนนี้กำลังใช้ห้องนั้นอยู่ รวมถึงญาติไม่ให้เข้ามายืนรอใกล้
เธอก็เลยต้องได้มารอที่ห้องทำงานส่วนตัวของเขา เพราะแม่ของเธอถูกทำเรื่องย้ายออกจากโรงพยาบาลนี้ไปแล้ว ซึ่งนั่นหมายถึงหลังผ่าตัดเขาต้องได้หาที่อยู่ใหม่ให้แม่เธอพักฟื้น
เช้าวันต่อมา..
"คุณเข้ามาอยู่ในห้องคุณหมอได้ยังไง"
"เออ.." เธอผิดเองที่แอบเปิดประตูแง้มออกมาดู จนเลขานุการมองเห็นสิ่งผิดปกติ แล้วรีบมาเช็คห้องของท่านประธานโรงพยาบาลดู "คุณหมอให้ฉันมารออยู่ที่นี่ค่ะ"
"คุณหมอเนี่ยนะ?" ยิ่งไม่น่าเชื่อถือไปกันใหญ่ หมอเซอร์เวย์ไม่เคยให้ใครเข้ามายุ่งย่ามในห้องทำงาน
"คุณหมอยังไม่ขึ้นมาหรือคะ" หญิงสาวก็เลยแกล้งใช้โอกาสนี้ถามหาเขา
"คุณเป็นญาติคนไข้ไม่ใช่เหรอคะ" แจนยังคงสอบถามต่อ เพราะเคยเห็นเธอมาป้วนเปี้ยนแถวนี้
"เออ..ใช่ค่ะ" เรื่องนั้นเธอจะบอกใครไม่ได้เพราะมันอยู่ในข้อตกลง
"ฉันว่าคุณกลับลงไปดีกว่าค่ะ"
"ฉันยังไปไหนไม่ได้ค่ะ คุณหมอให้รออยู่ห้องนี้"
"ไม่ใช่แล้วมั้งคะ" แจนเลขานุการรีบเดินไปหยิบโทรศัพท์เพื่อที่จะโทรแจ้งฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ว่ามีคนบุกรุกห้องท่านประธาน ซึ่งแจนยังไม่รู้ตื้นลึกหนาบางว่าเป็นยังไง
"คุณหมอให้ฉันรออยู่ที่นี่จริงๆ นะคะ คือว่าฉันกับคุณหมอ..เรา" ผู้ชายคนนี้เป็นยังไงกันแน่ ทำไมดูลับลมคมในจัง เพราะเธอจะพูดอะไรมากก็ไม่ได้ แต่ความผิดส่วนหนึ่งก็มาจากเธอไม่น่าโผล่หน้าออกมาเลย
"มีอะไรกัน"
"คุณหมอ ผู้หญิงคนนี้น่ะสิคะ แอบอ้างว่า.."
"คุณหมอคะฉันอยากจะคุยกับคุณ" หญิงสาวไม่ได้สนใจคำฟ้องของอีกฝ่ายเลย เธอรีบเดินเข้าไปคว้าแขนของเขา แล้วพากลับเข้าห้องต่อหน้าต่อตาเลขาที่กำลังจะรายงาน
พอเข้ามาถึงสายตาคมก็ได้มองต่ำลงไปดูมือที่เธอจับ "ปล่อยได้หรือยัง"
"ขอโทษค่ะ ฉันอยากจะถามเรื่องการผ่าตัด"
ชายหนุ่มรีบหันไปดูประตูห้อง แล้วก็ปิดมันไว้
"ผมบอกคุณแล้วไม่ใช่เหรอ"
"ฉันอยากรู้การผ่าตัดแม่ของฉันเป็นยังไงบ้างคะ"
"ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี และคุณก็ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้อีก"
"แล้วแม่ฉันตอนนี้อยู่ที่ไหนคะ"
"นี่คุณฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไง"
"เออ..ค่ะ"
"แล้วนั่นคุณจะไปไหน" ชายหนุ่มถามขึ้นเมื่อเห็นเธอเดินไปที่ประตู
"ลงไปข้างล่างสิคะ"
"คุณต้องอยู่แต่ที่นี่"
"แต่ฉันไม่มีอะไรมาเปลี่ยน ข้าวฉันก็ยังไม่..เออ..ค่ะ" ยังพูดไม่จบเลยด้วยซ้ำ พอเจอสายตาของเขาที่มองมาแบบไม่พอใจ หญิงสาวก็เลยต้องได้เงียบไว้ เธอมองหามุมที่จะไปนั่งเพื่อไม่ให้ขวางหูขวางตาเขา
