"คุณรู้ได้ยังไงคะว่าลูกอยู่ที่ห้องทำงาน" แพทย์หญิงถามผู้เป็นสามีทันทีที่ประตูลิฟต์ปิดลง เพราะดูเหมือนสามีจะมั่นใจเหลือเกิน
"ชีวิตมันก็มีอยู่แค่นี้แหละ ถ้าไม่ค้างที่ห้องทำงานก็ค้างอยู่หอพัก"
"คุณก็ค่อยๆ พูด ค่อยๆ จากับลูกหน่อยนะคะ อย่าลืมสิว่ามีแต่ตาเรย์เท่านั้นที่เราจะฝากโรงพยาบาลไว้ได้"
"ก็เพราะมีแต่มันที่จะฝากไว้ ถ้าได้คู่ชีวิตที่ช่วยกันดูแลโรงพยาบาลของเรา มันก็ยิ่งจะเป็นผลดีไม่ใช่เหรอคุณ ขอร้องอย่างหนึ่งเถอะ เวลาผมพูดกับลูกคุณไม่ต้องพูดแทรกได้ไหม ลูกก็เลยจะไม่เชื่อถือผม"
"ก็คุณใช้อารมณ์พูดกับลูกเกินไปนี่คะ"
"ดู..ยังพูดไม่ทันขาดคำ"
"แล้วคุณจะลากฉันมาด้วยทำไมล่ะ"
ยังพูดกันไม่ถึงไหนประตูลิฟต์ก็เปิดออก ..ทั้งสองท่านที่ยืนอยู่ก่อนต้องได้ขยับเข้าไปด้านในนิดหนึ่ง เพราะมีคนเข้ามาในลิฟต์เพิ่ม
หญิงสาวที่เข้ามาในลิฟต์มองดูตัวเลขที่โชว์ขึ้นก็เห็นว่าคนที่เข้ามาก่อนก็จะขึ้นไปที่ชั้นเดียวกัน เธอก็เลยไม่ต้องได้กด
และเพียงไม่นานประตูลิฟต์ก็เปิดออกที่ชั้นผู้บริหารของโรงพยาบาล
เธอคนที่เข้ามาใหม่ก้าวออกไปก่อน แต่ดูท่าทางของเธอจะไม่มั่นใจเลย ซึ่งแตกต่างจากสองท่าน พอออกจากลิฟต์ได้ทั้งสองท่านก็เดินตรงไปที่ห้องทำงานของหมอผู้บริหารโรงพยาบาลนี้
"สวัสดีค่ะคุณหมอ" ขณะที่กำลังจะเคาะประตูห้อง เลขานุการที่ประจำอยู่ชั้นนี้รีบเดินเข้ามา
"หมอเรย์อยู่ในนี้ไหม"
"คุณหมอเหรอคะ แจนยังไม่เห็นขึ้นมาเลยนี่คะ"
เซอร์เวย์ไม่ชอบให้ใครเข้าไปยุ่งวุ่นวายในห้องทำงาน นอกจากคนทำความสะอาด แต่ก็ให้ทำเป็นเวลา ก็เลยไม่มีใครกล้าเข้าไปเช็คห้องทำงานของเขา
แกร็ก.. ขณะที่กำลังยืนคุยกันอยู่ ประตูห้องที่ทุกคนกำลังสนทนากันได้เปิดออก
"คุณพ่อ? คุณพ่อกับคุณแม่มาทำไมครับ"
"แจนไม่รู้ว่าคุณหมออยู่ในนี้ ขอโทษด้วยค่ะ"
"มีอะไรทำก็ไปทำเถอะคุณแจน" ขณะที่พูดกับเลขาสายตาของเขามองไปเห็นเธอที่ยืนอยู่ห่างๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร "เข้ามาข้างในก่อนสิครับพ่อ" ชายหนุ่มเปิดประตูทิ้งไว้แล้วก็เดินกลับเข้าไปในห้อง เพื่อให้พ่อกับแม่ได้เดินตามเข้ามา
"พ่อผิดเองแหละที่ปล่อยงานโรงพยาบาลให้ลูกดูแลเร็วเกินไป ก็เลยไม่มีเวลาหาคู่ แต่ไม่เป็นไร พ่อรับผิดชอบโดยการ...."
