รถกระบะสีดำแบบสี่ประตูแล่นเข้ามาจอดที่โรงรถอย่างไม่ค่อยนุ่มนวลนักเช่นเดียวกับบุคลิกของคนขับ ธรินดาลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่อถึงบ้านเสียที มือเล็กจัดการปลดล็อกเข็มขัดนิรภัยแล้วเอี้ยวตัวเพื่อจะเปิดประตูรถ แต่เสียงของปรัชญ์ดังขึ้นห้ามอย่างดุๆ เสียก่อน
“เดี๋ยวก่อนธรินดา”
“มีอะไรคะ” แม้จะไม่อยากพูดด้วยเลยสักนิด แต่ครั้งนี้ธรินดาก็ยอมฝืนใจตัวเอง เพราะตอนนี้รถจอดแล้ว ปรัชญ์สามารถเล่นงานเธอได้เต็มที่
“เธอขอบคุณฉันหรือยังที่ฉันอุตส่าห์ไปรับถึงสนามบิน”
“ขอบคุณค่ะ”
มือเล็กยกขึ้นไหว้เขา ถึงแม้จะแอบคิดว่าเธอไม่ได้อยากให้เขาไปรับสักนิด และอยากจะบอกเขาไปว่าถ้าคนที่บ้านไม่ว่างจริงๆ เธอเรียกแท็กซี่กลับเองก็ได้ แต่ก็เลือกที่จะไม่พูดเพราะกลัวว่าจะเป็นการหาเรื่องใส่ตัวเปล่าๆ
ธรินดาคิดว่าไหว้ขอบคุณแล้วปรัชญ์จะจบ แต่เขาไม่ยอมจบ เพราะตอนนี้ใบหน้าหล่อเหลานั้นโฉบเข้ามาใกล้หน้าหวานใสของเธอแล้วฉวยโอกาสกดจมูกโด่งลงบนพวงแก้มซีกขวาหนักๆ โดยที่เธอไม่ทันได้ตั้งตัว
“คุณปรัชญ์!” ธรินดาอุทานเสียงเขียวพลางยกมือขึ้นกุมแก้มด้านที่ถูกหอมเมื่อครู่นี้ ขนาดระวังตัวแล้วก็ยังโดนรังแกเอาจนได้
“ฉันชอบให้ผู้หญิงขอบคุณแบบนี้มากกว่า โดยเฉพาะผู้หญิงที่เป็นเมีย...เก็บ” เขาเลิกคิ้วเข้มขึ้นพร้อมทั้งยิ้มใส่ตาคนที่กำลังหน้าร้อนอย่างยียวน
“คนบ้ากาม! ไม่ได้สำเหนียกเลยสักนิดว่าตัวเองกำลังจะหมั้นแล้ว เล็กเกลียดคุณ”
ธรินดาก่นด่าเขาอย่างเหลืออดแล้วลนลานเปิดประตูรถ เมื่อลงได้ก็รีบวิ่งเข้าไปในบ้านโดยไม่ยอมเหลียวหลังกลับมาเลยสักแวบ เพราะกลัวปรัชญ์จะตามมาทันและถูกเขารังแกอีกรอบ
วันนี้คุ้มลักษิกาคึกคักตั้งแต่เช้าตรู่ ธรินดาเองก็ตื่นมาแต่เช้า แต่ไม่ใช่เพื่อเตรียมข้าวของใส่บาตรเช่นเคย หญิงสาวอาบน้ำและอยู่ในชุดคลุมสีขาว ก่อนที่ช่างแต่งหน้าทำผมสองคนจะเข้ามาพร้อมอุปกรณ์ส่วนตัว จากนั้นเจ้าของร่างบางก็ต้องไปนั่งนิ่งๆ หน้าโต๊ะเครื่องแป้งเพื่อให้ช่างทั้งสองคนจัดการแต่งหน้าทำผม โดยใช้เวลาไปเกือบสองชั่วโมง ความจริงธรินดาไม่ชอบการแต่งหน้าทำผมเช่นนี้เท่าไหร่ เธอชอบการหวีผมเรียบๆ ทาแป้งเด็ก และเติมลิปมันสีธรรมชาติมากกว่า แต่ครั้งนี้เป็นคำสั่งของแม่ใหญ่ที่อยากให้ลูกสาวของตนสวยและดูดีที่สุดในวันมงคลของพี่ชาย เธอจึงไม่อยากขัด...