>>{"อยู่ด้วยกันในห้องค่ะ"} แจนพูดกับใครบางคนที่โทรมาถาม เหตุการณ์ในห้องของคุณหมอเซอร์เวย์ {"แจนก็ไม่ทราบเรื่องเหมือนกันค่ะ เพิ่งเคยเห็นผู้หญิงคนนี้ไม่กี่ครั้งเอง"}
"เข้าข้างในกัน" เกษมราษฎร์เอื้อมมือมาให้อีกฝ่ายจับมือท่านไว้ เพื่อจะได้ก้าวเดินเข้าไปด้านในพร้อมกัน"ท่านทำอะไรคะ" นางยอมเดินตามแรงที่อีกฝ่ายจูง แต่ก็อดที่จะถามไม่ได้"บอกแล้วไงว่าไม่อยากปล่อยเวลาให้เสียไปเปล่าๆ แต่งงานกันนะ""อู๊วววว" เสียงโห่แสดงความยินดีดังขึ้นเมื่อเกษมราษฎร์คุกเข่าลงต่อหน้าผู้หญิงที่กำลังจะเป็นเจ้าสาวในคืนนี้ ท่านเคยพูดไว้แล้วถึงแม้ว่าจะพูดแค่กับตัวเอง ถ้ามีโอกาสได้ทำเพื่อเธอ..จะทำให้ผู้หญิงทุกคนบนโลกนี้ต้องอิจฉาเธอ"ลุกขึ้นเถอะค่ะท่าน""คุณตอบตกลงมาก่อนสิ""ท่านเพิ่งขอหมั้นไปวันก่อนเองนะคะ""ถ้าคุณไม่ตกลงผมก็จะอยู่แบบนี้""ตกลงก็ได้ค่ะ" จากเสียงโห่ร้องกลายเป็นเสียงกรี๊ดลั่นจนโรงแรมแทบจะแตก เมื่อฝ่ายหญิงตอบตกลงแต่งงานด้วยเกษมราษฎร์ลุกขึ้นโดยที่ไม่ต้องให้ใครมาช่วยพยุง ถึงแม้จะอายุและเยอะแล้วแต่ร่างกายของท่านก็ยังแข็งแรง เพราะการเป็นทหารต้องได้ฝึกฝนอยู่ตลอดเวลา"ดีใจด้วยนะครับ" รามสูรเข้ามาแสดงความยินดี เขาดีใจมากที่จะเห็นแม่มีความสุขสักที ตั้งแต่จำความได้เลยมั้งที่เห็นแม่ต้องเฝ้ารอพ่อกลับบ้านทุกวันและลูกๆ คนที่เหลือก็เข้ามาแสดงความยินดี รวมทั้งแขกในงาน วันนี้ท่าน
เย็นวันเดียวกันนั้น.. พุดตาลเรียกลูกชายและลูกสะใภ้มาทานข้าวเย็นร่วมกัน"สวัสดีครับท่าน" รามสูรมาพร้อมกับภรรยา และลูกชาย พอมาถึงก็เห็นว่าท่านพลเอกเกษมราษฎร์ ก็นั่งอยู่ในห้องรับแขกด้วย"มาครบกันแล้วใช่ไหม นั่งก่อนสิลูก"พอลูกชายนั่งลงเกษมราษฎร์ก็ขอเป็นคนพูดเอง ท่านบอกทุกคนว่าขอเข้ามาอยู่ร่วมครอบครัวด้วย ทีแรกเกษมราษฎร์ก็ช่างใจอยู่ กลัวลูกๆ ของพุดตาลจะไม่ชอบใจ เพราะถึงยังไงพ่อของพวกเขาก็มีทีท่าว่าจะกลับมา"ยินดีต้อนรับครับ ผมเองต่างหากที่ต้องฝากคุณแม่ไว้กับท่าน" พี่ชายคนโตเป็นคนเอ่ยพูดก่อน"ขอบใจมากนะลูก" ใจจริงพุดตาลก็อยากจะอยู่กับลูกและหลานแบบนี้ไปจนแก่เฒ่า แต่มันคงเป็นไปไม่ได้แล้ว เมื่อสามีหย่าขาดจากผู้หญิงคนนั้น ยังไงท่านก็ต้องกลับมาวนเวียนจนทำให้ชีวิตอยู่ไม่เป็นสุขแน่ นางก็เลยตัดสินใจตัดกรรมกันไปแต่เพียงแค่นี้"ผมจะประกาศให้สังคมรับรู้เรื่องของเราในเร็ววันนี้""เรื่องนี้แล้วแต่ท่านค่ะ" นางคิดว่าให้คนรับรู้ไว้ก็ดี เรื่องถูกนินทาหนีไม่พ้นอยู่แล้ว ใครจะนินทาก็ช่าง ขอให้ตัวเองอยู่แบบสบายใจก็พอร่วมทานข้าวเย็นกันเสร็จ ลูกชายทั้งสองก็ขอตัวกลับเพราะมันดึกแล้ว ส่วนเพลิงไม่อยากจะกลับก็ต้องได