"อย่าบอกนะครับว่าพ่อจะมาพูดเรื่องเมื่อคืนนี้ที่นี่อีก" แค่เกริ่นมาเขาก็พอจะรู้แล้ว
"พ่อจองร้านอาหารไว้แล้ว เดี๋ยวพ่อจะบอกคนขับรถของเราเองว่าที่ไหน"
"ผมก็บอกพ่อไปแล้วไง"
"เราอายุ 30 กว่าแล้วนะ สมควรที่จะมีลูกมีเต้าได้แล้ว"
"มีกฎหมายข้อไหนบังคับให้คน 30 มีลูกล่ะครับ"
"ตาเรย์! ไม่รู้ล่ะถ้าคืนนี้พ่อไม่เจอลูกที่ร้านอาหาร ถ้างั้นก็เตรียมไปเจอกันงานแต่งได้เลย"
"เดี๋ยวนะครับพ่อ?"
"คุณจะใจร้อนมากเกินไปแล้วนะ" ภรรยาอุตส่าห์ฟังอยู่เงียบๆ ขนาดเจอหน้ายังไม่อยากเจอแล้วนี่จะให้จัดงานแต่งแล้วเหรอ
"เราตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอคุณ ว่าคุณจะอยู่เงียบๆ"
"แต่คุณก็ทำเกินไป"
"พอแล้วครับไม่ต้องพูดกันแล้ว พ่อยกเลิกเรื่องนั้นไปได้เลย.." พอพูดจบประโยคเท่านั้นแหละ นายแพทย์เซอร์เวย์ก็เดินมาเปิดประตูห้อง
พ่อกับแม่ต่างก็มองหน้ากัน เพราะคิดว่าลูกชายจะไล่ออกจากห้อง แต่กลับไม่ใช่พอประตูเปิดออก..
"คุณรอนานไหมครับ"
หญิงสาวที่ยังคงยืนอยู่แถวนั้นหันกลับมองดูด้านหลังของตัวเอง เพราะคิดว่าเขาคุยกับใคร
"เข้ามาสิครับ"
"เข้าข้างในกัน" เกษมราษฎร์เอื้อมมือมาให้อีกฝ่ายจับมือท่านไว้ เพื่อจะได้ก้าวเดินเข้าไปด้านในพร้อมกัน"ท่านทำอะไรคะ" นางยอมเดินตามแรงที่อีกฝ่ายจูง แต่ก็อดที่จะถามไม่ได้"บอกแล้วไงว่าไม่อยากปล่อยเวลาให้เสียไปเปล่าๆ แต่งงานกันนะ""อู๊วววว" เสียงโห่แสดงความยินดีดังขึ้นเมื่อเกษมราษฎร์คุกเข่าลงต่อหน้าผู้หญิงที่กำลังจะเป็นเจ้าสาวในคืนนี้ ท่านเคยพูดไว้แล้วถึงแม้ว่าจะพูดแค่กับตัวเอง ถ้ามีโอกาสได้ทำเพื่อเธอ..จะทำให้ผู้หญิงทุกคนบนโลกนี้ต้องอิจฉาเธอ"ลุกขึ้นเถอะค่ะท่าน""คุณตอบตกลงมาก่อนสิ""ท่านเพิ่งขอหมั้นไปวันก่อนเองนะคะ""ถ้าคุณไม่ตกลงผมก็จะอยู่แบบนี้""ตกลงก็ได้ค่ะ" จากเสียงโห่ร้องกลายเป็นเสียงกรี๊ดลั่นจนโรงแรมแทบจะแตก เมื่อฝ่ายหญิงตอบตกลงแต่งงานด้วยเกษมราษฎร์ลุกขึ้นโดยที่ไม่ต้องให้ใครมาช่วยพยุง ถึงแม้จะอายุและเยอะแล้วแต่ร่างกายของท่านก็ยังแข็งแรง เพราะการเป็นทหารต้องได้ฝึกฝนอยู่ตลอดเวลา"ดีใจด้วยนะครับ" รามสูรเข้ามาแสดงความยินดี เขาดีใจมากที่จะเห็นแม่มีความสุขสักที ตั้งแต่จำความได้เลยมั้งที่เห็นแม่ต้องเฝ้ารอพ่อกลับบ้านทุกวันและลูกๆ คนที่เหลือก็เข้ามาแสดงความยินดี รวมทั้งแขกในงาน วันนี้ท่าน