หลังจากช่างแต่งหน้าทำผมเสร็จ ธรินดาก็เปลี่ยนชุดและจรดเท้าเรียวเล็กสะอาดลงในรองเท้าส้นสูงสีขาว สำรวจความเรียบร้อยของตัวเองอีกครั้ง แล้วหยิบกระเป๋าสะพายใบเล็กที่เข้ากับชุดขึ้นมาคล้องไหล่ ก่อนจะก้าวออกจากห้อง
แม่เลี้ยงลักษิกาและปราณต์ที่แต่งตัวเสร็จก่อนต่างยิ้มอย่างพึงพอใจเมื่อเห็นธรินดาก้าวลงบันไดมา หญิงสาวใส่ชุดเดรสผ้าไหมแขนสามส่วนสีชมพูอ่อนที่แม่เลี้ยงลักษิกาสั่งตัดเตรียมไว้ให้เป็นพิเศษ คลื่นผมสีดำขลับเป็นธรรมชาติที่ยาวเหยียดถึงกลางหลังถูกช่างม้วนดัดแต่งช่วงปลายให้เป็นลอนสะบัดพลิ้วเข้ากับหน้ารูปไข่ ผมด้านข้างถูกรวบอย่างอ่อนช้อยขึ้นไปเก็บรวมกันไว้ที่ด้านหลัง เปิดให้เห็นดวงหน้าอ่อนหวานที่แต่งเพียงแค่บางเบา แต่แค่นั้นก็มากพอที่จะทำให้ใบหน้านั้นดูสวยสดใสแบบคนสุขภาพดีตามเทรนด์ออกงานสมัยใหม่ ใบหูทั้งสองข้างมีต่างหูแบบห้อยติดอยู่ ช่วงคอระหงประดับด้วยสร้อยทองคำขาวรูปหยดน้ำเข้าชุดกันกับต่างหู
สายตาที่แม่กับพี่ชายบุญธรรมมองมาอย่างชื่นชมเช่นนั้นทำให้ธรินดาอดที่จะประหม่าอายไม่ได้ เธอแทบจะไม่ค่อยได้มีโอกาสแต่งตัวไปงานเลย จึงรู้สึกไม่คุ้นเคยกับตัวเองในภาพลักษณ์เช่นนี้เท่าไหร่ ทว่าแม่เลี้ยงลักษิกากลับยิ้มกว้างแทบไม่หุบอย่างภูมิใจ เมื่อเห็นความสวยซึ้งของลูกสาวตัวเอง
“วันนี้ลูกสาวแม่สวยที่สุดเลยลูก แม่คิดแล้วว่าหนูเล็กใส่ชุดนี้แล้วจะต้องสวยมาก” แม่เลี้ยงลักษิกากล่าวอย่างปลื้มปริ่ม พลางยื่นมือไปกระชับต้นแขนกลมกลึง ขณะที่ตายังคงพิศมองความงดงามหวานซึ้งตรงหน้าแบบชื่นชม
“จริงเหรอคะแม่ใหญ่ นี่เล็กเขินไปหมดเลยนะคะ เล็กไม่ค่อยได้แต่งตัวแบบนี้แม่ใหญ่ก็ทราบ”
“แม่จะพาเล็กไปออกงาน แต่เล็กก็ไม่ยอมไปกับแม่สักทีนี่ลูก แบบนี้แหละถึงไม่ค่อยชิน”
“เล็กไม่ชอบงานเลี้ยงนี่คะแม่ใหญ่”
“ก็นั่นไง แม่ถึงไม่ฝืนใจ แต่วันนี้ลูกสาวแม่สวยจริงๆ ใช่มั้ยตาปราณต์” ประโยคหลังแม่เลี้ยงลักษิกาหันไปทางลูกชายคนโตที่ยืนมองธรินดาอยู่อย่างพึงพอใจเช่นกัน
“จริงครับแม่ วันนี้น้องเล็กสวยมาก”
“ระวังจะสวยเกินหน้าเกินตาว่าที่เจ้าสาวของผมนะครับ”
ประโยคที่เต็มไปด้วยความยียวนนั้นไม่ได้หลุดจากปากของใครคนใดคนหนึ่งที่ยืนรวมตัวกันอยู่ตรงนั้น แต่คนพูดคือคนที่เพิ่งจะก้าวเข้ามาในบ้านนั่นเอง ทำให้แม่เลี้ยงลักษิกาและทุกคนต่างหันไปมองยังเขาเป็นตาเดียวกัน