"ใจเย็นก่อนสิคะมาเหนื่อยๆ น้ำก็ยังไม่อาบ""ขอชื่นใจก่อน" ริมฝีปากหนากระซิบพูดในขณะที่จมูกยังสูดดมคนตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมกอด"คิดถึงคุณเหมือนกันค่ะ" รักครั้งแรกของเธอมันช่างสวยงามนัก แต่เมขลาหวังว่าจะหยุดผู้ชายคนนี้ไว้ได้แค่เธอ เพราะถ้าเขามีตำแหน่งที่สูงขึ้น เขาจะเป็นเหมือนคนที่ให้กำเนิดเธอไหม"เป็นอะไร" เพลิงสัมผัสได้ว่าอารมณ์ของเธอไม่เหมือนตอนที่เรียกเขาขึ้นมาข้างบนเลย"อนาคตข้างหน้าอะไรมันก็ไม่แน่นอนค่ะ เผื่อคุณก้าวไปในตำแหน่งที่สูงกว่านี้..""อย่าคิดอะไรที่มันจะไม่เกิดขึ้น" แค่นี้เขาก็รู้แล้วว่าเธอคงกลัวว่าเขาจะทำตัวเหมือนพ่อ"คุณรู้เหรอคะว่าฉันกำลังคิดอะไรอยู่""ผมรักคุณ คำนี้ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนได้ฟังมันจากปากผม และผมก็จะพูดให้คุณฟังเพียงคนเดียว""ขอบคุณนะคะ" ขอบคุณเขาทั้งน้ำตา แต่ก่อนตอนที่ไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อ ยังมีความสุขมากกว่านี้เลย แต่พอรู้ว่าพ่อมีนิสัยยังไง เมขลาก็เริ่มกลัวผู้ชายรอบข้าง[โรงแรมหรู]ที่พลเอกเกษมราษฎร์พาพุดตาลมาทานข้าวที่โรงแรม เพราะรู้แล้วว่านางคงไม่กลับไปหาอะไรเดิมๆอีก ท่านต้องทำให้นางเห็นว่าท่านสามารถที่จะพานางก้าวไปในทุกๆที่ได้"ทำไมคุณรู้ว่าฉันชอบกิน เออ..
"ทำอะไรกัน"คนที่กำลังโอบกอดกันถึงกับตกใจปล่อยมือออก"ท่าน?""นายคงไม่อยากจะอยู่ในกรมแล้วใช่ไหม""อย่าทำอะไรผู้กองนะคะ" ถึงแม้เธอจะตัวเล็กกว่ามาก แต่หญิงสาวก็ใจกล้าก้าวออกมายืนบังชายคนรักไว้"เรารู้ไหมว่ามันไม่สมควร""จะสมควรหรือไม่ มันอยู่ที่เราสองคนค่ะ""อย่าลืมสิว่าเราเป็นลูกของใคร""หึ.. แล้วฉันเป็นลูกของใครล่ะคะ""มันสมควรแล้วเหรอที่จะมาพูดต่อล้อต่อเถียงกับพ่อ""พ่อ?" เมขลาอยากจะพูดอะไรอีกตั้งมากมาย แต่มันจุกในอกเสียก่อน"มีอะไรกัน" แม่บ้านรีบเข้าไปตามคุณผู้หญิงออกมาดู กลัวว่าจะมีเรื่อง"คุณมาก็ดีแล้ว ผมจะเร่งเรื่องให้ลูกไปเรียนต่อต่างประเทศ""เรียนต่อต่างประเทศ?" เพลิงพูดพร้อมกับมองหน้าเมขลา แล้วมองไปที่ท่านพลเอกเรวทัต"ฉันไม่ไปค่ะ""ลูกไม่อยากเรียน" พุดตาลคิดว่านางคงต้องได้ออกหน้าเองแล้วล่ะ"อายุแค่นี้ยังเรียนได้อีกตั้งเยอะ ทำไมถึงคิดสั้น""อะไรคือการคิดสั้นคะ""ก็ที่เห็นอยู่นี่ไง""คนนี้ผู้กองเพลิงท่านก็คงจะรู้จักแล้ว เขาเป็นคนรักของฉัน ไม่สิ.." ถ้าพูดแค่คนรักมันคงไม่จบตรงนี้แน่ เมขลาก็เลยให้สถานะใหม่กับเพลิง "เขาเป็นพ่อของลูกในท้องฉันเองค่ะ""???" ไม่ใช่แค่พลเอกเรวทัตและพุดตา