เย็นวันเดียวกันนั้น.. พุดตาลเรียกลูกชายและลูกสะใภ้มาทานข้าวเย็นร่วมกัน"สวัสดีครับท่าน" รามสูรมาพร้อมกับภรรยา และลูกชาย พอมาถึงก็เห็นว่าท่านพลเอกเกษมราษฎร์ ก็นั่งอยู่ในห้องรับแขกด้วย"มาครบกันแล้วใช่ไหม นั่งก่อนสิลูก"พอลูกชายนั่งลงเกษมราษฎร์ก็ขอเป็นคนพูดเอง ท่านบอกทุกคนว่าขอเข้ามาอยู่ร่วมครอบครัวด้วย ทีแรกเกษมราษฎร์ก็ช่างใจอยู่ กลัวลูกๆ ของพุดตาลจะไม่ชอบใจ เพราะถึงยังไงพ่อของพวกเขาก็มีทีท่าว่าจะกลับมา"ยินดีต้อนรับครับ ผมเองต่างหากที่ต้องฝากคุณแม่ไว้กับท่าน" พี่ชายคนโตเป็นคนเอ่ยพูดก่อน"ขอบใจมากนะลูก" ใจจริงพุดตาลก็อยากจะอยู่กับลูกและหลานแบบนี้ไปจนแก่เฒ่า แต่มันคงเป็นไปไม่ได้แล้ว เมื่อสามีหย่าขาดจากผู้หญิงคนนั้น ยังไงท่านก็ต้องกลับมาวนเวียนจนทำให้ชีวิตอยู่ไม่เป็นสุขแน่ นางก็เลยตัดสินใจตัดกรรมกันไปแต่เพียงแค่นี้"ผมจะประกาศให้สังคมรับรู้เรื่องของเราในเร็ววันนี้""เรื่องนี้แล้วแต่ท่านค่ะ" นางคิดว่าให้คนรับรู้ไว้ก็ดี เรื่องถูกนินทาหนีไม่พ้นอยู่แล้ว ใครจะนินทาก็ช่าง ขอให้ตัวเองอยู่แบบสบายใจก็พอร่วมทานข้าวเย็นกันเสร็จ ลูกชายทั้งสองก็ขอตัวกลับเพราะมันดึกแล้ว ส่วนเพลิงไม่อยากจะกลับก็ต้องได
"ใจเย็นก่อนสิคะมาเหนื่อยๆ น้ำก็ยังไม่อาบ""ขอชื่นใจก่อน" ริมฝีปากหนากระซิบพูดในขณะที่จมูกยังสูดดมคนตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมกอด"คิดถึงคุณเหมือนกันค่ะ" รักครั้งแรกของเธอมันช่างสวยงามนัก แต่เมขลาหวังว่าจะหยุดผู้ชายคนนี้ไว้ได้แค่เธอ เพราะถ้าเขามีตำแหน่งที่สูงขึ้น เขาจะเป็นเหมือนคนที่ให้กำเนิดเธอไหม"เป็นอะไร" เพลิงสัมผัสได้ว่าอารมณ์ของเธอไม่เหมือนตอนที่เรียกเขาขึ้นมาข้างบนเลย"อนาคตข้างหน้าอะไรมันก็ไม่แน่นอนค่ะ เผื่อคุณก้าวไปในตำแหน่งที่สูงกว่านี้..""อย่าคิดอะไรที่มันจะไม่เกิดขึ้น" แค่นี้เขาก็รู้แล้วว่าเธอคงกลัวว่าเขาจะทำตัวเหมือนพ่อ"คุณรู้เหรอคะว่าฉันกำลังคิดอะไรอยู่""ผมรักคุณ คำนี้ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนได้ฟังมันจากปากผม และผมก็จะพูดให้คุณฟังเพียงคนเดียว""ขอบคุณนะคะ" ขอบคุณเขาทั้งน้ำตา แต่ก่อนตอนที่ไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อ ยังมีความสุขมากกว่านี้เลย แต่พอรู้ว่าพ่อมีนิสัยยังไง เมขลาก็เริ่มกลัวผู้ชายรอบข้าง[โรงแรมหรู]ที่พลเอกเกษมราษฎร์พาพุดตาลมาทานข้าวที่โรงแรม เพราะรู้แล้วว่านางคงไม่กลับไปหาอะไรเดิมๆอีก ท่านต้องทำให้นางเห็นว่าท่านสามารถที่จะพานางก้าวไปในทุกๆที่ได้"ทำไมคุณรู้ว่าฉันชอบกิน เออ..