“แล้วยังไง หรือแกว่าน้องไม่สวยล่ะตาปรัชญ์”
“ก็งั้นๆ”
“อย่าไปฟังคนปากเสียนะหนูเล็ก” แม่เลี้ยงลักษิกาหันไปทางลูกสาว ก่อนจะหันกลับมาเล่นงานลูกชายคนเล็ก “แล้วนี่แกอย่าบอกนะว่าเพิ่งกลับบ้าน”
“ใช่ครับ เมื่อคืนผมไม่ได้กลับ” ปรัชญ์ยักไหล่และไม่ปฏิเสธคำถามของมารดา เขามาส่งธรินดาเสร็จก็กลับออกไปข้างนอก และ เพิ่งจะกลับเข้าบ้านช่วงใกล้รุ่งสางนี่เอง
“โอ๊ย...แม่จะอกแตกตาย อุตส่าห์กำชับแล้วกำชับอีกว่าไม่ให้เถลไถล แล้วนี่จะทันฤกษ์หมั้นไหม ยังไม่ทันอาบน้ำแต่งตัวเลย”
“ฤกษ์ตั้งเก้าโมง แต่นี่มันเพิ่งจะหกโมงเองนะครับแม่เลี้ยง นอนอีกสักงีบก็ยังได้”
“ไม่ได้เด็ดขาดเลยตาปรัชญ์ ห้ามนอนเชียวนะ ขึ้นไปนี่ก็อาบน้ำอาบท่าแต่งตัวซะ และแม่ขอนะไอ้หนวดเคราน่ะ โกนให้มันเรียบร้อยเสียด้วย”
ปรัชญ์ไม่ตอบรับคำขอของผู้เป็นแม่ แต่เดินหนีขึ้นบันไดไปดื้อๆ ทำให้แม่เลี้ยงลักษิกาได้แต่ระบายลมหายใจออกมาหนักๆ แล้วก็ส่ายศีรษะน้อยๆ ด้วยความกลัดกลุ้ม ธรินดาจึงเข้ามาโอบเอวมารดาบุญธรรมลูบไปมาบนเอวอวบนั้นเบาๆ เพื่อปลอบใจ เช่นเดียวกับที่ปราณต์เองก็ทำโดยการพูดให้แม่คลายใจ
“อย่าห่วงเลยครับแม่ รับรองว่าตาปรัชญ์ไปทันฤกษ์”
“อยู่ดูน้องให้แม่หน่อยได้มั้ยปราณต์ แม่ละไม่วางใจพ่อตัวดีเลย” แม่เลี้ยงลักษิกายังไม่คลายความกังวลจึงพูดกับลูกชายคนโตเช่นนั้น
“อย่าเลยครับแม่ แม่ก็รู้ว่าตาปรัชญ์เป็นคนยังไง ยิ่งบังคับก็ยิ่งต่อต้าน ถ้าเราปล่อย เขาก็จะทำของเขาเองนั่นละครับ เรารีบไปกันก่อนดีกว่านะครับ เดี๋ยวทางโน้นจะรอ”
“ถ้าปรัชญ์ว่าง่ายได้สักครึ่งหนึ่งของปราณต์ก็ดีสินะ” คนเป็นแม่ได้แต่รำพึง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะลูกๆ ไม่ใช่เด็กแบเบาะที่จะจับวางอย่างไรก็ได้อีกต่อไปแล้ว
บทที่ 98“ฉันไม่อยากดื่มนมอย่างอื่น ฉันเก็บปากของฉันไว้ดื่มนมอร่อยๆ จากเต้าของเธอก็พอแล้ว ว่าแล้วก็หิว เล็กจ๋า...ให้ฉันกินนะ” แววตาของคนที่ประท้วงอยู่เมื่อครู่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นวิบวับและเปล่งประกายความปรารถนาที่มีต่อเธอออกมาอย่างเปิดเผย “ไม่เอาค่ะคุณปรัชญ์” ธรินดาปฏิเสธเสียงเบา เพราะกลัวลูกสาวจะตื่นมาเห็น “แต่ฉันจะ ‘เอา’ นะเล็กจ๋า ตามใจผัวนะครับหนูเล็กคนดี” “โธ่...คุณปรัชญ์” “ไม่โธ่จ้ะที่รัก...ฉันหิว อยากดื่มนม” ปรัชญ์กระซิบบอกความต้องการของตัวเอง พร้อมกับที่ธรินดารับรู้ถึงความตื่นตัวของเขาที่ตอนนี้บดเบียดเธออยู่ไม่ห่าง “ถ้าอย่างนั้นเล็กไปดับไฟก่อนนะคะ” ธรินดาบอกอย่างอายๆ แต่คำตอบนั้นบ่งบอกชัดว่าเธอยอมตามใจเขาแล้ว ปรัชญ์จึงยอมปล่อยให้ร่างเล็กลุกจากตักไปปิดไฟ ส่วนตัวเองขยับขึ้นไปนอนรออยู่บนเตียง ห้องทั้งห้องมืดสนิทเมื่อธรินดายื่นมือไปกดสวิตช์ไฟให้ดับลง เธออาศัยความเคยชินเดินกลับมายังเตียง และค่อยๆ เอนกายลงนอนเคียงข้างสามี ปรัชญ์รีบขยับเข้ามาแนบชิดพร้อมกับกระซิบเรียกเสียงพร่า ท
บทที่ 97“ป๋าก็คิดถึงนิล คิดถึงแม่เล็กของนิลใจแทบขาด” ปรัชญ์ตอบลูกสาวและถือโอกาสอ้อนไปถึงแม่ของลูกด้วย เพราะเขารู้ดีว่าตอนนี้โทรศัพท์น่าจะเปิดลำโพงอยู่ “งั้นก็รีบกลับบ้านสิคะป๋า หมีพูกับแม่เล็กก็รอป๋าเหมือนกันค่ะ” ปรัชญ์ยิ้มออกมาอีกคราเมื่อลูกบอกว่าธรินดาเองก็รอเขาอยู่ ใบหน้าอันหวานซึ้งนั้นลอยเข้ามาในห้วงความคิด ทำให้เขาจำต้องพับหน้าจอแล็ปท็อปลงพร้อมกับปิดแฟ้มเอกสารที่กางอยู่หลายอันบนโต๊ะ“โอเคครับคนดีของป๋า ป๋าจะกลับเดี๋ยวนี้ละ” “งั้นนิลจะรอจนกว่าป๋าจะมานะคะ นิลถึงจะนอน” “ครับ อีกยี่สิบนาทีเจอกันนะครับ” “ค่ะป๋า เย้ๆ” หลังจากวางสายจากลูกสาว ปรัชญ์ก็ไม่รอช้า รีบขับรถตรงดิ่งกลับบ้านอย่างปราศจากความลังเลใดๆ ทันที งานเอาไว้ก่อนตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือลูก เมีย แม่ และหมีพู ซึ่งกำลังรอเขาอยู่ที่บ้านทันทีที่ร่างสูงเดินเข้าบ้าน หมีพูกับเด็กหญิงตัวน้อยที่หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูก็วิ่งมาหาพร้อมกับเรียกผู้เป็นพ่อด้วยความดีใจ โดยมีหมีพูวิ่งตามมาไม่ห่างพร้อมกับกระดิกหางไปมาอย่างดีใจเช่นกัน