เห็นว่าทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า เรวทัตก็เลยยังไม่พูดอะไรอีก เพราะคดีเก่ายังไม่เคลียร์"อยู่พร้อมหน้ากันก็ดีแล้ว พ่อจะย้ายกลับมาอยู่บ้านหลังนี้แล้วนะ"เรวทัตพูดจบ ลูกๆ ต่างก็มองดูหน้าคนเป็นแม่มันคงเป็นเวรกรรมของนางที่เคยสร้างไว้กับผู้ชายคนนี้ตั้งแต่ชาติปางก่อน ชาตินี้ก็เลยต้องได้ตามมาชดใช้กรรม หนีไปไหนก็คงจะหนีไม่พ้นแล้ว"บ้านหลังนี้เป็นบ้านของคุณ คุณจะมาอยู่ใครจะว่าอะไรได้ล่ะคะ"เรวทัตอยากได้ยินคนตรงหน้าเรียกว่าคุณพี่เหมือนเดิม แต่คงต้องใช้เวลา เพราะตัวเองทำไว้กับนางเยอะ"หือ รามิล" มองเข้าไปด้านในก็เห็นลูกสะใภ้คนโตกำลังอุ้มหลานชายเดินออกมา เรวทัตก็เลยเดินเข้าไปหาหลานพอคนเป็นพ่อไปแล้ว ลูกๆ ที่ยังยืนอยู่ตรงนั้นต่างก็มองดูหน้าแม่อีกครั้ง นาทีนี้ไม่มีใครน่าสงสารเท่าท่านอีกแล้ว"แม่ไม่เป็นอะไรหรอก เข้าไปข้างในกันเถอะ" แค่นี้นางก็รู้แล้วว่าสามีคงจะหย่าจริง เพราะถ้าไม่งั้นคงไม่บอกว่าจะกลับมานอนบ้านหลังนี้ นางรนหาที่เอง คิดว่าท่านจะไม่กล้าหย่าดาราสาวสวยคนนั้นทุกคนเข้าไปแล้ว เมขลาก็หันกลับมากุมมือเพลิงไว้ "เรายังจะเป็นเหมือนเดิม อย่าคิดมากนะคะ" เมขลารู้ดีว่าเพลิงคิดว่าตัวเองต่ำต้อย"ผมจะไม่ถอ
"ผมมาคิดทบทวนเรื่องของเราดูแล้ว""ท่านไม่สบายหรือเปล่าคะ" แพรวพราวเริ่มใจไม่ดี แต่ก็ยังคงส่งรอยยิ้มหวานๆ ให้ แบบใจดีสู้เสือ"เราหย่ากันเถอะ""คุณพี่!!""ผมจะให้ทุกอย่างที่คุณอยากได้ ผมขอแค่ให้คุณเซ็นใบหย่า""ไม่มีทางค่ะ กว่าเราจะฝ่าฟันความรักของเรามาด้วยกันได้ ทำไมคุณพี่ถึงทำแบบนี้กับแพรวคะ""ผมให้เกียรติคุณถึงได้มาคุยก่อน หรืออยากจะคุยผ่านทนายของผมล่ะ""แพรวรักท่าน ยอมอุ้มท้องลูกของท่าน ถึงแม้จะถูกใครตราหน้าว่าเป็นผู้หญิงไม่ดี""เรื่องลูกผมก็ยังจะส่งเสียเลี้ยงดู""แพรวไม่ได้ต้องการแบบนั้นสักหน่อย ใครคะ..ท่านมีใครใหม่อีกเหรอคะ""เรื่องนั้นไม่เกี่ยว เรามาคุยเรื่องของเราก่อน""เรื่องของเรา แพรวไม่หย่า!""ผมมาคุยกับคุณดีๆ แล้วนะ หลังจากนี้คุณก็คุยกับทนายของผมแล้วกัน และสิ่งที่คุณอยากได้ก็อย่าฝันว่าจะได้""ท่านอย่าบอกนะว่าจะกลับไปหามันอีก""ผมเพิ่งรู้ว่ารักภรรยา""รักภรรยาอย่างนั้นเหรอคะ แล้วที่ผ่านมาล่ะผู้หญิงนับสิบนับร้อยยังจะเรียกว่ารักภรรยาได้อยู่อีกเหรอคะ!" แต่ดูเหมือนเรวทัตจะไม่ฟังอะไรอีก เพราะตอนนี้เดินไปที่รถแล้ว "กรี๊ดดดด!!""คุณแม่เป็นอะไรคะ" มโนราห์ได้ยินเสียงร้องก็รีบลงมาดู"