"ทำอะไรกัน"คนที่กำลังโอบกอดกันถึงกับตกใจปล่อยมือออก"ท่าน?""นายคงไม่อยากจะอยู่ในกรมแล้วใช่ไหม""อย่าทำอะไรผู้กองนะคะ" ถึงแม้เธอจะตัวเล็กกว่ามาก แต่หญิงสาวก็ใจกล้าก้าวออกมายืนบังชายคนรักไว้"เรารู้ไหมว่ามันไม่สมควร""จะสมควรหรือไม่ มันอยู่ที่เราสองคนค่ะ""อย่าลืมสิว่าเราเป็นลูกของใคร""หึ.. แล้วฉันเป็นลูกของใครล่ะคะ""มันสมควรแล้วเหรอที่จะมาพูดต่อล้อต่อเถียงกับพ่อ""พ่อ?" เมขลาอยากจะพูดอะไรอีกตั้งมากมาย แต่มันจุกในอกเสียก่อน"มีอะไรกัน" แม่บ้านรีบเข้าไปตามคุณผู้หญิงออกมาดู กลัวว่าจะมีเรื่อง"คุณมาก็ดีแล้ว ผมจะเร่งเรื่องให้ลูกไปเรียนต่อต่างประเทศ""เรียนต่อต่างประเทศ?" เพลิงพูดพร้อมกับมองหน้าเมขลา แล้วมองไปที่ท่านพลเอกเรวทัต"ฉันไม่ไปค่ะ""ลูกไม่อยากเรียน" พุดตาลคิดว่านางคงต้องได้ออกหน้าเองแล้วล่ะ"อายุแค่นี้ยังเรียนได้อีกตั้งเยอะ ทำไมถึงคิดสั้น""อะไรคือการคิดสั้นคะ""ก็ที่เห็นอยู่นี่ไง""คนนี้ผู้กองเพลิงท่านก็คงจะรู้จักแล้ว เขาเป็นคนรักของฉัน ไม่สิ.." ถ้าพูดแค่คนรักมันคงไม่จบตรงนี้แน่ เมขลาก็เลยให้สถานะใหม่กับเพลิง "เขาเป็นพ่อของลูกในท้องฉันเองค่ะ""???" ไม่ใช่แค่พลเอกเรวทัตและพุดตา
เห็นว่าทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า เรวทัตก็เลยยังไม่พูดอะไรอีก เพราะคดีเก่ายังไม่เคลียร์"อยู่พร้อมหน้ากันก็ดีแล้ว พ่อจะย้ายกลับมาอยู่บ้านหลังนี้แล้วนะ"เรวทัตพูดจบ ลูกๆ ต่างก็มองดูหน้าคนเป็นแม่มันคงเป็นเวรกรรมของนางที่เคยสร้างไว้กับผู้ชายคนนี้ตั้งแต่ชาติปางก่อน ชาตินี้ก็เลยต้องได้ตามมาชดใช้กรรม หนีไปไหนก็คงจะหนีไม่พ้นแล้ว"บ้านหลังนี้เป็นบ้านของคุณ คุณจะมาอยู่ใครจะว่าอะไรได้ล่ะคะ"เรวทัตอยากได้ยินคนตรงหน้าเรียกว่าคุณพี่เหมือนเดิม แต่คงต้องใช้เวลา เพราะตัวเองทำไว้กับนางเยอะ"หือ รามิล" มองเข้าไปด้านในก็เห็นลูกสะใภ้คนโตกำลังอุ้มหลานชายเดินออกมา เรวทัตก็เลยเดินเข้าไปหาหลานพอคนเป็นพ่อไปแล้ว ลูกๆ ที่ยังยืนอยู่ตรงนั้นต่างก็มองดูหน้าแม่อีกครั้ง นาทีนี้ไม่มีใครน่าสงสารเท่าท่านอีกแล้ว"แม่ไม่เป็นอะไรหรอก เข้าไปข้างในกันเถอะ" แค่นี้นางก็รู้แล้วว่าสามีคงจะหย่าจริง เพราะถ้าไม่งั้นคงไม่บอกว่าจะกลับมานอนบ้านหลังนี้ นางรนหาที่เอง คิดว่าท่านจะไม่กล้าหย่าดาราสาวสวยคนนั้นทุกคนเข้าไปแล้ว เมขลาก็หันกลับมากุมมือเพลิงไว้ "เรายังจะเป็นเหมือนเดิม อย่าคิดมากนะคะ" เมขลารู้ดีว่าเพลิงคิดว่าตัวเองต่ำต้อย"ผมจะไม่ถอ
"ผมมาคิดทบทวนเรื่องของเราดูแล้ว""ท่านไม่สบายหรือเปล่าคะ" แพรวพราวเริ่มใจไม่ดี แต่ก็ยังคงส่งรอยยิ้มหวานๆ ให้ แบบใจดีสู้เสือ"เราหย่ากันเถอะ""คุณพี่!!""ผมจะให้ทุกอย่างที่คุณอยากได้ ผมขอแค่ให้คุณเซ็นใบหย่า""ไม่มีทางค่ะ กว่าเราจะฝ่าฟันความรักของเรามาด้วยกันได้ ทำไมคุณพี่ถึงทำแบบนี้กับแพรวคะ""ผมให้เกียรติคุณถึงได้มาคุยก่อน หรืออยากจะคุยผ่านทนายของผมล่ะ""แพรวรักท่าน ยอมอุ้มท้องลูกของท่าน ถึงแม้จะถูกใครตราหน้าว่าเป็นผู้หญิงไม่ดี""เรื่องลูกผมก็ยังจะส่งเสียเลี้ยงดู""แพรวไม่ได้ต้องการแบบนั้นสักหน่อย ใครคะ..ท่านมีใครใหม่อีกเหรอคะ""เรื่องนั้นไม่เกี่ยว เรามาคุยเรื่องของเราก่อน""เรื่องของเรา แพรวไม่หย่า!""ผมมาคุยกับคุณดีๆ แล้วนะ หลังจากนี้คุณก็คุยกับทนายของผมแล้วกัน และสิ่งที่คุณอยากได้ก็อย่าฝันว่าจะได้""ท่านอย่าบอกนะว่าจะกลับไปหามันอีก""ผมเพิ่งรู้ว่ารักภรรยา""รักภรรยาอย่างนั้นเหรอคะ แล้วที่ผ่านมาล่ะผู้หญิงนับสิบนับร้อยยังจะเรียกว่ารักภรรยาได้อยู่อีกเหรอคะ!" แต่ดูเหมือนเรวทัตจะไม่ฟังอะไรอีก เพราะตอนนี้เดินไปที่รถแล้ว "กรี๊ดดดด!!""คุณแม่เป็นอะไรคะ" มโนราห์ได้ยินเสียงร้องก็รีบลงมาดู"