บทที่ 96นัสรินเดินเข้าบ้านด้วยอาการของคนที่มีเรื่องครุ่นคิดอยู่ในใจ ทำให้ไม่เห็นว่าพ่อกับแม่นั่งรออยู่ที่โซฟาในห้องโถงชั้นล่าง พลตรีชยุตกับคุณนิภาหันไปมองหน้ากันครู่หนึ่ง จากนั้นคุณนิภาก็เป็นฝ่ายส่งเสียงทักลูกสาว“ไงยัยนัส ไปบ้านพี่ปรัชญ์มาโอเคหรือเปล่าลูก”“อ้าว...คุณพ่อคุณแม่ อยู่นี่เองเหรอคะ” นัสรินเพิ่งจะรู้สึกตัวว่าบิดามารดาของตนนั่งอยู่ตรงนั้น เธอมัวแต่คิดเรื่องที่ปรัชญ์เพิ่งคุยด้วย ทำให้ประสาทการรับรู้ต่างๆ รวนไปเสียหมด“เป็นอะไรไปลูก ทำไมดูหน้าเครียดๆ แบบนั้น ทะเลาะกับตาปรัชญ์มาเหรอ”“เปล่าค่ะคุณแม่ นัสแค่มีเรื่องให้คิดนิดหน่อยน่ะค่ะ” นัสรินตอบมารดาเสียงนุ่ม ก่อนจะขยับไปนั่งลงข้างๆ“มีอะไรเล่าให้พ่อกับแม่ฟังได้หรือเปล่า” พลตรีชยุตพูดขึ้นอย่างเป็นห่วงลูกสาวคนเดียว เพราะปกตินัสรินไม่ค่อยมีท่าทีเหม่อลอยให้เห็นบ่อยนักนัสรินมองหน้าบุพการีทั้งสองอย่างชั่งใจ ก่อนจะตัดสินใจขอคำปรึกษาเพราะเรื่องนี้มันไม่ได้เกี่ยวกับเธอคนเดียว มันเกี่ยวข้องกับบิดามารดาของเธอด้วย“เมื่อกี้นี้พี่ปรัชญ์เพิ่งจะบอกว่าพี่ปรัชญ์มีคนรักอยู่แล้ว และอยากให้นัสแต่งงานกับคุณปราณต์แทนค่ะ”“ว่าไงนะลูก!” คุณนิภาอุทา
บทที่ 95“แต่คุณปราณต์ไม่ได้ชอบนัสนะคะ อีกอย่างคุณปราณต์อาจจะมีคนรักอยู่แล้วเหมือนที่พี่ปรัชญ์มี” น่าแปลกที่คราวนี้เธอกลับแคร์ความรู้สึกของปราณต์ขึ้นมาเสียมากมาย เดือดเนื้อร้อนใจไปหมดกับความจริงที่ว่าเขาอาจมีคนรักอยู่แล้วก็ได้ ทั้งๆ ที่ตอนถูกพ่อแม่บังคับให้หมั้นกับปรัชญ์เธอกลับไม่ตระหนักเลยว่าปรัชญ์อาจจะมีคนรักอยู่แล้ว คิดแต่ว่าหากปรัชญ์ยอมหมั้นเธอก็ยอมหมั้นตามที่ผู้ใหญ่ต้องการเท่านั้นก็พอ“พี่ปราณต์ยังไม่มีใครหรอก ถ้านัสอยากแต่งกับพี่ปราณต์พี่จัดการให้ได้” “แต่ถ้าทำแบบนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับมัดมือชกคุณปราณต์เลยนะคะพี่ปรัชญ์” “ก็เหมือนกับที่แม่บังคับพี่ให้แต่งงานกับนัสนั่นละ แม่ก็คิดแค่ว่าพี่ยังไม่มีใครเป็นตัวเป็นตน ที่พี่พูดอย่างนี้นัสอย่าคิดว่าตัวเองไม่มีค่าหรือถูกโยนให้คนนั้นทีคนนี้ทีนะ แต่พี่ไม่อยากทรยศหัวใจตัวเองและไม่อยากให้ธรินดาต้องเจ็บปวดกับเรื่องนี้” “นัสเข้าใจค่ะและขอบคุณที่พี่ปรัชญ์บอกนัสตรงๆ แต่นัสขอถามอะไรตรงๆ บ้างได้มั้ยคะ” นัสรินยังหนักอึ้งในเรื่องที่ปรัชญ์เสนอมา แต่เธอก็ยังอยากจะรู้ความจริงจากใจเขาให้หมดเปลือกเสียก่อน“ได้ส
บทที่ 94 สี่เดือนก่อน... รถซีดานแบรนด์ยุโรปราคาสองล้านกว่าๆ แล่นออกจากอาณาเขตของบ้านหลังใหญ่ หลังจากที่ปรัชญ์บอกว่าจะพาคู่หมั้นสาวไปส่ง นัสรินหันไปมองเสี้ยวหน้าของคนขับที่เมื่อครู่นี้ยังพูดจากวนประสาทแม่ของเขาอย่างมีสีสันอยู่เลย ทว่าบัดนี้เขาอยู่ในอิริยาบถที่เงียบขรึมราวกับเป็นคนละคน แม้จะไม่ถึงกับทำให้อึดอัด แต่คนคุยไม่เก่งแบบเธอก็ไม่กล้าชวนคุย นี่เป็นครั้งที่สองที่เขากับเธอได้พบกัน หลังจากหมั้นเสร็จปรัชญ์ก็ไม่เคยติดต่อหรือมาเยี่ยมเยือนในฐานะคู่หมั้นเลยสักครั้ง นัสรินรู้ดีว่าปรัชญ์เองก็คงจะถูกบังคับให้หมั้นเช่นเดียวกับเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่แปลกใจหากเขาจะไม่ใส่ใจหรือทำตัวไม่เหมือนกับคู่หมั้นคู่อื่นๆ “นัสรีบกลับบ้านหรือเปล่า” ปรัชญ์หันมาถามเป็นประโยคแรกหลังจากที่รถแล่นออกมาพ้นอาณาเขตบ้านได้พักใหญ่ “เปล่าค่ะ นัสว่างทั้งวันค่ะพี่ปรัชญ์” “งั้นแวะดื่มกาแฟกับพี่ก่อนนะ ข้างหน้ามีร้านบรรยากาศดี กาแฟก็อร่อย” ปรัชญ์ชวนด้วยท่าทีเป็นกันเองทำให้นัสรินรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น “ได้ค่ะ” หญิงสาวรับคำและยิ้มบางๆ
บทที่ 93“เปิดดูสิ เปิดตอนนี้เลยนะเล็ก” ปรัชญ์เชียร์ทั้งปาก ทั้งสายตา ทั้งสีหน้าที่เหมือนอยากจะให้เธอได้เห็นเหลือเกินว่าของที่อยู่ในกล่องคืออะไร ซึ่งตอนแรกธรินดากะว่าจะเก็บไว้เปิดพรุ่งนี้เช้า แต่เมื่อสามีคะยั้นคะยอเช่นนั้น เธอจึงต้องค่อยๆ แกะโบที่ผูกอย่างสวยงามนั้นออก ก่อนจะเปิดฝากล่องเป็นลำดับสุดท้าย และแล้วสิ่งที่อยู่ในกล่องนั้นก็ทำให้แก้มนวลแดงซ่าน เธอหยิบมันขึ้นมาดูสลับกับมองคนให้อย่างเขินอายสุดกำลัง“นี่มันอะไรกันคะคุณปรัชญ์”“ก็ชุดนอนไง มีหลายชุดด้วย ผ้าดีๆ ทั้งนั้นเลยนะ” ปรัชญ์ตอบอย่างรื่นรมย์“แล้วทำไมมันโป๊แบบนี้ล่ะคะ” ธรินดาถามเพราะถึงแม้ว่าชุดนอนแต่ละชุดที่อยู่ในกล่องนั้นมันสวยและผ้านิ่มมากก็จริง แต่มันกลับเซ็กซี่สุดๆ ทุกตัวล้วนแต่คอเว้าลึกอย่างไม่ต้องสงสัยว่าเวลาใส่จะต้องโชว์เนินอกแน่ๆ แถมยังสั้นเต่อจนเกือบถึงโคนขา บางชุดก็เป็นแบบสองชิ้น ชิ้นบนเป็นเสื้อสายเดี่ยวในลักษณะอวดโชว์เนินเนื้อ ชิ้นล่างเป็นแค่กางเกงชิ้นน้อย เหมือนกับออกแบบมาเพื่อขยี้ใจชายโดยเฉพาะ แล้วเธอจะกล้าใส่ได้อย่างไร“โป๊ที่ไหน เขาเรียกว่าเซ็กซี่ต่างหาก ฉันอยากเห็นเมียเซ็กซี่บ้างไม่ได้เหรอ”“ถ้าชอบผู้หญิงเซ็ก